ตอนที่ 1364 ควบคุมคัมภีร์เทพสร้างโลกใหม่
โลกคัมภีร์เทพแดนฝึกฝีมือด่านที่หนึ่งหุบเขาพิรุณ
เย่ว์หยางเพ่งสมาธิทั้งหมดของเขากับคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝีมือหน้านี้ กฎสวรรค์โบราณถูกยกเลิก กฎถูกปรับเปลี่ยนใหม่กฎในเขาวงกต กฎแห่งสายฝนและหมอก ฯลฯ ทั้งหมดล้วนอยู่ในใจ รวมทั้งองค์ประกอบธาตุมิติ พลังงานสวรรค์และโลก การรวมตัวกันของอักขระรูนทั้งหมดนี้รวมเป็นหนึ่ง
ในขณะเดียวกันก็มีข้อมูลนักรบในอดีตผู้มีประสบการณ์มาตลอดรวมทั้งอสูรศึกและวิญญาณที่ตายแล้วของนักรบที่ล้มเหลวในการท้าทายผ่านด่านและเสียชีวิตในหุบเขาพิรุณแห่งนี้
แม้แต่เหตุผลที่สร้างหุบเขาพิรุณแนวทางการฝึกฝน วิธีจองจำ วิธีลงโทษตามกฎสวรรค์
ทั้งหมดมีครบ
“แค่เพียงหุบเขาพิรุณก็เป็นโลกซับซ้อนอย่างยิ่งหากด่านทั้งสิบเชื่อมต่อถึงกันรวดเดียว นั่นจะน่าโดดเด่นงดงามเพียงไหน!” ในใจของเย่ว์หยางมีความรู้สึกเช่นนี้โดยทั่วไป ก่อนจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงเขาคงยอมแพ้ไม่ทำต่อไปแน่นอน เพราะด่านหุบเขาพิรุณเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของด่านทั้งสิบที่ต้องใช้พลังไม่สิ้นสุดด้วยพลังแข็งแกร่งในปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมบูรณ์ แต่หลังจากได้รับกำลังใจจากเสวี่ยอู๋เสียและการสนับสนุนของทุกคนแล้วเย่ว์หยางละทิ้งความคิดว้าวุ่นใจ เขามั่นใจเป็นครั้งแรกในชีวิตและนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาสงบจิตใจได้และมีเหตุผล...ยักษ์ชะตาไม่ปรากฏเช่นกัน และการคลุ้มคลั่งไม่เกิดขึ้นเย่ว์หยางเองรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าเขามีพลังเทพที่ไร้ขอบเขตและสามารถสร้างผลงานที่เป็นไปไม่ได้
อย่าว่าแต่การเปลี่ยนคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝีมือ ต่อให้เป็นการสร้างโลกใหม่เขาก็จะทำให้สำเร็จ
หัวใจของเย่ว์หยางครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากทุกคนเต็มที่
พวกเสวี่ยอู๋เสียคิดตามไปอย่างเงียบๆ
ไม่สามารถเข้าใจได้
พวกนางไม่ต้องการให้ความคิดที่ว้าวุ่นของพวกนางปะปนและส่งผลกระทบต่อกระบวนการควบคุมคัมภีร์เทพของเย่ว์หยางพวกนางไม่ส่งคลื่นกระแสจิตรบกวนแต่พวกนางไม่ต้องการให้เขารู้สึกเดียวดายในกระบวนการนี้ ดังนั้นพวกนางตัดสินใจเรื่องนี้คืออยู่กับเขาเงียบๆ แม้จะเป็นเวลาหลายพันปี จนกว่าเขาจะประสบความสำเร็จ
“ทำลาย!” เย่ว์หยางจำที่สามสาวเทวทูตพูดไว้ว่าการทำลายคือการสร้างที่ดีที่สุด การสร้างคือการทำลายที่ดีที่สุดเช่นกัน
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือทำลาย
ทำลายกฎสวรรค์โบราณที่มีมาแต่ยุคโบราณทั้งหมด กฎสวรรค์เหล่านี้เป็นเจตจำนงของมหาเทพโบราณ ตราบเท่าที่กฎสวรรค์เหล่านี้ยังคงอยู่ตราบนั้นคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝีมือก็ไม่ใช่ของเขาอย่างสมบูรณ์
กฎแห่งมิติกฎแห่งการกระทำซ้ำ ฯลฯ หายไปในทันใด
การทำลายของเย่ว์หยางในปัจจุบันด้วยสติปัญญาของเขาและการรับรู้ของเขาในมิติคงที่ของโลกที่ไร้ที่สิ้นสุดได้ทำลายเจตจำนงของผู้อื่นและสร้างความนิรันดร์ของตัวเขาเองกฎแห่งการห้ามบิน ฯลฯ เหล่านี้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ในขณะที่กฎเหล่านี้หายไปแต่กฎใหม่ที่ถือกำเนิดเป็นความประสงค์ของเย่ว์หยางและเป็นการสร้างของเย่ว์หยาง กฎเหล่านี้อาจเหมือนเดิมทุกประการแต่ผู้สร้างไม่ใช่เทพโบราณอีกต่อไป แต่เป็นเย่ว์หยางเจ้าของใหม่!
