ตอนที่ 1353 จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ!
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมองดูจื้อจุนอีกครั้ง
จื้อจุนลังเลเล็กน้อยนางจะไม่เปลี่ยนไปเพราะใครแต่นางได้เห็นสัญญาณบางอย่างรู้สึกว่านี่เป็นเส้นทางแห่งโชคชะตาของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและเขายืนกรานนางจึงได้แต่พยักหน้า “ท่านเป็นผู้อาวุโส เชิญท่านสู้ก่อน”
“ขอบคุณมาก” จักพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อยิ้มอย่างง่ายดายทันใดนั้นสะพานงูลอยฟ้ายที่มืดมิดทั้งหมดพลันสว่างเหมือนมีอาทิตย์อุทัยยามเช้า
เขายื่นมือใหญ่ออกมาด้านหน้า
ค่อยๆ ควบกลั่นพลังเทพ
โดยไม่รู้ตัวเจตจำนงของเขาเติมเต็มโลกแกนสมดุลโลกเต็มไปทั่วทุกอณูอากาศ
ไม่ว่าศัตรูจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะซ่อนอยู่หรือไม่ล้วนไม่มีประโยชน์
กลุ่มเทพมารแห่งทะเลมรณะมีความรู้สึกว่าพวกเขาถูกศัตรูกักไว้ตราบใดที่จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อลงมือ พลังโจมตีครั้งยิ่งใหญ่จะต้องตามมาและทุกคนจะต้องพบกับหายนะอย่างแน่นอน การหลบหนีเป็นเรื่องตลก!
เมื่อเห็นจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมีพลังคุกคามที่ก้าวแกร่ง พวกเขารู้สึกเจ็บปวดลึกๆ
ในท่ามกลางความตกใจ พวกเขาลงมือพร้อมกัน
ผนึกกำลัง
ด้วยความได้เปรียบจากจำนวนคนที่มากกว่าพวกเขาระเบิดพลังเหนือธรรมชาติและผนึกกำลังสู้กับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ
บัลลังก์เทพที่มีความหลากหลายรูปทรงแปลกตาและบัลลังก์เทพต่างๆเปล่งประกายออกมาด้านหลังเหล่าเทพมารแห่งทะเลมรณะเหล่านี้ลักษณะทั่วไปของพวกเขาคืองดงามมีลักษณะสวยงามแปลกตาจนทำให้ผู้คนอดทึ่งไม่ได้
อย่างไรก็ตาม จื้อจุนสังเกตเห็นว่าแม้ว่าบัลลังก์เทพเหล่านี้จะเพิ่มพูนพลังความยิ่งใหญ่ให้กับเจ้านายพวกเขาอย่างมากก็ตามแต่ไม่มีใครได้รับการยอมรับจากเจตจำนงโบราณของโลกแกนสมดุลโลก เช่นเดียวกับเจี้ยนจางเซิงที่เหลือเพียงแขนเดียวที่กำลังแบกโดมท้องฟ้าบนเทพบรรพต ร่างเขากำลังสึกกร่อนไม่หยุดยั้งและการชำระร่างเทพของเจี้ยนจางเซิงทำให้เขาต้องแบกรับความเจ็บปวดอย่างไร้ขอบเขตทุกวินาที
เทพมารแห่งทะเลมรณะจะถูกทรมานด้วยเจตจำนงโบราณหรือไม่จื้อจุนไม่รู้แต่นางยืนยันได้ว่ากฎสวรรค์โบราณกำลังขับไล่พวกเขา
อย่างช้าๆ
แต่จื้อจุนมองเห็นได้ชัดเจน
กฎสวรรค์โบราณกำลังละลายบัลลังก์เทพของเทพฝ่ายมารช้าๆ... ถ้าไม่ใช่ฝ่ายเทพมารแห่งทะเลมรณะนี้ต่อต้านการขับไล่ของกฎสวรรค์โบราณเล็กน้อยบัลลังก์เทพเหล่านี้จะสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่น่าแปลกใจที่ศัตรูไม่กล้าแสดงบัลลังก์เทพง่ายๆปรากฏว่าแต่เดิมในโลกแกนสมดุลโลกนี้ไม่ได้มีกฎสวรรค์รองรับ
ชายชราคนหนึ่งเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเทพมารแห่งค่ายทะเลมรณะ
ผมบนศีรษะและหนวดเคราของเขาเป็นสีขาวทั้งหมดแต่หน้าของเขาเหมือนกับทารก
ไม่แก่เลยสักนิด
ทำให้คนโดยทั่วไปเข้าใจว่าคนผู้นี้มีหลักการชีวิตที่ดีมีความสุข
