ตอนที่ 12 : ผลกำไรในหนึ่งวัน
‘ดูเหมือนว่าราคาที่ตั้งขาย จะส่งผลต่อรูปแบบการรวบรวมโชคลาภด้วย’ ฉินหยุนคิดกับตัวเอง
ก่อนหน้านี้ เขาได้จัดวางรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งไว้ในร้านชานม กำไรของการขายชานมไม่สูงนัก อย่างมากสุดสามารถทำกำไรได้ประมาณ 10 กว่าหยวนและน้อยสุดก็ไม่กี่หยวนต่อแก้วเท่านั้น
หลังจากจัดวางรูปแบบการรวบรวมโชคลาภแล้ว ก็มีผู้คนหลั่งไหลมาซื้อชานมแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างไม่ขาดสาย และพวกเขาไม่มีเวลาได้พักเลย
แต่ทว่าราคาเฉลี่ยของเสื้อผ้าแต่ละตัวมากกว่า 100 หยวน และมีลูกค้าไม่มากนักในร้าน เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ห้าหรือหกคน ดังนั้นจึงไม่มีการเบียดเสียดและรีบแย่งกันซื้อ แม้ว่าหลังจากขายไปหนึ่งตัวแล้ว มันก็ยังมีช่วงที่ไม่ได้ขายระหว่างนั้นอยู่
"ดูเหมือนว่านี่คือประสิทธิภาพสูงสุดของรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งแล้ว.."
เขายังคงทำความเข้าใจสถานการณ์ของรูปแบบการรวบรวมโชคลาภอย่างต่อเนื่อง
"ถ้าหากสามารถเปิดรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่สอง จะเกิดอะไรขึ้นกับร้านขายเสื้อผ้า?" ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอ
ถ้ามันเป็นเหมือนตอนจัดวางรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งกับร้านชานม คาดว่ากำไรของร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ ในหนึ่งวันอาจจะสูงถึงระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้!
"เสี่ยวหยุน ช่วงนี้แกโชคดีมากจริงๆ แกทั้งถูกรางวัลใหญ่มากกว่า 100,000 หยวน และตอนนี้เปิดร้านเสื้อผ้าครั้งแรก ธุรกิจก็ยังไปได้ดีอีก" ฉินซวนมองไปที่น้องชายของเธอ นัยตาของเธอฉายแววประหลาดใจ
เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปในตัวของฉินหยุน
"หมอดูเคยบอกว่าผมจะถูกเทพเจ้าแห่งโชคลาภเข้าสิงหลังจากที่อายุสิบแปดปี"
ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "พี่ใหญ่ ในอนาคตพี่สามารถมาช่วยงานที่ร้านขายเสื้อผ้าได้ตลอดเลยนะครับ"
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุน เห็นได้ชัดว่าฉินซวนก็คิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า: "ถ้าพี่อยู่ที่นี่ก็จะไม่มีเวลาดูแลเสี่ยวจุน"
นี่เป็นร้านของครอบครัวเธอเอง และธุรกิจก็ดีมาก แน่นอนว่าเธอเองก็อยากทำงานที่นี่ แต่เธอก็กังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับลูกชายของเธอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะนี่เป็นปัญหาจริงๆ
เมื่อพี่เขยคนโต หลี่อี้หัง มีออเดอร์สินค้าเข้าที่โรงงาน เขาจะออกไปในตอนเช้าและมักจะกลับมาตอน 4-5 ทุ่ม ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถดูแลเด็กเล็กได้เลย
สำหรับการพามาไว้ที่ร้านเสื้อผ้าด้วย ตอนนี้หลี่จุนอายุแค่สี่ขวบ เด็กวัยนี้ถือว่าซนมาก แทบจะนั่งเฉยๆไม่ได้เลย อาจจะไม่เหมาะที่จะพามาทำงานด้วย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ฉินหยุนและฉินซวนก็กลับไปที่ร้าน และให้จ้าวเหมย เฟิงหลาน และแคชเชียร์จางชิงไปรับประทานอาหารต่อ
บ่ายโมงผ่านไป หลังจากช่วงพักเที่ยงจำนวนคนในร้านก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆอีกครั้ง
ช่วงบ่ายแย่กว่าช่วงเช้าเล็กน้อย แต่เสื้อผ้าก็ยังขายได้อยู่เรื่อยๆ จนถึง 5 โมงเย็น เสื้อผ้า 30 กว่าตัวก็ถูกขายออกไปอีก!
หลังช่วงอาหารเย็น ร้านขายเสื้อผ้ายังคงเปิดอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่ามีลูกค้าน้อยลงเรื่อยๆ
ในไม่ช้าเวลาก็เกือบ 4 ทุ่ม บนถนนเหลือคนไม่มากนักและไม่มีลูกค้าอยู่ในร้านอีก
ในที่สุดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ถึงเวลาปิดร้าน
เป็นเวลากว่าสิบสามชั่วโมงติดต่อกันหลังจากเปิดร้าน ฉินหยุน ฉินซวน จ้าวเหมยและคนอื่นๆ ต่างก็รีบเคลียร์ยอดกันอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา
ระบบคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่าวันนี้ขายเสื้อผ้าได้ 80 ตัว ยอดขายรวม 16,900 หยวน! ถ้าไม่นับรวมราคาทุนเสื้อผ้า กำไรสุทธิคือ 8,700 หยวน!
“เสี่ยวหยุน นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหมลูก?!” จ้าวเหมยเพียงรู้สึกว่าเหมือนกับกำลังฝันอยู่
แม้ว่ากำไรวันนี้จะต้องนำไปหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่าร้าน ค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน ฯลฯ นอกจากทุนซื้อเสื้อผ้า กำไรอย่างต่ำก็เกือบ 8,000 หยวนได้!
เธอนึกไม่ถึงว่าจะหาเงินได้มากมายขนาดนี้ภายในวันเดียว!
"แม่ แน่นอนสิ สิ่งที่อยู่บนคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องจริง!" ฉินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม: "วันนี้ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น และเราจะได้เงินมากขึ้นอีกในอนาคต!"
เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้รับรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งมา ความคิดแรกของเขาคือการช่วยพ่อแม่ของเขาไม่ให้ทํางานหนัก และต้องการแก้ไขสภาพของครอบครัวของเขา
"พี่สะใภ้รอง เสี่ยวหยุนหาเงินได้มากมายตั้งแต่อายุยังน้อย คุณและพี่รองสามารถมีความสุขได้อย่างสบายใจในอนาคตแล้ว" นอกจากนี้ เฟิงหลาน น้าสะใภ้ของฉินหยุนก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉา
จะเป็นยังไง ถ้าคุณมีรายได้ภายในหนึ่งวัน เทียบเท่ากับมีรายได้ในหนึ่งเดือน?
"บอส! ถึงเวลาเลิกงานของฉันแล้ว"
ขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้นก็มีเสียงเหนื่อยๆ ดังขึ้นข้างหูของพวกเขา จางชิงมองไปที่ฉินหยุนและพูด
ปกติเธอเข้างานหลัง 8 โมงเช้า และเลิกงานหลัง 4 โมงเย็น แต่ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่มแล้ว!
"วันนี้เธอทำงานหนัก เดี๋ยวเดือนนี้ผมจะเพิ่มเงินเดือนให้" ฉินหยุนมองไปที่จางชิงที่ดูเหนื่อยล้าและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ บอส” เมื่อได้ยินว่าจะได้เงินเพิ่ม จางชิงก็รู้สึกตื่นเต้นทันทีและพูดขอบคุณอย่างรีบร้อน
เมื่อจางชิงจากไป ฉินหยุนก็มองไปที่จ้าวเหมย และพูดว่า "แม่ครับ ผมเคยพูดถึงการรับสมัครพนักงานขายเสื้อผ้าก่อนหน้านี้ เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน เราต้องรับคนเพิ่มอีกสักสองสามคน"
บังเอิญว่าช่วงนี้เป็นวันหยุดของเฟิงหลาน เธอจึงสามารถมาที่นี่เพื่อช่วยงานที่ร้านได้ แต่พรุ่งนี้เธอต้องกลับไปทำงานที่โรงงานแล้ว
ฉินซวนก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ในวันที่ 8 เมื่อหลี่จุนไปโรงเรียน เธอยังต้องไปรับเขา ทำอาหารให้ และอื่นๆอีก
สำหรับฉินหยุนเขาจะมีเรียนในวันพรุ่งนี้แล้ว
ตอนนี้เขาเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายในโรงเรียนมัธยมและมีวันหยุดห้าวัน
ปีนี้เป็นข้อยกเว้น ปกติในปีสุดท้าย พวกปีสามจะมีวันหยุดเพียงแค่สามวัน
ดังนั้นคนที่สามารถอยู่ที่ร้านตลอดจึงมีแค่ จ้าวเหมยและจางชิง
ครั้งนี้จ้าวเหมยไม่ได้คัดค้านและพยักหน้าตกลง
"เสี่ยวหยุน พี่มีเพื่อนร่วมงานสองสามคนที่กำลังเย็บเสื้อผ้าที่บ้านและทำงานง่ายๆ พี่สามารถติดต่อพวกเขาและให้มาลองทำงานที่ร้านได้" ฉินซวนคิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากได้ยินคำพูดของน้องชายของเธอ
"โอเคครับพี่ใหญ่ ครั้งนี้เราต้องรับสมัครอย่างน้อยสักเจ็ดคน ปกติแล้วในร้านจะมีพนักงานขายสามคนและแคชเชียร์หนึ่งคน" ฉินหยุนกล่าว
แม้ว่าร้านนี้จะไม่ใหญ่ แต่ก็มักจะมีลูกค้าเข้ามาจำนวนหนึ่งอยู่เสมอ ขนาดวันนี้ ฉินหยุน ฉินซวน จ้าวเหมยและเฟิงหลาน ก็แทบจะไม่สามารถจัดการได้ทัน
อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นวันแรกสำหรับการเปิดร้าน และยังมีส่วนลดให้ลูกค้าถึง 10% แม้ว่าคุณจะไม่ได้ต้องการซื้อเสื้อผ้ามากนัก แต่คุณก็ยังสามารถซื้อได้สักตัวสองตัว ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากวันนี้ราคาเสื้อผ้าก็จะกลับมาที่ราคาเดิมของพวกมัน
ดังนั้นยอดขายในวันพรุ่งนี้น่าจะลดลงประกอบกับช่วงนี้เป็นวันหยุดแรงงาน จึงมีผู้คนจำนวนมากมาเดินเที่ยว หลังจาก May Day* จบลงการสัญจรของผู้คนอาจจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
แน่นอน แม้ว่าการสัญจรของผู้คนจะลดลง ฉินหยุนก็ไม่กังวลว่ายอดขายจะลดลงอย่างพรึบพรับ ในเมื่อเขามีระบบโกงอยู่กับตัว
ถ้ามีเพิ่มอีกสามคนอยู่ในร้านก็น่าจะเพียงพอแล้ว
บวกแคชเชียร์อีกหนึ่ง เท่ากับสี่คนพอดี
ที่สำคัญคือธุรกิจดีมากจนพนักงานแค่สองคนรับมือไม่ไหว
และตั้งแต่ 8.30 น. ถึง 22.00 น. จะต้องมีสองกะ กะละสี่คน ดังนั้นอย่างน้อยต้องมีพนักงานแปดคน
"เสี่ยวหยุน ลูกต้องการรับสมัครพนักงานจำนวนมากงั้นเหรอ?" จ้าวเหมยอดไม่ได้ที่จะพูดหลังจากได้ยินคำพูดของฉินหยุน
ด้วยเงินจำนวนมากที่ได้รับจากร้านค้าในวันนี้ ทำให้น้ำหนักของฉินหยุนในใจของเธอเพิ่มขึ้นมากอย่างกะทันหัน ดังนั้นแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเห็นด้วย เธอก็แค่ถามก่อน
“แม่ครับ แม่ไม่ได้สังเกตสถานการณ์วันนี้เหรอครับ พวกเราหลายคนยุ่งมากจนรับมือลูกค้าแทบไม่ไหว ถ้าเกิดเราไม่รับพนักงานเพิ่ม ก็ไม่มีคนคอยต้อนรับลูกค้า หากเป็นแบบนี้ลูกค้าก็อาจจะรู้สึกไม่ดี และเดินออกจากร้านไปโดยตรงเลยก็ได้” ฉินหยุนกล่าว
(จบตอน)
------------------------------------------------------------------------------------------------------
**หมายเหตุ**
May Day มีสองความหมาย
1.May Day ที่ใช้แทนคำว่าวันแรงงานในเดือนพฤษภาคม หรือวันหยุดแรงงาน
2.May Day ที่ใช้แทนสัญญาณการขอความช่วยเหลือ ตามข้อมูลในกูเกิล คำนี้เพี้ยนมาจาก Help Me ปกติเมื่อใช้จะตะโกนว่า may day 3 ครั้ง (อย่าเข้าใจผิดนะว่ามาตะโกนว่า วันแรงงานๆ)