ตอนที่ 28 : ปัดฝุ่นธุรกิจ
"แม่ เสี่ยวหยุน ไม่ต้องรีบคืนเงินก็ได้" เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวเหมยและฉินหยุนพูด ฉินซวนก็รีบส่ายหัวแล้วพูดออกมา
ฉินกั๋วตงและจ้าวเหมย ได้ทำการยืมเงินคนรู้จักมาทั้งหมด 140,000 หยวน โดยฉินซวนและหลี่อี้หังให้ยืมมา 100,000 หยวน
"พี่ใหญ่ เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันมากเกินไป ตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้ามีเงินเพียงพอแล้ว เงินที่ยืมพี่และพี่เขยมาก็ต้องถูกใช้คืนโดยธรรมชาติ" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโอนเงิน 100,000 หยวนให้ฉินซวนทันที
“เสี่ยวหยุน แก..” ฉินซวนมองน้องชายของเธออย่างช่วยไม่ได้ แต่ในตอนนี้ ความรู้สึกกดดันที่อยู่ในใจของเธอก็ลดน้อยลง
หลี่อี้หังตกลงที่จะให้ยืมเงิน 100,000 หยวน แต่พ่อแม่สามีของเธอค่อนข้างจะไม่เห็นด้วย
"เสี่ยวหยุน พี่มีเรื่องจะบอกแกด้วย"
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินซวนก็พูดว่า "ร้านเสื้อผ้าฉีหยุนของซุนหยาตง ไม่มีลูกค้าเข้าเลยในช่วงเช้า แต่ตั้งแต่ช่วงบ่ายสามโมงมานี้ ลูกค้าในร้านเขาเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน แถมมีมากกว่า 10 คนด้วยซ้ำ"
"จู่ๆก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นกระทันหันงั้นเหรอ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็กวาดสายตามองออกไป ซึ่งกำลังมีลูกค้าสี่คนเดินไปเดินมาภายในร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน และกำลังดูที่เสื้อผ้า
ร้านขายเสื้อผ้าทั้งสองร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากกัน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถมองเห็นสถานการณ์ในร้านของกันและกันได้เป็นอย่างดี
"อย่างไรก็ตามหลังจากที่พี่ค่อยๆสังเกตดู ลูกค้าบางคนมีพฤติกรรมแปลกมาก พวกเขาสามคนเข้ามาตอนบ่ายสามโมง หลังจากออกจากร้านเสื้อผ้าฉีหยุน พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งตอนสี่โมงเย็น แล้วก็มาเป็นครั้งที่สามเวลา ประมาณสี่โมงสี่สิบ"
เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องผิดปกติ ที่ใครบางคนจะเข้าออกร้านเสื้อผ้าติดต่อกันสามครั้งภายในเวลาสองชั่วโมง
"แสดงว่า ซุนหยาตงอาจจ้างคนเหล่านี้มาเอง?" ฉินหยุนถาม
เขาอาศัยรูปแบบการรวบรวมโชคลาภซึ่งเป็นสาเหตุให้การสัญจรของลูกค้าเป็นเช่นนี้ เว้นแต่ว่าซุนหยาตงจะมีรูปแบบการรวบรวมโชคลาภด้วย มิฉะนั้นจะไม่มีทางที่จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นมากระทันหันเช่นนี้แน่นอน
“พี่คิดว่าเป็นไปได้” ฉินซวนพยักหน้า
เธอสังเกตเห็นแค่สามคนนั้น และเธอก็ไม่แน่ใจว่ายังมีคนอื่นอีกหรือไม่ที่เธอไม่ได้สังเกตเห็น
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็พูดว่า "งั้นไปดูกันสักหน่อย"
แล้วเขาก็เดินไปที่ร้านเสื้อผ้าฉีหยุน
ในเวลานี้ ซุนหยาตงและซุนเจี้ยนเฉียงต่างก็อยู่ในร้าน เมื่อเห็นว่าฉินหยุนเดินเข้ามา ใบหน้าของซุนหยาตงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเขาเอาร้านเสื้อผ้ากลับคืนโดยใช้วิธีขึ้นค่าเช่าแบบสูงเสียดฟ้า ในใจของฉินหยุนก็ต้องรู้ดีว่าเขาคิดจะทำอะไร