“ทำลายหมดสิ้น...”เย่ว์หยางทำลายองค์ประกอบมิติพื้นที่ทันทีและผสมผสานอักขระรูนเข้ากับพลังฟ้าดินเข้าไว้ในหุบเขาพิรุณ
วิญญาณของนักรบและอสูรศึกที่ตายเพราะล้มเหลวในการผ่านด่านภายในนั้นหรือข้อมูลที่ผู้ทดสอบขั้นสูงได้ทิ้งเอาไว้เป็นจำนวนมาก ฯลฯ ภายใต้เจตจำนงของเย่ว์หยางถูกกันเอาไว้ให้อยู่นอกคัมภีร์เทพ ให้พวกเขากลับไปเกิดใหม่ในแดนสวรรค์ หรือเป็นไปตามความปรารถนาดั้งเดิมของพวกเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกใบใหม่
เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงพลังเทพของเขาเมื่อชดใช้คืนชำระวิญญาณผู้ตายแล้วมันถูกใช้ออกไปราวกับน้ำในเขื่อนที่แตกทะลัก
ถ้าไม่มีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากบัลลังก์เทพนิรันดรเขาอาจถูกดึงพลังออกไปหมดและกลายเป็นซากแห้งไปแล้ว
ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล
เขาไม่รู้ว่ามีนักรบแดนสวรรค์นักรบหอทงเทียนหรือนักรบระดับต่ำจำนวนเป็นล้านๆ ที่เข้ามาท้าทายผ่านด่านนับประสาอะไรกับอสูรศึกที่สังเวยชีวิต เครื่องหมายต่างๆ ที่ซ้ำซ้อนกันที่เหล่ายอดนักรบได้ทิ้งเอาไว้พลังเทพที่ต้องใช้คืนก็มากมายมหาศาลไปด้วย อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่มีทางเลือกที่สองเขารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนแม่น้ำในตอนนี้ พลังเทพเป็นเหมือนน้ำไหลเข้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและระเหยออกไปอย่างรวดเร็ว!
วิญญาณนักรบที่ตายแล้วส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับบ้านเกิดเย่ว์หยางส่งวิญญาณผู้ตายไปแล้ว ผู้ที่มีบาปร้ายแรงจะถูกทำลายโดยตรงหรือถูกทัณฑ์สวรรค์ลงโทษอย่างรุนแรง
ผู้ถูกลงโทษอย่างรุนแรงจะถูกเปลี่ยนไปเป็นก้อนหินก้อนกรวดในโลกใหม่และบาปของเขาจะได้รับการชดใช้โดยตรง
มีจำนวนน้อยที่กลายเป็นอสูร
เพื่อเป็นอาหารหรือใช้เป็นพาหนะ
นอกจากนี้ยังมีวิญญาณอสูรที่ตายไปแล้วและถูกเจ้านายละทิ้ง มันยินดีจะกลายเป็นอสูรในโลกใหม่ภพใหม่และมีความภักดีต่อผู้ปกครองคนใหม่... พวกมันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ธรรมชาติดั้งเดิมของพวกมัน พวกมันรู้ดีว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของการเกิดใหม่ดังนั้นพวกมันส่วนใหญ่จึงไม่เต็มใจจะจากไป
“สร้างหุบเขาพิรุณ,ไม่, หุบเขามนุษย์!” ความคิดสร้างสรรค์ของเย่ว์หยางก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยม เขาตัดสินใจจะไม่เลียนแบบหุบเขาพิรุณและสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ทั้งหมด
พื้นที่ของหุบเขาพิรุณแตกเป็นเสี่ยงๆและถูกทำลาย แม้แต่กฎสวรรค์และศาลาหลบฝนก็ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
มีแต่ผู้เฒ่าอวี่ป๋อถูกโยนเข้าไปในความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุดรอให้เย่ว์หยางทำการตัดสินครั้งสุดท้าย
โลกใหม่ขยายออกไปอย่างไม่มีกำหนดในการสร้างความนิรันดร์ของเย่ว์หยาง บางทีการสร้างภายในอาจผ่านไปหลายหมื่นปี แต่โลกภายนอกไม่ต้องใช้เวลาแม้แต่วินาทีเดียวเช่นเดียวกับโลกไร้ที่สิ้นสุดด้วยพลังเทพของตนเองสร้างโลกที่ใหญ่กว่าทวีปมังกรทะยานถึงหมื่นเท่า เดิมทีเขาสามารถสร้างโลกที่ใหญ่กว่าได้ แต่เมื่อพิจารณาในภายหลังแล้วเขาหยุดการขยายพื้นที่ให้อยู่ในระดับขอบเขตใหญ่กว่าทวีปมังกรทะยานหมื่นเท่า
ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว
อันดับแรกที่พื้นด้านล่างสุดมีแม็กม่าร้อนปกคลุมพื้นและมีความร้อนสูงยากจะทนทานวิญญาณนักรบที่ตายไปแล้วนับไม่ถ้วนที่มีบาปร้ายแรงจะถูกกักขังอย่างแน่นหนาพวกเขาจะถูกชำระทันทีหลังจากได้รับความเจ็บปวดทรมานและการลงโทษ ในหมู่พวกเขาคนบาปน้อยกว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นและกรวดจนกว่าอากาศจะปลอดโปร่ง น้อยคนนักที่จะได้รับโอกาสในการกลับมาเกิดในโลกใหม่ด้วยจิตวิญญาณน้อยนิดหรือด้วยความเต็มใจจากจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา หรือด้วยความจงใจจากจิตวิญญาณดั้งเดิมพวกเขาสามารถกลายเป็นดอกไม้ ต้นไม้ นก หรืออสูรร้ายถ้าอุทิศตนเพื่อมีส่วนร่วมในโลกใหม่ และช่วยกันปกครอง อย่างนั้นพวกเขาก็สามารถเกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้
ขณะที่แยกโลกกับพื้นฟ้าออกจากกัน เย่ว์หยางปรับแต่งกฎสวรรค์
ตัวอย่างเช่นกฎห้ามบินในอากาศยังคงห้ามอยู่ แต่ไม่จำกัดไปถึงการบินของนกทั้งความเหมือนและแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ทุกอย่างถูกสร้างเป็นพิเศษ เพื่อการฝึกจิตวิญญาณในอนาคตและเป็นการส่งเสริมโลกใหม่
เช่นเดียวกับภูมิประเทศที่เคยพบเห็นในการเดินทางในแดนสวรรค์ภูมิภาคที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรงยากลำบากต่างๆ ทิวทัศน์ที่มีลักษณะหลากหลายรวมทั้งสถานที่มรณะสิบแห่งของทวีปมังกรทะยานและจุดชมวิวต่างๆ ในหอทงเทียน
ในทันใดนั้นเย่ว์หยางตั้งชื่อสถานที่เกิดใหม่แห่งนี้ว่า‘หุบเขามนุษย์ใหม่’ ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!
“จารึกด้วยพลังเทพข้าจะตั้งชื่อใหม่ว่าอู๋เหิน แทนที่จะเป็นอักขระรูนสวรรค์หรือรูนโบราณ” เย่ว์หยางคิดความตั้งใจของเย่ว์หยางเกี่ยวเรื่องนี้ เมื่อก่อนนี้เขากับอู๋เหินคิดจะใช้อักขระรูนลับแทนอักขระรูนสวรรค์เอาเข้ามาใช้ในโลกใหม่ ดังนั้นเขาจึงใช้พลังเทพเป็นพิเศษสร้างเป็นข้อความให้เป็นอักขระรูนนิรันดรทีละบรรทัดสร้างวงเวทอักขระรูนเข้าสู่โลกใหม่ และแนวทางพัฒนาไปสู่การรู้แจ้งล่าสุด
“.....”อู๋เหินเห็นเช่นนั้นนางพยายามข่มความตื่นเต้นในใจนาง นางกลัวว่าอารมณ์และความคิดของนางจะทำลายและส่งผลต่อการจัดสรรด้วยพลังเทพนี้
นางไม่ใช่ผู้ปกครองโลกใหม่โลกใหม่ไม่ควรมีผู้ปกครองสองคนหรือมากกว่านั้น
ดังนั้นไม่เพียงแต่นางแต่ทุกคนไม่อาจมีส่วนร่วมได้
ในกระบวนการควบคุมของเย่ว์หยางพวกนางได้แต่รอและดู
สนับสนุนอยู่เงียบๆ
เย่ว์หยางไม่ใช่นักสร้างบ้านแม้ว่าสติปัญญาในปัจจุบันของเขาสามารถทำให้สำเร็จได้ง่ายดายก็ตาม แต่เขาไม่ทำ เขาเลือกที่จะใช้พลังเทพเขียนคำใหม่ว่า ทุกคนสามารถมาค้นคว้าร่วมกันกับเทพด้วยพลังเทพนิรันดร์และเจตจำนงราชันย์คำเหล่านี้จะกลายเป็นแนวทางและแสงสว่างแห่งปัญญาในโลกใหม่ หากบัณฑิตผู้รู้อย่างผู้เฒ่าหนานกงและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามีโชคดีพอมีส่วนร่วมในการวิจัยพัฒนามารู้เรื่องนี้เข้าพวกท่านจะมีความสุขมากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เฒ่าชุดขาวชื่อซานเหอเพราะปากไม่ดีจึงถูกเย่ว์หยางทุบตี เขาเป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงของหอทงเทียนทั้งยังมีส่วนมากในการช่วยพัฒนาเทพ
เหตุผลก็คือบัณฑิตอย่างผู้เฒ่าหนานกงเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีการเรียนรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะทางด้านภาษาของเขายอดเยี่ยมด้วยความตั้งใจที่จะไม่ให้ความสามารถของพวกเขาสูญเปล่า ทำให้เย่ว์หยางส่ง ฉินหยางเหวินอี้ม่อ และเฮ่อจื้อหวิน (ตัวละครนานจนลืมไปแล้ว)ไปแดนนรกเพื่อเรียนรู้ภาษาปีศาจเพื่อจับระเบียบวัสดุสิ่งของด้วยกันแล้วตั้งใจวิจัยพัฒนาร่วมมือกับเย่ว์หยางซึมซับความรู้ทั้งหมด ความเข้าใจและการประสานร่วมมือกันระหว่างเย่ว์หยางกับสุ่ยอู๋เหินเป็นไปโดยปริยายและสร้างเป็นภาษาเทพใหม่แทนอักขระรูนสวรรค์ในวันนี้
