ตอนที่ 1358 ผสานร่างเทพและมนุษย์?
“กลับไปเรียนรู้ให้ดี”จื้อจุนหายตัวมาอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางเมื่อเขาหันกลับมาด้วยความประหลาดใจปลายนิ้วของนางก็แตะที่ระหว่างคิ้วเบาๆทันที
นั่นคือกลุ่มรัศมีลึกลับไม่มีที่สิ้นสุด
เหมือนดาวตกทะลุลงมาจากท้องฟ้า
มีแสงสว่างวาบขึ้นในใจของเย่ว์หยาง
ภายในนั้นมีภูมิปัญญาการรู้แจ้งของจื้อจุนที่ไม่เหมือนใครได้ถูกส่งผ่านมาถึงเขาอย่างลึกลับเหมือนกับดอกไม้ไฟที่เบ่งบานสะพรั่งไปทั่วทะเลใจของเย่ว์หยางในทันที ความไม่เข้าใจก่อนหน้านี้ของเย่ว์หยางและการคาดเดาเกี่ยวกับบัลลังก์เทพในขณะนั้นเองเขาถึงได้ตระหนักรู้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามจื้อจุนไม่ได้จำกัดความเข้าใจของเย่ว์หยางให้อยู่ในขอบเขตของนาง ในทางตรงกันข้ามด้วยสติปัญญาของนางเองนางแนะนำให้เย่ว์หยางก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นๆ ต่อไป... เย่ว์หยางตื่นเต้นมากจนเขาแทบอยากจะกอดนางไว้ในอ้อมแขนทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้ขยับมือนางตระหนักรู้ได้ทันที นางหยุดชะงักและถอยออกมาหนึ่งก้าว
“การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องใช้เวลาหลายวันหลายคืนกว่าจะปรากฏผลแพ้ชนะ เจ้าอยู่ที่นี่ในขณะนี้มีแต่จะเพิ่มความโกลาหลวุ่นวาย กลับไปพยายามอย่างหนักในสิ่งที่เจ้าต้องทำแล้วค่อยออกมาก่อนที่ศัตรูจะได้ชัยชนะในการต่อสู้” จื้อจุนหวังว่าเย่ว์หยางจะกลับไปยังโลกคัมภีร์และใช้โอกาสทำความเข้าใจบัลลังก์เทพและระดับพลังใหม่
“ข้าควรจะทำอย่างไร?” เย่ว์หยางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะยกระดับได้ดีที่สุด
“เพ่งดูที่ใจของเจ้าละทิ้งความคิดที่ฟุ้งซ่าน บางทีเจ้าจะได้รับคำตอบ”จื้อจุนไม่เคยคิดว่าการรับรู้ของเจ้าเด็กนี่อาจเป็นปัญหาได้
แท้จริงแล้วมีข้อบกพร่องหลายประการในร่างของเด็กหนุ่มข้ามโลก
แต่ความโง่ไม่ใช่หนึ่งในเรื่องนั้นแน่นอน
ตราบใดที่เจ้าเด็กนี่จริงจังไม่ว่าเขาจะทำอะไรยากแค่ไหน หรือท้าทายเพียงใด ก็จะทำได้ราวกับไม่มีอะไร! สิ่งเดียวที่จำกัดความก้าวหน้าของเจ้าเด็กนี่ก็คืออารมณ์ที่เบื่อหน่ายและความเกียจคร้านของเขาก่อนที่จะถึงช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดคิดจะทำให้เจ้าเด็กนี่มุ่งมั่นนั่นเป็นเรื่องยาก แน่นอนว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคนด้วยเช่นกันจื้อจุนในตอนนี้เป็นดาวข่มของตัวเขา เขาจะเชื่อฟังและว่าง่ายทันทีที่นางพูด
เย่ว์หยางกลับไปยังโลกคัมภีร์ ยังคงพบสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่ไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ข้างนอกนางทำตาโต
กลับมาได้อย่างไร?