ถึงกระนั้น ใบหน้าของเขาก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็พูดว่า "ฮ่าฮ่า.. บอสฉิน มีธุระอะไรเหรอครับ ถึงได้มีเวลามาที่นี่"
ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "เมื่อวานที่นี่ยังเป็นร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่เลย เป็นธรรมดาที่ผมจะเข้ามาดูหน่อยว่าธุรกิจยังคงปกติเหมือนเดิมหรือเปล่า บอสซุน ธุรกิจในร้านเป็นยังไงบ้าง”
เขากวาดสายตามองเสื้อผ้าทีละตัว
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่นี่มีสไตล์เดียวกันกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน และแม้แต่การจัดวางเสื้อผ้าก็ยังคงเหมือนกัน ถ้าฉินหยุนไม่ได้มองดูชื่อร้านก่อนเข้ามา เขาคงคิดว่ากำลังเดินเข้ามาในร้านของตัวเอง
เมื่อได้ยินคำถามของฉินหยุน ใบหน้าของซุนหยาตงก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะนำร้านเสื้อผ้าแห่งนี้กลับมา เพราะสิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือความสามารถในการทำเงินอย่างบ้าคลั่งของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน เป็นผลให้เขาทำทุกวิถีทางเพื่อยึดร้านกลับคืนมาได้สำเร็จ แต่เมื่อเขาเปิดกิจการเองกลับไม่สามารถขายเสื้อผ้าในร้านได้เลยแม้แต่ตัวเดียว
เหมือนกับการโดนลากไปตบหน้าจริงๆ
ส่วนเหล่าหน้าม้าก็ยังคงถูกจ้างมาอยู่เรื่อยๆ
แต่วิธีนี้มีประโยชน์จริงๆ ช่วงบ่ายมีลูกค้าคนหนึ่งจ่ายเงินซื้อของไปแล้ว
แน่นอน เมื่อเทียบกับเงินที่ใช้จ้างหน้าม้าเหล่านี้ กับเงินที่ได้จากการขายเสื้อผ้าตัวเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะชดเชยกันได้
"ธุรกิจไม่เลว" ซุนหยาตงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถัดจากเขา ซุนเจี้ยนเฉียงก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม "ฉินหยุน เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน นายช่วยดูหน่อยได้ไหมว่าในร้านฉันยังต้องปรับปรุงอะไรอีก?"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ฉินหยุนถึงกับอดไม่ได้ที่อยากจะชกหน้าเขา สักหมัด ฉินซวนที่อยู่ข้างๆฉินหยุนก็อารมณ์เดียวกัน
นี่มันน่าเกลียดมาก ร้านเสื้อผ้าฉีหยุนแห่งนี้ลอกเลียนแบบร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทุกอย่าง เมื่อพวกเขาเห็นว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสามารถทำกำไรได้ พวกเขาจึงหาวิธียึดกลับคืนด้วยความอิจฉาริษยา แล้วตอนนี้ยังจงใจขอความคิดเห็นจากฉินหยุนอีก
ใช่แล้ว สิ่งที่ซุนเจี้ยนเฉียงคิดคือ ต่อให้เขาทำให้ฉินหยุนเกลียดขี้หน้า แต่ฉินหยุนกล้าที่จะตีเขาจริงๆงั้นเหรอ?
ถ้าหากฉินหยุนทำเช่นนั้นจริง เขาจะโทรหาตำรวจทันที
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสอบเข้ามหาลัยแล้ว และเขาต้องการให้เรื่องเหล่านี้ส่งผลต่อความคิดของฉินหยุนโดยตรง
"หึ!"
หายใจเข้าลึกๆ และเริ่มระงับความโกรธในใจของเขาลง ฉินหยุนพูดว่า "ก็ไม่เลว"
เขาเหลือบมองเสื้อผ้าในร้านอย่างคร่าวๆอีกครั้ง และทันใดนั้นสายตาของเขาก็ชะงักหยุดอยู่ที่จุดหนึ่งในร้าน
เสื้อผ้าที่ตรงจุดนั้นมีราคาแพงมาก และราคาสูงถึง 1,000 หยวน!
เสื้อผ้าที่แพงที่สุดในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน มีราคาแค่ 300 หยวนเอง และเสื้อผ้าที่ถูกที่สุดก็ราคาไม่ถึง 100 หยวนด้วยซ้ำ
เสื้อผ้าที่นี่แพงมาก!
อันที่จริง ความคิดของซุนหยาตงนั้นเรียบง่ายมาก เขาคาดหวังไว้นานแล้วว่า ร้านเสื้อผ้าฉีหยุนที่เขาเปิดจะต้องเป็นที่นิยมพอๆกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนร้านเดิมแน่ ดังนั้นประเภทและราคาของเสื้อผ้าที่เขาขายจึงครอบคลุมมากกว่า
ท้ายที่สุดแม้ว่าราคาที่รับมาขายของเสื้อผ้าตัวนั้นจะสูงมาก แต่ถ้าสามารถขายได้ กำไรที่ได้รับก็จะสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกับพ่อค้าบางคนที่ขายของทั่วไป ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ในร้านราคาถูกมาก มีแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่มีราคาแพง แต่จริงๆแล้ว พ่อค้าเหล่านี้ไม่ได้หวังกำไรกับของราคาถูกเลย แต่พวกเขาพึ่งพาแต่ของแพงๆราคาสูงไม่กี่ชิ้นนั้นต่างหาก
เมื่อมีคนชอบของราคาถูก ก็ย่อมมีคนชอบของราคาแพงที่มักจะไล่ตามความแตกต่างอยู่เสมอเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าธุรกิจย่ำแย่ในช่วงเช้า ซุนหยาตงก็เอาของราคาแพงเหล่านี้ออกมาวางที่หน้าร้านด้วย เมื่อเขาจ้างหน้าม้าเหล่านี้มาในช่วงบ่าย
หลังจากที่เห็นป้ายราคา ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของฉินหยุน
เขากลับมาที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว และมีลูกค้าเพียงสองคนในร้านที่กำลังเลือกดูเสื้อผ้า
ด้วยการเคลื่อนไหวในใจของเขา รูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งที่กำลังครอบคลุมร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่ ก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆภายใต้จิตสำนึกของเขา
ร่องรอยของเส้นสายต่างๆ แผ่ขยายพากันยืดตัวออกไป เคลื่อนไปตามเส้นทางที่แปลกประหลาด และภายใต้การควบคุมของฉินหยุน เขาก็ได้สั่งให้มันขยับเข้าใกล้กับร้านเสื้อผ้าฉีหยุน
"ซุนหยาตง ในเมื่อแกต้องการขายเสื้อผ้านัก งั้นฉันก็จะช่วยเอง!"
ร่องรอยของเส้นสายกระจายตัวออก และส่วนหนึ่งก็ลอยเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน เข้าใกล้เสื้อผ้าสามชิ้นที่มีราคาหนึ่งพันหยวน แล้วก็ทำการครอบคลุมพวกมันทั้งหมดไว้ทันที!
รูปแบบการรวบรวมโชคลาภสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและรูปร่างได้ตามความต้องการของฉินหยุน ในเวลานี้ รูปแบบส่วนใหญ่ครอบคลุมร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่ และส่วนเล็กๆก็ครอบคลุมอยู่ที่เสื้อผ้าสามชิ้นที่มีราคาหนึ่งพันหยวน ซึ่งอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน
ในขณะนี้ ที่ร้านเสื้อผ้าฉีหยุน ซุนหยาตงและซุนเจี้ยนเฉียงกำลังพูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่งกันอยู่
“พ่อครับ วันนี้ยอดขายร้านเราเป็นยังไงบ้าง?” ซุนเจี้ยนเฉียงถาม
เขาเพิ่งมาถึงที่ร้านได้ไม่นานเช่นกัน
"เห้ออ.." ซุนหยาตงถอนหายใจและพูดว่า "ฉันขายเสื้อผ้าไปตัวหนึ่งเมื่อช่วงบ่าย วันนี้เราอาจจะเสียเงินไปเปล่าๆ"
สีหน้าของเขาดูไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเขาคาดหวังกับสถานการณ์ของร้านที่ธุรกิจร้อนแรงไปมากขนาดไหน แต่ยิ่งคาดหวังมาก ก็ยิ่งผิดหวังมากเช่นกัน
เมื่อเห็นซุนหยาตงเป็นเช่นนี้ ซุนเจี้ยนเฉียงก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก อีก เขาเป็นคนเสนอความคิดในการเปิดร้านขายเสื้อผ้า แต่สถานการณ์กลับลงเอยแบบนี้แทน
เวลาผ่านไปและหลังจากรอประมาณครึ่งชั่วโมง จู่ๆ ก็มีลูกค้าในร้านถามว่า "บอส ขอฉันลองชุดนี้ได้ไหม"
เมื่อมองไปที่ชุด ซุนหยาตงและซุนเจี้ยนเฉียงก็ผงะ มันคือตัวที่แพงที่สุดในร้าน ราคาที่รับเสื้อผ้าตัวนี้มา คือ 500 หยวน และซุนหยาตงตั้งราคาขายไว้ที่ 1,100 หยวน คุณภาพของเสื้อผ้านั้นไม่มีอะไรให้พูดถึง แต่ราคาของมันแพงมาก เขาเองก็ไม่ได้รับมาขายจำนวนมาก มีเพียงสามแบบเท่านั้นที่เขารับมา โดยรวมแล้วส่วนใหญ่เพื่อโยนหินถามทาง
เมื่อร้านเสื้อผ้าใดเปิดขึ้นเป็นครั้งแรก พวกเขาก็จะหาแบบชุด สไตล์ต่างๆ หลากหลายราคา เพื่อมาดูว่าแบบใดจะเป็นที่นิยมและขายดีที่สุด เพื่อค่อยๆกำหนดแบบชุดและสไตล์ที่จะนำมาขายในภายหลัง
(จบตอน)
———————————————————————
จุดเริ่มต้นความฉิบหายของสองพ่อลูก หุหุ~~