บทที่ 36: ตามหาเหล่าหนิวโถวเพื่อแลกเปลี่ยนหนังสัตว์
เมื่อหลงเหยาได้ยินว่าเนื้อจะมีกลิ่นเหม็น เขาก็ตกใจเงยหน้าขึ้น กัดฟันแสดงท่าทางข่มขู่
แต่พอเจ้ามังกรตัวเล็กมองดี ๆ อีกครั้งก็เห็นว่าหูเจียวเจียวกำลังจัดการกับเนื้อเหม็นพวกนั้น เขาจึงเปลี่ยนท่าทางเป็นเอียงคออย่างน่ารักน่าเอ็นดูพลางกะพริบตามองผู้เป็นแม่
การกระทำแบบนี้เหมือนเขาต้องการจะบอกว่า
ข้ากินเนื้อแบบไหนก็ได้ตามที่แม่ทำให้ ข้าไม่เลือกกินหรอกนะ!
พอแม่จิ้งจอกรู้ว่าเด็ก ๆ กำลังเข้าใจผิด เธอจึงอธิบายอย่างขบขันว่า "เนื้อนี้ไม่เหม็นหรอก แม่กำลังทำเนื้อรมควัน มันจะช่วยให้เราสามารถเก็บรักษาเนื้อไว้กินได้นานขึ้น"
หลงหลิงเอ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียว
“ท่านแม่ มันจะเก็บไว้ได้นานแค่ไหน? เราจะเก็บเนื้อไว้กินได้ถึง 10 วันหรือเปล่า?” สาวน้อยถามด้วยความสงสัย “ถ้าเราสามารถเก็บเนื้อนี้ไว้กินได้ถึง 10 วัน เราก็จะมีอาหารกินไปจนกว่าท่านพ่อจะนำเหยื่อกลับมารอบหน้า จากนี้ไปเราก็จะไม่ต้องทนหิวอีกแล้ว”
ในฤดูใบไม้ร่วง เนื้อจะเน่าเสียหลังจากเวลาผ่านไป 10 วัน ยิ่งถ้าเป็นในฤดูร้อน เนื้อจะเน่าจนถึงขั้นมีหนอนชอนไชออกมาเลยทีเดียว
หลงโม่...
รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของหูเจียวเจียวชะงักค้างอยู่สักพัก และทันใดนั้นเธอก็คิดว่าหากหลังจากวันนี้ไปโหวเสี่ยวเตียวไม่สามารถช่วยส่งเหยื่อได้อีก เธอจะต้องได้พบหลงโม่ที่นำเหยื่อมาส่งด้วยตัวเอง
เมื่อคิดถึงการเผชิญหน้ากับตัวร้ายที่โหดเหี้ยมและกระหายเลือดในหนังสือ หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวล
เพื่อทำให้จอมวายร้ายไม่เคียดแค้นเธออีก เธอจะปล่อยให้เขาอาศัยอยู่ในป่าต่อไปไม่ได้แล้ว เธอต้องบอกให้เขากลับเข้ามาอยู่ในเผ่า
หญิงสาวชอบเด็กเพราะพวกเขาน่ารักและไร้เดียงสา การอาศัยอยู่กับเด็ก ๆ จึงไม่ได้มีปัญหาสักเท่าไหร่ แต่กับหลงโม่มันแตกต่างออกไป การปล่อยให้เขามาอาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากการอยู่กับชายแปลกหน้า
ตอนนี้จิ้งจอกสาวรู้สึกว่าหัวจะระเบิดอีกครั้งเมื่อเผชิญกับปัญหาที่แก้ไม่ตก
“หลิงเอ๋อ ผ่านไปตั้ง 10 วันเนื้อจะไม่เน่าได้ยังไง นางแค่หลอกเจ้าเท่านั้นแหละ เจ้าก็ยังเชื่อน้ำคำของนางอีก” คำพูดของหลงจงไม่ต่างจากการสาดน้ำเย็นใส่หน้าหูเจียวเจียว มันขัดจังหวะความคิดของเธอได้ชะงัด
จากนั้นเธอจึงตอบเบา ๆ ว่า "แน่นอนว่าวิธีนี้ทำให้เราเก็บเนื้อได้มากกว่า 10 วัน หลังจากที่เรานำเนื้อไปรมควันแล้ว เราจะสามารถเก็บมันไว้ได้หลายเดือนเลยล่ะ"
"โอ้โห! เราจะเก็บเนื้อนี้ไว้ได้จนถึงฤดูหนาวเลยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นพอถึงฤดูหนาวเราก็ไม่ต้องอยู่แบบอด ๆ อยาก ๆ แล้วสินะ" หลงหลิงเอ๋อที่ได้ยินคำอธิบายของแม่เบิกตากว้าง ขณะที่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"ถูกต้อง" หูเจียวเจียวพยักหน้าพลางอมยิ้ม
สำหรับเด็กพวกนี้ การไม่ต้องทนหิวเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขที่สุด
ยกเว้นหลงเหยาที่ไม่เข้าใจคำพูดของแม่จิ้งจอก เด็กหนุ่มอีก 3 คนก็พากันตกใจ
มันมีวิธีที่ทำให้สามารถเก็บเนื้อไว้กินได้นาน ๆ ด้วยหรือ! ตั้งแต่ที่พวกหลงอวี้อยู่ในเผ่านี้มา พวกเขาไม่เคยได้ยินชาวบ้านพูดถึงวิธีการเก็บเนื้อแบบนี้มาก่อนเลย แล้วนางไปเอาวิธีนั้นมาจากไหน?