การเข้าสู่โลกใหม่ไม่สามารถทำได้อย่างเสรีอีกต่อไปต้องเป็นนักสู้แดนสวรรค์หรือนักรบหอทงเทียนที่ได้รับการยอมรับ หรือผู้ติดตามบริวารของเย่ว์หยางและลูกหลานพวกเขาจึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมฝึกฝนเพื่อยกระดับ
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเจตจำนงของเย่ว์หยาง
รวมทั้งความเป็นความตายด้วย
หุบเขามนุษย์ใหม่จะคล้ายกับหุบเขามนุษย์ในด่านที่เจ็ด เช่นไม่สามารถเข่นฆ่ากันอย่างง่ายดายการต่อสู้จะต้องมีกลยุทธ์ในการดำเนินการ
ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของโลกคัมภีร์เทพใหม่ ด่านที่หนึ่งหุบเขาพิรุณเดิมในตอนนี้ถูกเปลี่ยนไปเป็นหุบเขามนุษย์ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน
เมื่อศาลาพักหลบฝนสร้างใหม่อีกครั้งผู้เฒ่าอวี่ป๋อที่ถูกจับโยนเข้าไปในความว่างเปล่าได้กลับมาอยู่ในหุบเขาพิรุณที่เขาไม่รู้จักอีกต่อไปซึ่งที่นี่เป็นสถานที่ๆเขาถูกลงโทษมาเป็นหมื่นๆ ปีแล้ว “นี่...เจ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร?”
ร่างอวตารเทพของเย่ว์หยางอยู่ข้างหน้าเขา เพราะการสร้างโลกใหม่สิ้นเปลืองพลังเทพมากมายและคำนวณพลังเทพที่จะหายไป ร่างเทพของเขาสูงเกินสามพันเมตร เย่ว์หยางโน้มตัวลงใช้มือเทพเขี่ยเบาๆพลังกฎสวรรค์และทัณฑ์สวรรค์บนตัวผู้เฒ่าอวี่ป๋อหายไปทันทีและพลังเทพในร่างเทพถูกดูดหายไปหนึ่งในสิบ ช่วยให้ผู้เฒ่าอวี่ป่อได้รับอิสรภาพที่แท้จริง
“สบายใจได้ท่านลำบากมามากพอแล้ว” เย่ว์หยางคำนับผู้อาวุโสท่านนี้
“มิกล้ามิกล้า” ท่าทีของผู้เฒ่าอวี่ป๋อไม่เหมือนกับตอนที่เขาพบเจอเย่ว์หยางตอนแรกเขารีบคารวะตอบเย่ว์หยาง นี่ไม่ใช่ของขวัญแห่งการปลดปล่อยที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นแต่ยังเป็นการแสดงความเคารพว่าที่เทพจอมราชันย์อย่างสุดซึ้ง
“ถ้าท่านต้องการก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้ และทำหน้าที่ครูบาอาจารย์” เย่ว์หยางคิดว่าผู้เฒ่าอวี่ป๋อเป็นอาจารย์ที่ดีได้ในโลกใหม่
“ถ้านางยินดีจะอยู่ด้วยเช่นกัน....” ผู้เฒ่าอวี่ป๋อดีใจและมีความสุขมาก แต่เขาก็ยังหวังว่าแม่เฒ่าซาและผู้เฒ่าฟงป๋อจะได้รับอิสรภาพเช่นกัน
“แม่เฒ่าซาและผู้เฒ่าฟงป๋อจะมาถึงเช่นกันเนื่องจากที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นการฝึกฝนในโลกใหม่ จะต้องมีชีวิตชีวาแน่นอน ผู้เยาว์รุ่นหลังที่เข้ามาฝึกฝนจะต้องพึ่งพาคำแนะนำของท่านผู้อาวุโส” เย่ว์หยางให้คำตอบและหายตัวไปทันที ผู้เฒ่าอวี่ป๋อหลั่งน้ำตา เขาเป็นอิสระแล้ว เขาคิดว่าตนเองคงไม่ได้รับอิสรภาพตลอดชีวิต จู่ๆวันหนึ่งเขากลับได้รับอิสรภาพอย่างไม่คาดคิด รวมทั้งพวกแม่เฒ่าซาก็ได้รับอิสระเช่นกัน
“ในโลกใหม่ข้าจะดูแลที่นี่ให้ทุกวันอย่างแน่นอน” ผู้เฒ่าอวี่ป๋อแสดงความเคารพในทิศทางที่เย่ว์หยางหายไป
“ปีศาจเฒ่า,เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย!” ข้างหลังเขามีเสียงที่น่ารังเกียจที่เขาไม่ได้ยินมาหลายหมื่นปีแล้ว ผู้เฒ่าอวี่ป๋อหันหลังกลับไปดูทันที และเห็นว่านั่นคือศัตรูความรักของเขาผู้เฒ่าฟงป๋อพวกเขาวิ่งเข้ามาหากันสวมกอดและร้องไห้ “ข้าย่อมมีชีวิตยืนยาวกว่าเจ้าแน่นอน เจ้าจะได้อิจฉาความสุขของข้าตลอดไป เจ้า เจ้าจะได้หลับตาไม่ลง...”
ผู้เฒ่าทั้งสองต่างร้องไห้เสียงดังหลั่งน้ำตาแม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน แต่พวกเขาไม่ได้พบเจอกันมาเป็นหมื่นๆ ปีแล้ว ในขณะนี้พวกเขาสวมกอดกันมีความรู้สึกร่วมกันอย่างหนึ่งคือ อิสรภาพเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกทั้งที่ทุกอย่างยากจะเปลี่ยนแปลง
ได้รับอิสรภาพทำให้รู้สึกดีจริงๆ!
“พวกเจ้าแก่เฒ่าขนาดไหนแล้ว?ยังร้องไห้เป็นเด็กไปได้” แม่เฒ่าซานัยน์ตาแดง ไม่ทราบว่านางมาอยู่ข้างๆพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด
“ฮือออออออ!” ผู้เฒ่าทั้งสองตัวสั่น
แว่บแรกที่เห็นคนที่พวกท่านฝันถึงกลับมาแล้ว
อารมณ์เศร้าและความสุขปนเปกันจนพวกเขาอดหลั่งน้ำตาไม่ได้
สิ่งก่อสร้างคล้ายหอทงเทียนซึ่งสูงขึ้นไปตามลำดับในท้องฟ้าจะมีทางผ่านเข้าไปยังด่านที่สอง หลังจากมีประสบการณ์ในด่านมนุษย์ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ทางผ่านด่านที่สองจะเป็นโลกใหม่นั่นคือ‘หุบเขาโลกธาตุ’ สูงขึ้นไปกว่านั้นก็เป็น ‘หุบเขาสวรรค์’
ความรู้ที่มีอยู่แต่เดิมก่อนจะข้ามโลกและความรู้ที่ได้รับตกทอดภายหลังข้ามโลกแล้ว ประสบการณ์ในแดนสวรรค์และความรู้แจ้งส่วนตัวรวมกับภูมิปัญญาลับของทุกคนและของเผ่าบูรพาเย่ว์หยางเปิดเผยให้เห็นพลังเทพไม่มีที่สิ้นสุดภูมิปัญญาที่กว้างไกลราวกับจักรวาลทางช้างเผือกที่มีความสมบูรณ์แบบยิ่งๆขึ้นในทุกระดับของโลกใหม่ ด่านแรกหุบเขามนุษย์เป็นจุดเริ่มต้น แนวทางพัฒนาที่สูงขึ้นจะช่วยพัฒนายกระดับอนุชนและคนรุ่นต่อไปให้เติบโตและดียิ่งขึ้นไป ในที่สุดเย่ว์หยางสร้างพฤกษาโลกของเหล่าเทพในโลกไร้ที่สิ้นสุดเพื่อให้สิ่งมีชีวิตได้อาศัยอยู่ได้
โลกใหม่จะเป็นที่เริ่มต้นใหม่ของเหล่าสรรพสัตว์
นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างร่างเทพของเย่ว์หยาง จุดเริ่มต้นของด่านที่หนึ่งหุบเขามนุษย์หุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ ตามมาด้วยการฝึกฝนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
จากเดิมทีเป็นหุบเขาราคะเปลี่ยนไปเป็นหุบเขา‘เมตตา’ ชำระล้างความสกปรกในจิตใจให้หายไปและเข้าสู่หลักสูตรฝึกเป็นเทพระบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครอีกต่อไป ในโลกใหม่ของเย่ว์หยางจะไม่มีเทพที่เรียกว่าเทพแท้เทพเทียม มีเพียงประเภทเดียวเท่านั้นนั่นคือนักสู้ระดับเทพที่จะได้บรรลุบัลลังก์เทพจะเป็นมาตรฐานของเทพในอนาคต และหุบเขาอสูรและหุบเขาปีศาจดั้งเดิมถูกเปลี่ยนให้มีมาตรฐานที่ยากขึ้นและสูงขึ้น ต้องบรรลุผ่านภาพลวงตาที่แท้จริง และความจริงที่เป็นภาพลวงตา เขาสร้างเป็น ‘หุบเขาตาย’ และ ‘หุบเขาเป็น’
“พวกเจ้าสามารถออกไปได้หรือจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ก็ได้ ข้าไม่ยอมรับมาตรฐานความสำเร็จของพวกเจ้า ข้าไม่สนใจว่าแต่เดิมนั้นพวกเจ้าล้มเหลวมายังไงบ้าง แต่ถ้าพวกเจ้ายินดีเปิดใจและยอมทิ้งอดีตยินดีจะอยู่ต่อไป พวกเจ้าต้องไปเริ่มต้นที่ด่านที่หนึ่ง และทุกอย่างจะเริ่มต้นอีกครั้ง”
เย่ว์หยางทำลายสิ่งไม่ดีทั้งหมด
คงไว้แต่สิ่งที่ดี
ในบรรดานักรบจำนวนนับไม่ถ้วนที่ติดอยู่ในหุบเขาราคะหุบเขาอสูร และหุบเขาปีศาจ เขาให้แนวทางเลือกแค่ จะอยู่ หรือไป
แต่ด่านที่เจ็ดเดิมซึ่งคือหุบเขามนุษย์ถูกเปลี่ยนจนไม่สามารถบรรยายมากไปกว่านี้ กฎสวรรค์ต่างๆและการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายทำให้โลกทั้งใบเปล่งประกายใหม่ คำสั่งใหม่กฎสวรรค์ใหม่ถูกนำมาใช้ให้เหมาะกับชีวิตและการฝึกฝนของนักสู้ระดับเทพเพราะเย่ว์หยางได้รู้แจ้งจากหุบเขานี้มากที่สุด สัมผัสได้ลึกซึ้งมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หอคอยเหนือหอคอย ขุนเขาเหนือขุนเขา และฟ้าเหนือฟ้าเย่ว์หยางเชื่อมโยงเส้นทางให้เชื่อมถึงกันและตั้งชื่อว่า ‘หุบเขาผู้สร้าง’ ผ่านเส้นทางเทพ
หรืออีกนัยหนึ่งเย่ว์หยางตั้งชื่อว่า ‘หุบเขาแห่งการทำลายล้าง’ เพื่อฝึกฝนความเข้าใจในเรื่องการทำลายล้าง
ด่านที่เก้าคือโลกแห่งนักสู้ระดับเทพ‘หุบเขานิรันดร’ ซึ่งเป็นโลกเทพนั่นเอง
ขอเพียงฝึกจนจบนั่นเป็นจุดสิ้นสุด โลกพฤกษาของเทพที่สร้างไว้ในโลกไร้ที่สิ้นสุด ผู้ที่มีการฝึกฝนจนถึงขีดจำกัดสามารถเข้าสู่โลกนี้ และแบ่งปันโลกแห่งเทพที่เป็นนิรันดร์และเป็นเทพอย่างมีความสุข
“ข้ายินดีเรายินดีจะไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง...” ไม่ว่าจะเป็นคนในหุบเขามนุษย์เดิมหรือผู้ที่พักอยู่ในอาณาจักรเทพแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา หรือแม้แต่ผู้ที่เรียกว่าเทพแท้ซึ่งหลับใหลอยู่ในฟ้าเหนือฟ้าพวกเขายินดีรับกฎที่เย่ว์หยางสร้างขึ้น และพร้อมกลับไปเริ่ม
มีแต่เพียงจอมปีศาจไคเทียนหลังจากเย่ว์หยางปลดปล่อยจากการจองจำเขาปรากฏตัวขึ้นและจากไปเอง
ส่วนสิ่งมีชีวิตที่เคยถูกเย่ว์หยางทำลาย
ล้วนได้รับการชดใช้คืนทั้งหมด
รวมทั้งกฎโบราณและทัณฑ์สวรรค์โบราณถูกเย่ว์หยางแทนที่ทั้งหมด โลกไร้ที่สิ้นสุดมีพื้นที่คงที่มากมายเกินกว่าขอบเขตพลังปัจจุบันของเย่ว์หยาง สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องการให้เย่ว์หยางแทนที่หรือชดเชยด้วยพลังเทพบางทีกระบวนการทั้งหมดอาจใช้เวลาร้อยล้านปี กระบวนการทั้งหมดในการแทนที่กฎโบราณดูเหมือนจะนานเกินไปที่จะอธิบายด้วยตัวเลขแต่เวลาภายนอกกลับใช้เวลาน้อยมาก อาจเป็นวินาทีหรืออาจเป็นเวลาที่เย่ว์หยางพักหายใจ
รอจนทุกอย่างในคัมภีร์เทพกฎสวรรค์นับล้านๆและเจตจำนงไร้ที่สิ้นสุดถูกแทนที่ด้วยการควบคุมและปกครองจากเย่ว์หยาง
ในที่สุดเย่ว์หยางก็บรรลุร่างเทพขั้นแรก
สร้างจากพลังเทพที่บริสุทธิ์สมบูรณ์ที่สุด
สร้างโดยพลังเทพบารมีที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่ใช้เปลี่ยนแปลงในคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝีมือความสูงหมื่นเมตรมีทั้งพลังสร้าง ทำลายและนิรันดร์ทั้งสามเป็นร่างเทพที่ยอดเยี่ยมและสง่างามที่สุดในชีวิตของเย่ว์หยาง...
เมื่อเย่ว์หยางลืมตาขึ้นเขาพบว่าส่วนบนของร่างเทพนิรันดร์ของยักษ์ชะตาที่เขาไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ค่อยๆหายไป
ความคงอยู่ของมันทำให้เย่ว์หยางเข้าใจมาตรฐานอย่างชัดเจน
ยังมีระดับที่สูงกว่านี้
ร่างเทพนิรันดร์ในปัจจุบันนี้แค่เป็นระดับเริ่มต้น ความหยั่งรู้ในปัจจุบันก็เพื่อทำความเข้าใจยักษ์ชะตาอย่างเต็มที่เพื่อให้สำเร็จระดับเทพจอมราชันย์ทั้งยังต้องดำเนินการฝึกต่อไปอีกด้วย...
“ขอบคุณมาก! ข้าจะตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักต่อไป!” เย่ว์หยางประสานมือของเขาหากันคารวะไปที่ท้องฟ้าเป็นการแสดงความปรารถนาดีอย่างเงียบๆ เขารู้ แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ความจริงก็ตาม แต่เทพธิดากระบี่ฟ้าจะต้องคอยหนุนอยู่ข้างหลังเขา ถ้านางไม่อยู่ที่นั่น ยักษ์ชะตาจะไม่ปรากฏตัวและบัลลังก์เทพนิรันดร์จะไม่สามารถมอบพลังเทพจากสวรรค์ให้อย่างง่ายดายเพื่อให้เขาสามารถเปลี่ยนกฎสวรรค์โบราณและเจตจำนงโบราณได้ นางอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด แต่นางไม่ต้องการภูมิใจในตัวเขาเองนางไม่ต้องการให้เขาหยุดนิ่งเพราะเหตุนี้
“ทำไมเจ้าถึงตั้งค่าร่างเทพนิรันดร์ไว้ที่หมื่นเมตร?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสงสัยเล็กน้อยทั้งที่เย่ว์หยางสามารถสร้างร่างเทพให้สูงมากกว่านี้
“หมื่นเมตรคือมาตรฐาน” เย่ว์หยางยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องสูงเกินไป หมื่นเมตรก็เพียงพอแล้วสำหรับตอนนี้ข้าเข้าใจความลับของร่างเทพแล้ว ตอนนี้ข้ายังบอกเจ้าไม่ได้ เพราะเจ้ายังไม่สามารถควบคุมพลังเทพได้เต็มที่ในอนาคตพวกเจ้าทุกคนสามารถวิวัฒนาการได้ตามมาตรฐานนี้”
“ข้าคิดว่าข้าไม่มีหวัง” เป่าเอ๋อยังคงรู้ตัวเองอยู่บ้าง ร่างเทพเป็นสิ่งที่นางมิอาจคิดถึงได้
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ตราบใดที่ขอบเขตแห่งการรู้แจ้งถึงมาตรฐาน ความสูงของร่างเทพก็ไม่สำคัญเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้หมื่นเมตร แสนเมตรหรือสูงขึ้นเรื่อยๆแต่นั่นก็ไร้ประโยชน์หากขอบเขตของเจ้าคือหนึ่งพันเมตรไม่ว่าความรู้แจ้งของเจ้าจะสูงแค่ไหน ความสูงของเจ้าก็ยังเป็นพันเมตร ดังนั้นของให้พอเพียงที่จะบรรลุมาตรฐานในสภาวะนั้นนั่นแหละ ความสูงไม่ใช่หมายถึงทุกอย่าง อย่าเพิ่งคิดเกี่ยวกับร่างเทพในขณะนี้เพราะเมื่อเจ้าวิวัฒนาการพัฒนาแล้ว จะแก้ไขได้ง่าย เราต้องดำเนินการฝึกต่อไป ดีที่สุดก็คือยังไม่ต้องวิวัฒนาการก็ได้ ในปัจจุบันนี้ทุกคนต้องเข้าใจพื้นฐานของนักสู้ระดับเทพก่อนการสร้าง การทำลายและความนิรันดร์ เมื่อทุกคนถึงระดับนั้นแล้ว เราค่อยคิดเรื่องร่างเทพอีกครั้ง สำหรับบัลลังก์เทพ นั่นยิ่งง่ายขอให้มาถึงระดับที่ว่านี้ก่อน ทุกอย่างไม่ต้องรีบร้อน” ยากนักที่เย่ว์หยางจะยอมอดทนขนาดนี้เขาลูบศีรษะของเป่าเอ๋อปลอบโยนราวกับปะเหลาะเด็กให้กินยา
“เข้าใจแล้วเรามาพยายามกันให้หนักต่อไปดีกว่า!” เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกว่าตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการไปถึงจุดสุดยอดและท้าทายโชคชะตาของนาง นางไม่เคยสงสัยเลยว่าเย่ว์หยางจะล้มเหลว
“ตอนนี้เวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว?” เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนกับว่ากระบวนการสร้างโลกใหม่และควบคุมคัมภีร์เทพผ่านไปนานเป็นร้อยล้านปี แน่นอนเขารู้สึกว่านั่นเป็นภาพลวงตาแต่โลกภายนอกผ่านไปไม่นาน
“เจ้าคาดเดาดู?”สาวโล่วฮัวกระพริบตาซุกซน
“อา,สามชั่วโมงได้หรือเปล่า?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเป็นอัจฉริยะผู้ฉลาด และเวลาไม่น่าจะยาวนาน
“เจ้าคิดสวยหรูจริงนะเจ้าอยู่ในนี้มาสามวันแล้ว! ไม่มีทางเหนือกว่าข้าได้หรอก!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหมายถึงสถิติที่ไม่มีใครทำลายได้ ตั้งแต่เขาท้าทายโลกไร้ที่สิ้นสุดนางเป็นคนแรกที่ผ่านด่านได้ภายในสามชั่วโมง เพราะผู้อาวุโสหยุดพักสามวัน”
“ไม่เลวข้าเกือบจะตามทันอยู่แล้ว” เย่ว์หยางพอใจอย่างมาก
“ข้าไม่รู้ว่ายังห่างจากเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้แค่ไหน?” เทียนฟาจงใจพูดกับเขาตรงๆ ทุกคนรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะเทียนอี้ได้แต่คาดว่าไม่น่าจะพ่ายแพ้ เจ้าตำหนักใหญ่เทียนอี้ยอดเยี่ยมนักหรือ? เขาจะเอาชนะเย่ว์หยางครองคัมภีร์เทพและแทนที่กฎสวรรค์โบราณสร้างโลกใหม่ได้สำเร็จ สร้างร่างเทพนิรันดร์ได้จริงๆ หรือ?
การประลองชะตาความสมดุลจะต้องมีความสมดุลที่สุด
มิฉะนั้นจะไม่สามารถสู้ได้เลย
เนื่องจากอัตราความเร็วในการเติบโตของเย่ว์หยางที่น่าทึ่งจะเทียบกับเทียนอี้ที่ค่อย ฝึกฝนช้าๆ ค่อยสะสมความรู้
แม้ว่าเวลาเริ่มต้นของทั้งสองฝ่ายจะต่างกันแต่ความเร็วในการวิ่งนั้นแตกต่างเช่นกัน มองผิวเผินเย่ว์หยางเสียเปรียบเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับพ่ายแพ้แน่นอน
ตามความคิดของเสวี่ยอู๋เสียนางยังคงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ คือคู่ต่อสู้ของเย่ว์หยางใช่หรือไม่? หรือว่าจะเป็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลี? ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อยอมรับเย่ว์หยาง และมังกรปีศาจให้เทพพิทักษ์แดนสวรรค์นำตัวเขามานางยังคงสงสัยลึกๆ เช่นกัน
“ในที่สุดก็ควบคุมคัมภีร์เทพได้แล้ว อย่างนั้นเราก็ต้องทำงานหนักขึ้นขนาดไหน?” เย่ว์หวี่หวังเป็นอย่างยิ่งว่านางจะสามารถช่วยน้องชายนางได้ยิ่งขึ้นไป
“สำคัญมาก”สีหน้าของเสวี่ยอู๋เสียดูจริงจังมาก
“ใช่แล้ว”เย่ว์ปิงรู้สึกตื่นเต้น นางรู้สึกว่าตราบใดที่นางสามารถช่วยพี่ชายนางให้ควบคุมคัมภีร์เทพเพื่อสร้างโลกใหม่ได้ นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเพราะกลัวจะเป็นการรบกวนพี่ชายนาง นางมีความสุข
“เราต้องฝึกร่วมกับเขาเพื่อปรับตัวให้เข้ากับร่างเทพที่ใช้ต่อสู้ และให้เขาได้ก้าวหน้าไปยังระดับที่สูงขึ้นในขั้นสุดท้าย ตอนนี้ทุกวินาทีที่ก้าวหน้าจะทำให้เรามีโอกาสชนะเพิ่มขึ้น! ฟังให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะมีความคิดอะไรที่น่ากลัวแค่ไหนก็ตามไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็ตามเราก็ต้องทำแม้ว่าจะรู้สึกละอายต่อเย่ว์หยางก็ตาม ใช่แล้วพวกเจ้าได้ยินถูกแล้ว เพราะการทำแบบนี้ดีต่อเขาจริงๆสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือการฝึกฝนพิเศษของทุกคน ความเฉื่อยชาใดๆอาจทำให้การประลองชะตาของเขาล้มเหลว ดังนั้นทุกคนต้องฉวยเวลาช่วงสุดท้ายกดดันให้เขาระเบิดศักยภาพออกมาเรื่อยๆ..” เสียงของเสวี่ยอู๋เสียอ่อนโยนแต่ความหมายในคำพูดนั้นหนักแน่นมาก
“ข้าขอคนแรกก่อน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ลังเลนางรู้เช่นกันว่าเวลาในตอนนี้แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็มีค่ามากกว่าปกติถึงพันเท่าหมื่นเท่า นางไม่อาจเสียเวลาได้แม้แต่หนึ่งหรือสองวินาที
เย่ว์หยางและเทียนอี้จะมีการเผชิญชะตาประลองกันคนภายนอกไม่อาจร่วมได้
อย่างไรก็ตามนางจะไม่ยอมแพ้ ไม่สามารถเข้าร่วมในสงครามได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าช่วยเขาไม่ได้!
ไม่เพียงแต่แม่เสือสาวเท่านั้นแต่ทุกคนที่นี่ก็มีความคิดเช่นนี้ ทุกคนหวังว่าจะใช้มือตัวเองช่วยเกาะกุมชัยชนะให้เขา!
**** **** ****