ชายชราสวมชุดโบราณยุคหลายหมื่นปีก่อน ในมือขวาของเขาถือคทามังกรที่เหมือนมีชีวิตดูแล้วไม่ใช่สมบัติวิเศษแต่ดีกว่าของวิเศษทั่วไป
สิ่งที่ทำให้จื้อจุนทึ่งก็คือคทานี้สร้างจากไม้เทพมังกรในตำนาน
ประวัติศาสตร์ลับโบราณของไม้มังกรศักดิ์สิทธิ์ที่หอทงเทียนได้บันทึกไว้ไม่เหมือนใครในดินแดนสวรรค์ มันอาจเกิดจากน้ำลายพิษและเลือดเกิดขึ้นเมื่อมังกรต่อสู้กันนี่เป็นสมบัติที่หายากในแดนสวรรค์เพราะช่วยขับล้างพิษและมีฤทธิ์เสริมพลังที่ยอดเยี่ยม
แน่นอนว่าผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือใช้สังหารมังกร
มังกรทุกตัวจะอ่อนแอลงเป็นสิบเท่าเมื่ออยู่ต่อหน้ามันเมื่อใช้ทำร้าย มันจะไม่สามารถรักษาตัวเองได้และอาจก่อให้เกิดโรงติดเชื้อที่ทำให้หน้ามังกรเปลี่ยนไป
“รู้ว่าอสูรหลักของข้าคือมังกรดังนั้นเจ้าจึงฝึกฝนพิษน้ำลายมังกรหรือ?” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อหัวเราะเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้สะทกสะท้านเท่านั้น แต่สีหน้าของเขายังแสดงอาการดูหมิ่นมากขึ้น
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นเห็นด้วยกับการเริ่มต่อสู้ของชาวเทพมิฉะนั้นการต่อสู้ครั้งนี้คงจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง” ชายชราที่ถือคทามังกรเป็นผู้นำชั่วคราวของกลุ่มเทพมารแห่งทะเลมรณะกลุ่มนี้ หลังจากเขาลอบพูดคุยกับสหายของเขา เขาขอเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นและโบกคทาสร้างแสงรุ้งจากปลายคทาด้านบนและพุ่งเข้าหาจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแสงเทพที่ไม่มีพลังทำลายล้างพิเศษพุ่งเข้าหาจักรพรรดิไร้เทียมทานทันที
“ข้ารอมานานแล้วเกินไปแล้วสงครามเทพครั้งนี้ล่าช้ามาหลายหมื่นปีแล้ว” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่ออัญเชิญคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปแบบไม่ธรรมดาลักษณะเป็นโลหะ พลังเทพพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามทันที
บึ้ม
พลังเทพถูกขัดขวางทันที
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจของเทพทั้งสองโดยสมัครใจได้รับการรับรองโดยกฎสวรรค์โบราณทันที
เมื่อครู่นี้กฎสวรรค์โบราณได้กันผู้ชมที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปชั่วคราวเจตจำนงโบราณวาดวงกลมที่มองเห็นอย่างคลุมเครือในพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสนามรบสู้ตัดสินเป็นตายของสองคนนี้
ทันทีที่กฎสวรรค์โบราณจางหายไปชั่วคราวบัลลังก์เทพไม่ถูกขับไล่อีกต่อไป และสีหน้าของเทพมารฝ่ายทะเลมรณะค่อยผ่อนคลายในที่สุดมีอยู่ไม่กี่คนที่เริ่มแสดงอาการอวดดี
เมื่อมีบัลลังก์เทพ ก็มีพลังรบไม่จำกัด