หูเจียวเจียวไม่เปิดโอกาสให้เหล่าเด็กน้อยถามคำถามต่อไป และจัดเตรียมอาหารให้แต่ละคน จากนั้นเธอก็หั่นขากวางย่าง 3 ชิ้นออกเป็น 6 ส่วน ซึ่ง 1 ในนั้นเธอเลาะกระดูกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไว้ให้หลงเหยา
กลิ่นเนื้อย่างหอมกรุ่นมันทำให้เจ้าตัวเล็กทั้งหลายลืมความสงสัยไปจนหมดสิ้น พวกเขาจ้องเขม็งไปที่ผู้เป็นแม่ตาไม่กะพริบแทน
พอหูเจียวเจียวจัดเตรียมอาหารใส่จานชามเสร็จแล้ว เธอก็ดับไฟดวงเล็กในเตา ก่อนจะหันหลังไปและเห็นว่าเด็กทั้ง 4 กำลังนั่งตัวตรงมองมาที่เธอด้วยดวงตาสีเข้ม
“ทำอะไรกันอยู่น่ะ แค่มองไม่ทำให้พวกเจ้าอิ่มหรอกนะ” หญิงสาวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับท่าทางของลูกน้อยดี
ทางด้านหลงเหยาขยับจมูกไปดมกลิ่นก่อนจะรีบกลั้นหายใจเอาไว้!
แม่ยังไม่ได้บอกว่ากินได้ เขาก็เลยต้องห้ามใจไว้ก่อน
ขณะที่หลงหลิงเอ๋ออดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากล่างและพูดอย่างเชื่อฟังว่า "ข้าจะรอท่านแม่มากินพร้อมกัน"
แม้ว่าเด็กหนุ่มอีก 3 คนจะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาก็รู้สึกไม่ต่างจากน้องสาว
หูเจียวเจียวรู้ว่าเด็กพวกนี้ไม่ได้ใจดีที่รอเธอมากินข้าวด้วย เด็ก ๆ คงกลัวว่าเธอจะโกรธถ้าพวกเขากินก่อน เธอจึงเดินไปนั่งบนพื้นโดยหันหน้าเข้าหาคนอื่น ๆ ก่อนจะตักอาหารส่วนของเธอมากิน
“ตกลง แม่จะกินพร้อมกับพวกเจ้า”
เนื่องจากบ้านหลังนี้ไม่มีโต๊ะและเก้าอี้ ดังนั้นเธอกับลูก ๆ จึงต้องนั่งกินข้าวอยู่บนพื้นกันเท่านั้น
เมื่อเด็กน้อยทุกคนเห็นว่าแม่จิ้งจอกเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาก็ถือชามขึ้นมาตักข้าวกินคำใหญ่
หลังจากที่ทานอาหารมื้อค่ำกันเสร็จแล้ว หูเจียวเจียวก็ไปที่แม่น้ำเพื่อล้างจานชามตามปกติ รวมถึงล้างชุดกระโปรงหนังสัตว์สกปรกที่เธอเปลี่ยนในวันนี้ด้วย
พอกลับมาที่บ้านเธอก็อาศัยแสงจันทร์ในการจัดเก็บลานบ้านให้เป็นระเบียบ เมื่อเธอเข้าไปในบ้านก็เห็นเด็ก 4 คนซุกตัวอยู่บนเตียงที่ทำจากกองฟาง โดยที่ไม่มีใครออกไปวิ่งเล่นข้างนอกเหมือนครั้งที่แล้ว
เนื่องจากวันนี้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวัน หูเจียวเจียวเองก็รู้สึกเหนื่อยล้ามากจึงอยากจะรีบเข้านอน
ทันทีที่หญิงสาวหลับตา เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในอ้อมแขนของตน เธอลืมตาขึ้นและเห็นมังกรดำตัวน้อยมาคลอเคลียอยู่
ซึ่งเจ้ามังกรตัวเล็กคงรู้สึกถึงสายตาของผู้เป็นแม่จึงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะขยับตัวหาตำแหน่งนอนที่สบายที่สุด
จากนั้นเขาก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว
การกระทำพวกนี้เกิดขึ้นไม่ถึงอึดใจ
อาจเป็นเพราะว่าหลงเหยากลัวว่าแม่จิ้งจอกจะตื่นมาไล่เขาไปนอนที่อื่น
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หูเจียวเจียวตกตะลึงเล็กน้อย ปกติแล้วเด็กพวกนี้ทั้งเกลียดและกลัวเธอมาตลอด แต่เหยาเอ๋อกลับเข้ามานอนกับเธอเอง นี่หมายความว่าเด็กคนนี้ยอมรับเธอแล้วใช่หรือไม่?
ความคิดนั้นทำให้เธอมีความสุขมาก เธอสวมกอดเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยนพร้อมกับตบเบา ๆ กล่อมให้เขาหลับ
ไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไปโดยที่คืนนี้ไม่มีฝันร้าย
…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หูเจียวเจียวตื่นขึ้นมาเพื่อทำอาหารเช้าและขนเนื้อกวางครึ่งตัวออกจากชั้นวางเนื้อ
ทันทีที่เด็ก ๆ ตื่นนอน พวกเขาก็ได้กลิ่นอาหารโชยมาจากด้านนอก จึงพากันลุกขึ้นมาจัดแจงที่นอนให้เรียบร้อย ก่อนจะออกไปข้างนอกเพื่อดูว่าแม่จิ้งจอกกำลังทำอะไรอยู่
ทางด้านหญิงสาวกำลังจะหั่นเนื้อกวางเป็นชิ้นเล็ก ๆ กวางแค่ครึ่งตัวก็หนักเกือบ 80 กิโลกรัมแล้ว เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เธอจึงแบ่งมันออกเป็น 2 ส่วน จากนั้นก็ใช้เชือกมัดเนื้อติดกับไม้ยาว ๆ เอาไว้ 2 ด้าน
ระหว่างนั้นจิ้งจอกสาวเห็นลูก ๆ ออกมาจากบ้าน เธอเลยบอกทุกคนให้มากินข้าวด้วยรอยยิ้ม
"ตื่นกันแล้วหรือ มากินข้าวเช้ากันเถอะ"
เมื่อหลงเหยาได้ยินว่ามีของกินก็บินวนรอบ ๆ ศีรษะของหูเจียวเจียวอย่างมีความสุข
แต่เด็กอีก 4 คนกลับมองดูเนื้อกวางบนพื้นด้วยสีหน้าระแวดระวัง
หูเจียวเจียวจึงอธิบายด้วยรอยยิ้มยามที่สัมผัสได้ถึงสายตาของเด็กพวกนั้น "คราวก่อนแม่เผลอทำให้หนังสัตว์แข็งไปเสีย มันเลยเอามาทำเป็นเสื้อผ้าไม่ได้ แม่ก็เลยคิดว่าจะเอาเนื้อพวกนี้ไปแลกกับเหล่า*หนิวโถว เพื่อเอาหนังสัตว์มาทำเสื้อผ้าให้พวกเจ้า"
*เหล่า = ผู้สูงอายุ ผู้อาวุโส
เหล่าหนิวโถวเป็นภูตที่มีทักษะการฟอกหนังสัตว์ดีที่สุดในเผ่า เหล่าภูตทั้งหลายจึงมักจะเอาเหยื่อไปแลกกับหนังสัตว์ของเขา
เธอคิดว่าที่บ้านไม่ได้ขาดแคลนเนื้อสัตว์ ดังนั้นเธอจึงจะเอาเนื้อพวกนี้ไปแลกกับหนังสัตว์ 2-3 ผืน แล้วนำมันมาตัดเย็บเสื้อผ้าใหม่ให้ลูก
หญิงสาววางแผนไว้ว่าหลังจากที่เตรียมเสื้อผ้าเสร็จ เธอจะอาบน้ำและแต่งตัวให้เด็ก ๆ รวมถึงคอยดูแลความสะอาดให้พวกเขา ไม่นานเด็กพวกนี้ก็จะกลายเป็นเด็กตัวอ้วน ๆ น่ารักน่ากอด
"ท่านแม่ เรามีเสื้อผ้าหนังสัตว์ใส่แล้ว เราไม่อยากได้เสื้อผ้าใหม่ เราจะเก็บเนื้อไว้กินได้ไหม..." หลงหลิงเอ๋อมองดูเนื้อชิ้นใหญ่บนพื้นด้วยความทุกข์ใจ
เมื่อหูเจียวเจียวรู้ว่าเด็กสาวลังเลที่จะเอาเนื้อไปแลกกับหนังสัตว์ เธอก็ก้าวเข้าไปลูบหัวของอีกคนเบา ๆ ด้วยความรักพลางกล่าวปลอบโยน
“ไม่ต้องห่วง แม่จะไม่ปล่อยให้เจ้าหิวหรอก วันนี้เรามีเนื้อให้กินเพียงพอ แล้วเราก็ควรจะมีเสื้อผ้าตัวใหม่ใส่ด้วย”
จากนั้นก็ไม่มีเด็กคนไหนพูดแย้งอะไรขึ้นมาอีก
แต่ผู้เป็นแม่ก็รับรู้ถึงความกังวลของพวกเขา เธอจึงพูดอีกครั้งว่า "ในอนาคตแม่จะออกไปกับกลุ่มเก็บเกี่ยว พวกเราจะได้มีอาหารกินในฤดูหนาว ฉะนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว"
ร่องรอยของความสงสัยฉายแววในดวงตาสีเข้มของลูกทันที
กลุ่มเก็บเกี่ยว? นางจะออกไปทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวอย่างนั้นหรือ?
นี่พวกเขาหูฝาดไปหรือไง?
ท้ายที่สุดแล้วหูเจียวเจียวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ถัดมาเธอแจกจ่ายโจ๊กที่ปรุงเสร็จแล้วให้กับเด็กทั้ง 5
เมื่อวานหลงเหยาประสบกับสถานการณ์เฉียดตายทำให้ต้องหนีอย่างไม่คิดชีวิต ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าปล่อยให้เด็ก ๆ กินอาหารที่มีแต่ไขมันมากเกินไป เธอก็เลยทำโจ๊กใส่เนื้อและผักเพื่อให้พวกเขาได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
จากนั้นเธอก็หยิบมันเทศลูกใหญ่ออกมาจากมิติ 6 ลูก แล้วยัดมันเข้าไปในเตาโดยใช้ถ่านมาปกคลุมพวกมันเอาไว้ ก่อนจะวางขี้เถ้าไว้ด้านบนซึ่งเธอคิดจะทำเป็นของว่างระหว่างวัน
แล้วโจ๊ก 1 หม้อใหญ่ก็ถูกแบ่งสำหรับคน 6 คนกินกันจนอิ่มหนำสำราญ
หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หูเจียวเจียวบอกให้ลูก ๆ อยู่ดูแลบ้าน ส่วนเธอก็แบกเนื้อกวางที่แบ่งเป็น 2 ชิ้นแล้วมัดไว้บนไม้ยาวที่ทำเองก่อนจะเดินออกจากประตูบ้านไป
ในหนังสือเขียนเอาไว้ว่า เหล่าหนิวโถวเก่าอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเผ่า
จิ้งจอกสาวจึงเดินมุ่งหน้าไปทางเหนือ แต่เธอไม่คาดคิดว่าก่อนที่เธอจะพบบ้านของเหล่าหนิวโถว ก็มีชายคนหนึ่งมาขัดขวางเธอไว้