ตอนที่ 1359 บัลลังก์เทพเสรีภาพ
“นี่คือบัลลังก์เทพลับ! แต่เดิมนั่นเอง”
เย่ว์หยางอยู่ช่วงออกแบบกระบวนการเชื่อมร่างให้เทวีเสรีภาพพบว่าร่างเทพครึ่งหนึ่งมีบัลลังก์เทพซึ่งไม่มีสำนึกเทพควบคุมหลับใหลอยู่
ตอนแรกพลังของมันอ่อนแอมากจนเย่ว์หยางสำคัญผิดว่านึกไปเอง แต่เมื่อจิตสำนึกโดยสัญชาตญาณและกฎพลังเทพของเทวีเสรีภาพภายใต้การกำกับดูแลของเย่ว์หยางค่อยๆหลอมรวมเข้าด้วยกัน บัลลังก์เทพจึงเริ่มตื่นขึ้นในทันทีและป้อนข้อมูลต่างๆ กลับคืนเข้ามาในใจของเย่ว์หยางอย่างต่อเนื่อง เช่นความลับและข้อกำหนดเบื้องต้นในการบรรลุบัลลังก์เทพเป็นต้น สิ่งนี้ทำให้คุณชายสามตระกูลเย่ว์รู้สึกประหลาดใจและตกอยู่ในความสับสน พลังของบัลลังก์เทพได้สูญสลายไปมากและส่วนใหญ่ยังไม่สมบูรณ์แต่สิ่งที่ทำให้เขาเบาใจขึ้นมากก็คือรากฐานยังสมบูรณ์ทำให้เด็กหนุ่มข้ามโลกที่ยังไม่รู้จักวิธีการยกระดับโล่งอกขึ้นมาก
นอกจากสัญลักษณ์เทพแล้วการควบสร้างบัลลังก์เทพยังมีรากฐานที่ขาดไม่ได้ก็คือพลังเทพศักดิ์สิทธิ์เพื่อเติมเต็มอีกด้วย
พลังเทพศักดิ์สิทธิ์นี้
สามารถขัดเกลาเปลี่ยนแปลงโดยพลังเทพของเจ้าของร่าง
นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงด้วยจิตใจที่กล้าแข็งของผู้เป็นนายหรือความศรัทธาของบริวาร แม้กระทั่งประสบการณ์ชีวิตของผู้เป็นนายอิทธิพลและเหตุการณ์สำคัญที่เจ้านายประสบมาในชีวิต
ตัวอย่างเช่นเทวีเสรีภาพ
ร่างหลักของนางไม่มีพลังเทพใดๆมีแต่พลังเทพทางกรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดมาตามรุ่นซึ่งยังคงเหลืออยู่ในร่างกายครึ่งหนึ่ง
หลังจากเย่ว์หยางชำระพลังเทพทางพันธุกรรมทั้งหมดในร่างของนางและพลังเทพอีกครึ่งหนึ่งของร่างเทพครึ่งหนึ่งเขาประหลาดใจที่พบว่ารังสีเทพของนางสูงถึง 215 เมตร แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบัลลังก์เทพชั้นสูงซึ่งมีข้อกำหนดว่าต้องมีรังสีเทพสูงเกิน300 เมตร แต่ดูเหมือนว่ายังเป็นเรื่องง่ายที่จะได้รับบัลลังก์เทพที่เหมาะสมที่สูงกว่า100 เมตร แต่ไม่เกิน 300 เมตร แต่เมื่อเย่ว์หยางรอที่จะใช้พลังเทพปลุกบัลลังก์เทพที่หลังใหลของเทวีเสรีภาพและผสานเข้ากับพลังใหม่ เขาพบว่า ความเข้าใจของตนเองนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัดซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความน่ากลัว...
เย่ว์หยางได้รู้จากปากชาวประมงเฒ่าว่าหากเขาต้องการบัลลังก์เทพและเลื่อนระดับเป็นเทพชั้นบนเขาต้องใช้พลังเทพเพื่อปลดปล่อยตนเองก่อน
จากนั้นนำพลังที่เหลือมาสร้างบัลลังก์เทพให้สำเร็จ
บัลลังก์เทพที่เสร็จสมบูรณ์แสดงถึงความสูงส่งของระดับขอบเขตพลังของบัลลังก์เทพ...เงื่อนไขที่หนักแน่นนี้ทำให้เย่ว์หยางพูดไม่ออก แต่จะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน ไม่มีทางเลือกที่สองมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่ทำให้ก้าวข้ามร่างมนุษย์และได้รับเลื่อนเป็นเทพอย่างแท้จริง
“ลำบากมากนักหรือ?” เทวีเสรีภาพมองเย่ว์หยางในเชิงขอโทษ
“ไม่เป็นไรแต่การกลายเป็นเทพแท้ๆ นั้นลำบากมากเหลือเกิน!” เย่ว์หยางไม่รู้จนกระทั่งตอนนี้กลายเป็นว่าการเลื่อนระดับไปสู่ระดับเทพที่แท้จริงไม่ได้เกี่ยวกับระยะเวลาที่ฝึกฝน การเก็บพลังเทพไว้มากมาย หรือการใช้สมบัติเทพอสูรเทพ หรือความสำเร็จของคัมภีร์อัญเชิญ ไม่ใช่เช่นนั้น แม้ว่าจะมีการให้การสนับสนุน แต่นั่นก็ทำให้เกิดความขัดแย้งในตัวเองได้เช่นกัน
ต้องการกลายเป็นเทพต้องสละออกไปก่อน
ก่อนอื่นจงใช้พลังเทพที่บริสุทธิ์เพื่อตอบแทนทุกสิ่งในโลก
รอจนเสร็จสิ้นเรื่องนี้ ตัวบุคคลจะไม่มีขีดจำกัดอีกเลยไม่มีอุปสรรคขวางกั้น นั่นคือการปลดปล่อยและสามารถกลายเป็นเทพได้
เทวีเสรีภาพเป็นคนที่มีเมตตานางไม่ฆ่าคน ไม่แม้แต่จะฆ่ามดตัวน้อย นางจะไม่เหยียบย่ำมันตาย ความจำเป็นในการชดใช้กรรมมีน้อยแต่นางมีประสบการณ์ในชีวิตมากมาย ทุกคนต้องถูกขัดเกลาด้วยพลังเทพบริสุทธิ์และชะตากรรมที่นางแบกรับก็คือปมแห่งความตายที่พัวพันกันในอดีต นอกจากนี้นางยังต้องชดใช้พลังจากสวรรค์ออกไปเพื่อแก้ไขคลื่นแห่งความเกลียดชังนี้รวมถึงประชาชนผู้มีศรัทธาผู้หิวโหยเหล่านั้นก็มีมากยิ่งนักต้องใช้พลังจากเทพช่วยสนองตอบคำอธิษฐานของพวกเขา ขอเพียงเทวีเสรีภาพยินดีเข้าควบคุมภูมิภาคสวนสวรรค์และคนเหล่านี้ มิฉะนั้นนางจะต้องเปลี่ยนพลังเทพของนางเองให้เป็นพลังเทพแห่งความเมตตาในคราวเดียวเพื่อปลดปล่อยตนเองอย่างแท้จริงรวมทั้งชะกรรมที่นางแบกรับ
ทั้งหมดนี้ต้องชำระคืนในครั้งเดียว
พลังรังสีเทพอาจหายไปเกือบสามสิบเมตรซึ่งก็เพียงพอสำหรับเทวีเสรีภาพที่จะปลดปล่อยตนเองได้เป็นส่วนใหญ่นั่นเป็นเพราะชะตาของนาง
สิ่งที่เย่ว์หยางคาดไม่ถึงก็คือร่างกายครึ่งหนึ่งนั้นจำเป็นต้องชำระคืน
ยิ่งกว่านั้นพลังเทพที่ชดใช้คืนนั้นมากจนยากจะคาดคิด
“โธ่เว้ยรังสีเทพสูงสองร้อยเมตรแทบหมดลงในคราวเดียว” เย่ว์หยางพบว่ารังสีเทพหายไปในทันทีถ้าไม่มีโผล่มาให้เห็นสักสองสามเซนติเมตร เย่ว์หยางแทบจะคิดว่าเทวีเสรีภาพอาจต้องทำลายประกายเทพของนางถ้าการใช้คืนไม่เพียงพอ
โชคดีเพราะโชคชะตาได้รับการปลดปล่อย และได้รับการเลื่อนระดับเป็นเทพ เพราะเทวีเสรีภาพได้ทำแต่สิ่งที่ดีงามรำลึกถึงสิ่งที่เป็นกุศลและความคิดที่ดีขณะสวดอ้อนวอนรวมทั้งผู้มีศรัทธานับถือนาง ฯลฯ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษของนาง
ผลแห่งกุศลของนางให้ผลตอบแทนกลับมา
มากมายเหลือคณานับ
สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนไปเป็นพรและพลังเทพรังสีเทพที่บริสุทธิ์ของนางฉายอีกครั้ง และบริสุทธิ์มาก
เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตชำระต่อเนื่องรังสีฉายขึ้นไปอีกหกสิบเมตร
อย่าคิดว่าบัลลังก์เทพเดิมที่สำเร็จแล้วเป็นความสำเร็จนั่นเป็นเพียงการได้บัลลังก์เทพระดับหนึ่งเป็นการพิสูจน์ว่ามีคุณสมบัติเพียงพอ ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจของเย่ว์หยางก็คือการสามารถรวมพลังเทพที่เหลืออยู่ในบัลลังก์เทพที่หลับใหลเพื่อเข้าไปให้ถึงบัลลังก์เทพชั้นหนึ่งที่มีความสูงเกือบร้อยเมตรที่มีพลังไม่มีที่สิ้นสุดได้บัลลังก์เทพขั้นต้นก็อย่าเพิ่งย่ามใจ เย่ว์หยางค่อยๆ ผสานพลังเทพบริสุทธิ์ขนาดหกสิบเมตรนี้เข้ากับบัลลังก์เทพที่ยังหลับใหลเขากังวลว่าเมื่อพลังถึงขีดจำกัดพลังทั้งสองจะเกิดการผลักดันขับไล่กันสร้างเป็นแรงระเบิดทำลายล้างในช่วงเวลาสั้นๆ! เหงื่อของเขาหยดลงร่างเปลือยที่ขาวผ่องปานหิมะของเทวีเสรีภาพที่การเปลี่ยนแปลงเพิ่งเสร็จสิ้นลง
และในช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุดเย่ว์หยางรู้สึกว่าได้เห็นร่างที่งดงามข้างหน้า จิตใจของเขาผ่อนคลาย
แต่เขาก็กลัวมากว่าความผิดพลาดเล็กน้อยแม้ปลายเส้นผมอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
โชคดีที่เป็นสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด
เขาตัดสินใจใช้พลังจิตนำพลังเทพบริสุทธิ์เข้าไปในทุกวิถีทางเพื่อหลอมรวมกับบัลลังก์เทพที่หลับใหลอยู่
เมื่อบรรจุพลังเต็มแล้วเย่ว์หยางพบว่าบัลลังก์เทพยังมีพลังไม่เพียงพอและดูเหมือนว่ายังมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับพลังเทพได้มากขึ้น เพียงแต่พลังเทพภายนอกหมดลงอย่างสิ้นเชิง ในช่วงเวลาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ทันใดนั้นเด็กข้ามโลกผู้โชคดีได้หยิบยืมพลังเหนือธรรมชาติของยักษ์ชะตาที่เขาไม่สามารถใช้ได้ชั่วคราวเขาดึงออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์มาเสริมเข้าไป
แสงประหลาด
บัลลังก์เทพที่อยู่ในความหลับใหลฉายแสงเจิดจ้าทะลุเข้ามาในโลกคัมภีร์ทันที...
ชะตาของทั้งสองเชื่อมกันอย่างใกล้ชิดแยกกันไม่ออกในขณะนี้
บัลลังก์เทพของเทวีเสรีภาพเข้าสู่สภาวะสมบูรณ์แบบในทันทีและนางได้รับการเลื่อนระดับเป็นเทพในทันทีและร่างของนางบังเกิดใหม่เป็นร่างเทพอมตะตามเจตจำนงและความทรงจำดั้งเดิมของร่างนางนางได้ถือกำเนิดเป็นเทพธิดาเสรีภาพในร่างใหม่เบื้องหลังร่างที่เป็นอมตะของนางคือบัลลังก์เทพเสรีภาพเปล่งรัศมีเจิดจ้ายอดเยี่ยมและค่อยๆเพิ่มกำลังมากขึ้น
เมื่อได้เห็นพลังเทพและเทพธิดาเสรีภาพผู้ศักดิ์สิทธิ์แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีวิวัฒนาการ แต่ในใจของเขาอดกริ่งเกรงมิได้ ไม่กล้าดูแคลนนาง
เทพที่ถือกำเนิดใหม่มีความโดดเด่นมาก
งามสง่ามาก
เทวีเสรีภาพผู้มีเจตจำนงเสรีและไม่มีวันถูกหลอกและผูกมัดได้ถือกำเนิดอย่างเป็นทางการ
“นี่!” เทวีเสรีภาพ ไม่,เทพธิดาเสรีภาพอิงหลัวลูบเครื่องหมายเทพที่กลางหน้าผากเบาๆนั่นเป็นสัญลักษณ์พิเศษที่แสดงความเป็นภรรยาเทพเมื่อเย่ว์หยางใช้พลังเทพชะตาและพลังเหนือธรรมชาติบรรจุไว้ในร่างนางและบัลลังก์เทพเมื่อตอนเริ่มต้นจุดเล็กๆนี้ปรากฏบนระหว่างคิ้วของนางและจะเป็นสัญลักษณ์ที่คงอยู่ตลอดไป
“ข้าไม่รู้เลยว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้...” เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเล็กน้อย ถ้าเขาทำอย่างนี้ได้หลังจากมีสัมพันธ์รักกับเจ้าแม่จันทราก็ยังพอจะพูดได้ แต่กับเทพธิดาเสรีภาพ เขายังไม่ได้เริ่มมีอะไรกันเลย
อันที่จริงเขาไม่รู้ว่าสัญลักษณ์นี้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว
รวมทั้งพวกเย่ว์หวี่และหลิวเย่
เพียงแต่ว่าไม่ชัดเจนเท่าตอนนี้เหมือนอย่างเครื่องประดับที่ปรากฏใต้พฤกษาโลกมันสามารถหายไปได้ตามประสงค์ของเจ้านาย
“เนื่องจากชะตาชีวิตของเราเชื่อมโยงถึงกันกายและใจย่อมเนื่องถึงกันด้วย” เทพธิดาเสรีภาพคุกเข่าประสานมือทั้งสองแสดงความคารวะเย่ว์หยางแสดงความขอบคุณดวงตาของนางฉายประกายอ่อนโยนศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะขาดความมั่นใจไปเล็กน้อยแต่อิงหลัวจะพยายามอย่างหนักแน่นอนในอนาคตที่ไม่มีที่สุด อิงหลัวจะขอทำหน้าที่ภรรยาและทำให้ผู้เป็นสามีข้ามีชีวิตที่เป็นสุขและอิสระ”
“จริงหรือ?ข้าหมายถึงว่าดีจริงๆ บัลลังก์เทพก็สำเร็จ งดงามมากจริงๆ!” เย่ว์หยางเห็นร่างเทพธิดาเปลือยต่อหน้าถ้าบอกว่าไม่มีความคิดอกุศลนั่นคงเป็นเรื่องโกหก เมื่อเขาได้ยินอิงหลัวพูดเช่นนั้นเขายิ่งมีความสุขมากขึ้นแต่เขาเหมือนเคยกับวิ่งชนกำแพงหลังจากเคยคิดกับจื้อจุนมาแล้ว นางระวังมากเขายังควบคุมจิตใจได้ไม่เต็มที่จึงไม่สามารถทำตัวเป็นพยัคฆ์โดดตะครุบลูกหมูได้
“โปรดอย่าใช้คำพูดที่ขัดกับเจตนาแบบนี้ เจ้ารู้ไหมว่าหัวใจของอิงหลัวเชื่อมโยงกับเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว”เทวีเสรีภาพอดหัวเราะไม่ได้
“อ่า...เรามาดูบัลลังก์เทพกันก่อนเถอะ!” เย่ว์หยางรู้สึกอาย ความขัดแย้งของบุคลิกของเด็กหนุ่มข้ามโลกโดยปกติแล้วจะไม่ค่อยมีใครมองทะลุเขารวมถึงสาวหิมะ แม่เสือสาว แม้กระทั่งเย่ว์หวี่ ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนแต่ทุกคนช่วยรักษาหน้าให้เขาเล็กน้อย แต่เป็นไปไม่ได้กับเทพธิดาเสรีภาพอิงหลัว นางคุ้นเคยกับคำพูดที่จริงใจตรงไปตรงมานางเคยนิ่งเฉยต่อศัตรูและไม่เคยโกหกเมื่อเห็นความขัดแย้งของความคิดและคำพูดของเย่ว์หยาง แม้จะเป็นความคิดของจอมลามกนางก็อดบอกเขาตรงๆไม่ได้ เย่ว์หยางไม่กล้ามองสบตาอิงหลัวตรงๆ เพราะกลัวว่าจะเห็นภาพสะท้อนของหมาป่าในดวงตาที่เป็นประกายราวกับภาพสะท้อนในทะเลสาบเขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“นี่เป็นเพียงบัลลังก์เทพขั้นเริ่มต้นเท่านั้น” เทพธิดาเสรีภาพพูดขณะยิ้ม ตอนนี้นางเข้าใจการกระทำขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในฐานะภรรยา โดยเฉพาะภรรยาที่ดีนางต้องเรียนรู้ที่จะอดกลั้นจริงๆ
นางแสดงบัลลังก์เทพของนางทันทีทันใดนั้นโลกคัมภีร์พลันสว่างไสวด้วยแสงเทพขาวบริสุทธิ์ทันที
ระดับบัลลังก์เทพของเทพธิดาเสรีภาพเป็นบัลลังก์เทพระดับต่ำที่สุด แต่เย่ว์หยางสังเกตเห็นจุดหนึ่งคือบัลลังก์เทพเสรีภาพนั้นแตกต่างจากบัลลังก์เทพที่เคยหลับใหลมาก่อน บัลลังก์เทพเสรีภาพให้ความรู้สึกกับเย่ว์หยางได้อย่างสมบูรณ์แบบ! และสมบูรณ์แบบสุดจะพรรณนา! บัลลังก์เทพเสรีภาพนี้ดูเหมือนจะมีช่องว่างให้พัฒนาก้าวหน้าอีกมากและดูเหมือนยังมีศักยภาพยกระดับได้อีกครึ่งหนึ่ง
บัลลังก์เทพที่เคยหลับใหลก่อนหน้านี้ไม่มีความรู้สึกเช่นนี้
เขาทำสิ่งนี้เองจริงๆหรือ?
ทั้งหมดนี่หรือ?
ทันใดนั้นเอง
เย่ว์หยางสงสัยมือของเขาเอง
แม้จะรู้ว่าเขาลงมือทำให้สำเร็จด้วยตัวเองแต่เขายังไม่กล้าเชื่อ เขารู้สึกอยู่เสมอว่าเมื่อเขาใช้พลังชะตาผสานเข้าจะมีพลังลึกลับบางอย่างที่มองไม่เห็นทำให้สำเร็จได้อย่างเงียบๆอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่ว่าเขาทำได้ทั้งหมด สิ่งที่เขาทำลงไปอาจเป็นแรงผลักดันเพียงผิวเผิน
เทพธิดากระบี่ฟ้า! ต้องเป็นนางแน่นอนนางแน่นอนที่คอยอยู่เบื้องหลังคอยกำจัดอุปสรรคและคลี่คลายปัญหาบัลลังก์เทพเสรีภาพให้เขา
มิฉะนั้นบัลลังก์เทพเสรีภาพนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จสมบูรณ์!
เป็นไปไม่ได้มากที่ศักยภาพจะเพิ่มขึ้นถึง 50%
พรานเบ็ดเฒ่าบอกเขาว่าหลังจากบัลลังก์เทพสำเร็จแล้วจะไม่สามารถก้าวหน้าได้ครั้งใหญ่อีก ความสำเร็จแทบมาถึงจุดสิ้นสุด แม้ถ้ามีวิธีการพัฒนาก็ยังจะช้าอยู่ดี แต่บัลลังก์เทพเสรีภาพอยู่เหนือคำเตือนนี้ เพราะอะไร?
“บางทีอาจเป็นเช่นนั้นอิงหลัวพอจะคาดเดาได้ชัดเจน” เทพธิดาเสรีภาพและเย่ว์หยางเชื่อมใจเข้าด้วยกันนางไม่สามารถตรวจพบการมีอยู่ของเทพธิดากระบี่ฟ้า นางรู้แต่เพียงคลุมเครือว่า มีผู้พิทักษ์ลึกลับเบื้องหลังความเป็นเทพของนางนั้นมีพลังน่ากลัว แต่ความแปรปรวนในจิตใจของเย่ว์หยางเวลานี้นางสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางยังอยู่ในความสับสน นางรีบปลอบโยนทันที “เป็นไปได้ว่าบัลลังก์เทพมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องและช่วยให้เจ้าได้ช่วยให้อิงหลัวได้วิวัฒนาการก้าวหน้า เพราะเจ้ายังไม่มีบัลลังก์พลังยังไม่อยู่ในระดับสูงสุดอย่างเป็นทางการดังนั้นอิงหลัวจึงมีระดับพลังต่ำกว่าที่เจ้าควรจะไปได้ถึงครึ่งหนึ่ง หลังจากเจ้าเลื่อนระดับอย่างสมบูรณ์แล้วข้าจึงค่อยยกระดับพลังพร้อมกัน”
“ถ้าว่ากันตามแนวความคิดนี้ก็คงจะจริง”เย่ว์หยางนึกถึงจื้อจุน นางคงเตรียมตนเองให้ได้บัลลังก์เทพขนาดเล็กนั่นยังดีกว่าบัลลังก์เทพของเทพธิดาเสรีภาพ บัลลังเทพของเทพธิดาเสรีภาพตอนนี้เมื่อเอาไปเทียมกับของจื้อจุนนับว่าเป็นเด็กไปเลย บางทีจื้อจุนคงได้รับการรู้แจ้งหรือความลับบางอย่างนางเผยความลับนี้เหมือนอย่างที่นางเคยพูดมาก่อน
“จื้อจุนช่วยให้เจ้าได้บัลลังก์เทพเป็นไปได้ว่าจะมีบัลลังก์เทพมากกว่าหนึ่งหรือสองก็เป็นได้” เทพธิดาเสรีภาพคาดเดาอย่างกล้าหาญ
“บัลลังก์เทพมีส่วนเกี่ยวข้องกับคัมภีร์อัญเชิญหรือไม่?” เย่ว์หยางคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
“มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คัมภีร์อัญเชิญจะสามารถสร้างบัลลังก์เทพได้...” เทพธิดาเสรีภาพมองดูเย่ว์หยางด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ถ้าเป็นเช่นนี้จริงเย่ว์หยางก็สามารถกลั่นสร้างบัลลังก์เทพได้ อย่างน้อยก็มีสาม
“สำหรับจื้อจุนนางพยายามสร้างจากบัลลังก์เทพผู้ควบคุมความเป็นและความตายถ้าข้าสามารถสร้างบัลลังก์เทพของตนเองจะเป็นแบบใดกันแน่? ถ้ามีบัลลังก์เทพหลายหลัง บัลลังก์เทพแรกควรจะมีคุณลักษณะอย่างไร?” เย่ว์หยางจมอยู่ในความคิดลึกล้ำหลังจากเขาผ่านประสบการณ์และเติบโตก้าวหน้ามาพร้อมกับคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ผ่านการฝึกฝนในคัมภีร์เทพจนผ่านทั้งสิบด่านแม้ว่าจะยังอัญเชิญคัมภีร์เทพได้สำเร็จแต่บัลลังก์เทพของเขาเองก็ควรมีลักษณะสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด
ทิศทางในการพัฒนาความก้าวหน้าให้สำเร็จควรมีคัมภีร์เหล่านี้เป็นจุดพื้นฐานด้วย
แรกเลยคือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
หรือจะลองฝึกจากคัมภีร์ดูก่อน?
ทุกคนปลอดภัยดีช่วยเตือนเขาอีกสักนิด! เย่ว์หยางกังวลใจเป็นพิเศษ เขารู้สึกว่าเขาทลายผ่านอุปสรรคได้อย่างรวดเร็วเขามีแรงบันดาลใจอยู่แค่เอื้อม แต่กลับไม่สามารถคว้ามาถือไว้ในมือ เรื่องนี้มันน่าขันเกินไปไม่มีใครบอกเขาได้ตรงๆ ว่าจะต้องทำอย่างไร?
ต้องเดากันทั้งหมด
ชะตาของตนเองต้องอธิบายด้วยปริศนาและความก้าวหน้าเดียวกันเพื่อบรรลุความรู้บางอย่างหรือไม่ เขาสามารถบรรลุผลการฝึกได้หรือไม่?
เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่ได้บอกไว้ มารดาเขาไม่ได้บอกที่สำคัญสตรีอันดับหนึ่งอย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ไม่บอก แม่สี่ก็ไม่พูดอะไรพวกเขาไม่บอกอะไรเลยทั้งนั้น
ก็ดี
ในกรณีนี้ต้องมีเหตุผลแน่นอน
บางทีหลังจากไขปริศนานี้ออกในรอบนี้ชะตากรรมและการต่อสู้ทั้งหมดจะคลี่คลายได้โดยง่าย เขาจะไม่ผิดหวัง แค่ต้องรอการรู้แจ้งบัลลังก์เทพเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น และจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตเขาจะต้องหาคำอธิบายให้ได้และกลายเป็นเทพจอมราชันย์ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!
เทพธิดาเสรีภาพกอดเขาจากด้านนางกอดเขาเหมือนเป็นการสนับสนุนเขา
นางไม่รู้ว่านางควรจะทำอย่างไร
จึงจะช่วยเขาได้
แต่นางหวังว่าทำเช่นนี้นางจะสามารถแบ่งเบาความกังวลร่วมกับเขาปลอบประโลมให้เขาสบายใจขึ้น
เย่ว์หยางตื่นจากภวังค์เขาพบว่านางอยู่เคียงข้างเขาตลอดโดยที่เขาไม่รู้สึกตัวนางอดทนและอ่อนโยนทั้งยิ้มหวานเปลี่ยนจากเทวีเสรีภาพที่สงบเยือกเย็นและใช้ชีวิตเรียบง่ายเมื่อก่อนตอนนี้นางมีร่างเต็มทั้งยังเลื่อนระดับเป็นชั้นเทพกลับยิ่งเพิ่มเสน่ห์ความอ่อนโยนของสตรี เด็กหนุ่มข้ามโลกมองดูแล้วไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้กรงเล็บหมาป่าเลื่อนไต่ไปตามเรือนร่างขาวดุจหยก“ขอเรียนรู้เพิ่มเติมความลับบัลลังก์เทพในตัวเจ้าก่อน!”
ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งนั่นเป็นเรื่องแน่แต่เป้าหมายจะแค่บัลลังก์เทพเท่านั้นหรือ?
เรื่องนี้น่าเคลือบแคลง
เทวีเสรีภาพไม่ทันได้คัดค้านเพราะริมฝีปากของนางถูกปากของเด็กหนุ่มข้ามโลกปิดไว้และหยุดคำพูดของนางไปโดยปริยาย..