แม้ว่าจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อจะแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าเขาไม่สามารถฆ่าได้ในท่าเดียว อย่างนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อไม่รู้จักจบสิ้น กลุ่มเทพมารแห่งทะเลมรณะได้เปรียบในด้านจำนวนคนและสามารถใช้กลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นได้เช่นสงครามหลอกล่อหรือล้อมสู้เป็นกลุ่ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีข้อดีมากกว่านี้ในตอนท้ายของการต่อสู้อาจจะสามารถปราบเอาชนะจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อได้! ท้ายที่สุดไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงไหนแต่เขาก็มีเพียงคนเดียว
ขณะที่เด็กสาวแปลกประหลาดที่ยังไม่มีบัลลังก์เทพคอยปกป้องอย่างเป็นทางการแม้ว่านางจะเข้าสู่สงครามด้วยก็ยังไม่น่ากลัว
“นี่คือบัลลังก์เทพหรือ?” จื้อจุนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เดิมทีนางคิดว่าบัลลังก์เทพทุกตนเหมือนกันหมด คิดไม่ถึงว่าจะแตกต่างเปลี่ยนแปลงได้มากมายถึงเพียงนี้แทบไม่พบความเหมือนหรือคล้ายกันแต่อย่างใด
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อกำลังจะเดินหน้าเข้าต่อสู้เมื่อได้ยินคำพูดนาง เขาชะงักฝีเท้าลงทันทีและส่งเสียงพูดเบาๆ “ในฐานะรุ่นอาวุโสข้าไม่เคยทำอะไรให้ผู้เยาว์รุ่นหลังเลย ฮะฮะความจริงข้าละอายใจที่จะพูดถึง แต่พอโชคชะตาข้าเริ่มขึ้นในใจของข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกต่อไป ดังนั้นข้าจะละเว้นและบอกความลับของบัลลังก์เทพกับเจ้า!”
จื้อจุนได้แต่เงียบแต่ยังยกมือแสดงความคารวะ
บัลลังก์เทพนี้เป็นความลับในความลับถ้าไม่ใช่อาจารย์กับศิษย์ ผู้รับการฝึกฝน คงไม่พูดถึงตอนนี้จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อต้องบอกว่าทำลายธรรมเนียมใหญ่นี้
“ก่อนอื่นทำไมบัลลังก์เทพจึงไม่สามารถควบสร้างได้ด้วยตนเองมันต้องถูกสร้างขึ้นโดยอาจารย์ผู้มีความแข็งแกร่งระดับสูง เพราะบัลลังก์เทพนี้เป็นเหมือนธรณีประตูของการได้รับการยอมรับเป็นนักสู้ชั้นเทพ เมื่อพลังถึงมาตรฐานก็ได้รับถ้าไม่ถึงก็ไม่ได้ ในขณะที่เดียวยังเป็นประตูเบิกทางเป็นสัญลักษณ์ของการยอมรับว่าเป็นเทพ มีแต่เพียงเทพเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่โลกที่สูงขึ้นและพื้นที่ที่สูงขึ้นไปตัวอย่างเช่นโลกที่สร้างขึ้นโดยเจตจำนงเทพราชันย์หรือโลกมิติเวลาอื่นที่ยอดเยี่ยมและไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเหมือนหนังสือเดินทางของหอทงเทียนที่มีทั้งบัตรบรอนซ์บัตรเงิน บัตรทอง ฯลฯ
“ไม่!เป็นแบบนี้ไปไม่ได้! การรับรองของหอทงเทียนของพวกเจ้าเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับโลกที่อยู่ในระดับต่ำเท่านั้นเพียงเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบัลลังก์เทพที่ลึกลับซับซ้อนไม่มีที่สิ้นสุด”ชายชราผอมสูงฝ่ายเทพมารจากทะเลมรณะพยายามคัดค้านอย่างรุนแรง
“ฟังสิ่งที่เขาพูด!” มีแต่เพียงเทพมารอย่างชี่ตันจื้อที่ให้ความสนใจกับคำพูดของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ
นี่คือความลับที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
แม้ว่าพวกเขาจะมีบัลลังก์เทพแล้วก็ตาม
แต่ก็ยังเป็นความลับ
ส่วนความน่าทึ่งมหัศจรรย์
พวกเขายังไม่รู้อะไร!
