ตอนที่แล้วตอนที่ 17 : งานพาร์ทไทม์ของซุนเจี้ยนเฉียง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19 : ครึ่งเดือน

ตอนที่ 18 : กิจกรรมบัตรแทนเงินสด


เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุน ซุนเจี้ยนเฉียงก็หันหน้ามามองและจงใจถามด้วยความสงสัย "เกิดอะไรขึ้นเหรอฉินหยุน หรือว่าค่าแรงที่ได้ น้อยเกินไปงั้นเหรอ?"

เขามุ่งเป้าไปที่ฉินหยุนโดยเฉพาะ แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากพูดไปไม่กี่คำ ฉินหยุนก็ยกตำแหน่งงานพาร์ทไทม์ของตัวเองให้กับนักเรียนคนอื่นๆในห้องแทน เขากลับไม่ได้จะไปทำเองซะอย่างงั้น

"แน่นอนว่าไม่ใช่ แต่ว่าฉันมีบางอย่างที่ต้องทำน่ะ" ฉินหยุนยิ้ม

“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”

ซุนเจี้ยนเฉียงชำเลืองมองที่เสี่ยวหลาน จากนั้นก็มองไปที่ฉินหยุน ยิ้มบางๆและพูดว่า "พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ครอบครัวของฉันยังคงมีฐานะเล็กน้อยในเขตชิงหวู่นี้ ฉินหยุนถ้านายมีปัญหาอะไร นายสามารถบอกฉันได้ ถ้าฉันช่วยได้ก็จะช่วยอย่างแน่นอน!”

"ฮ่าฮ่า.. ซุนเจี้ยนเฉียง! ครอบครัวของฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าด้วยตัวเอง นายจะไปช่วยอะไรเขาที่ร้านขายเสื้อผ้า? ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำงานพาร์ทไทม์ต่อ"

หลังจากพูดจบ โจวหยางก็หัวเราะออกมา

“ครอบครัวของเขาเปิดร้านขายเสื้อผ้างั้นเหรอ?!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนเจี้ยนเฉียงก็ผงะ

โจวหยางยังไม่หยุดและพูดต่อ "ธุรกิจร้านเสื้อผ้าของเขานั้นกำลังร้อนแรงมาก และยังทำเงินได้มากกว่างานพาร์ทไทม์อีกไม่รู้กี่เท่า!"

ตอนนี้เขาเข้าใจแผนการของฉินหยุนแล้ว

"บ้านของฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าด้วยตัวเอง? ครอบครัวของเขายากจนมาก เขาทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเงินอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ?"

"ไม่รู้สิ"

"ซุนเจี้ยนเฉียงคนนี้ เขาต้องการอวดเบ่งต่อหน้าเสี่ยวหลาน และทำเป็นให้โอกาสในการทำงานพาร์ทไทม์ที่ดี แต่ตอนนี้ฉินหยุนไม่ได้ต้องการมันเลย"

“เขาไม่ต้องการมัน แต่เรายังคงต้องการ! แจกใบปลิวแค่ 7 วัน แต่ได้ค่าแรงตั้ง 700 หยวน ยังไงก็ถือว่าคุ้ม!”

เมื่อได้ยินคำพูดของโจงหยางเหล่านักเรียนคนอื่นก็กระซิบกระซาบกันทันที

แม้ว่าจะเป็นงานพาร์ทไทม์ที่ซุนเจี้ยนเฉียงจัดหาให้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกขอบคุณเขาเลย แต่กลับมีความประทับใจที่ดีต่อฉินหยุนแทน

งานพาร์ทไทม์บางงานสบายมาก แค่ออกกำลังกายนิดหน่อยก็ได้เงิน หากซุนเจี้ยนเฉียงเปลี่ยนใจ พวกเขาก็ไม่คิดอะไรมาก ก็แค่ไม่กี่ร้อยหยวนเอง

หากซุนเจี้ยนเฉียงรู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงจะโกรธจนกระอักเลือดตาย

แต่ในเวลานี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของซุนเจี้ยนเฉียงนั้นดูหมองคล้ำเล็กน้อย หลังจากเสแสร้งแกร้งทำอยู่นาน ปรากฎว่าฉินหยุนไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาเลย

"เกิดอะไรขึ้น ครอบครัวของฉินหยุนมีเงินเปิดร้านได้อย่างไร"

ครอบครัวของเขาทำธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตและได้เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตขนาด 200 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามากมายที่อยู่ภายในให้เช่าที่ขายของได้

เขาจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับการเปิดร้านเป็นอย่างดี หากไม่มีเงินทุนจำนวนหนึ่ง การตัดสินใจอย่างเร่งด่วนจึงเป็นไปไม่ได้เลย

"ซุนเจี้ยนเฉียง สถานการณ์ก็เป็นไปตามที่โจวหยางพูด ฉันขอบคุณในความหวังดีของนายมาก" ฉินหยุนยิ้ม

ซุนเจี้ยนเฉียงชะงักไปสองวินาที เขาฝืนยิ้มบนใบหน้าของเขาและพูดว่า "เนื่องจากครอบครัวของนายได้เปิดร้านค้าแล้ว งั้นก็ให้เพื่อนนักเรียนคนอื่นมีโอกาสได้ทำงานพาร์ทไทม์แล้วกัน"

เขาหันหลังกลับไปนั่งลงที่เดิม

ในเวลานี้เสี่ยวหลานมองไปที่ฉินหยุนอย่างสงสัยและพูดว่า "ฉินหยุน นายเปิดร้านแล้วเหรอ?"

