บทที่ 13: สกิลเฉพาะ
บทที่ 13: สกิลเฉพาะ
ในสนาม ครูและนักเรียนทุกคนกำลังจับจ้องไปที่หน้าจอตรงหน้าพวกเขาและตรวจสอบสถานการณ์ของลู่หยานอย่างถี่ถ้วน
นักเรียนบางคนถึงกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงเตรียมโพสต์ลงโลกออนไลน์หลังจากนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
ท้ายที่สุดแล้ว การแสดงของลู่หยานก็จะก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน
ในขณะนี้ เสียงลังเลหนึ่งก็ดังขึ้น
“พวกนายไม่คิดว่าเนโครแมนเซอร์ของรุ่นพี่ลู่หยานนั้นดูเหมือนจะแตกต่างจากเนโครแมนเซอร์คนอื่นๆ หรอ?”
“ฉันตรวจสอบวิดีโอการต่อสู้ของเนโครแมนเซอร์มาแล้ว โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาก็ควบคุมอันเดดเพื่อใช้ต่อสู้ พวกเขาไม่ได้มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้มากนัก แต่ถึงอย่างนั้น รุ่นพี่ลู่หยานก็…”
เนโครแมนเซอร์คนอื่นๆ จะเรียกอันเดดออกมาเพื่อใช้ต่อสู้และใช้สกิลอันเดดของพวกเขา
แต่สำหรับลู่หยานแล้ว?
เขาพุ่งตรงไปข้างหน้าพร้อมกับไม้เท้าในมือเขา!
มันดูไร้สาระและน่าประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่พบปัญหาใดๆ ในการทำสิ่งเหล่านี้
“เป็นอย่างนั้นจริงๆ การโจมตีทางกายภาพของรุ่นพี่ลู่หยานดูเหมือนจะรุนแรงมาก เขาสามารถจัดการกับเหล่าอันเดดได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และยิ่งไปกว่านั้น พวกมันทั้งหมดก็ยังอยู่ในระดับฝันร้าย เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสูงมาก”
“ฉันไปเช็คข้อมูลมาแล้ว ปรากฎว่าก่อนที่เขาจะปลุกอาชีพขึ้น ค่าคุณสมบัติความแข็งแกร่งของรุ่นพี่ลู่หยานนั้นก็ต่ำมาก มันไม่ได้น่าเหลือเชื่อเหมือนกับตอนนี้เลย มันเรียกได้ว่าด้อยกว่านักเรียนทั่วไปมากด้วยซ้ำ”
“หากเป็นในกรณีนี้ งั้นมันก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ นั่นก็คือรุ่นพี่ลู่หยานสามารถควบคุมพลังการเลเวลอัพและใช้มันทั้งหมดเพื่อเพิ่มให้กับค่าความแข็งแกร่งของเขา”
นักเรียนบางคนสังเกตเห็นความผิดปกติและได้ข้อสรุปหลังจากคิดสั้นๆ
“สิ่งนี้ดูเหมือนจะอธิบายได้แล้วว่าทำไมความแข็งแกร่งของรุ่นพี่ลู่หยานจึงทรงพลังมาก ท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็ให้ความสนใจกับรุ่นพี่ลู่หยานมาตั้งแต่ต้น ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้สูงนักในตอนแรก แต่มันก็เป็นไปได้จริงๆ ที่เขาอาจจะควบคุมพลังการเลเวลอัพเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้?”
ในความเข้าใจของนักเรียนส่วนใหญ่ พลังการเลเวลอัพนั้นก็ไม่สามารถถูกควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ โดยปกติแล้ว มันก็จะมุ่งเน้นไปที่ค่าคุณสมบัติสองถึงสามประการ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังค่อนข้างน่าเหลือเขื่อที่ลู่หยานจะสามารถควบคุมมันและมุ่งเน้นไปที่ค่าคุณสมบัติเดียวได้
“แน่นอนว่านั่นเป็นไปได้ นี่คือพรสวรรค์ บางคนมีพรสวรรค์เช่นนี้ ตัวอย่างเช่นบางคนมีความใกล้ชิดกับพลังเวทมนตร์มาก และนี่ก็คือพรสวรรค์ หลังจากเขากลายเป็นนักเวทย์แล้ว ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งกว่านักเวทย์ทั่วไปมาก”
“เพราะงั้นแล้วรุ่นพี่ลู่หยานจึงน่าจะมีพรสวรรค์ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเป็นเนโครแมนเซอร์อยู่ดี การเน้นค่าคุณสมบัติของเขาไปที่ค่าความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวนั้นจะดีจริงๆ หรอ?”
“ถูกต้อง แม้ว่าตอนนี้เขาจะทรงพลังมาก แต่ถ้าค่าสติปัญญาของเขาไม่สูงพอ ผลลัพธ์ของสกิลของเนโครแมนเซอร์ก็จะลดลงอย่างมาก”
นักเรียนรอบข้างต่างสนทนากัน นักเรียนส่วนใหญ่คิดว่าลู่หยานกำลังใช้พรสวรรค์ของเขาในทางที่ผิด
พวกเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าลู่หยานจะเป็นราชาผู้วายชนม์และฝึกฝนทั้งเวทมนตร์และศิลปะการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้น ลู่หยานก็ยังมีช่องทางมากมายในการเพิ่มค่าคุณสมบัติให้กับตัวเขาเอง
หวังมู่เต๋ออดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเมื่อเขาได้ยินการสนทนาโดยรอบ
“ช่างเป็นกลุ่มเด็กน้อยหน้าโง่อะไรแบบนี้ แม้ว่าตอนนี้ลู่หยานจะใช้พรสวรรค์ของเขาในทางที่ถูกหรือผิด แต่มันก็ยังคุ้มค่าโดยสิ้นเชิง”
“คะแนนสำหรับการเคลียร์ระดับฝันร้ายได้นั้นสูงมาก หากลู่หยาน ประสบความสำเร็จจริงๆ เขาก็จะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังสิบอันดับแรกของประเทศได้ และเมื่อถึงเวลานั้น ทรัพยากรที่เขาจะได้รับรางวัลก็จะเพียงพอที่จะชดเชยการสูญเสียทั้งหมด”
“ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาก็ยังไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แม้ว่าเขาจะเป็นเนโครแมนเซอร์ แต่การเพิ่มความแข็งแกร่งก็ยังเป็นเรื่องดีเช่นกัน ที่เขาต้องทำก็มีแค่เพิ่มค่าสติปัญญาและค่าร่างกายให้ดีขึ้นตามก็พอแล้ว”
“ ยิ่งไปกว่านั้น ความเด็ดขาดที่ลู่หยานแสดงออกมานั้นก็เป็นสิ่งที่ผู้สมัครคนอื่นไม่มีและไม่กล้าแม้แต่จะคิด การสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ทดสอบแค่พลังค่าคุณสมบัติ แต่มันเป็นการทดสอบการตอบสนองและดูผลลัพธ์เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจ
“ทุกการโจมตีของลู่หยานนั้นสะอาดและทรงประสิทธิภาพ เขาปราศจากความกลัวใดๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจ คนเช่นนี้จะสร้างความประทับใจที่ดีในการประเมินได้และคะแนนของเขาก็จะสูงขึ้นมาก”
หวังมู่เต๋อรู้ดีว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นให้ความสำคัญกับความสามารถในการปฏิบัติงานโดยรวมของผู้สมัคร และจากรูปลักษณ์แล้ว ไม่ว่าลู่หยานจะใช้พรสวรรค์ของเขายังไง แต่เขาก็จะยังคงได้คะแนนสูงและสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้อยู่ดี
เขาจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
อย่างไรก็ตาม นักเรียนที่ขี้อิจฉาบางคนที่อยู่รอบข้างก็แสดงความรังเกียจออกมาหลังจากได้ยินการสนทนาโดยรอบ
“ฉันเข้าใจทั้งหมดแล้ว ฉันว่าเขาทรงพลังก็จริง แต่เขาก็เอาแต่พึ่งพาพรสวรรค์ของเขา สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นได้แค่ตัวตลกเท่านั้นแหละ”
“ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะทำได้ดีในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เนโครแมนเซอร์ที่มีความแข็งแกร่งจะไปมีประโยชน์อะไร ช่างเป็นการตัดสินใจที่โง่เง่าเสียจริง”
จางเฟิงหยูฟังคนรอบข้างและส่ายหัวเล็กน้อย เขาพูดตรงๆ ว่า “เมื่อต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับผลงาน เพราะงั้นหยุดปากซ่ากันได้แล้ว”
“คนจะพึ่งพาหรือไม่พึ่งพาพรสวรรค์แล้วยังไงล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเธอไม่เห็นฉากการต่อสู้ของลู่หยานหรอ?”
“พวกเธอสามารถโจมตีอย่างราบรื่นและแม่นยำแบบนี้ได้ไหม?”
“ดูและเรียนรู้ อย่ามัวแต่ทำตัวปากดีไปวันๆ ไม่อายกันบ้างรึไง?”
แม้ว่าก่อนหน้านี้จางเฟิงหยูจะมองว่าการที่เนโครแมนเซอร์เลือกความยากระดับฝันร้ายนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ แต่หลังจากที่ได้เห็นฉากการต่อสู้ของลู่หยานแล้ว เขาก็เชื่อมั่นในตัวลู่หยานแล้ว
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้พยายามที่จะเรียกร้องความสนใจ เขาแค่พยายามที่จะเคลียร์ความยากระดับฝันร้ายจริงๆ!
ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังมีโอกาสสูงมากที่เขาจะทำมันได้
ไม่ว่าจะเป็นความกล้าที่เลือกความยากระดับฝันร้าย ความเด็ดขาดในการมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มค่าความแข็งแกร่ง หรือการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นในการต่อสู้ พวกมันทั้งหมดก็ไม่ใช่สิ่งที่นักเรียนธรรมดาๆ จะสามารถเทียบได้
ในฐานะอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนอันดับสี่ จางเฟิงหยูก็ได้เห็นผู้เข้าสอบมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว
เขามั่นใจว่าความสำเร็จในอนาคตของลู่หยานนั้นไร้ขีดจำกัด
มันไม่สำคัญแม้ว่าอาชีพสายต่อสู้ของเขาจะเป็นเนโครแมนเซอร์ก็ตาม
ในดินแดนลับ ลู่หยานยังไม่รู้ว่าเขาได้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทั้งโรงเรียนแล้ว ในขณะนี้ เขาก็ได้ผ่านพื้นที่ของกัปตันโครงกระดูกมาแล้วและกำลังเข้าสู่ด่านต่อไป
หนองน้ำโดยรอบแห้งสนิท แต่ข้างหน้าก็มีอัศวินอันเดดหลายร้อยตัวกำลังรอการมาถึงของลู่หยาน
ในท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นความยากระดับฝันร้าย ดังนั้นอัศวินอันเดดหลายร้อยตัวเบื้องหน้าเขาจึงจะไม่โจมตีเขาเป็นกลุ่มทีละ 3-5 ตัวเหมือนอย่างในระดับปกติ แต่พวกมันทั้งหมดจะพุ่งเข้ามาหาลู่หยานโดยตรงแทน
การจู่โจมของอัศวินอันเดดหลายร้อยตัวนั้นยังคงสร้างแรงกดดันอย่างมาก มันทำให้ลู่หยานต้องหรี่ตาลง
เมื่อมองไปที่อัศวินอันเดดเหล่านี้ ลู่หยานก็ไม่ได้เกรงกลัวเลย แต่เขากลับดูกระตือรือร้นที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของเขาซะมากกว่า
ในพื้นที่ของกัปตันโครงกระดูกเมื่อกี้ ลู่หยานก็ได้ก้าวมาถึงเลเวลแปดแล้ว
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของลู่หยานสูงถึง 43 คะแนนแล้ว และมันก็น่ากลัวมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อลู่หยานก้าวเข้าสู่เลเวลแปด เขาก็ยังได้ปลุกสกิลขึ้นมาอีกด้วย
มันเป็นสกิลพิเศษของราชาผู้วายชนม์
[ เคียววิญญาณมรณะ ]
[ เกรด: สกิลเฉพาะ]
[ เลเวล: 0]
[ รวบรวมพลังอันเดดและเรียกเคียวจากปรโลกออกมา เพิ่มพลังโจมตี 30% ระยะเวลา: สามนาที คูลดาวน์: ห้าชั่วโมง ]
[ หมายเหตุ: เคียววิญญาณมรณะสามารถสร้างความเสียหายให้กับวิญญาณได้ เมื่อใช้มันโจมตี มันสามารถสร้างความเสียหายให้กับวิญญาณได้ 50% ]
[ หมายเหตุ: เคียววิญญาณมรณะสามารถควบแน่นเป็นรูปธรรมได้หลังจากอัพเกรดเป็นเลเวลสิบ มันสามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธเฉพาะโดยสมบูรณ์และจะไม่ถูกจำกัดด้วยระยะเวลาและการคูลดาวน์ ]
[ หมายเหตุ: การใช้ผลึกวิญญาณสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์ของเคียววิญญาณมรณะขึ้นเป็นสองเท่าได้ แต่ระยะเวลาจะลดลงหนึ่งนาที ]