บัลลังก์เทพที่อยู่ด้านหลังของบุรุษร่างผอมสูงเหมือนคมมีดที่หมุนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ แต่เขาไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก ตรงกันข้ามเทพฝ่ายมารมีหลายคนยินดีรับฟังความลับจากจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ
“บทบาทของบัลลังก์เทพมีมากกว่านั้นแน่นอน ก็อย่างที่ข้าเพิ่งบอกไป มันเป็นมาตรฐานถ้าเกินมาตรฐานไปมากแล้ว บัลลังก์เทพจะไม่ถูกเรียกว่าบัลลังก์เทพหรือจะบอกก็ได้ว่าบัลลังก์เทพก็คือโลกนิรันดรซึ่งเกิดขึ้นจากเจตจำนงสูงสุดของเทพจอมราชันย์และมีพลังเทพเป็นของตนเองที่ไม่เหมือนใครโลกที่บัลลังก์เทพพัฒนาขึ้นนี้ไม่ใช่โลกคัมภีร์ โลกคัมภีร์คือสิ่งที่มหาเทพยุคโบราณได้พัฒนาขึ้นเพื่อเราจริงเป็นการสร้างแม่แบบให้กับเรา มีแต่โลกที่สร้างขึ้นเองและเป็นนิรันดร์เท่านั้นที่เป็นโลกแห่งความจริง นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้มีแต่เทพราชันย์เท่านั้นที่ทำได้สำเร็จทั้งยังมีมาตรฐานที่สูงกว่าที่ข้าคิดแน่นอน นี่เป็นเรื่องเกินความสามารถที่ข้าจะตรวจพบเจอได้ เช่นเดียวกับที่เราเคยได้ยินเกี่ยวกับการมีอยู่เทพโบราณหรือมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่แต่เราไม่เคยพบเห็น” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมั่นใจว่าเทพจอมราชันย์เป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่ทุกชีวิตสามารถเข้าใจได้
“ไม่ใช่ว่าเริ่มสร้างบัลลังก์เทพก่อนแล้วค่อยเริ่มสร้างโลกหรือ?” จื้อจุนคิดอยู่สักครู่นึกถึงเด็กหนุ่มผู้ผิดปกติธรรมดาดูเหมือนจะคล้ายแบบนี้อยู่บ้าง
“เป็นไปไม่ได้!” เทพร่างผอมสูงร้องคัดค้าน
“หุบปาก!”ชี่ตันจื้อกำลังฟังด้วยความสนใจ เมื่อได้ยินเจ้าผู้นี้ต่อต้านเขาอดสบถด่าไม่ได้
“ข้าไม่รู้, อาจจะมีหรืออาจไม่มีก็ได้..ต่อให้มีก็อาจไม่มีใครรู้แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเขาต้องทำเช่นนี้เพื่อเขา มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างโลกให้สมบูรณ์ทั้งสำหรับชาวแดนสวรรค์และหอทงเทียนการสร้างโลกไม่ใช่เรื่องง่าย” จักรพรรดิไร้เทียมทานไม่ได้พูดตรงๆ
“เลิกพูดได้แล้วความจริงการพูดเรื่องสร้างโลกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ!” เทพร่างผอมสูงแค่นเสียง
“เป็นเรื่องที่ยากมากกับการสร้างโลก เทพบางตนโอ้อวดหยิ่งยโสข้ากล้าพูดได้เลยว่าความคิดของพวกเขาได้ก่อตัวเป็นโลกๆ หนึ่ง” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่ออารมณ์ดี “แต่อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงแสงเทพของพวกเขาวาดภาพในมิติที่ว่างเปล่าแม้ว่ามองผิวเผินจะดูมีชีวิตสวยสดงดงาม แต่ไม่สามารถปกปิดความเปราะบางและความบกพร่องของมันได้นั่นไม่ใช่โลกแต่อย่างใดเป็นเพียงฟองสบู่ที่สวยงาม เพียงแค่แตะเบาๆครั้งเดียวก็หายไปในทันที โลกแห่งความเป็นจริงนั้นคงอยู่ชั่วนิรันดร์ เป็นนิรันดร์ยิ่งกว่าโลกแห่งแกนสมดุลโลกนี้และไม่มีเทพใดสามารถทำลายหรือเปลี่ยนแปลงได้ ตราบใดที่เจ้าของผู้สร้างโลกนั้นได้จัดการโลกทั้งหมดโดยเทพจอมราชันย์จึงจะบรรลุผลได้ตามที่ต้องการ”
“ในเมื่อเป็นเทพจอมราชันย์ข้าจะไม่เข้าไปแตะต้องในตอนนี้ก่อน ท่านสามารถพูดคุยเกี่ยวกับบัลลังก์เทพได้หรือไม่?” จื้อจุนรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดถึง ‘โลก’ มากเกินไปนั่นคือสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อมในปัจจุบัน
“บัลลังก์เทพคือใบวัดมาตรฐาน” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อพยักหน้า “แทบจะคล้ายกับบัตรคำสั่งของหอทงเทียน
“ท่านเพิ่งจะพูดถึงบัตรทองแดงบัตรเงินไปแล้ว? อย่างนั้นบัลลังก์เทพก็มีมาตรฐานที่ต่างกันอย่างนั้นหรือ?” จื้อจุนสังเกตแง่มุมนี้อย่างกระตือรือร้น
“ใช่แล้ว”จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อพูดเช่นนั้นเทพมารกลุ่มทะเลมรณะที่แอบฟังอยู่รู้สึกตกใจเช่นกันบัลลังก์เทพมีมาตรฐานที่แตกต่างกันหรือ? เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? บัลลังก์เทพมีลักษณะเป็นตามบุคคลไม่ใช่หรือ?จะมีมาตรฐานต่างกันได้อย่างไร?