และสีหน้าที่เศร้าแบบนี้คืออะไร
เมื่อนางถามเย่ว์หยางเล่าถึงเรื่องความลำบากราวกับน้ำไหล ในที่สุดแพนดอราที่อยู่ร่วมร่างกับสาวใช้น้อยคือความหวังที่จะให้ความเห็นเขา “เมื่อก่อนเจ้าก็เป็นเทพระดับบนๆ ไม่ใช่หรือ? เจ้าน่าจะมีบัลลังก์เทพด้วย บอกข้าทีต้องทำอย่างไรจึงจะได้บัลลังก์ที่ดีที่สุด! ไม่ละ ข้าไม่ต้องการอะไรมากมายในตอนนี้ แค่ขอให้มีบัลลังก์เทพได้ก็พอ”
เย่ว์หยางยังคงต้องการรับมือกับจื้อจุนเพื่อบัลลังก์เทพ แต่นี่ไม่ใช่อะไรอื่น แม้ว่าเขาต้องการจะสร้างแต่ก็ไม่สามารถสร้างได้
สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ไม่มีความรู้เรื่องบัลลังก์เทพและแพนดอร่าก็ยังเอ๋ออยู่ “บัลลังก์เทพคืออะไร? อร่อยไหม?”
คำตอบนี้ทำให้เย่ว์หยางทรุดกับพื้นทันที
เฮ้อ ถามผิดคนเสียแล้ว!
แทนที่จะถามแพนดอร่าซึ่งสับสนลืมเลือนเรื่องเก่าๆในอดีต เขาหาทางเองดีกว่า... เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังของเย่ว์หยางแพนดอราเอามือปิดปาก นางชอบเห็นเย่ว์หยางผิดหวังและทำเขิน คิดจะแกล้งหัวเราะแต่สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ผู้ใจและใจอ่อน หวังว่าแพนดอร่าจะช่วยเจ้านายได้
ภายใต้การร้องขอของสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์แพนดอร่าตัดสินใจลองดู เผื่อจะนึกอะไรออก
ในที่สุดก็ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากเย่ว์หยางกินอาหารอร่อยๆ เสร็จเขาพบว่าแพนดอร่าใช้ร่างสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่หลับไปแล้วและท่าหลับของนางดึงดูดใจมาก
การพากเพียรอย่างหนักเป็นเรื่องที่ยากแต่งานบ้านหนักของเขาถูกละเลยมันคุ้มกันหรือไม่? เด็กหนุ่มข้ามโลกเหมือนกับมนุษย์หมาป่าเห็นพระจันทร์เต็มกลายร่างเป็นหมาป่าคุณชายสามเริ่มทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างเคร่งครัด แต่เทพธิดาในร่างสาวเอลฟ์ดูเหมือนจะยั่วยวนใจทำให้หัวหน้าครอบครัวยั้งใจไม่ได้
หลังจากโรมรันพันตูกันอย่างดุเดือดเด็กหนุ่มข้ามโลกพบว่าเทพธิดาไม่เพียงแต่มีบัลลังก์เทพเท่านั้นแต่ยังมีระดับสูงส่งน่าตกใจ
อย่างน้อยสูงกว่าความรู้ที่เขาเข้าใจในตอนนี้เสียอีก
แต่บัลลังก์เทพวิบัตินี้ถูกผนึกไว้ลึกล้ำ แม้แต่จิตสำนึกของแพนดอร่าก็เหมือนกับลืมโดยเจตนาไม่มีพลังสะท้อนที่สอดคล้องกันเลย ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดของเย่ว์หยางสอดคล้องทั้งกายและใจผนึกของนางมีความผันผวนเล็กน้อย อย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่สามารถตรวจพบเจอความคงอยู่ได้อีกเลย