"มันเป็นแค่ร้านเล็กๆไม่ควรค่าให้กล่าวถึงหรอก" ฉินหยุนยิ้มและพูด

เมื่อเห็นว่าฉินหยุนไม่ต้องการเล่ารายละเอียดเพิ่มเติม เสี่ยวหลานก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดถาม

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็น ฉินหยุนก็ไปที่ร้านขายเสื้อผ้าตามปกติ

"เสี่ยวหยุน วันนี้พี่ไปเลือกชุดสไตล์ใหม่ๆที่ตลาดค้าส่งมาแล้วนะ" วันนี้ฉินซวนก็เข้ามาที่ร้านพอดี และเมื่อเธอเห็นฉินหยุนเข้ามาในร้าน เธอก็รีบเดินเข้าไปหาเขาและพูดขึ้น

"ครับพี่ใหญ่ พี่เลือกพวกมันมาได้เลย" ฉินหยุนพยักหน้า

ด้วยการมีอยู่ของระบบรวบรวมโชคลาภ ตราบใดที่ไม่มีปัญหากับคุณภาพของเสื้อผ้าที่เลือกมาจากร้านค้าส่ง พวกเขาจะขายมันได้อย่างแน่นอน

"นอกจากนี้ ร้านขายเสื้อผ้ารอบๆร้านเราทั้งสามแห่ง กำลังร่วมมือกันแจกส่วนลด และลดราคาเสื้อผ้าของพวกเขาลง ทำให้วันนี้ยอดขายของเราน้อยลงนิดหน่อย" ฉินซวนกล่าว

"แจกส่วนลด?" ฉินหยุนมองไปที่ร้านค้าสองแห่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน

มีร้านขายเสื้อผ้าหลายร้านที่อยู่ใจกลางเมืองนี้ ในหลายๆร้านนั้นมีอยู่สามร้านที่ธุรกิจค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม หลังจากการเปิดขึ้นของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน โดยพื้นฐานแล้วใครก็ตามที่คิดอยากจะซื้อเสื้อผ้า ก็จะมาซื้อที่ร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ ภายใต้อิทธิพลของรูปแบบการรวบรวมโชคลา�

ดังนั้นกิจการของทั้งสามร้านที่ว่ามา ย่อมเสื่อมถอยลงเป็นธรรมดา

และแน่นอน เมื่อยอดขายลดลง พวกเขาจึงต้องมองหามาตรการอื่นเพื่อดึงลูกค้าไว้อย่างแน่นอน

"ยอดขายน้อยลงเท่าไร?" ฉินหยุนถาม

ฉินซวนตอบกลับ "น้อยกว่าปกติประมาณ 1,300 หยวน"

ฉินหยุนพยักหน้า เขาได้คิดไว้คร่าวๆแล้ว

อันที่จริงแม้ว่าจะมีรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ร้านเสื้อผ้าโดยรอบจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลย

ตัวอย่างเช่น หากมีร้านขายเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกันกับร้านของเขา มีเสื้อผ้าคุณภาพเดียวกันแต่ขายราคาถูกกว่า 30 หรือ 40 หยวน ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าเหล่าลูกค้าจะตรงไปซื้อที่ร้านนั้นอย่างแน่นอน

โชคก็ยังเป็นแค่ด้านหนึ่งในการทำธุรกิจ หากคุณต้องการเปิดร้านขายเสื้อผ้า ยังต้องพิจารณาด้านอื่นๆด้วย

“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงเรื่องร้านพวกนั้น เราแค่เปิดร้านไปตามปกติก็พอ”

ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "ยังไงพวกเขาก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเรามากนัก"

เป็นไปไม่ได้ที่จะขายเสื้อผ้าแค่ราคา 30 หรือ 40 หยวน ในเมื่อเสื้อผ้าคุณภาพดีมีราคาส่งอยู่ที่ 100 หยวน ไม่อย่างนั้นยิ่งขายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งขาดทุนมากเท่านั้น

"โอเคร" ฉินซวนพยักหน้า เธอยังมีความมั่นใจในร้านของเธอ และตอนนี้ที่ร้านเริ่มค่อยๆมีลูกค้าประจำบางส่วนแล้ว

