ตอนที่ 1362 จุดเริ่มต้นพลังนิรันดร์
เย่ว์หยางไม่รู้ว่าผลสุดท้ายของการต่อสู้ระหว่างฝ่าบาทกับราชันย์ไร้ใจจะเป็นเช่นไร
เพราะทันทีที่ราชันย์ไร้ใจลงมือหัวซิ่วรี่ก็เตะเขาออกจากฝันลวงตาทันที
ขาดการเชื่อมต่อทางใจ
เย่ว์หยางตื่นขึ้นทันที
เทพธิดาเสรีภาพยังอยู่ในอ้อมอกจมอยู่ในฝันที่เป็นสุขซึ่งมิอาจพรรณนา
นางเอนตัวเอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มข้ามโลก แขนหยกเรียวงามของนางโอบกอดคอเขาราวกับว่าอยู่ในความฝันนางก็กอดเขาแน่นและนางทนไม่ได้ที่จะปล่อยเขาแม้เพียงชั่วครู่ เย่ว์หยางลืมตาและชักมือกลับเขานึกถึงความฝันชั่วขณะ.. เขาเข้าสู่ความฝันของฝ่าบาทหัวซิ่วรี่จริงๆ หรือเขาเห็นจักรพรรดินีราตรีและราชันย์ไร้ใจจริงๆเห็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ที่หน้าจัตุรัสเวลาหรือเปล่า? นั่นเป็นความฝันหรือความจริง?
และการรู้แจ้งในความฝันเล่า?
“เกิดอะไรขึ้น?” การเปลี่ยนแปลงของเย่ว์หยางปลุกเทพธิดาเสรีภาพและนางยังรู้สึกงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น
“ไม่มีอะไร นอนต่อเถอะ!” เด็กหนุ่มข้ามโลกปลอบนางและก้มหน้าจูบนางเบาๆ เมื่อนางหลับฝันต่อเขารีบลุกขึ้น
มอบคุณสมบัติที่เป็นนิรันดรทั้งหมดของตัวเองและทำให้ทุกอย่างของตนเองเป็นนิรันดร์นี่คือการรู้แจ้งของฝ่าบาทแต่เขาจะทำได้อย่างไร? เริ่มด้วยบัลลังก์เทพนิรันดร์กับพลังเทพ?
เย่ว์หยางถือคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝีมืออย่างนุ่มนวล
ตรวจสอบหาพลังเหนี่ยวนำ
หวังว่าจะได้รับการรู้แจ้งและการหยั่งรู้ทางจิตวิญญาณมากขึ้น
เป็นเวลานานเขาเพ่งสมาธิไปที่กลุ่มดวงดาวบริสุทธิ์
“ความนิรันดร?” ความเป็นนิรันดร์เป็นรากฐานของทุกสิ่งหากไม่มีสิ่งนี้ทุกอย่างก็กลายเป็นของเล็กน้อย ทุกอย่างจะกลายเป็นอดีตแม้ว่าจะแข็งแกร่งราวกับว่าไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่นเดียวกับราชันย์ไร้ใจแม้ว่าเขาจะมีพลังวิญญาณทั้งหมดของบัลลังก็เทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมต่อกับภูเขากวงหมิงก็ตาม แต่เมื่อเผชิญกับความนิรันดร์ก็กลายเป็นเพียงโศกนาฏกรรมที่ไม่สามารถเอาชนะเหนือความฝันผู้อื่นได้ เมื่อเผชิญกับความนิรันดร์ไม่ว่าพลังเทพจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามก็เป็นแค่ความว่างเปล่าและไร้พลังเช่นกัน”
เย่ว์หยางพูดกับตนเองความรู้สึกในใจของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และแรงบันดาลใจขับเคลื่อนที่สะสมก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม เขาต้องการชนวน
จะต้องจุดชนวนระเบิด
ต้องปล่อยให้ประกายแห่งแรงบันดาลใจระเบิดออกมา
“ใครจะบอกพื้นฐานแห่งความนิรันดรให้ข้าได้บ้างไม่ ใครจะบอกพื้นฐานของบัลลังก์เทพนิรันดร์ให้ข้าทราบได้บ้างจะให้ข้าเริ่มก้าวเดินตรงจุดไหน..?” เย่ว์หยางเข้าใจและตัดสินใจที่จะเริ่มพยายามบรรลุบัลลังก์เทพนิรันดร์ของเขา แต่เขายังไม่รู้ว่าเป้าหมายแห่งความสำเร็จชั่วนิรันดร์ครั้งแรกของเขาควรเป็นอะไร
“คัมภีร์เทพ!” หมอกเทพเจ้าไม่รู้ว่าปกคลุมโลกคัมภีร์ทั้งหมดตั้งแต่เมื่อใดสามเทวทูตสาวค่อยๆ ลอยมาจากระยะไกล เมื่อพวกนางเดินมาถึงข้างหน้าเย่ว์หยางลืมตาจ้องมองอีกครั้งและพบว่าพวกนางคือ ช่วงเจ้า (สร้าง) หุ่ยเมี่ย(ทำลาย) และ หย่งเหิง (นิรันดร์) สามสาวเทวทูตผู้น่ารักในชุดขาวมีขนาดความสูงที่ต่างกันหย่งเหิงชี้ไปทางคัมภีร์เทพที่เขาฝึกปรือผ่านด่าน พลางยิ้มกล่าว “ถ้าความนิรันดร์คือพื้นฐานของชีวิตของเจ้า เจ้าก็ต้องสร้างโลกที่เป็นของเจ้าเองก่อนการทำลายล้างจึงจะมาถึง จงวางทุกอย่างในชีวิตของเจ้า
“ทำไมต้องเป็นคัมภีร์เทพ?”เย่ว์หยางเข้าใจเงื่อนไขความนิรันดร์ แต่ในใจยังงงอยู่
“เพราะคัมภีร์เทพเป็นพื้นฐานในการสร้างโลก” ใบหน้ากลมน่ารักดูเป็นมิตรของของช่วงเจ้า(สร้าง) ยิ้มให้กับความสงสัยของเย่ว์หยาง “เจ้าผ่านการฝึกฝนมาแล้วเจ้าจะต้องสร้างอนาคตของเจ้า ซึ่งแต่เดิมนั่นไม่ใช่เป็นโลกของเจ้า
“ในขณะเดียวกันเจ้าสามารถทำลายอดีตที่เจ้าไม่ต้องการก็ได้”หุ่ยเมี่ยสาวห้าวพูดเสริม
“เมื่อทุกอย่างของเจ้ากลายเป็นนิรันดร์อย่างนั้นเจ้าสามารถเพิ่มหรือสร้างสิ่งที่เจ้าต้องการบนพื้นฐานนี้” หย่งเหิงอยู่ข้างหน้านางถือแสงเทพศักดิ์ดุจดวงดาวไว้ในมือของนางและส่งมอบให้เย่ว์หยางอย่างสุภาพ “เมื่อเจ้าบรรลุความเป็นนิรันดร์อย่างแท้จริงแล้ว เจ้าจะใจว่าความนิรันดร์เป็นเพียงจุดเริ่มต้น บนพื้นฐานของความนิรันดรเจ้ายังสามารถขยายและรวมชีวิต เจตจำนงสมบัติของเจ้า ฯลฯ จากนั้นก็ขยายออกไปได้อีก ความสำเร็จในอนาคตเจ้าจะสูงมากขึ้น... สำหรับบัลลังก็เทพเป็นเพียงการนำเสนอขอบเขตของเจ้ามาตรฐานที่กำหนดขึ้นสำหรับสิ่งมีชีวิตและทุกสิ่งในชีวิตของเจ้าหรือประตูทางเข้าหรือกฎสวรรค์ที่สร้างขึ้นตามความปรารถนาของเจ้า”
“นี่ไม่ใช่เป็นของเจ้าทั้งหมดตรงกันข้าม ความจริงนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเจ้า อนาคตของเจ้าคือเทพจอมราชันย์เจ้าไม่จำเป็นบรรลุพลังบัลลังก์เทพเหมือนคนอื่นที่ถือว่าบัลลังก์เทพเป็นมาตราฐานขอบเขตสูงสุดสิ่งที่เจ้าต้องทำคือมีบัลลังก์เทพและสร้างกฎสวรรค์เพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ติดตามเจ้าสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไร้กังวลในโลกของเจ้าตามมาตรฐานนี้”
“จำสิ่งที่เจ้าเรียนรู้ในโลกไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้ให้ดี!”