“ข้ามีบัลลังก์เทพด้วยหรือ? บัลลังก์เทพของข้าอยู่ที่ไหน?ข้าสามารถนั่งบนบัลลังก์ได้ไหม?” คำพูดของแพนดอร่าทำให้เย่ว์หยางอ่อนใจทำอะไรไม่ถูก ดูเหมือนจะหมดหวังที่จะทำให้แม่สาวคนนี้สร้างบัลลังก์เทพให้เขา ปรากฏว่าเขาเองคงต้องใช้ความพยายามต่อไป ช่วยปลดผนึกบัลลังก์เทพให้นางเป็นไปไม่ได้จริงๆ นอกจากนี้บัลลังก์เทพวิบัตินี้ไม่ใช่คนอื่นที่ผนึกเอาไว้แต่เป็นแพนดอร่าผนึกไว้เอง นางไม่ต้องการให้ตนเองแปดเปื้อนพลังวิบัติจึงสาปส่งบัลลังก์เทพวิบัติ
การรู้แจ้งของจื้อจุนความรู้ที่บันไดสวรรค์ขั้นที่ล้านข้อมูลความรู้ส่วนตัวเรื่องบัลลังก์เทพของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและบัลลังก์เทพของแพนดอราที่ถูกผนึกไว้อย่างลึกล้ำ ทั้งหมดอยู่ในใจของเย่ว์หยาง
เขาพบว่าตนเองได้เรียนรู้มากมาย
อย่างไรก็ตามเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังเทพสร้างบัลลังก์เทพด้วยตนเอง
ข้อกำหนดแรกที่สำคัญที่สุดคือไม่มีตราสัญลักษณ์เทพหากไม่มีสิ่งนี้จะไม่ได้รับการยอมรับ ในขณะเดียวกันหากไม่มีสิ่งนี้เขาควรจะควบสร้างไปในทิศทางใด? สิ่งที่จื้อจุนควบสร้างคือบัลลังก์เทพควบคุมความเป็นและความตายโดยใช้ความรู้แจ้งและความเข้าใจจากประตูเป็นตาย สิ่งที่แพนดอราควบสร้างก็เป็นธรรมชาติของนางทักษะแฝงเร้นของนางคือสาปแช่งทุกอย่างในโลก นี่คือบัลลังก์เทพวิบัติของนาง และเขาล่ะจะทำอย่างไร? เขาต้องการบัลลังก์พิเศษผิดธรรมดา? บัลลังก์ของเด็กหนุ่มข้ามโลก
หลังจากหงุดหงิดกังวลอยู่นานเย่ว์หยางตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเทพธิดากระบี่ฟ้า นางคงจะรู้
คุณชายสามตระกูลเย่ว์หลับอย่างสบายภายใต้การปรนนิบัติเอาใจของสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์
น่าเสียดาย
เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่อยู่บ้าน
ไม่เพียงแต่นางไม่อยู่แม้แต่สาวน้อยปราณกระบี่ก็ไม่อยู่ที่นั่น ดินแดนแห่งความฝันว่างเปล่าทำให้คุณชายที่คาดหวังอดผิดหวังมิได้
เมื่อเย่ว์หยางตื่นขึ้นก็พบว่าสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์มีท่าทีสงสัยนางหมุนพลิกดูของที่เปล่งประกายแสงอยู่ในมือของนาง ในมุมมองของเย่ว์หยางเขาเห็นประกายดาวอยู่ในมือที่ขาวดุจกล้วยไม้ นางยิ้มส่งให้เขาทันที “เมื่อตอนท่านหลับ มีแสงสีรุ้งบินออกมาจากคัมภีร์เทพที่ท่านฝึกฝนแพนดอราบอกว่ามันอาจมาเพื่อท่าน”
“คัมภีร์เทพแดนฝึกฝนบินออกมาหรือ?” เย่ว์หยางตกใจเมื่อได้ยินคำนั้น
เป็นของที่แยกออกมาจากคัมภีร์เทพหรือ? บินออกมาไม่เร็วไม่ช้า กลับบินออกมาตอนนี้จงใจหรือเปล่า?
ลองคิดดูอีกที คงต้องเป็นผลเงานของสามสาวเทวทูตผู้สร้าง ผู้ทำลาย ผู้นิรันดร์แน่ ดูเหมือนพวกนางก็หายไปเช่นกัน แปลกจริงๆ ตามหาคนทุกๆ ที่ ถึงเวลาช่วงสำคัญที่ต้องร่วมมือกันแต่พวกนางกลับหายไปหมดได้ยังไง?
หลังจากรับดวงสว่างนั้นเย่ว์หยางพบว่ามีกระแสพลังเทพบริสุทธิ์อยู่ในนั้น
ระดับความบริสุทธิ์ของพลังเทพนี้ทำให้เย่ว์หยางตกใจ
ทำได้อย่างไร?
พลังเทพเป็นพลังบริสุทธิ์และนิรันดรเหมือนกับเพลิงอมฤตได้หรือ?เหลือเชื่อ แต่ก็เป็นความจริง เย่ว์หยางถือดาวสว่างและควบคุมอย่างระมัดระวัง เขามีความรู้สึกว่าพลังเทพนี้ควรเป็นรากฐานของบัลลังก์เทพในตำนาน มันจะใช้ได้ไหมหากไม่มีในตอนนี้ เย่ว์หยางยังสับสน สัญลักษณ์เทพที่บริสุทธิ์มาก เขาต้องการได้รับพลังเทพสนับสนุนเป็นแบบไหน? หากทั้งหมดเป็นพลังเทพที่บริสุทธิ์เพื่อให้ได้บรรลุบัลลังเทพเพื่อให้บริสุทธิ์ จากนั้นก็จะจบ และพลังเทพนั้นบริสุทธิ์สามารถเพิ่มกำลัง มีพลังเทพอยู่กี่อย่างที่เขาจำเป็นต้องใช้เพื่อทำบัลลังก์เทพ?
เย่ว์หยางนึกถึงจื้อจุนและจำได้ว่าดูเหมือนนางจะดูดซับพลังบัลลังก์เทพจากปีศาจเฒ่าสองหมื่นปีและเพิ่มสีดำในบัลลังก์เทพขาวดำของนาง พลังเทพอันยิ่งใหญ่หลังจากยกระดับแล้วดูเหมือนจะเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โธ่เว้ย!
เขาไม่มีวิธีแบบที่จื้อจุนใช้ควบคุมพลังบัลลังก์ของคนอื่นมายกระดับพลังบัลลังก์เทพของตนเอง ขึ้นอยู่กับตนเอง
“เจ้าพบกับเรื่องลำบากใจมากนักหรือ?” เทวีเสรีภาพผ่านมาและพบว่าเจ้าเด็กผู้นี้ดูเหมือนจะมีเรื่องลำบากใจมากนางอดถามไม่ได้
“ใครเล่าไม่มีเรื่องกังวลใจ ข้าดูเหมือนคนไม่มีจิตใจเอาแต่หัวเราะอย่างโง่งมทั้งวันหรือเปล่า?” เย่ว์หยางไม่เห็นด้วยอย่างมาก
“เจ้าเป็นอยู่แล้ว!” ใบหน้าสูงส่งศักดิ์สิทธิ์ของเทวีเสรีภาพหัวเราะและฉายประกาย
“ตอนนี้อย่าเพิ่งกวนใจข้าเลย” เย่ว์หยางหดหู่ใจมากเมื่อรู้ว่าคุณชายผู้นี้อารมณ์ไม่ดี น่าอายจริงๆ ที่นางไม่เข้ามาจูบเพื่อปลอบใจแต่กลับจงใจเข้ามาหยอกล้อ เขาหดหู่ที่ใจไม่สามารถเอาชนะใจเทวีเสรีภาพได้เพราะสาวน้อยนางนี้เพียงร่างครึ่งตัว ครั้งสุดท้ายเขาตั้งใจช่วยนางประสานร่างอีกครึ่งตัวแต่เวลาลากยาวมาถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ลงมือ
“งั้นลาก่อน”เทวีเสรีภาพโบกมือเบาๆ ใบหน้านางยังยิ้ม หาได้ยากนักที่นางจะอารมณ์ดี วันนี้นางอารมณ์ดีได้อย่างไร?
“รอเดี๋ยว!” เย่ว์หยางไล่ตาม
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยปัดเป่าข้อสงสัยหรือ?ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้เป็นนักสู้ระดับเทพ!” เทวีเสรีภาพรู้เรื่องลำบากใจของเย่ว์หยาง แต่นางไม่สามารถทำอะไรได้บัลลังก์เทพหรือเรื่องทำนองนี้ไกลเกินกว่าความรับรู้ของนาง
“ใครพูดเรื่องนี้กันเล่า ข้ากำลังพูดเรื่องช่วยท่านฟื้นฟูร่างกาย” เย่ว์หยางตอนนี้เป็นเหมือนหมาป่าที่เข้าใกล้ลูกแกะน้อย
“อ่า..ข้ายังไม่พร้อม” เทวีเสรีภาพรู้ว่าอันตรายกำลังใกล้เข้า
“ข้าพร้อมแล้ว อย่าปฏิเสธเพราะปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระเราคุณชายพยายามชำระร่างเจ้ามานานแล้ว!” เย่ว์หยางอุ้มร่างเทวีเสรีภาพโดยไม่สนใจการต่อต้านของนางรีบพานางไปที่ห้องนอน สาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ที่เพิ่งเตรียมน้ำร้อนเสร็จ นางให้ความสนใจมากแต่แพนดอรายิ้มและพูดขึ้น “โอว,ทุกคนไม่เห็นอะไรเลย!”
เด็กหนุ่มจากโลกอื่นหนังหน้าหนาพอจะทำเป็นไม่ได้ยิน
เทวีเสรีภาพไม่สามารถทำได้ นางอายจนหน้าแดงแทบอยากจะเป็นลมทันที
นางซ่อนหน้าอย่างเขินอายใช้วิธีหลบภัยแบบนกกระจอกเทศ แม้ว่านางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปแต่นางไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง
เสื้อผ้าเครื่องประดับเทวีเสรีภาพถูกเปลื้องแม้นางจะมีร่างเพียงครึ่งตัวไม่สมบูรณ์ แต่ก็งดงามจนแทบหายใจไม่ออกร่างกายที่ขาวผ่อง สัดส่วนที่สมบูรณ์งดงามอย่างน่าตกใจ...เทวีเสรีภาพไม่ได้ตระหนักความเป็นสตรีของตนเองจนถึงตอนนี้นางรู้สึกประหม่าเอียงอายในหัวใจ
เด็กหนุ่มข้ามโลกปกติจะค่อนข้างเจ้าชู้แต่เขายังมีสติในสิ่งที่เขากระทำ
เขามีสมาธิอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาวางร่างเทพครึ่งหนึ่งไว้ใต้ตัวเทวีเสรีภาพอย่างแผ่วเบาพอนางกังวลประหม่าก็หลั่งเหงื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด
นี่ไม่ใช่การเชื่อมหรือต่อร่างกันแบบง่ายๆแต่เป็นการฟื้นฟูชีวิตรูปแบบหนึ่งร่างของนักสู้ระดับเทพหลอมรวมกับร่างของมนุษย์ สิ่งที่ยากที่สุดคือเทวีเสรีเองก็มีพลังเทพที่บริสุทธิ์สะอาดสืบสายมาจากเจ้าตำหนักน้ำคนก่อนพลังเทพที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นและพลังจากร่างเทพมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันจะต้องถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน เปลี่ยนคุณสมบัติและเจตจำนงของนางเข้าด้วยกันความยากแบบนี้ยากยิ่งกว่าแบกภูเขาสูง! ถ้าเย่ว์หยางไม่มีเพลิงอมฤตและเลือดตัวของเขาเองเขาไม่กล้าฝันให้มีปาฏิหาริย์เช่นนี้
ร่างเทพร่างมนุษย์รวมกันอย่างกลมเกลียวในร่างเดียวกัน
นี่จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนใครในโลก
“เริ่มกันเถอะ!” เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเขาไม่ต้องการเช็ดออกไป ใจของเขากำลังอยู่ในสภาพเป็นสมาธิเชื่อมโยงถึงกันความแตกต่างหนึ่งในพันล้านอาจทำให้พลังเทพทั้งสองสายเกิดความขัดแย้งกันและทำลายล้างกัน ด้วยพลังขนาดทำลายโลกและสวรรค์ได้อย่างนี้เทวีเสรีภาพจะต้องตายอย่างแน่นอน
“ฮืม.... เทวีเสรีภาพรู้ว่านางจำเป็นต้องมีความคิดเป็นของตนเอง แม้ว่านางจะเขินอายแต่นางไม่สามารถให้ความพยายามของเขาสูญเปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมองดูเขาตกอยู่ในอันตราย
นิ้วที่ปิดใบหน้าของนางเปิดออกเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกในชีวิตของนาง
ที่กล้ามองดูเขาตรงๆ
**** **** ****