“เป็นไปไม่ได้...” นักสู้ระดับเทพร่างผอมสูงยังพูดไม่ทันจบก็ถูกสหายถลึงตาใส่ทุกคนกำลังตั้งใจฟัง แล้วเจ้ามาก่อนกวนอะไรตรงนี้!
ความลับชั่วนิรันดร์นี้ ถ้าไม่พูดตอนนี้ ใครจะรู้ความจริง?
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อชะงัก “บัลลังก์เทพมีมาตรฐานที่แตกต่างกันแต่ใช่ว่าจะรู้กันได้ง่ายรวมทั้งนักสู้ระดับเทพเองก็ยังไม่รู้ว่าใครอยู่ตำแหน่งระดับใดเทพที่มีรังสีเทพสูงมากกว่าสิบเมตรแต่ไม่ถึงร้อยเมตรเรียกว่าบัลลังก์ระดับต้นมีความลับบางอย่างในแดนสวรรค์บนเรียกบัลลังก็เทพนี้ว่าบัลลังก์เทพที่สง่างาม บัลลังก์เทพที่โดดเด่นเป็นต้นนั่นเป็นภาษาปากที่พวกเทพใช้เพื่อกลบเกลื่อนแต่ความจริงส่วนใหญ่ก็คือบัลลังก์เทพชั้นต้นผู้ที่มีรังสีสูงร้อยถึงสามร้อยเมตรเรียกว่าบัลลังก์เทพสามัญสูงสามร้อยถึงห้าร้อยเมตรเรียกว่าบัลลังก์เทพชั้นสูงถ้าสูงมากกว่านั้นแต่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรเรียกว่าบัลลังก์เทพชั้นเลิศถ้าสูงถึงหนึ่งกิโลเมตรถึงสิบกิโลเมตรเรียกว่าบัลลังก์เทพจอมราชันย์”
จื้อจุนไม่เข้าใจ“ทำไมถึงมีมาตรฐานหนึ่งกิโลเมตรด้วย?”
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที “เนื่องจากเทพจอมราชันย์มีผลงานสำเร็จหลักๆก็คือสร้างโลก ต่อให้ได้บัลลังก์เทพนิรันดร์ แต่เขาไม่เต็มใจจะสร้างบัลลังก์เทพแยกออกมาเป็นพิเศษ ดังนั้นโดยทั่วไปจึงไม่มีความแตกต่างจากเทพที่มีรังสีสูงมากกว่าหนึ่งกิโลเมตรหรือที่สูงกว่านั้นไม่ได้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษอย่างน้อยที่สุดก็ยังไม่ต่างจากเทพจอมราชันย์ เทียบกันแบบนี้อาจจะยังไม่เหมาะลองเทียบกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดของหอทงเทียน ถ้าพวกเขาระเบิดพลังออกมาก็แทบไม่อาจอาศัยอยู่ในทวีปมังกรทะยานได้ พวกเขาดูเหมือนนักสู้ทั่วไปไม่ถึงขนาดได้รับการยกย่องเทิดทูนด้วยความหวาดกลัว แต่หากเทพจอมราชันย์ทำเช่นนั้น เขาคงไม่อาจอยู่ในโลกของเขาได้และผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกของเขาจะไม่สามารถต้านทานพลังของเขาได้ ดังนั้นบัลลังก์เทพของพวกเขาจึงไม่โดดเด่นเป็นพิเศษแต่อย่างใด มันคือ ‘ประตู’ เพียงแค่เปิดประตูเข้าและออกเหมือนคนธรรมดาสร้างบ้านเท่าภูเขากวงหมิงและเปิดประตูหลายหมื่นเมตรเพื่อเข้าออก?”