“นั่นคือผลงานชิ้นเอกที่น่าตื่นเต้นและสมบูรณ์แบบที่สุดของเจ้าในพริบตาที่เจ้าจุดกำเนิดบัลลังก์เทพของเจ้าจะได้ถือกำเนิดทันที
เย่ว์หยางได้ยินเช่นนี้
รู้สึกสะท้านอยู่ในใจ
เขาจำได้ในโลกไร้ที่สิ้นสุดในการทำความเข้าใจรู้แจ้งครั้งสุดท้ายเขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อสร้างวัตถุที่ไม่มีอยู่ในพื้นที่แบบพิเศษและนั่นเป็นรูปแบบชีวิตที่คาดไม่ถึง นั่นคือจุดกำเนิดของบัลลังก์เทพของเขาหรือไม่?นี่คือจุดกำเนิดความนิรันดร์หรือไม่?นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของการทดสอบที่แท้จริงของมหาเทพโบราณหรือ?
บางทีอาจเป็นจิตวิญญาณที่อยู่ลึกในร่างกายซึ่งเป็นแหล่งที่มาของพลังกลืนกินในร่าง อย่างไรก็ตามแม้แต่เย่ว์หยางก็ยังสับสน
ลำแสงสายหนึ่งถูกส่งออกมาโดยตรง
มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากเล็กเท่านิ้วมือเด็กผู้หญิงบินออกมาทันที
นางขับขี่มังกรบินที่มีรูปร่างคล้ายกับอสูรทองน้อย ร่างเล็กสีชมพูเหมือนกับไหมสีแดงที่สร้างโดยเพลิงอมฤตมีห่วงเงินเล็กคล้องอยู่ที่แขนซ้ายมองดูคล้ายกับวงจักรนิรันดรห่วงทางขวาคล้ายกับวงจักรล้างโลก มีอักขระรูนขนาดเล็กและเล็กมากบนหน้าผากของเธอแม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่รู้ เขาได้แต่เดาว่าเป็นอักขระรูนโบราณที่พิเศษและหายากมากสิ่งที่ทำให้เยว์หยางตกใจมากที่สุดก็คือเบื้องหลังสิ่งมีชีวิตตัวน้อยมีบัลลังก์เทพหลุมดำภายใต้แสงดาวที่มองเห็นได้ลางๆขอบเขตและความสง่าทำให้เย่ว์หยางไม่สามารถจินตนาการได้ที่บัลลังก์เทพส่วนนอกสุดมีรัศมีปัญญาและแสงเทพที่เปล่งประกายราวกับสายรุ้ง
“สิ่งนี้ข้าเป็นคนสร้างขึ้นมาหรือ?” เย่ว์หยางยื่นมือออกไปจับมังกรฟ้ามันพันรอบฝ่ามือเขาอย่างมีความสุขและชอบเข้าใกล้เขามาก
“ใช่ นี่คือชีวิตอมตะที่เจ้าสร้างเป็นสิ่งแรกแม้แต่เจตจำนงเทพโบราณก็ไม่สามารถปฏิเสธการเกิดขึ้นของเธอได้ กล่าวคือในโลกนี้ไม่มีการดำรงคงอยู่ที่ส่งผลกระทบต่อเธอและไม่มีใครหรืออำนาจใดสามารถปฏิเสธความเป็นนิรันดร์ของเธอได้”ดวงตาของเทวทูตสาวหน้ากลมเหมือนกับมารดามองดูเด็กหญิงตัวเท่านิ้วมือตาไม่กระพริบ
“ระลึกถึงการรู้แจ้งของเจ้าในเวลานั้น!” หุ่ยเมี่ยสาวเทวทูตผู้กล้าหาญยิ้มกล่าวเช่นกัน “ถ้าเจ้ามองย้อนกลับไป เจ้าจะพบว่าทุกอย่างเรียบง่ายมากบัลลังก์เทพเป็นแค่เพียงความประสงค์ของเจ้าเจ้าสามารถสร้างขึ้นได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส”
“สร้างโลกที่สมบูรณ์แบบนิรันดรคือสิ่งที่เจ้าควรทำ” หย่งเหิงผู้เป็นหัวหน้าแสดงให้เห็นว่าเทพจอมราชันย์สร้างบัลลังก์เทพขึ้นมาเพื่อสนุก ต่อให้เป็นว่าที่เทพจอมราชันย์ก็ตาม
“ข้าช่างโง่จริงๆ!” เด็กหนุ่มจากโลกอื่นหลั่งเหงื่อ
“ฮะฮะ เจ้าก็เป็นตัวโง่งมใหญ่อยู่แล้วเข้าใจไหม!” เมื่อแพนดอราแอบฟังอยู่ด้านข้าง นางโต้กลับทันที“ก่อนหน้านี้ใครยังหน้าบึ้งอยู่เลย?”
“เจ้าฉลาดมาก แต่ไม่ยอมบอกข้า...”คุณชายสามหน้าหนาอยู่แล้ว ถูกว่าแค่นี้เขาไม่ถือสา
ควบสร้างบัลลังก์เทพเย่ว์หยางไม่ต้องทำอะไร
ภูตน้อยเท่าหัวแม่มือมีพลังยิ่งใหญ่ไม่อาจจินตนาการได้และเธอไม่ต้องการคำแนะนำจากเย่ว์หยาง ตราบใดที่เย่ว์หยางนึกด้วยเจตจำนงบริสุทธิ์เธอจะรวมกลุ่มดาวทูนไว้เหนือหัว เย่ว์หยางมองดูเหมือนเป็นของเก่าแก่นี่เป็นพลังระดับเทพผู้ยิ่งใหญ่ภาพบัลลังก์เทพที่สมบูรณ์แบบของเย่ว์หยางถูกควบสร้างทันทีและอักขระรูนไร้ที่สิ้นสุดเติมจนเต็ม
เย่ว์หยางคิดสร้าง แต่นิ้วชี้เล็กๆของเธอชี้ตาม
วงจักรล้างโลกถูกสร้างเข้าไว้ในบัลลังก์เทพและเพิ่มขึ้นมาคือวงจักรนิรันดรตรงกลางบัลลังก์มีเพลิงอมฤตพวยพุ่งออกมาเหมือนกับดอกบัวกลายเป็นบัลลังก์บัวเพลิงอมฤตอันวิจิตรงดงามภูตน้อยกระโดดขึ้นและโบกมือเพลิงอฤตที่อยู่ตรงกลางดอกไม้ที่มีลักษณะคล้ายกับดอกหนามมีเถาหนามรอบขอบด้านในของบัลลังก์เทพ และมีกลุ่มสีดำเหมือนกับสุนัขชูกรงเล็บทำท่าสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ
เขาไม่รู้ว่ามีแสงรังสีฉายลงมาจากท้องฟ้ากี่จุดแต่ละจุดมีภาพที่แตกต่างกัน มีรูปเย่คง เจ้าอ้วนไห่ พี่น้องตระกูลหลี่ผู้คนและอสูรนับไม่ถ้วน มากขึ้นๆจนในที่สุดลำแสงทั้งหมดโรยตัวลงมาเหมือนน้ำตกและรวมกันในหลุมดำในบัลเทพ
“นี่มันหลุมหลบภัยชัดๆ...” เด็กหนุ่มข้ามโลกอ้าปากค้างสามารถยัดขนมปังลูกใหญ่ได้ถึงสองลูก
“โหว โอว...”สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ตื่นเต้นอย่างมาก
“เอาเลย! พยายามให้มากเจ้าจะต้องสร้างสิ่งที่ดีที่สุดได้แน่นอน!” เทวทูตแก้มกลมทำตัวเหมือนเป็นมารดาตัวน้อยพยายามยกมือส่งเสียงเชียร์ภูตน้อย
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
บัลลังก์เทพหลังแรกนี้ซึ่งเป็นตัวแทนความนิรันดร์ในชีวิตเย่ว์หยางถูกควบสร้างสำเร็จอย่างสมบูรณ์
ภูตน้อยไม่ให้โอกาสเย่ว์หยางได้กล่าวชื่นชมบางทีเธออาจจะเหนื่อยเพลีย มือน้อยๆ ของเธอปิดปากทำท่าหาว จากนั้นเปิดประตูกลุ่มดาวเทพเจ้าที่รุ่งเรืองทั้งหมดกลายเป็นหลุมดำทันทีเว้นดาวจุดหนึ่งที่ปรากฏอย่างเลือนลาง นอกนั้นไม่มีอะไรเหลืออยู่ ถ้าใครไม่รู้ก็อาจจะคิดว่าบัลลังก์เทพนี้เป็นแค่บัลลังก์เทพระดับต่ำสุดยังเป็นบัลลังก์เทพระดับเริ่มต้น แต่ใครจะคาดกันเล่าว่านี่คือบัลลังก์มหาเทพที่เทพจอมราชันย์มีนี่คือบัลลังก์เทพระดับสูงสุดเท่าที่จะมีได้!
โดยธรรมชาติแล้วมีเพียงเย่ว์หยางเท่านั้นที่รู้กระบวนการสร้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระแสรังสีฉายลงมาจากท้องฟ้ามีพลังลึกลับชนิดหนึ่งคอยเสริมช่วยอยู่เงียบๆรวมทั้งพลังจิตที่มองไม่เห็นคอยเร่งและเพิ่มวิวัฒนาการเป็นสองเท่าเพื่อให้บรรลุสิ่งนี้บัลลังก์เทพนิรันดร ถ้าไม่ใช่เพราะพลังลึกลับนี้ บัลลังก์เทพนิรันดร์นี้คงไม่เกิดในเร็ววันนี้..
ต้องเป็นเทพธิดากระบี่ฟ้าแน่นางมักจะคอยหนุนหลังเขาอยู่เงียบๆ
เย่ว์หยางตื่นเต้นลิงโลดแต่แสดงออกเหมือนกับเฉยเมย
ถ้านางเป็นหลานสาวของนักพรตเต๋าอย่างนั้นการจะได้โอบเอวนางคงเป็นปัญหาอยู่บ้างอย่างไรก็ตาม นางก็เหมือนกับภรรยาอยู่แล้ว ความเคารพการให้เกียรติอาจารย์เขาก็มีเช่นกัน
เด็กหนุ่มผู้หน้าหนากอดสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์และหันกลับไปมาสองสามครั้งทันใดนั้นเขานึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ “บัลลังก์เทพที่เจ้าสร้างขึ้น ข้าจะต้องรับผิดชอบยังไง?”
“คัมภีร์เทพ!” หย่งเหิง(ผู้นิรันดร์)ส่งคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝนให้เขา “มีหญ้าต้นหนึ่งและไม้ต้นหนึ่ง หินก้อนหนึ่งและทรายเมล็ดหนึ่งอยู่ข้างใน ทุกอย่างต้องการให้เจ้าใช้เจตจำนงเปลี่ยนแปลงรอให้เจ้าเปลี่ยนทุกอย่างในนั้นให้เป็นความนิรันดร์การดำรงคงอยู่ของเจ้าจึงจะมีสถานะเป็นเจ้าของที่แท้จริง มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นเพียงผู้พิทักษ์คัมภีร์คล้ายกับเรา”
“โอวพระเจ้า, แล้วเมื่อจะทำเสร็จเล่า?”เย่ว์หยางเมื่อได้ยินแล้วตกตะลึง บ้าจริงๆ คัมภีร์เทพสำหรับฝึกฝนนี้มันใหญ่โตขนาดไหนเขาไม่คิดว่าตนเองเก่ง การเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์จะทำได้สำเร็จเมื่อใดกัน!
“ค่อยๆ ทำไป เราไม่รีบ” หุ่ยเมี่ยเทวทูตสาวผู้กล้าหาญตบไหล่เย่ว์หยาง
“เเล้วเจ้าเล่า?”เย่ว์หยางถือโอกาสกอดคอนาง
“เรารับผิดชอบดูแลเจ้า ใช่แล้วเรารับผิดชอบงานนี้” หุ่ยเมี่ยพูดถึงพลังของตัวนางเองนั้นยิ่งใหญ่มาก
“มาเถอะๆ เรามาพยายามให้หนักขึ้น!” มีเพียงช่วงเจ้า(ผู้สร้าง) เทวทูตสาวน้อยหน้ากลมที่มีความเชื่อมั่นเย่ว์หยางถ้าไม่ใช่เพราะนางไม่รักษาสัญญา นางอาจเห็นใจช่วยเขาก็ได้
“แย่จริงๆ...”เย่ว์หยางกำลังคิดว่าเขามีคัมภีร์อัญเชิญสามเล่ม และยิ่งกว่านั้นคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝนยังเป็นคัมภีร์ที่น่าเบื่อที่สุด ยังไงก็ตามในคัมภีร์ทั้งสามเล่มนี้ก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไม่รู้จักจบโธ่เว้ย ใครบอกกันเล่าคัมภีร์อัญเชิญดี? คัมภีร์อัญเชิญน่าเบื่อมาก หลายคนเสียชีวิตจากความเหนื่อยล้าเกินไปแต่ไม่มีใครพูดถึง
เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถบอกปัดงานของเขาได้เย่ว์หยางมีสีหน้าขมขื่น ถือคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝนความตื่นเต้นที่ได้บัลลังก์เทพก่อนนั้นหายไปหมด
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มหนังหน้าหนาจากโลกอื่น คิดหาวิธีเกียจคร้านอย่างอื่น
เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงในคัมภีร์งานนี้เขาจะรับเองไม่มีปัญหา แต่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และคัมภีร์เทพฤทธิ์ทั้งสองเขาต้องการให้สามสาวพี่น้องช่วย
สามสาวเทวทูตพอได้ยินแล้ว
ก็จากไปทันทีโดยไม่หันหลังกลับ
ทันใดนั้นหูของเขาได้ยินเสียงที่น่าฟังเป็นพิเศษ“มีดอกไม้ป่าส่งกลิ่นหอมจรุงใจ บ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ แต่บางคนกลับมองไม่เห็นเอาแต่มองไปที่คนอื่น...”
แย่แล้ว ไหน้ำส้มสายชูประจำบ้านกำลังจะร่วง ภายในเสี้ยววินาทีเย่ว์หยางกระโดดและโบกมือให้กับคนที่อยู่ข้างหลังเขา “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ด้วยความจริงใจองครักษ์ประจำตัวของเจ้าอุ่นเตียงรอแล้ว รับประกันคุณภาพใช้ฟรี คุณภาพอย่างดีเอ๋.. นี่แม่เสือสาวไม่ใช่หรือ? ยินดีต้อนรับกลับ เห็นใบหน้าน้อยๆแต่ดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก!”
“ดูมีชีวิตชีวามาก ขนาดจีบสาวได้ในพริบตา ถ้าข้าช้าไปหน่อยคาดว่าคงมีเพิ่มอีกสามคน” แม่เสือสาวใช้นัยน์ตาเสือจับผิดคาดคั้นเด็กหนุ่มข้ามโลก
“อู๋เสีย ช่วยข้าพูดดีๆ หน่อยเถอะเจ้าก็รู้ว่าข้ามีความละอายใจ ไม่เคยแอบขโมยกินตับลับหลัง” คุณชายสามมองหากำลังหนุนในทุกที่
“ในบางครั้งขโมยกินบ้างจะเป็นไรไปพวกเราเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว” สาวหิมะปลอบใจเขาได้จริงๆ
“ไปตายซะ” แม่เสือสาวชักดาบเทพทันที
“พี่หวี่ช่วยด้วย...” มีเพียงคนเดียวที่ช่วยชีวิตเขาได้และนางยินดีจะช่วย พี่สาวที่แสนดีผู้รักน้องชายจากก้นบึ้งหัวใจ
“บัลลังก์เทพนิรันดร์สวยงามมาก ข้าไม่รู้ว่าบัลลังก์เทพอีกสองจะเป็นยังไง” พี่ชายในใจของน้องสาวสมบูรณ์แบบมาตลอด เรื่องราวเล็กน้อยไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องนี้ นอกจากนี้นี่อาจไม่ใช่ครั้งหรือสองครั้งที่พี่สะใภ้ของนางใช้ดาบไล่ฟัน นางคุ้นเคยกับภาพนี้มานานแล้ว ตรงกันข้ามนางสนใจบัลลังก์เทพนิรันดรซึ่งเป็นบัลลังก์เทพแรกบัลลังก์เทพที่สองที่สามจะเป็นอย่างไร?
**** **** ****