ตอนที่ 27 การปรากฏตัวของเทพอสูร
ชื่อ: ราชาอสูรเมตตา
ระดับ: ทอง 8
สายเลือด: ราชา
ร่างกาย: 7,056
วิญญาณ: 6,986
พลังจิต: 10,856
ทักษะ: [ราชาแห่งความเมตตา]: ทักษะติดตัว; อาบแสงของพระเจ้าผู้สูงส่งเพื่อได้รับพลังที่จะบดขยี้ทุกสิ่งจากพระเจ้า ในการต่อสู้เพิ่มพลังจิตหนึ่งร้อยจุดทุกวินาที สูงสุดถึงแปดพันจุด และจะหายไปเมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง
[แสงแห่งปาฏิหาริย์]: ทักษะใช้งาน; ใช้พลังจิตห้าพันจุดเพื่อสร้างความเสียหายจำนวนมากแก่เป้าหมายในรัศมีห้าพันเมตร เป้าหมายที่มีเจตนาชั่วร้ายจะได้รับความเสียหายเพิ่มเติม 50% สามารถใช้ได้ต่อเนื่องได้ตราบเท่าที่มีพลังจิตเพียงพอ
[การพิพากษาศักดิ์สิทธิ์]: ทักษะติดตัว; หลังจากที่ใช้พลังจิตทุก ๆ ห้าพันจุดจะเพิ่มความเสียหายทั้งหมด 50% สูงสุดถึง 200% และต้านความเสียหาย 10% เป็นเวลาหนึ่งนาที ทับซ้อนได้สูงสุด 40%
[อำนาจโลหิต]: ทักษะติดตัว; ฟื้นฟูพลังจิต 10% (ฟื้นฟูสูงสุดหนึ่งหมื่นจุดต่อหนึ่งครั้ง) หลังจากสังหารศัตรู
[ต้านทานแห่งแสง]: ทักษะใช้งาน; ใช้วิญญาณ 100 จุดเพื่อตรวจสอบค่าร่างกายของศัตรูในระยะร้อยเมตร หากศัตรูต่ำกว่าผู้ใช้ ศัตรูจะถูกถอยกลับไปหนึ่งพันเมตร
[ระดับทอง]: ทักษะติดตัว; เมื่อเป็นระดับทอง ระดับชีวิตจะได้รับการเปลี่ยนแปลงร่างกายและจิตวิญญาณจะเข้ากันได้กับพลังจิตดีขึ้น ทักษะทั้งหมดที่ต้องใช้พลังจิตจะมีผลเพิ่มขึ้น 50% ต้านทานความเสียหายจากศัตรูที่ต่ำกว่าระดับทอง 30% และความเสียหายต่อศัตรูระดับทองจะเพิ่มขึ้น 30%
หลังจากอ่านทักษะของราชาอสูรตัวนั้นเสร็จ การแสดงออกของหลินเซินก็เคร่งขรึมขึ้นทันที
มันเป็นอีกหนึ่งทักษะที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ
สายทักษะของราชาอสูรเพลิงนั้นทำให้มันกลายเป็นเต่าเพลิงที่มีความสามารถในการป้องกันและการโจมตีที่แข็งแกร่ง
แต่ราชาอสูรเมตตาตัวนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นมหาจอมเวทย์ที่รับบทเป็นปืนใหญ่ที่แท้จริงในสนามรบ
ทักษะ [อำนาจโลหิต] ที่ฟื้นฟูพลังจิตหลังการฆ่าทุกครั้งช่วยให้ราชาอสูรเมตตาพ้นจากข้อกำหนดที่ว่าพลังจิตไม่เพียงพอ มันสามารถปล่อยทักษะโจมตีหมู่อย่าง [แสงแห่งปาฏิหาริย์] ได้ตามต้องการ
สำหรับทักษะ [การพิพากษาศักดิ์สิทธิ์] มันสามารถเพิ่มความเสียหายและการต้านทานตามปริมาณของพลังจิตที่ใช้
มันราวกับเป็นระเบิดปรมาณูเคลื่อนที่ที่สามารถระเบิดได้อย่างไม่รู้จบ
เมื่อรวมกับ [ต้านทานแห่งแสง] ที่ทำให้ผู้ที่มีค่าร่างกายต่ำกว่ามันไม่สามารถเข้าถึงตัวได้
ในที่สุดหลินเซินก็เข้าใจว่าเหตุใดสังคมมนุษย์จึงมองว่าสัตว์อสูรนั้นเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงของมนุษยชาติ
เมื่อมันเข้าสู่โลกมนุษย์ มันจะกลายเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวง
ต่อหน้าของมัน ไม่ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับทองอยู่กี่คน พวกเขาก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนไร้ค่าที่ไร้ความหมายสำหรับมัน
“แต่”
หลินเซินมองไปที่ทักษะที่ทรงพลังในปัจจุบันของเขา
รอยยิ้มอันตรายที่เต็มไปด้วยความตั้งใจในการต่อสู้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ฉันไม่ใช่คนที่มีดีแค่ค่าสถานะอีกต่อไป”
“แกไม่มีคุณสมบัติที่จะหยุดฉัน”
“ตอบคำถามของข้ามา เจ้ามดปลวก”
ราชาอสูรเมตตาโกรธจัด ภายใต้ผมสีเขียวของมัน ใบหน้าสีเขียวที่คล้ายกับมนุษย์ดูดุร้ายขึ้น
“ทำไมสัญลักษณ์ของราชาอสูรเพลิงถึงอยู่ที่ตัวเจ้า”
“ราชาอสูรเพลิง ?”
หลินเซินยักไหล่อย่างไม่ไยดีและเตรียมพร้อมที่จะใช้ [เงาโลหิต] ได้ทุกเมื่อ เขาตอบอย่างเร้าใจว่า
“เจ้ากระทิงตัวนั้นมอบให้ฉันก่อนที่มันจะตาย หากแกต้องการถามว่าทำไมมันถึงมอบให้ฉัน ทำไมแกไม่ลงไปถามมันดูเองล่ะ”
“ยกโทษให้ไม่ได้”
ราชาอสูรเพลิงคำรามอย่างดุร้ายบนท้องฟ้า
“ผู้ไร้ประโยชน์ที่ดูหมิ่นอำนาจของเทพอสูร วันนี้ข้าจะสังเวยดวงวิญญาณที่บาปหนาของเจ้าแด่พระองค์ !”
เทพอสูร ? มีศัตรูอื่นอีกเหรอ
ก่อนที่หลินเซินจะสงสัย
ราชาอสูรเมตตาคำรามและปลดปล่อยทักษะ [แสงแห่งปาฏิหาริย์]
พลังที่ส่งมาด้วยความเร็วแสงทำให้หลินเซินไม่สามารถป้องกันและหลบได้ทัน
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณทักษะ [การป้องกันขั้นกลาง] ของ [ชุดคนเลี้ยงแกะศักดิ์สิทธิ์] ที่ป้องกันหลินเซินจากการโจมตีอย่างเต็มที่ราชาอสูรระดับทองที่มีสายเลือดราชา
แต่ถึงอย่างนั้น หลินเซินก็รู้สึกแน่นหน้าอก รอยเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
“แกยังกล้าใช้ชื่อว่าราชาอสูรเมตตาอยู่เหรอ แกโจมตีฉันโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ”
“สิ่งนี้สมควรแล้วสำหรับผู้ที่ดูหมิ่นพระองค์”
ราชาอสูรเมตตาปลดปล่อน [แสงแห่งปาฏิหาริย์] เป็นครั้งที่สอง
แต่หลินเซินก็ใช้ [เงาโลหิต] ทันที เปลี่ยนตัวเองเป็นหมอกโลหิตหลบการโจมตีจาก [แสงแห่งปาฏิหาริย์] ครั้งที่สองของราชาอสูรเมตตา
แม้ว่า [เงาโลหิต] ที่ทำให้มีการต้านทานความเสียหายทางกายภาพได้ แต่ก็ไม่สามารถต้านทาน [แสงแห่งปาฏิหาริย์] ได้อย่างสมบูรณ์ หลินเซินรู้สึกได้ว่าความเสียหายที่เขาได้รับลดลงประมาณ 90% และมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะรักษาตัวเองด้วยร่างกายเกือบ 5,000 จุด
“เงาโลหิต ?”
