ตอนที่ 1363 ช่วยสร้างปาฏิหาริย์ด้วยกัน!
“เอาล่ะ, มาคุยธุระกันเถอะ” หลังจากเหตุการณ์เอะอะวุ่นวายแล้วเสวี่ยอู๋เสียปรบมือและให้ทุกคนแบ่งปันข้อมูลกันและกันและพูดถึงการเผชิญกับพลังชะตาด้วยกัน
“ตอนนนี้เราอย่าเพิ่งออกไปข้างนอกชั่วคราวได้ไหม? เทพพิทักษ์เขากวงหมิงร่างสูงสี่หมื่นเมตรเทพพิทักษ์ทะเลมรณะร่างสูงหกหมื่นเมตรและยังมีเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ที่อาจจะมีพลังมากกว่าปีศาจเฒ่าเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เราจะสู้ได้ในตอนนี้!” ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกว่าปีศาจเฒ่าเหล่านี้พลังฝีมือมากเกินไปถ้าพวกเขาไม่ระมัดระวัง พวกเขาอาจจะถูกทำลายได้ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องต้องอายกัน
“แค่แขนเดียวก็หมื่นกว่าเมตรแล้วนั่นเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด” สาวน้อยมารเคราะห์ฟ้าพูดสนับสนุนนาง แม้ว่าพวกนางมีสถานะส่วนตัวดีมากพวกนางกระตือรือร้นได้ทุกวัน เถียงกันได้ทุกวัน แต่ครั้งนี้นางเห็นด้วย
“นั่นคือเทพพิทักษ์เขากวงหมิงแดนสวรรค์ไม่ใช่หัวหน้าใหญ่ที่เราต้องสู้!” เย่ว์หยางอ่อนอกอ่อนใจ
เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปสู้ด้วย
เกรงว่าเทพโบราณที่ชอบหลับนั้นบางทีอาจเป็นเทพจอมราชันย์แต่เพราะเหตุผลบางอย่างเขาต้องอยู่ดูแลแดนสวรรค์....เป็นไปไม่ได้ที่สิ่งมีชีวิตโบราณอย่างนี้จะเข้าร่วมต่อสู้ได้เป็นเพราะมังกรปีศาจพาตัวเขาเข้าไปหาเทพผู้นี้เพื่อเป็นการตรวจสอบพิสูจน์ได้ว่าต้องมีการเผชิญกับชะตาอย่างมากแน่นอน
มิฉะนั้นมังกรปีศาจคงไม่นำเขาไปหาเทพผู้นี้ด้วยตนเอง!
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นด้วยกับเขา“ใช่, นั่นยังไม่สำคัญแต่สิ่งที่ข้าห่วงที่สุดก็คือผู้อาวุโสที่ผนึกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมากกว่า”
เทียนฟาโบกมือ “หลายเรื่องในอดีตซับซ้อนและนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ได้คุยให้เราฟัง ควรจะมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ที่สำคัญคือการเข่นฆ่าของนางถึงระดับที่อันตรายมาก ผู้พิทักษ์เขากวงหมิงและปีศาจเฒ่าหลายตนไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆได้ บางทีการปิดผนึกหลุมดำอาจเป็นการป้องกันแบบหนึ่งเป็นบททดสอบที่เข้มงวดโดยเจตนา และไม่มีใครรู้ความจริงโดยเฉพาะเจาะจง ก่อนอื่นลองสมมติว่าเรื่องต่างๆเป็นไปในเชิงบวกและอย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป เรื่องราวของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีละเว้นไว้ชั่วคราวก่อนและนางไม่ต้องการให้เราเข้าไปแทรกแซงเรามาดูเฉพาะการเผชิญหน้ากับชะตาของเราเองและหนุ่มน้อยเย่ว์กันเถอะ”
ความเห็นของนางได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่แม้แต่เย่ว์หยางก็รีบยกมือสนับสนุนความเห็นของสาวเทียนฟานี้
เรื่องของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ต้องไปกังวลห่วงนาง
ราชันย์ไร้ใจซึ่งถูกฝ่าบาทกักไว้ในมิติลวงก็สามารถปล่อยวางไว้ได้ชั่วคราว
ตอนนี้ไม่มีใครรวมทั้งเย่ว์หยางที่มีความสามารถเข้าสู่ความฝันเพื่อช่วยนางได้
“ฝ่าบาทจะต้องชนะนางไม่เคยทำอะไรโดยไม่แน่ใจ” เย่ว์หวี่พี่สาวผู้นี้เข้าใจคนได้ดีนางเกรงใจคนและกลัวว่าน้องชายจะเสียสมาธิ นางใช้คำพูดปลอบโยนเขา
“ยังมีจักรพรรดินีราตรีคอยช่วยนาง!” มีแต่เพียงเป่าเอ๋อสาวน้อยที่ไร้ความคิดรู้สึกว่าจักรพรรดินีราตรีคือคนสำคัญที่จะช่วยให้เอาชนะราชันย์ไร้ใจได้ นางไม่ได้บอกทุกคนว่าไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่นางพูดไปหัวเราะไป
“ข้าจะไปช่วยเตรียมจัดผลไม้ให้สาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ทำคนเดียวจะยุ่งยากเกินไป” เซี่ยอีรีบแยกตัวออกไป
“อย่างไรก็ตามข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น จักรพรรดินีราตรียังคงร้ายกาจมากครั้งล่าสุดนางมอบอสูรศึกดาวเอลฟ์ที่สวยงามและทรงพลังกับข้านางต้องเอาชนะตาแก่นั่นได้อย่างไม่มีปัญหา เป่าเอ๋อรู้สึกว่าคำโน้มน้าวของนางยังไม่เพียงพอแต่เซี่ยอีเดินแยกออกไปแล้ว ความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีราตรีทรงพลังมาก ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการเอาชนะราชันย์ไร้ใจให้ได้นั่นเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง ที่สำคัญคือเขามีบัลลังก์เทพเขากวงหมิงนอกจากนี้ทั้งวิญญาณและภูเขากวงหมิงมีความเกี่ยวข้องกันกับปีศาจเฒ่าโบราณ
ตราบเท่าที่ไม่ถูกฆ่าทันที
อย่างนั้นพลังเทพไร้ที่สิ้นสุดแห่งภูเขากวงหมิงจะคอยสนับสนุนราชันย์ไร้ใจภายใต้การนำทางของบัลลังก์เทพภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ราชันย์ไร้ใจในดินแดนสวรรค์บนมีฝีมือไล่ตามสุดยอดนักสู้อย่างเทียนอี้และนั่นคือเหตุผลให้เขาหยิ่งลำพองต่อทั้งโลกน่าเสียดายที่เขาพบกับศัตรูที่น่ากลัวที่สุด ฝ่าบาท ต้องบอกว่าเป็นดาวข่มของเขา
ในดินแดนความฝันของฝ่าบาทไม่มีอะไรทำลายได้ แข็งแกร่งมากจนเทียนอี้ไม่กล้าดูแคลน.. ราชันย์ไร้ใจเผชิญกับกำแพงเหล็กผนังทองแดงแล้วในคราวนี้
และนี่ไม่ได้หมายความว่าเทียนอี้เจตนาใช้วิธียืมดาบฆ่าคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกของเขาที่หน้าจัตุรัสเวลา
ทำให้เย่ว์หยางสงสัย
“อืม. เราไม่ต้องคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบางทีราชันย์ไร้ใจอาจตายในเงื้อมมือของจักรพรรดินีราตรีก็ได้ อย่าลืมทักษะพิเศษของเป่าเอ๋อสาวน้อยนางนี้ปากไม่ธรรมดา บางทีนางพูดส่งเดชแต่ก็แม่นยำไม่น้อย ไม่อย่างนั้นนางจะเป็นสาวน้อยนำโชคได้อย่างไร!” เสวี่ยอู๋เสียยิ้มและพูดปกป้องนาง
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงปีศาจเฒ่าคงโชคร้ายเกินไปแน่ๆ!” เจ้าเมืองโล่วฮัวได้ยินแล้วมีความสุข นางยิ้มให้เขาและยักไหล่ตรงๆเหมือนต้องการหยอกล้อเย่ว์หยาง นางอดยิ้มและอิงอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยางไม่ได้
“เป็นไปไม่ได้!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าคัดค้าน “ปากน้อยๆของเป่าเอ๋อมีความสามารถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? นางอาจจะพูดถูกครั้งหรือสองครั้งยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เรื่องหลักก็คือยกระดับพลังของคุณชายสามไม่ต้องแกล้งโง่มองตรงอื่น นี่พูดถึงเจ้า! เทพพิทักษ์ทะเลมรณะ ยังมีจักรพรรดิไร้เทียมทานคอยสู้กันตัวต่อตัว แต่เทพพิทักษ์เขากวงหมิง เราจะต้องเผชิญหน้าถ้าขนาดมังกรปีศาจยังสู้ไม่ได้ เจ้าเคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่น่ากลัวบ้างไหม?มังกรปีศาจจะถูกบังคับให้ชมดูอยู่รอบนอก เพราะสุดท้ายเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของหอทงเทียนเรา ถ้าเทียนอี้เปิดการประลองตัดสินชะตาบางทีมังกรปีศาจก็ต้องยืนดูอยู่วงนอกโดยช่วยอะไรไม่ได้”
“นั่นหมายความว่าอาจารย์คนเดียวต้องสู้กับเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ใช่หรือเปล่า?”หลิวเย่เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางรีบพูด
“ยังมีเรา!” อู๋เหินรีบปลอบนาง
“ใช่, เราจะต้องพยายามอย่างหนักเช่นกัน!” สาวน้อยเย่ว์ปิงรู้ว่านักสู้ระดับเทพไม่สามารถเอาชนะนางได้แต่นางไม่ยอมแพ้ยังมุ่งมั่นช่วยเหลือพี่ชายจนสุดขีดจำกัดพลังแห่งชีวิต
“ปิงเอ๋อ! ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะคิดหาวิธีที่ดีสักทางบางทีเราอาจใช้พลังในด้านอื่นได้มากกว่านี้” เย่ว์หวี่กอดน้องสาว และคำพูดของนางแสดงความปรารถนาของทุกคน
“เจ้ามีคัมภีร์แห่งสัจจะทั้งยังได้รับมรดกแห่งเทพธิดาปัญญา ต้องมีสักทางหนึ่งแน่สำหรับเจ้า” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่งงานสำคัญให้เสวี่ยอู๋เสีย
“เราจะทำอะไรกันต่อครู่หนึ่งทุกคนล้อมวงเข้ามาใกล้ แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่เว้น
เสวี่ยอู๋เสียไม่พูด
นิ้วของนาง
ชี้ไปทางเทพธิดาเสรีภาพ
อิงหลัวซึ่งได้รับการเลื่อนระดับจากเทวีเสรีภาพเป็นเทพธิดาเสรีภาพแน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง แต่จำเป็นต้องใช้วิธีนั้นหรือไม่? อิงหลัวเห็นทุกคนให้ความสนใจตนเองและแววตาของพวกนางแตกต่างกันไป นางอดรู้สึกอับอายไม่ได้ นางใช้มือปิดหน้าและก้มหน้าไม่กล้ามองไปที่ทุกคนอีกถ้านางไม่หวังว่านางจะสามารถช่วยเย่ว์หยางได้ นางคงหนีไปด้วยความละอาย
เย่ว์หวี่หน้าแดง สถานะของนางคือพี่สาวนี่นางจะทำยังไง...
แต่น้องชายนางและเทียนอี้มีชะตาต้องเผชิญหน้ากัน
หากต้องล้มเหลวโดยปราศจากความช่วยเหลือเขา อย่างนั้นเขามิต้องกลายเป็นคนบาปไปตลอดกาลหรือ? แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจเป็นเช่นนี้ได้มันยุ่งยากเกินไป ถ้าปล่อยให้คนภายนอกรู้ก็คงจบกัน ไม่ ไม่อาจปล่อยให้ชื่อเสียงของน้องสามเสียหายได้อนาคตเทพจอมราชันย์จะเป็นอย่างนั้นไม่ได้!
พี่สาวที่หวังจะช่วยน้องชายนางอย่างเข้มแข็งแต่รู้สึกถูกตำหนิจากคุณธรรมทางโลก นางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
อย่างไรก็ตามหากมาถึงช่วงเวลาที่อันตรายและวิกฤตที่สุด
แม้จะเสียสละตนเองนางก็ต้องทำ...
“ต้องการทำแบบนั้นเร็วนักหรือ?ข้ายังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจเลย!” สาวน้อยมารเคราะห์ฟ้ารู้สึกว่านางยังอยากให้เขาเป็นพี่เขยและคอยแบล็กเมล์เอาสมบัติวิเศษนางจะรู้สึกสบายใจมากกว่า แต่พี่เทียนฟาของนางชอบให้เขาเป็นแบบนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะลองทำ ถ้ารู้สึกดีก็สามารถช่วยเขาได้เล็กน้อย สำหรับการเรียกชื่อพี่เขยนางคร้านจะเปลี่ยนคำเรียกหา
“เด็กโง่เจ้าคิดถึงเรื่องแบบนี้ตลอดทั้งวันหรือ?” เทียนฟาตีสะโพกนาง “เขาหมายถึงบัลลังก์เทพของนาง”
“นั่นคือบัลลังก์เทพ?” มารเคราะห์ฟ้าประหลาดใจ นางปรบมือเบาๆ
เผียะๆๆๆเทียนฟาตีก้นนางเพื่อสาวน้อยรีบลุกขึ้นและรีบหนีออกไป เมื่อหนีออกไปห่างนางหันหน้ามาทำท่าล้อเลียน นางเคยได้ยินพี่เทียนฟากับเด็กหนุ่มข้ามโลกพูดคุยบางคำเวลามีสัมพันธ์รักบางคำก็ฟังไม่ได้ แต่นางก็ได้ยินและจำไว้
เทียนฟายกมืออย่างอ่อนใจ“ข้าตามใจนางจนเสียคนแล้ว!”
หลังจากความเข้าใจผิดของมารเคราะห์ฟ้า ทุกคนหายอึดอัดใจในที่สุดเย่ว์หยางก็ต้องเลิกแกล้งทำเป็นโง่ต่อไปและรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “คำถามเกี่ยวกับบัลลังก์เทพนั้นง่ายมาก” ก่อนที่เขาจะพูดจบองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำหมัดทันที “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องบัลลังก์เทพเลย แค่ลบเรื่องลามกออกไปจากใจเจ้าทันทีเดี๋ยวนี้”
ทุกคนหัวเราะทันที
เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจเด็กหนุ่มข้ามโลกมีความคิดแปลกประหลาดอยู่ในใจโชคดีที่ทุกคนสามารถยกเลิกไม่ให้ความสนใจได้มิฉะนั้นขืนเชื่อมโยงจิตใจทั้งวันทุกคนคงทนไม่ได้
“?”ดูเหมือนเย่ว์ปิงจะเข้าใจความหมายของทุกคน เพราะหมาป่าเจ้าเล่ห์นั้นคือพี่ชายที่แสนดีของนางและเขาปกปิดจากน้องสาวไว้เป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงแทบไม่รู้สึกถึงความคิดลามกในใจพี่ชายนาง แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันแต่นางแทบจะไม่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เป็นอันตรายเทียบกับเย่ว์หวี่นางค่อนข้างรู้สึกเจ็บปวด
“เดิมทีคือบัลลังก์เทพ..” หลิวเย่รู้สึกอายและในขณะเดียวกันนางถอนหายใจโล่งอก นางรู้สึกผิดหวังลึกๆ ในใจ แต่นางรู้สึกกลัวจึงรีบข่มไว้อย่างรวดเร็ว
เย่ว์หยางช่วยต่อร่างให้เทพธิดาเสรีภาพและสร้างบัลลังก์เทพไปด้วย
ทุกคนรู้สึกถึงกระบวนการนี้และเขาไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้เพื่อทำความเข้าใจแต่ทำไมเสวี่ยอู๋เสียถึงระบุว่ากุญแจความก้าวหน้าก็คือบัลลังก์เทพ?
นางต้องการให้เย่ว์หยางช่วยให้ทุกคนได้บัลลังก์เทพหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่ใช้เวลามากเกินไปหรือ? สี่วันหลังจากช่วงเวลาสิบวันที่ตงฟางกำหนดไว้จะสายเกินไปหรือเปล่า?
เสวี่ยอู๋เสียจับมือเขาเขย่าบอกเขาว่าไม่ใช่อย่างนั้น
เมื่อเย่ว์หยางนั่งลงฟังอย่างจริงจังเสวี่ยอู๋เสียยิ้มเล็กน้อย “หากยังมีบัลลังก์เทพสองหลังอยู่ข้างหลัง ดังนั้นบัลลังก์เทพนิรันดร์ย่อมเป็นรากฐานที่เย่ว์หยางเชี่ยวชาญในตอนนี้ เราไม่ต้องคิดถึงบัลลังเทพอีกสองหลังที่จะตามมาในตอนนี้ก่อน อาจกล่าวได้ว่านั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ ทำไมข้าถึงพูดอย่างนั้น? อนาคตของเย่ว์หยางไม่ใช่อยู่ที่บัลลังก์เทพแต่เป็นเทพจอมราชันย์ ทั้งเป็นเทพจอมราชันย์ที่เหนือธรรมดา ส่วนระดับเราจะถูกจำกัดอยู่ที่บัลลังก์เทพมาโดยตลอด หากเราเปลี่ยนแปลงความคิดสักเล็กน้อยเราก็ไม่จำเป็นต้องช่วยให้เขาได้บัลลังก์เทพแต่อย่างใด แต่บนพื้นฐานของบัลลังก์เทพ ณจุดเริ่มต้นบัลลังก์เทพนิรันดร์นี้ สำหรับเขานี่เป็นความสำเร็จระดับร่างเทพอมตะ นี่ก็นับว่าดีแล้ว!”
เย่ว์หยางตัวแข็ง นี่หมายความว่าอะไร?
สาวหิมะตั้งใจจะบอกว่าบัลลังก์เทพนิรันดร์เป็นแค่บัลลังก์เทพที่ใช้ชั่วคราวเท่านั้นยังมีที่ดีกว่านี้ในอนาคตอีกหรือ?
เมื่อเห็นสายตาตั้งคำถามของเย่ว์หยางและความสับสนของทุกคนเสวี่ยอู๋เสียยิ้ม ความจริงแล้วสามสาวเทวทูตพี่น้องออกมา ข้าก็เข้าใจได้นิดหน่อย แน่นอนว่าพวกนางเป็นคนแรกที่ให้ความรู้แก่เย่ว์หยางและเป็นคนแรกที่ช่วยให้เขาได้บัลลังก์เทพสำเร็จ พวกนางสอนเย่ว์หยางว่าความนิรันดร์คืออะไรและมีเพียงความนิรันดร์เท่านั้นที่เป็นรากฐานและเป็นพื้นฐานสำหรับความสำเร็จต่อยอดในอนาคตทั้งหมดนั่นคือเหตุผลที่บัลลังก์เทพของเย่ว์หยางเป็นบัลลังก์เทพนิรันดร์ที่เขาได้สร้างไว้ สิ่งที่เขาสร้างขึ้นไม่เพียงแต่เป็นดินแดนปัจจุบัน และสิ่งเล็กน้อยแค่นี้แต่เขาต้องก้าวหน้าขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่นโลกคัมภีร์ในปัจจุบันเติบโตมาพร้อมกันกับเขา ตอนนี้การเติบโตของเย่ว์หยางยังคงดำเนินต่อไปไม่จำกัดอยู่ที่แค่บัลลังก์เทพแน่นอน สำหรับคัมภีร์เทพเล่มอื่นข้าไม่สามารถพูดได้มากเกินไป ในขณะนี้ข้าพูดได้ว่าเย่ว์หยางจะมีชะตาของเขาแน่นอนและเขาจะต้องเลื่อนระดับพลังสูงขึ้นไปอีกแน่นอน.... ก่อนจะควบคุมชะตาได้อย่างสมบูรณ์ข้าไม่คิดว่าบัลลังก์เทพที่สามของเย่ว์หยางจะมีวิวัฒนาการหรือมีความต้องการวิวัฒนาการในระดับสูงขึ้นไป เมื่อวันหนึ่งเย่ว์หยางด้วยการสนับสนุนของบัลลังก์เทพนิรันดร์ได้สร้างโลกใหม่ของตัวเองและควบคุมชะตากรรมของตนเองอย่างสมบูรณ์แล้วก็ยังไม่สายเกินไปที่จะพุ่งเป้าไปที่บัลลังก์เทพที่สามด้วยการสนับสนุนของเรา”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังแล้วนางสูดหายใจลึกดวงตาเปล่งประกายปัญญา “เข้าใจแล้ว เราจะทำอะไรให้เขาได้โดยอาศัยบัลลังก์เทพนิรันดร์ข้าหมายถึงวิธีช่วยให้เขาสร้างร่างอมตะที่สามารถเอาชนะเทียนอี้ในการเผชิญกับชะตากรรม?”
“จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย”เสวี่ยอู๋เสียส่งคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝนให้เย่ว์หยางและกล่าวพลางยิ้ม “ใช้คัมภีร์เทพ และร่างเทพศักดิ์สิทธิ์จะเหมือนน้ำที่หลั่งใหล”
“พระเจ้า จะต้องใช้เวลานานเท่าใด!” เย่ว์หยางตกใจ
“บางทีต้องใช้เวลาวันหนึ่งหรืออาจใช้เวลาหมื่นปีถ้าเจ้าสามารถระลึกถึงภูมิปัญญาที่เจ้าสร้างขึ้นในมิติไร้ที่สิ้นสุด คัมภีร์เทพโลกฝึกฝนจะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและจะอยู่ในความควบคุมของเจ้าโดยสิ้นเชิง ถ้าเจ้าไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขนั้นได้สำเร็จอย่าว่าแต่หมื่นปี แสนปีเลย ต่อให้เป็นล้านปีก็คงไม่พอ”เสวี่ยอู๋เสียใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าเย่ว์หยางและจ้องมองเขาด้วยสายตาจริงจังอย่างยิ่ง “ฟังให้ดี! เทพบุตรที่ดีที่สุดในหัวใจข้า ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้าเพราะเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งไม่เคยปรากฏมีมาก่อนในช่วงหมื่นปีเจ้าโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับจักรพรรดิอวี้จ้านฟงและนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ ไม่มีใครปฏิเสธเจ้าได้ เจ้าคืออัจฉริยะไร้เทียมทานเจ้ายังคงต้องเลือกเส้นทางโชคชะตาของเจ้า...ภารกิจนี้เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนในโลกจะทำสำเร็จ มีเพียงแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำได้ เราจะสนับสนุนเจ้าและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือเจ้าถ้าเจ้าไม่ต้องการให้เรากลายเป็นม่ายอยู่อย่างสิ้นหวัง เจ้าต้องลงมือทำตอนนี้ หากเจ้าลังเลสักนิดเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้จะชิงขึ้นหน้าเจ้า เหนือกว่าเจ้า เราเริ่มต้นกันช้าแต่ตราบใดที่เราทำงานกันอย่างหนัก เรายังมีโอกาส... เพื่อเราโปรดเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่า”
“ข้ารู้ว่ามันยากแต่เราเชื่อมั่นว่าเจ้าสร้างปาฏิหาริย์ได้ และเราจะอยู่ช่วยเจ้าสร้างปาฏิหาริย์นี้กับเจ้า...” เสวี่ยอู๋เสียจูบเย่ว์หยางเบาๆเป็นการส่งความจริงใจของนางให้เขาทั้งหมด
“เสี่ยวซาน ข้า และพวกเราสนับสนุนเจ้า!” เย่ว์หวี่หลั่งน้ำตาและกอดน้องชายที่รักจากด้านหลัง
“มาสร้างปาฏิหาริย์ด้วยกันเถอะ...” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกดไหล่เย่ว์หยางทุกคนยืนขึ้นและยื่นมือออกมา แม้ว่าพวกนางจะไม่รู้ว่าทำอย่างไรแต่จิตใจของพวกนางทุกคนทุ่มเทเพื่อเขาไม่ว่าจะต้องเสียสละอะไรก็ตามพวกนางทุกคนหวังว่าพวกนางสามารถช่วยให้เขาเดินทางในเส้นทางชีวิตต่อไปได้
ต้องช่วยให้เขาประสบความสำเร็จช่วยให้เขาควบคุมคัมภีร์เทพได้และสำเร็จร่างอมตะ
ทุกคนหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น
น้ำตาบางหยดรดลงบนไหล่เย่ว์หยางบางหยดรดลงบนคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝนในแขนของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงหัวใจที่ระอุกรุ่นของเขาหัวใจของเขาพลุกพล่านราวกับเผชิญคลื่นสึนามิและเขาไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นได้ เขาอยากตะโกนขึ้นฟ้าและระบายอารมณ์ที่เขามิสามารถระงับได้ทันใดนั้นในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขามีเสียงดังไพเราะเหมือนเสียงธรรมชาติดังออกมา เสียงไพเราะเกินบรรยายจิตใจของเย่ว์หยางสะท้านราวกับว่าทะลุกำแพงขวางกั้นบางอย่าง
ความสว่างไม่รู้จบขยายออกมา!
เพลิงอมฤตลุกพรึ่บจากเท้าของเย่ว์หยางอาบทุกคนไว้ในภายใน...
**** **** ****