MDB ตอนที่ 279 หมอกขาว, มิติที่แตกต่าง
ปีศาจพยัคฆ์อย่างฮูหยู่เจินก็ไม่ได้คิดที่จะยอมจำนน กลับกันเธอกลับแข็งกร้าวมากขึ้นไปอีก เนื่องจากอีกฝ่ายล่วงเกินอย่างนี้ แววตาของเธอเป็นประกายคมกริบ เธอหันไปจ้องเขม็งอีกฝ่าย และพูดว่า
“เจ้าสิงโตป่าเถื่อนที่ไม่แม้แต่จะเชี่ยวชาญการแปลงร่าง ถ้าเจ้าไม่เฝ้าประตูแห่งนี้และไม่ให้ข้าเข้าไปค้นหาวิธีบ่มเพาะกายาแห่งธรรม ข้าคงไม่มีวันแสดงความเคารพต่อเจ้ามากถึงขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าได้พบกับยอดฝีมือแล้ว ข้าจึงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าอีกต่อไป!
เจ้าคิดจะสอนบทเรียนข้างั้นหรือ? ข้าต่างหากควรจะเป็นคนสอนบทเรียนให้แก่เจ้า!”
จากนั้นสัตว์ปีศาจทั้งสองก็ต่อสู้กัน
ในเวลาเดียวกัน หมอกสีขาวที่อยู่ใต้เท้าของปีศาจสิงโตก็เริ่มล้นออกมาปกคลุมทั่วบริเวณ
มันค่อนข้างแปลก ในขณะที่สัตว์ประหลาดทั้งสองต่อสู้กัน ไม่มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นกับบ้านร้าง ช่างน่าทึ่งจริง ๆ แม้แต่วานรยักษ์ขาว และซอมบี้คธูลูก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไร
หมอกสีขาวนี้มีพลังเหนือธรรมชาติที่สามารถแบ่งมิติได้อย่างชัดเจน บ้านหลังเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนธรรมดานี้ถูกแยกออกเป็นสองมิติด้วยหมอกนี้
น่าเหลือเชื่อมาก
หลินจินรู้สึกทึ่งทันที
เขาไม่ได้หยุดพวกเขาแต่ใช้เข็มกวาดหมอกไปที่เจ้าลิงขาวและซอมบี้คธูลู เพื่อให้พวกมันเข้ามาในมิตินี้ได้ ตอนนี้คนหนึ่งนั่งตัวตรงด้วยความตกใจ ในขณะที่อีกคนคำราม เขย่าโลงศพอย่างต่อเนื่อง
“วานรยักษ์ขาว ยกโลงศพขึ้น!” หลินจินสั่ง
วานรยักษ์ขาวตอบทันทีว่า
“เข้าใจแล้วขอรับ!”
จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบโลงศพ
ตอนนี้หมอกเริ่มหนาขึ้นแล้ว
หลินจินหันกลับไปสนใจฮูหยู่เจินที่กำลังต่อสู้กับปีศาจสิงโต เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นฝ่ายเหนือกว่า
นี่เป็นเรื่องปกติ อย่างที่ฮูหยู่เจินพูดไว้ก่อนหน้านี้ ทักษะแปรงร่างของเธอเหนือกว่าปีศาจสิงโต ดังนั้นความสามารถของเธอจึงสูงกว่าอย่างแน่นอน
ตามที่หลินจินว่าไว้ ฮูหยู่เจินอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับห้า ในขณะที่ปีศาจสิงโตอยู่ในระดับสี่เท่านั้น ในการดวลกัน ปีศาจสิงโตแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย
หลังจากถูกตบไม่กี่ครั้ง ปีศาจสิงโตก็คำรามด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็คำรามทันที
“เจ้าเสือร้าย ข้าจะดึงพวกเจ้าทั้งหมดเข้าสู่อาณาจักรจินตภาพ มาดูกันว่าเจ้าจะทำตัวอวดเก่งอย่างเดิมได้อีกมั้ย!?”
ชั่วพริบตาต่อมา หมอกที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาก็ลอยขึ้นทันที มันบดบังสายตา พวกเขาแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลย
หลินจินหยิบเข็มขึ้นมาพร้อมกับระวังตัว อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรอันตรายเกิดขึ้นหลังจากนั้น นอกจากหมอกที่ลอยขึ้นปกคลุมท้องฟ้าแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่ได้ลอบโจมตีหรือทำอะไรหลังจากนั้นเลย
แต่เมื่อหมอกค่อย ๆ จางหายไป หลินจินก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าสภาพแวดล้อมของเขาเปลี่ยนไป
ทุกหนทุกแห่งยังคงเป็นสีขาวพร่ามัว และมีประตูสูงอยู่ตรงหน้าพวกเขา ยืนสูงประมาณ 30 เมตร มันทั้งยิ่งใหญ่และสง่างาม
เขาหันไปเห็นฮูหยู่เจิน เธอยังคงต่อสู้กับปีศาจสิงโต ส่วนวานรยักษ์ขาวและซอมบี้คธูลูก็ถูกพาตัวเข้ามาด้วย ขณะที่เสี่ยวฮั่วหมอบอยู่บนไหล่ของหลินจิน มันตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด
“สถานที่นี้คืออะไร?” หลินจินตกตะลึง
สิ่งแรกที่เขาเดาคือนี่คือคาถาที่คล้ายกับค่ายกลละอองเมฆา บางคนมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมได้ แต่หลินจินรู้ว่านี่ไม่ใช่ค่ายกลละอองเมฆา จากที่เขาได้เรียนรู้อย่างคร่าว ๆ มันมีบางอย่างที่แตกต่าง
มันเหมือนกับว่าพวกเขาถูกย้ายไปยังที่อื่น
แม้จะตกใจและอยากรู้อยากเห็น แต่หลินจินก็สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาทำได้เพียงสังเกตโดยรอบ และยืนอยู่กับที่ เขาจะไม่เคลื่อนไหวอย่างผลีผลาม ถ้าเขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน ปีศาจสิงโตก็เสียหลักและถูกกดลงกับพื้นขณะที่ฮูหยู่เจินฟาดลงมาบนหัวของเขา
อาวุธอันทรงพลังของเขาหายไปและเขาไม่สามารถต่อสู้กลับหรือลุกขึ้นได้ ปีศาจสิงโตโกรธยังคงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ใบดาบที่แหลมคมได้แทงทะลุอากาศโดยไม่คาดคิด โดยมุ่งเป้าไปที่ฮูหยู่เจิน มันเร็วเกินไป แม้แต่หลินจินก็ยังตอบสนองไม่ทัน
ฮูหยู่เจินแข็งแกร่งมากพอที่จะหลบเลี่ยงได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งนี้กลับทำให้ปีศาจสิงโตหลบหนีไปได้
“เจ้าปีศาจ เจ้ากล้าดียังไงมาปรากฏตัวที่นี่ด้วยการกระทำอันป่าเถื่อน!”
ตามมาด้วยเสียงเย้ยหยัน ใบดาบอีกอันพุ่งเข้าใส่
ครั้งนี้ ใบดาบมาจากเบื้องบน ดูเหมือนว่าจะแบกรับพลังแห่งสวรรค์ ไม่ว่าฮูหยู่เจินจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีที่ให้เธอวิ่งหรือเธอไม่สามารถหลบได้
เนื่องจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ หลินจินสามารถตอบสนองได้ ในขณะนี้ฮูหยู่เจินเป็นเป้าหมายสังหารของเขา ดังนั้นเขาจะปล่อยให้คนอื่นสังหารเธอก่อนได้อย่างไร เขาเรียกใช้คาถาและเสี่ยวฮั่วก็กระโดดขึ้นทันที อากาศเยือกแข็งเริ่มรวมตัวกันก่อตัวเป็นยอดโดมน้ำแข็ง แม้ว่าจะไม่สามารถหยุดการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถทำให้ช้าลงได้ ทำให้ฮูหยู่เจินมีเวลาหลบหนี
ถึงกระนั้นการโจมตีก็สามารถแทงทะลุเส้นผมของฮูหยู่เจิน ทำให้เธอตกใจและหน้าซีด
แม้ว่าพลังของดาบจะลดต่ำลง แต่มันได้ผ่าแผ่นดินเบื้องล่างแยกเป็นสองส่วนตรงจุดที่ฮูหยู่เจินเคยยืน นี่เป็นการพิสูจน์ว่าการโจมตีด้วยดาบนั้นทรงพลังเพียงใด
ฮูหยู่เจินหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เธอวิ่งไปซ่อนหลังหลินจินเพื่อเอาชีวิตรอด สำหรับเธอแล้ว มีเพียงหลินจินที่มีพลังแก้กล้าเท่านั้นที่สามารถปกป้องเธอจากศัตรูที่ทรงพลังนี้ได้
ท้ายที่สุด ถ้าหลินจินไม่ลงมือก่อนหน้านี้ เธอคงถูกผ่าเป็นสองท่อนไปแล้ว
ตอนนี้หลินจินไม่ได้มองฮูหยู่เจิน หรือปีศาจสิงโต แต่เขากำลังเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า ฮูหยู่เจินก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน แต่เธอไม่เห็นอะไรเลย
เธอทำไม่ได้ แต่หลินจินทำได้
เหนือขึ้นไปกว่า 300 เมตร มีเค้าโครงของถ้อยคำที่แน่นขนัด พวกมันลอยอยู่ในอากาศเหมือนฝูงห่านป่า
น่าเสียดายที่แม้แต่หลินจินก็ไม่สามารถมองเห็นไปได้ไกลกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจได้ว่าใบดาบเหล่านั้นมาจากถ้อยคำที่อัดแน่นอยู่ด้านบน
การโจมตีของดาบได้หยุดลง แต่ถึงกระนั้นฮูหยู่เจินก็ยังหวาดกลัว จนไม่กล้าขยับไปไหน
ปีศาจสิงโตตอนนี้ได้เป็นท่าทีจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เขาลุกยืนขึ้นในขณะที่สาปแช่งฮูหยู่เจิน
หลินจินทักทายเขาโดยไม่กระวนกระวายใจ “ท่านแม่ทัพสิงโต ข้ามีชื่อว่าหลินจิน ก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินท่านพูดว่าจะดึงพวกเราทุกคนเข้าสู่อาณาจักรจินตภาพ ข้า ขอถามได้หรือไม่ว่านี่คืออาณาจักรจินตภาพหรือไม่?”
แม่ทัพสิงโตโกรธมากที่โดนฮูหยู่เจินทุบตี แต่เนื่องจากเขาได้รับการอบรมอย่างดี ในตอนแรกเขาโกรธมาก หลังจากเห็นพฤติกรรมของหลินจิน เขาก็ไม่สามารถโกรธได้อีกต่อไป และเมื่อเห็นว่าหลินจินสูงส่งเพียงใด สูงกว่าค่าเฉลี่ยด้วยซ้ำ เขาหยุดโกรธเพราะไม่มีอะไรต้องโกรธ
“เจ้าและเจ้าเสือตัวนี้เป็นพวกเดียวกัน แต่เมื่อเจ้าถามข้า ข้าจะยอมบอกเจ้าก็ได้ นี่แห่งคืออาณาจักรจินตภาพที่สร้างขึ้นโดยผู้อมตะโบราณ ข้าเป็นแม่ทัพที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลประตูเหล่านี้ หากพวกเจ้าคนใดกระทำการที่นี่ พวกเจ้าจะถูกโจมตีโดยพลังแห่งดาบของผู้อมตะ ร่างของพวกเจ้าจะขาดวิ่นจนสิ้นซากในพริบตา!”
ปีศาจสิงโตดูทะนงตนราวกับมีกองหนุนขนาดใหญ่หนุนหลังเขาอยู่
หัวใจของหลินจินเต้นแรงกับสิ่งนี้ แม้จะตกใจแต่ก็รู้สึกปิติเป็นส่วนใหญ่
เมื่อเส้นทางแห่งความเป็นอมตะถูกทำลาย ผู้อมตะควรจะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ไปแล้ว เขาจึงไม่คาดคิดว่าจะพบร่องรอยของพวกเขาที่นี่ และที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้ช่างน่าหลงใหลอย่างไม่น่าเชื่อ ดาบที่เร็วดุจสายฟ้าก่อนหน้านี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นฝีมือของผู้อมตะ นี่หมายความว่าหลินจินจะได้พบกับผู้อมตะที่แท้จริงใช่หรือไม่?
ในฐานะมนุษย์ หลินจินต้องการเรียนรู้ทุกอย่างที่ทำได้ หากผู้อมตะมีอยู่จริง เขาต้องการแสวงหาคำแนะนำจากพวกเขา
แน่นอน เขาต้องอธิบายตัวเองด้วย มิฉะนั้น ผู้อมตะอาจฝ่าร่างเขาอย่างที่ฮูหยู่เจินโดนก่อนหน้านี้
หลินจินยิ้มและกล่าวว่า “ความขัดแย้งก่อนหน้านี้เป็นเพียงความเข้าใจผิด แม่นางฮูไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาเช่นกัน สำหรับข้า ข้าเต็มใจที่จะขอโทษท่านในนามของเธอ หรือบางทีข้าควรจะขอโทษผู้อมตะเป็นการส่วนตัวดีหรือไม่?”
ในความคิดของหลินจิน ผู้อมตะมีระดับการบ่มเพาะที่ลึกซึ้งและจิตใจที่บริสุทธิ์ หากเขาขอโทษด้วยความจริงใจ ผู้อมตะก็อาจไม่ยกโทษให้เขาเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่หลินจินทำได้ในตอนนี้คือขอโทษ มันเป็นทางออกเดียวของพวกเขา
นอกจากนี้ หากผู้อมตะที่นี่ยืนกรานที่จะสังหารปีศาจ ฆ่าฮูหยู่เจิน หลินจินก็จะไม่สามารถหยุดเขาได้ เขาอาจจะต้องพลาดการสังหารปีศาจตนนี้และปล่อยให้ผู้เป็นอมตะจัดการเธอ
ด้วยเหตุนี้ หลินจินจึงสามารถแสดงท่าทีผ่อนคลายออกมาได้
เขายังคิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้ นั่นคือการซ่อนตัวในห้องโถงเยี่ยมชม เมื่อเห็นว่าพิพิธภัณฑ์ลึกลับเพียงใด แม้แต่ผู้อมตะที่แท้จริงก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้