ตอนที่แล้วตอนที่ 20 : ขึ้นค่าเช่า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 : ค่าเช่าสูงเสียดฟ้า

ตอนที่ 21 : สัญญาเช่าหมดอายุ


ใจของซุนหยาตงเต้นไม่เป็นจังหวะ เงิน 1.8 ล้านหยวนเป็นจำนวนที่สามารถซื้อบ้านในเขตชิงหวู่ได้ถึงสองหลัง

ถ้าคุณสามารถหาเงินได้มากมายมหาศาลจริงๆ แค่เสียหน้านิดหน่อยจะเป็นอะไรไป?

ในความเป็นจริงซุนหยาตงไม่เหมือนกับเด็กอย่างซุนเจี้ยนเฉียง ที่โดยพื้นฐานแล้วไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการเปิดร้านและมองข้ามจุดสำคัญไป เขารู้ว่าการเปิดร้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อเห็นว่าร้านค้าที่มาเช่าที่กิจการดำเนินไปได้ดี เจ้าของที่ก็จะหยุดต่อสัญญาเช่าทันทีหลังหมดสัญญา เอาร้านคืนแล้วเปิดร้านของตัวเองแทน แต่โอกาสล้มเหลวในช่วงท้ายก็มีสูงมาก

มีข่าวแว่วออกมาให้ได้ยินอยู่มากมายเช่นกัน

ไม่งั้นถ้าเจ้าของที่ทำแบบนี้กันทุกคนใครจะกล้ามาเช่าที่เปิดร้าน พอเปิดแล้วขายไม่ดีก็เสียเงิน แต่ถ้าขายดีก็ยังโดนยึดร้านคืนอีก?

ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วแม้ว่าธุรกิจของผู้เช่าจะดีแค่ไหน เจ้าของที่ก็จะแค่ขึ้นค่าเช่าเท่านั้น สำหรับการยึดร้านคืนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่ยึดร้านคืนมาแล้วประสบความสำเร็จ แต่อัตราความสำเร็จก็ไม่สูงมากนัก

ด้วยผลกำไร 1.8 ล้านหยวนต่อปี แม้ว่าซุนหยาตงจะเอาร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกลับมาและเปิดร้านบริหารเอง ความเป็นไปได้ที่มันจะเป็นที่นิยมก็ยังมีน้อยมาก แต่เขาก็อยากลองเสี่ยงดู

แม้ซุนหยาตงจะคิดว่าสิ่งที่ลูกชายของเขาพูดนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของซุนเจี้ยนเฉียงทำให้เขารู้สึกประทับใจมาก

หากเขาทำสำเร็จ เขาจะทำกำไรได้มากกว่าหนึ่งล้านหยวนต่อปี แต่ถ้าเขาล้มเหลว เขาก็แค่สูญเสียเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันคุ้มค่าที่จะลองดู

หลังจากเปิดได้หนึ่งหรือสองเดือน หากธุรกิจไม่ดี หนักสุดก็คือปิดกิจการโดยตรงและปล่อยให้คนมาเช่าต่อ

ในความคิดของเขา แม้ความเสี่ยงจะไม่มาก และอัตราความสำเร็จจะไม่สูงนัก แต่เมื่อทำสำเร็จแล้ว เขาจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!

ในความเป็นจริง เจ้าของที่หลายคนมีไหวพริบสติปัญญาอย่างมาก แต่บางครั้งพวกเขาก็จงใจใช้วิธีขึ้นค่าเช่าอย่างโหดร้าย เพื่อบังคับให้เหล่าผู้เช่าออกไป แล้วเปิดร้านที่เหมือนกันกับก่อนหน้า สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการสูญเสียเงิน!

ไม่ใช่ว่าพวกเขาสับสน แต่เมื่อมีผลกำไรที่มากพอก็สามารถลองเสี่ยงได้ และพวกเขายังยอมรับความล้มเหลวได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย

"ตกลง ฉันจะจัดการกับเรื่องนี้เอง" ในที่สุดซุนหยาตงกล่าวออกมาหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

"พ่อ ผมคิดว่าเมื่อเรากำลังจะเปิดร้านขายเสื้อผ้า เราควรหาร้านค้าส่งดีดีสำหรับเสื้อผ้าเหล่านั้น ถ้าฉินหยุนจากไป ร้านใหม่ของเราก็จะเปิดได้ทันที" ซุนเจี้ยนเฉียงกล่าวอย่างตื่นเต้น

"ไม่ต้องห่วง ฉันพอรู้จักอยู่บ้าง!"

ซุนหยาตงพยักหน้า มองลูกชายของเขาแล้วพูดว่า "ใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้ว สิ่งที่แกต้องทำตอนนี้คือเตรียมตัวสอบให้ดี ไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ปล่อยให้ฉันจัดการเอง"

ซุนเจี้ยนเฉียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

‘ฉินหยุน แกกล้าหลอกฉันในห้องเรียน ฉันจะรอดูว่าแกจะจัดการกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอย่างไร’

...

หลังเลิกเรียนในตอนเย็น หลังจากที่ฉินหยุนเข้ามาในร้าน ฉินซวนก็เดินเข้ามาหาและพูดว่า "เสี่ยวหยุน ในช่วงสองสามวันมานี้มีบางคนเฝ้ามองมาที่ร้านเราอย่างโจ่งแจ้งอยู่ตลอด พี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ"

"พี่ใหญ่ เราได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านได้อย่างถูกต้องทุกอย่าง และตอนนี้มันเป็นยุคที่สังคมอยู่ภายใต้กฎหมาย เมื่อเจอปัญหาเราก็เพียงแค่โทรเรียกตำรวจ" ฉินหยุนยิ้มและพูด

ในสังคมทุกวันนี้ยังจะมีใครกล้าไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่บรรดาร้านค้าอีก?

ธุรกิจร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังเฟื่องฟู ต้องมีบางคนจงใจให้ความสนใจ เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีร้านขายเสื้อผ้าร้านอื่นรอบๆที่เป็นคู่แข่งกันอีก

ฉินซวนผงกหัวของเธอแล้วพูดว่า "แล้วก็เจ้าของที่ซุนหยาตง วันนี้เขามาที่ร้านและยังอยู่ในร้านนานครึ่งชั่วโมง เขาเดินดูเสื้อผ้าทุกชนิดเลย"

"เจ้าของที่?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนมองไปที่ฉินซวน

ฉินซวนกล่าวต่อ "เขายังถามเกี่ยวกับสไตล์ของเสื้อผ้า พี่เห็นบางอย่างผิดปกติเลยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลมากนัก พี่รู้สึกว่าเขามีจุดประสงค์แอบแฝงบางอย่างแน่"

เมื่อมองไปที่น้องชายของเธอ คิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า "เสี่ยวหยุน พี่ได้ยินแกพูดว่าสัญญาเช่าที่เจ้าของเดิมของร้านนี้ทิ้งไว้จะหมดอายุในสิ้นเดือนนี้ และถ้าจะต่อสัญญาเช่า จะต้องเซ็นสัญญาใหม่ พี่เดาว่าซุนหยาตงอาจเห็นว่าธุรกิจในร้านดีขึ้น ดังนั้นเขาน่าจะอยากขึ้นค่าเช่า"

ฉินหยุนพยักหน้าและพูดว่า "สัญญาเช่าหมดอายุเดือนนี้จริง ซุนหยาตงมีแนวโน้มที่จะขอขึ้นค่าเช่า แต่ถึงแม้เขาจะเพิ่ม ก็จะต้องอยู่ในขอบเขตที่เรายอมรับได้ด้วย หากเขาเพิ่มตามอำเภอใจ เราก็ไม่ต้องยึดติดอยู่กับที่นี่ก็ได้”

ที่เขาสามารถประสบความสำเร็จได้ อาจเพราะมีด้านอื่นๆช่วยด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพึ่งพารูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง

ด้วยรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง ไม่ว่าจะที่ไหน ขอแค่มีคนเดินผ่าน เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

"พี่ใหญ่ แล้วร้านค้าที่ไปดูไว้เป็นอย่างไรบ้าง?" หลังจากพูดสองสามคำ เขาก็มองไปที่ฉินซวนและถามออกมา

เขากำลังถามถึงร้านสาขาที่จะเปิดใหม่

เมื่อได้ยินฉินหยุนถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินซวนหยุดชั่วขณะ จัดระเบียบความคิดของเธอและพูดว่า "ตอนนี้พี่ดูร้านค้าไว้สองแห่ง ร้านหนึ่งอยู่ทางใต้ของเมือง และอีกร้านอยู่ในหยางกวงซิตี้ ขนาดของร้านค้าทั้งหมดมีขนาดประมาณ 40 ตารางเมตร"

ที่ฉินหยุนบอกข้อกำหนดของพื้นที่ไว้ประมาณนี้ เพราะขนาดของการก่อตัวของรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งนั้นมีจำกัด และขนาดของพื้นที่ดังกล่าวก็ถึงขีดจำกัดแล้ว

จากการคำนวณของเขา แม้ว่าเขาจะเช่าพื้นที่ตั้งร้านขนาด 100 ตารางเมตรเพื่อเปิดร้านขายเสื้อผ้า แต่ยอดขายต่อวันโดยประมาณก็มากกว่า 6,000 หยวนแค่นิดหน่อยเท่านั้น

หลังจากพูดจบฉินซวนก็พูดอีกครั้ง "เสี่ยวหยุนเราจะเปิดสาขาใหม่ในวันที่ 1 มิถุนายนจริงเหรอ พี่คิดว่ามันเร็วเกินไปหน่อยนะ"

เธอรู้สึกว่าน้องชายของเธอใจร้อนเล็กน้อย "เรารออีกสักหน่อยค่อยเปิดสาขาใหม่ก็ได้หนิ"

ตั้งแต่ที่เปิดร้านสาขาแรก เวลายังผ่านมาไม่ถึงเดือนเลย

"พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ผมรู้สึกว่าสาขาใหม่จะทำเงินได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน" ฉินหยุนยิ้ม

ด้วยระบบที่โคตรจะโกง เขาไม่มีความกังวลใดๆ เลย

"งั้นเราเลือกเช่าร้านที่หยางกวงซิตี้แล้วกัน"

เนื่องจากร้านกำลังจะเปิดในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ตอนนี้จึงเริ่มดำเนินการต่างๆได้

"โอเคร" เมื่อเห็นว่าฉินหยุนตัดสินใจทันทีโดยไม่ลังเล ฉินซวนทำได้เพียงแค่พยักหน้า

"ตอนนี้เรามีเงินอยู่เท่าไหร่" ฉินหยุนถามหลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง

ฉินซวนจัดระเบียบความคิดของเธอและกล่าวว่า "ร้านขายเสื้อผ้าเปิดมา 19 วันแล้ว มียอดขายสูงถึง 270,000 หยวน ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ นับเฉพาะราคาทุนของเสื้อผ้า ดังนั้นกำไรจากการขายทั้งหมดประมาณ 140,000 หยวน! นี่ยังไม่รวมการยอดเงินในบัตรแทนเงินสด"

"สำหรับสมาชิกบัตรแทนเงินสดในร้าน มีลูกค้าสิบแปดคนที่สมัครบัตร 2,000 หยวน สี่คนที่สมัครบัตร 5,000 หยวน และหนึ่งคนที่สมัครบัตร 10,000 หยวน รวมจำนวนเงินทั้งหมดคือ 66,000 หยวน"

"ดังนั้นเรามีเงินทุนที่ใช้ได้ประมาณ 200,000 หยวน"

ในช่วงเวลาสั้นๆ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็สามารถสะสมเงินจำนวนมากได้ขนาดนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าร้านเป็นที่นิยมมากเพียงใด

ฉินหยุนผงกศีรษะและกล่าวว่า "นำเงิน 150,000 หยวนไปใช้เป็นทุนในการเปิดร้านสาขาใหม่!"

จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากสำหรับการตกแต่งร้าน ชั้นวางของ การซื้อเสื้อผ้า และอื่นๆอีก

...

ต่อมา ธุรกิจของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังคงเหมือนเดิม แต่ซุนหยาตงกลับมาที่ร้านอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นของวันที่สาม

ในช่วงเย็นของวันที่สาม เมื่อฉินหยุนมาที่ร้าน ซุนหยาตงก็บังเอิญอยู่ที่นี่พอดี

"เสี่ยวหยุน เจ้าของที่รออยู่ที่นี่มากว่าสิบนาทีแล้ว และเสี่ยวซวนไม่อยู่พอดี ดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" เมื่อเห็นการมาถึงของฉินหยุน จ้าวเหมยรีบก้าวไปข้างหน้าและพูด

"แม่ ไปทำธุระเถอะ ปล่อยให้ผมจัดการเอง" ฉินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

เขาเดินไปหาซุนหยาตง

"บอสซุน"

"บอสฉิน"

ทั้งคู่ทักทายกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"บอสซุนมาที่นี่เพื่อต่อสัญญาเช่าร้านใช่ไหมครับ" ฉินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

"ใช่แล้วครับ" ซุนหยาตงมองไปที่ฉินหยุนและพูด "เดือนพฤษภาคมใกล้จะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่วัน และเราต้องลงนามในสัญญาเช่าอีกครั้ง" ซุนหยาตงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่หัวใจของเขาร้อนผ่าวเล็กน้อย

‘เด็กดี! ฉันไม่ได้สังเกตมาก่อนเลย’ เขาเฝ้าสังเกตมาสองสามวันแล้ว ธุรกิจของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นร้อนแรงเกินไปจริงๆ พวกเขาทำธุรกิจเหมือนกับว่ากำลังปล้นเงินอยู่!

ฉินหยุนกล่าวว่า "บอสซุน ค่าเช่าที่โดยรอบใกล้เคียงกัน ดังนั้นผมจะจ่ายเท่ากับก่อนหน้านี้"

"ฮ่าฮ่า บอสฉิน ผมไม่รู้เกี่ยวกับร้านอื่น แต่ตอนนี้ธุรกิจของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังเฟื่องฟู บอสฉินมีรายได้มากมาย ดังนั้นค่าเช่าจึงต้องเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย" ซุนหยาตงหัวเราะ

"โอ้ เพิ่มเท่าไหร่?" ฉินหยุนถามอย่างใจเย็น

(จบตอน)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด