ตอนที่ 8 : บอกความจริงกับพ่อและแม่
ฉินหยุนรินน้ำใส่แก้วแล้วส่งให้เฟิงหลาน
“แม่โดนไล่ออกจากไซต์ก่อสร้างเหรอ?”
หลังจากฟังไม่กี่คำเขาก็เข้าใจความหมายได้ทันที
"เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจไป" เฟิงหลานพูดด้วยรอยยิ้ม "พี่สะใภ้รอง พี่เคยทำงานที่โรงงานมาก่อน ดังนั้นพี่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนพวกคนงานใหม่ที่ต้องใช้เวลาปรับตัวเพราะไม่มีประสบการณ์ ถ้าต้องหาคนงานใหม่ โรงงานจะให้ความสำคัญกับพี่ก่อนแน่นอน”
ญาติพี่น้องในชนบทไม่ค่อยมีความเกลียดชังกันมากนัก ส่วนใหญ่พวกเขาจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีความขัดแย้งกันเอง
หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง เฟิงหลานก็ลุกขึ้นเพื่อจากไป
“เดี๋ยวก่อนน้องสะใภ้ อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิ!” จ้าวเหมยรีบขอให้อยู่ต่อ
“ไม่เป็นไรพี่สะใภ้รอง เสี่ยวฉียังรอฉันอยู่ที่บ้าน”
เฟิงหลานปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม และรีบออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว
"ฉันไม่รู้ว่าจะมีงานอะไรในโรงงานให้ทำหรือเปล่า" จ้าวเหมยและฉินกั๋วตงกลับมาหลังจากยืนส่งเฟิงหลานได้พักหนึ่ง ตอนนั้นเองจ้าวเหมยพูดขึ้นมา
"ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่ามันจะไม่มีงาน คุณก็ค่อยๆดูไปเรื่อยๆ ถือซะว่าเป็นการพักผ่อนชั่วคราว" ฉินกั๋วตงปลอบโยน
“คุณบอกให้ฉันพักผ่อน ฉันจะพักผ่อนได้อย่างไร คุณไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกังวลมากแค่ไหน” จ้าวเหมยอดไม่ได้ที่จะพูด
"พ่อครับแม่ครับ!" เมื่อมองไปที่พ่อแม่ของเขา ฉินหยุนก็พูดขึ้นทันที
"เสี่ยวหยุน มีอะไรเหรอลูก?"
เมื่อได้ยินเสียงลูกชายพูดอย่างกะทันหัน ทั้งฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยก็มองมาที่ฉินหยุน
ฉินกั๋วตงเห็นความจริงจังบนใบหน้าของฉินหยุน จึงพูดขึ้นว่า "เสี่ยวหยุน ลูกมีอะไรจะบอกพวกเราไหม?"
"ใช่ครับ" ฉินหยุนพยักหน้าและพูดว่า "นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก!"
เขามองไปที่ฉินกั๋วตงแล้วพูด "พ่อครับ ขอยืมมือถือของพ่อหน่อย"
ฉินกั๋วตงพยักหน้าและยื่นโทรศัพท์มือถือให้
ฉินหยุนถือโทรศัพท์มือถือและค้นหาข้อมูลผลลอตเตอรี่อย่างรวดเร็ว แล้วแสดงข้อมูลให้ฉินกั๋วตงดู
"ผลลอตเตอรี่?" เมื่อดูข้อมูลที่แสดงบนโทรศัพท์ ฉินกั๋วตงถึงกับงง ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายของเขาถึงเอาสิ่งนี้ให้เขาดู
เขารู้ว่าก่อนหน้านี้มีคนซื้อลอตเตอรี่และถูกรางวัลแจ็กพอต แต่เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้มันจะหล่นใส่หัวพวกเขาเลย
ระหว่างช่วงพักสั้นๆ ในไซต์ก่อสร้าง เพื่อนร่วมงานของพวกเขาจะคุยโวด้วยกัน ส่งเสียงหัวเราะและพูดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาถูกรางวัลใหญ่
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิด
"พ่อ แม่ นี่คือหมายเลขลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัล และนี่คือลอตเตอรี่ที่ผมซื้อก่อนหน้านี้" ฉินหยุนหยิบใบรับรองที่ได้รับก่อนหน้านี้ออกมาให้ดู
"เลขเจ็ดตัวผมถูกหกตัว ถูกรางวัลที่สอง! และเงินรางวัลหลังหักภาษีแล้วมากกว่า 120,000 หยวน!"
ฉินหยุนรีบบอกข่าวว่าเขาถูกรางวัล
เขาไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องการถูกลอตเตอรี่และการเปิดร้านขายเสื้อผ้า
จุดประสงค์ของเขาในการเปิดร้านคือเพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ทำงานหนัก ถ้าเขาปิดบังไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรในการเปิดร้าน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีกำลังมากพอที่จะมุ่งความสนใจไปที่ร้านขายเสื้อผ้าอย่างเดียว เขายังต้องไปโรงเรียนในวันที่ 6 และร้านขายเสื้อผ้าจึงต้องยกให้พ่อกับแม่ของเขาดูแล
นอกจากนี้ ในช่วงวันหยุดแค่สองสามวันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจัดการทุกอย่างในร้านขายเสื้อผ้าได้หมด เช่น ขั้นตอนทางธุรกิจ การขายส่งเสื้อผ้า การหาพนักงาน ฯลฯ ถ้าทำทั้งหมดเอง เขาคงจะยุ่งเกินไป และเขาอาจไม่สามารถจัดการได้หลังเลิกเรียน ดังนั้นเขาจึงต้องขอให้พ่อกับแม่ของช่วยดูแล
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุน ฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยก็ตกตะลึงอึ้งกิมกี่ พวกเขาดูใบรับรองในมือซ้ำไปซ้ำมา แม้แต่จ้าวเหมยที่ไม่รู้หนังสือก็ยังต้องพลิกดูอีกหลายครั้ง
"เสี่ยวหยุน ลูกถอนเงินรางวัลทั้งหมดออกมาแล้วหรือยัง?!"
ฉินกั๋วตงตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดเขาก็เชื่อคำพูดของฉินหยุน เขาอดไม่ได้ที่จะถาม
"ผมไปรับมาเมื่อเช้านี้" ฉินหยุนชี้ไปที่ข้อมูลบนใบรับรองการถูกรางวัล
เมื่อเห็นฉินหยุนหยิบบัตรธนาคารออกมา ความตกตะลึงบนใบหน้าของฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยก็ค่อยๆหายไป แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ประหลาดใจแทน
“เงินมากกว่า 120,000 หยวน! เราต้องทำงานนานเท่าไหร่ถึงจะได้มา” จ้าวเหมยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา ใบหน้าของเธอตื่นเต้นมาก
ก่อนหน้านี้เธอตกอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย แต่ตอนนี้เธอมีเงินมากกว่า 100,000 หยวน ค่าผ่อนบ้านและค่าใช้จ่ายในการเรียนมหาลัยของฉินหยุนก็ครอบคลุมทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินไม่เพียงพอเป็นเวลาอย่างน้อยสามปี
เช่นเดียวกันกับฉินกั๋วตง ความกดดันที่เหมือนภูเขากดทับใจของเขาอยู่ ก็เบาลงมากเช่นกัน
“เสี่ยวหยุน แม่จะเก็บเงินไว้ให้ลูกก่อน!” จ้าวเหม่ยพูดอย่างเร่งรีบ
"แม่ครับ ผมใช้เงินหมดแล้ว" ฉินหยุนพูดหลังจากได้ยินสิ่งที่แม่ของเขาพูด
"ห้ะ! ลูกใช้เงินหมดแล้ว!?" ฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยตกตะลึงหนักกว่าเก่า
เงินมากกว่า 120,000 หยวน ถูกใช้หมดภายในครั้งเดียว?
"ใช่ครับ" ฉินหยุนพยักหน้าโดยตรง เรียบเรียงความคิดของเขาเล็กน้อย และพูดว่า "ผมเคยคิดอยากจะเปิดร้าน และผมก็วางแผนที่จะใช้มันเปิดร้านขายเสื้อผ้า"
เขาบอกไปตามตรง แล้วก็เตรียมรับความโกรธของพ่อกับแม่
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุน สีหน้าของจ้าวเหมยก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เสียงของเธอก็ดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว : "เปิดร้านเสื้อผ้าเหรอ เสี่ยวหยุน ลูกกำลังจะสอบเข้ามหาลัยในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ลูกไม่อยากได้คะแนนสอบดีๆเหรอ ตอนนี้ลูกมาวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ทำไม?”
จ้าวเหมยผู้ซึ่งใจดีต่อครอบครัวของเธอมาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าเริ่มโกรธแล้ว
"แม่ครับ แม่ทำงานหนักมาตลอด ผมแค่อยากจะแบ่งเบาภาระให้พ่อกับแม่เท่านั้น" ฉินหยุนเมื่อเผชิญหน้ากับแม่ที่กำลังโกรธจัด เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายต่อ
อันที่จริงเขารู้ว่าเมื่อเขาพูดออกไป พ่อกับแม่ของเขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ
“แบ่งเบาภาระอะไร! ตอนนี้พ่อกับแม่ยังทำงานได้ ไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างลูกต้องมากังวล!”
จ้าวเหมยพูดด้วยอารมณ์โกรธ: “แม่บอกลูกกี่ครั้งแล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกในตอนนี้คือการเรียน และมุ่งมั่นเพื่อสอบให้ผ่าน ทำได้แบบนี้พ่อกับแม่ก็มีความสุขแล้วไม่ว่าเราจะลำบากแค่ไหนก็ตาม”
สำหรับพวกเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลูกๆของพวกเขาจะต้องได้เรียนสูงๆ ได้เข้ามหาลัยที่ดี เพราะพวกเขาขาดการศึกษา จึงต้องคอยทำงานหนักเลี้ยงชีพอยู่เสมอ
พวกเขาไม่ต้องการให้ลูกๆเป็นเหมือนตัวเอง
ถัดจากจ้าวเหมย ฉินกั๋วตงยังกล่าวอีกว่า "เสี่ยวหยุน แม้ว่าครอบครัวของเราจะมีเงินไม่มาก แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่ลูกจะไปเรียนมหาลัยด้วยความสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินไม่พอ"
"พ่อ แม่ครับ ผมรับรองว่าร้านขายเสื้อผ้าจะต้องทำกำไรได้อย่างแน่นอน" ฉินหยุนมองไปที่พ่อแม่ของเขาและพูดอย่างจริงจัง
"ทำกำไร? แม้ว่าแม่จะไม่ได้เรียน แต่แม่ก็รู้ว่าการเปิดร้านนั้นยากแค่ไหน ไม่รู้ว่าข้างนอกนั่นมีกี่ร้านที่เจ๊งไปแล้ว ก่อนหน้านี้แม่เห็นร้านขายเสื้อผ้าร้านใหญ่ ปิดไปหลังจากเปิดได้เพียงครึ่งปี ได้ยินมาว่าเถ้าแก่ร้านนั้นเสียเงินไปมากกว่า 300,000 หยวน นอกจากนี้ยังมีที่ทางตะวันออกของเมือง ดูเหมือนว่าธุรกิจจะดีมาก แต่เพิ่งเปิดได้ปีกว่าก็เสียเงินไปมากกว่า 100,000 หยวนแล้ว!"
จ้าวเหมยอาศัยอยู่ในเขตชิงหวู่ ตอนเดินบนถนนจึงมักจะสังเกตเห็นว่าร้านค้าจำนวนมากปิดตัวลง
นอกจากนี้ยังมีร้านขายเสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าราคาถูกขาย เธอไปที่นั่นเพื่อซื้อเสื้อผ้าและชุดอื่นๆ ตลอด จึงได้เห็นกระบวนการของร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ตั้งแต่เปิดกิจการจนถึงปิดตัวลง
ในความคิดของเธอ การทำงานประจำเป็นวิธีหาเงินที่มั่นคงที่สุด การทำธุรกิจเป็นวิธีที่เสี่ยงและไม่มั่นคง เพราะถ้าหากประมาทเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้!
"เหล่าฉิน รีบเกลี้ยกล่อมลูกชายของคุณหน่อยสิ!" หลังจากพูดจบ จ้าวเหมยมองไปที่ฉินกั๋วตงและพูดอย่างเร่งรีบ
เธอทั้งโกรธและร้อนใจ ในความคิดของเธอ การเปิดร้านขายเสื้อผ้าเป็นเหมือนการโยนเงินใส่หลุมลึก ไม่เพียงแต่ฉินหยุนจะเสียเงินเป็นแสน แต่มีแนวโน้มว่าจะมากกว่านั้นอีก
"เสี่ยวหยุน แม่ของลูกพูดถูก" ฉินกั๋วตงมองไปที่ลูกชายของเขาแล้วพูดว่า "เราไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะเสียเงินไปเปล่าๆ"
"พ่อ แม่ครับ ผมได้เซ็นสัญญาและมอบเงินไปแล้ว ถ้าหากว่าผมขอยกเลิก มันจะถือว่าเป็นการละเมิดสัญญา แม้ว่าเราจะได้เงินคืน แต่ก็ได้คืนแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น หลายหมื่นหยวนจะหายไปทันที!"
ฉินหยุนส่ายหัวและพูดว่า: "ไหน ๆ ก็ทำไปแล้ว ทำไมเราไม่ลองดูสักหน่อย ท้ายที่สุดแล้ว ร้านขายเสื้อผ้าอาจไม่จำเป็นต้องสูญเสียเงินหลายหมื่นหยวนหลังจากเปิดได้ไม่กี่เดือนสักหน่อย"
(จบตอน)