“เข้าใจแล้ว”จื้อจุนเข้าใจอย่างสมบูรณ์และพยักหน้าแสดงความเคารพขอบคุณที่ช่วยปัดเป่าความสงสัยให้นาง
“ถ้าจำเป็นก็ให้เจ้าบอกเจ้าเด็กน้อยน้อยนั่นด้วยบางทีเขาอาจไม่ต้องการความรู้ตื้นๆ ของข้าเลยก็ได้!” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแหงนหน้าหัวเราะ
“เขาต้องการแน่นอน”จื้อจุนหยุดชะงักและถามต่อทันที “ความลับนี้ไม่อาจเปิดเผยได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านเปิดเผยออกไป?”
“ข้าไม่รู้, บางทีอาจถูกผนึกหรือเป็นอย่างอื่น!” นัยน์ตาที่ดูเหมือนดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ของจักรพรรดิไร้เทียมทานเปล่งแสง “ข้าตั้งปณิธานแน่วแน่แล้วก้าวย่างโชคชะตาของข้าบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่สำคัญอีกแล้วบางทีนี่เป็นการจัดการโชคชะตาผู้อาวุโสอย่างข้าต้องมาให้ความรู้นี้แก่เจ้ามิฉะนั้นทำไมสหายเฒ่าพวกนั้นต้องเอาข้าไปขังไว้ในเจดีย์ดำนานขนาดนั้นลาก่อนแม่สาวน้อย นับเป็นเกียรติสำหรับข้า นักรบรุ่นอาวุโสที่ได้พบเจ้า ถ้าเป็นไปได้โปรดขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดโลกและดูแลโลกทั้งหมด! ข้าจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่สามารถบรรลุความสำเร็จได้อีกข้าหวังว่าเจ้า จื้อจุนชาวมนุษย์จะสามารถทำได้”
“ลาก่อน” จื้อจุนคารวะเป็นครั้งที่สุดนางเห็นแล้วว่าบรรพบุรุษผู้อาวุโสนี้ตัดสินใจเดินตามโชคชะตาอย่างเป็นทางการ
“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถบรรลุชีวิตนิรันดร์ได้แต่ข้าก็ไร้เทียมทานมาได้จนถึงวันนี้!” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเงยหน้าส่งเสียงกู่ก้องคำรามอย่างห้าวหาญสะเทือนไปทั้งโลกภูเขาศักดิ์สิทธิ์และทะเลมรณะ
ด้านหลังของเขามีบัลลังก์เทพรูปอักขระรูนมีไฟลุกไหม้
ที่ด้านบนใจกลางจุดตัดอักขระรูน
เป็นอักขระรูนอมตะที่มีเพลิงลุกไหม้ตลอด
ด้านหลังจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมีภาพมังกรฟ้ากระพือปีกคลุมไปทั้งโลกหัวมังกรที่ดูสง่างามทำให้นักสู้ระดับเทพหลายคนรู้สึกหวั่นเกรง... จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเดินมาตามถนนเพลิงคล้ายจะบอกว่านี่เป็นบทเพลงแห่งชีวิตของเขาและเป็นความตั้งใจสูงสุดในการก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล
นี่คือผู้ไร้เทียมทานลูกหลานหอทงเทียนทันทีที่ระเบิดพลังกราดเกรี้ยว พลังสายฟ้าของเทพก็เทพไม่อาจต้านได้
เทพจอมราชันย์ในอนาคตกำลังเติบโต
และในขณะนี้....
ภายใต้โลกนี้ถามว่าใครสามารถเทียบเคียงเขาได้?
ตอนนี้มีบุรุษเพียงคนเดียวที่เป็นที่น่าภูมิใจของโลกคนผู้นั้นคือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ!
**** ********