“ผู้ไร้ประโยชน์เช่นเจ้ามี [เงาโลหิต] ของนักเวทย์โครงกระดูกด้วยเหรอ ?”
“เจ้าทำได้อย่างไร”
ราชาอสูรเมตตาเบิกตากว้างและร้องออกมาด้วยเสียงที่ไร้มนุษยธรรม
“เรื่องอะไรของแก”
หลินเซินซึ่งอยู่ในสภาพหมอกโลหิตหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยท่าทางที่ดุร้าย
กิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิตคับบาลาห์พุ่งเข้าหาราชาอสูรทันที
[ราชา] ยังคงเปิดใช้งานต่อไป ตั้งแต่วินาทีที่เขาเริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ ค่าร่างกายและวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นถึงห้าพันจุด
ร่างกาย: 9,655
วิญญาณ: 9,768
พลังจิต: 5,153
ด้วยค่าสถานะมหาศาลที่มีให้ระยะของกิ่งก้านต้นไม้แห่งชีวิตคับบาลาห์เพิ่มขึ้นกว่าสองร้อยเมตร
ก่อนที่ราชาอสูรเมตตาจะสามารถใช้ [แสงแห่งปาฏิหาริย์] ได้อีก กิ่งก้านเหล่านั้นก็พุ่งเข้าหามันทันที
“[ต้านทานแห่งแสง]!”
คลื่นกระแทกสีแดงเข้มกระจายออกไปโดยมีราชาอสูรเมตตาเป็นศูนย์กลาง
อย่างไรก็ตาม กิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิตคับบาลาห์ได้มีค่าร่างกายจาก [ราชา] ของหลินเซินและต่อต้าน [ต้านทานแห่งแสง]
“เจ้าไร้ประโยชน์ นี่มันความสามารถอะไรกัน”
“แกเอาแต่เรียกฉันว่าไร้ประโยชน์ แกจะรู้ไหมว่าคนไร้ประโยชน์คนนี้ดีกว่าที่แกคิดเยอะเลย”
“ลองรับมือกับท่าที่ฉันฆ่าเพื่อนของแกดูสิ”
หลินเซินหัวเราะเยาะ
ด้วย [ความเมตตา จักรพรรดิ์] เขาเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่ห่างจากราชาอสูรกว่าพันเมตร ซึ่งอยู่นอกระยะของ [แสงแห่งปาฏิหาริย์] และยกเลิกทักษะ [เงาโลหิต]
เขาหยิบ [หญ้าดาบ] ที่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตระดับทองออกมาและยกมันขึ้นสูง จากนั้นเขาก็ใช้กำลังทั้งหมดฟันไปที่ความว่างเปล่าตรงหน้าเขา
[ความเมตตา จักรพรรดิ์] ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง
ในชั่วพริบตาหลินเซินก็มาถึงหน้าราชาอสูร
ท่าเดียวที่จะทำลายโลกทั้งใบ ด้วยค่าร่างกายเกือบหมื่นจุดรวมกับ [หญ้าดาบ] ระดับทองคำดำ หลินเซินมั่นใจว่ามีคนเพียงไม่กี่คนในระดับทองที่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้
ส่วนเจ้าราชาอสูรเมตตาตัวนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่หนึ่งในนั้น
ตู้ม !
เสียงดังกึกก้องในดันเจี้ยน
หัวของราชาอสูรเมตตาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทางตกใจ
“เร็วมาก...”
มันพึมพำด้วยท่าทางแปลก ๆ
หลินเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่มันจะรอดชีวิตหลังจากถูกตัดหัว
แต่ลางสังหรณ์ลางร้ายเกิดขึ้นในใจของเขา
“พระผู้เป็นเจ้า”
“เทพอสูร โปรดช่วยผู้ศรัทธาที่ซื่อสัตย์ของท่านด้วยเถิด”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เลือดเริ่มไหลลงมาในดันเจี้ยนที่ถูกปิดตาย
ชายและหญิงยืนเงียบ ๆ บนหอคอย
ท่ามกลางสายฝนเลือดเบื้องหน้าพวกเขา ร่างของมนุษย์ที่ดูคลุมเครือซึ่งดูเหมือนมนุษย์แต่ก็เหมือนกับสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้น รูปลักษณ์ของมันเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
นี่คือ…เทพอสูร ?