"เสี่ยวหยุน พี่คิดว่าเรายังสามารถจัดกิจกรรมบางอย่างในร้านของเราได้ เช่น บัตรแทนเงินสด อะไรทำนองนี้ เมื่อลูกค้าเติมเงินเข้าบัตรก็สามารถรับส่วนลดเพิ่มเติมได้ เพื่อให้ลูกค้าอยากซื้อของมากขึ้น"

เธอมองไปที่ฉินหยุนและพูด

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของฉินหยุนก็กระตุก ร้านขายเสื้อผ้าบางแห่งก็ใช้วิธีนี้เพื่อรักษาลูกค้าไว้ ด้วยบัตรแทนเงินสดลูกค้าจะกลับมาที่ร้านเดิมแน่นอนเมื่อตอนที่อยากซื้อเสื้อผ้า

ร้านขายเสื้อผ้าที่เขาเคยทำงานอยู่ส่วนใหญ่ก็มีกิจกรรมสมัครบัตรที่คล้ายๆ กันนี้

[ผู้เขียน: เนื่องจากมีรูปแบบการรวบรวมโชคลาภจึงมีการเติมเงิน ต่อมาฉินหยุนก็ตระหนักว่าการกระทำนี้ค่อนข้างสมองตาย* แต่ก็เอาเถอะ ท้ายที่สุดแล้วเขายังไม่มีประสบการณ์ ยังไงซะ ฉินหยุนก็ไม่ใช่ผู้เขียน (แสดงว่าจารย์เคยเปิดร้านมาแล้ว?)]

“พี่ใหญ่ พี่คิดแผนไว้แล้วเหรอ ขอผมดูหน่อย” ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา

นั่นถือเป็นความคิดที่ดีจริงๆ

เมื่อเห็นว่าฉินหยุนคล้อยตาม ฉินซวนก็รีบไปเขียนตามแผนที่คิดไว้ และแผนก็เสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เห็นได้ชัดว่าเธอคิดไว้คร่าวๆอยู่ในใจก่อนแล้ว

"เติมเงินครั้งเดียว 2,000 หยวน คุณจะได้รับส่วนลด 10% เมื่อใช้จ่ายด้วยเงินในบัตรแทนเงินสด"

"เติมเงินครั้งเดียว 5,000 หยวน คุณจะได้รับส่วนลด 20% เมื่อใช้จ่ายด้วยเงินในบัตรแทนเงินสด"

แผนนี้เกี่ยวข้องกับส่วนลดเป็นหลัก

ฉินหยุนมองไปที่มันและพูดว่า "พี่ใหญ่ ผมขอเพิ่มอีกหนึ่ง เอาเป็นเติมเงินครั้งเดียว 10,000 หยวน คุณจะได้รับส่วนลด 30% เมื่อใช้จ่ายด้วยเงินในบัตรแทนเงินสด"

แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าการเติมเงินทีเดียว 10,000 หยวน นั้นค่อนข้างมาก แต่ฉินซวนก็ไม่ได้ปฏิเสธ เธอพูดว่า "พี่จะเพิ่มให้ทันที"

หลังจากแก้ไขเสร็จแล้วก็สามารถนำแผนงานทั้งหมดไปเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มที่

ในช่วงอาหารค่ำจ้าวเหมยมองไปที่ลูกชายของเธออย่างอึกอักเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“แม่ครับ มีอะไรจะบอกผมไหม?” ฉินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเหมยพยักหน้าและพูดว่า "วันนี้แม่คุยกับน้าสะใภ้ของลูกอยู่พักหนึ่ง และน้าเขาอยากจะมาทำงานที่ร้านด้วย"

เห็นได้ชัดว่าเธอขอความยินยอมจากฉินหยุนก่อน

กิจการในร้านดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจ้าวเหมยจะยุ่งอยู่ตลอด แต่บนใบหน้าเธอก็มีรอยยิ้มอยู่เสมอ แถมยังดูเด็กกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย

ทำกำไรได้หลายพันหยวนต่อวัน นี่เป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการของเธอมาก

ด้วยธุรกิจที่เฟื่องฟูติดต่อกันหลายวันและยังมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สถานะของฉินหยุนในครอบครัวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

สำหรับเรื่องอื่นๆ จ้าวเหมยอาจตัดสินใจเองโดยตรงและไม่จำเป็นต้องถามฉินหยุน แต่ร้านเสื้อผ้าถูกเปิดโดยฉินหยุน ถ้าเฟิงหลานต้องการทำงานที่ร้าน เธอต้องถามลูกชายของเธอก่อน

(จบตอน)

———————————————————————

**หมายเหตุ**

คำว่าสมองตายของจารย์ แกน่าจะหมายถึงคำว่า โง่เง่ามาก

ตรงประโยคของผู้เขียน แกน่าจะกลับมาอธิบายตอนหลังๆที่แกเขียนมั้ง ผมก็ยังอ่านไม่ถึงเลยไม่เข้าใจเท่าไหร่ ฮ่าๆ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด