ตอนที่ 1349 ผนึกประตูชีวิตนิรันดร!
“ประลองตัดสินขั้นสูงสุดคือโอกาสที่ไม่อาจถามหาได้”
“กล่าวอีกอย่างหนึ่งแดนสวรรค์หรือแดนสวรรค์บนจะมีผู้มีคุณสมบัติสองคนที่จะได้เป็นเทพจอมราชันย์ แต่เทพจอมราชันย์เป็นได้แค่คนเดียว ทั้งสองจะต้องประลองตัดสินชะตาที่ไม่เหมือนใคร ผู้ชนะในหมู่พวกเขาจะได้เป็นเทพจอมราชันย์และผู้แพ้จะกลายเป็นรองเท้าให้เทพราชันย์ ความพยายามความสามารถของเขาจะกลายเป็นสง่าราศีของผู้อื่นไปชั่วนิรันดร! การต่อสู้ประลองแบบนี้น่าเศร้ายิ่งกว่าการตายอย่างเด็ดขาดไม่มีทางถอยและไม่มีทางเลือกที่สองนั่นคือการประลองตัดสินเทพจอมราชันย์
“ในการประลองชะตาครั้งนี้ ต้องชนะเท่านั้น ห้ามแพ้!”
“เจ้าเห็นไหมว่าเทพพิทักษ์ภูเขากวงหมิงโจมตีเราทั้งคู่ แต่เทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดไม่ปรากฏตัวขึ้นคำอธิบายประการเดียวสำหรับเหตุผลนี้ก็คือเขากำลังเตรียมตัวขั้นสุดท้ายและละทิ้งทุกอย่างจากโลกภายนอกรวมทั้งทุกอย่างที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์!” ยิ่งมังกรปีศาจพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความเข้าใจมากขึ้นในที่สุดเขามองไปทางเย่ว์หยางอย่างจริงจัง
ในที่สุดเขาระงับความตื่นเต้นในใจเขามองเย่ว์หยางด้วยความกระตือรือร้น
น่าเสียดายที่เย่ว์หยางในตอนนี้ไม่มีเวลาสนองตอบ
โดยไม่รู้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นเราจะรออะไรรีบไปหาจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อกัน!” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาดีใจทันที เขาคาดว่าวันเวลาดีๆ ของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้กำลังจะสิ้นสุดลงผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาจะต้องพบกับยอดฝีมือไร้เทียมทานระดับโลกเช่นผู้ที่กักตัวอยู่ในเจดีย์ดำรอคอยโอกาสมาหลายหมื่นปีอย่างจักรพรรดิไร้เทียมทาน
“ใครบอกกันเล่าว่าผู้มีคุณสมบัติประลองชะตาคือจิ๋วซื่อ!” มังกรปีศาจมึนงง
“เทียบกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแล้วใครมีประสบการณ์ดีกว่า?” เย่ว์หยางคิดว่าผู้มีคุณสมบัตินี้ไม่น่าจะใช่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกระมัง? คิดดูแล้ว นางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็อาจจะใช่เช่นกันนางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีสามารถพิชิตแดนสวรรค์ทั้งหมดสามารถทำให้กำลังหนุนตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ต้องปรากฏตัวในที่สุด
“เป็นเจ้านั่นแหละ เจ้าเด็กโง่!” มังกรปีศาจตีหน้าผากเย่ว์หยาง เขาคิดว่าอยากจะตบเจ้าเด็กนี่ให้หมดสติจริงๆ “ถ้าเจ้าไม่ใช่คู่ประลองตัดสินชะตาเด็กน้อยอย่างเจ้าจะฝึกฝนได้รวดเร็วอย่างนี้เชียวหรือ?เจ้ามีการผจญภัยมากมายและได้รับคำแนะนำมากมายใช่หรือไม่? เจ้ามองดูอสูรศึกและสมบัติของเจ้าและลองมองไปที่คนอื่น เจ้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน บางทีเจ้าอาจเกิดมาในโลกนี้เพราะเจ้าต้องการที่จะเอาชนะเทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดและกลายเป็นเทพจอมราชันย์ไม่ใช่หรือ? ข้าก็เป็นอัจฉริยะเช่นกัน ทำไมเจ้าถึงใช้เวลาฝึกฝนเพียงเล็กน้อยก็ตามทันเล่า? นั่นเป็นเพราะเจ้าคือเทพจอมราชันย์ในอนาคตอยู่ภายใต้การจัดเตรียมของโชคชะตา!”
“ข้าน่ะหรือ?” เย่ว์หยางตะลึงงมงาย
“สีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าอย่าทำให้ข้าอิจฉาและแสดงความรุนแรงกับเจ้าได้ไหม?” มังกรปีศาจเกลียดจนคันฟันเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้มีคุณสมบัติคนอื่นๆที่จะเข้าประลองตัดสินเทพจอมราชันย์ถึงต้องเป็นเจ้าเด็กปากเหม็นผู้นี้ พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและนางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีนั้นไม่เลวเลยและการฝึกฝนอย่างหนักของคนอื่นก็สามารถชนะได้ แต่เจ้าเด็กนี่มีเส้นทางให้เลือกมากมาย!
“จบกัน ถ้าต้องเป็นข้า อย่างนั้นศึกนี้แพ้แน่” เย่ว์หยางไม่รู้สึกเลยว่าเขาจะสามารถฆ่าเทียนอี้ได้ในตอนนี้
งั้นก็ปล่อยให้เทียนอี้ฆ่าเจ้า
มันเป็นการท้าทายไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติก็ได้!
ถ้าพวกเขาทั้งสองขึ้นเวทีประลองตัดสินชะตาแม้แต่เย่ว์หยางเองก็ไม่กล้าเดิมพันว่าตนเองจะชนะ โธ่เอ๊ย..ระดับพลังห่างกันเกินไป เจ้าตำหนักสูงสุดฝึกฝนมากี่ปีแล้ว? ยิ่งไปกว่านั้นว่ากันว่าบุรุษคนนี้ยังบ้าฝึกฝนทุกวี่วันไม่เคยวางมือฉะนั้นเขาจึงเป็นบุรุษอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ในการประลองตัดสินชะตาอัตราการเอาชนะได้จะถึงหนึ่งในพันล้านได้หรือไม่?
“เจ้าไม่ต้องสนใจว่าแพ้หรือชนะ เจ้ามีหน้าที่ต่อสู้เท่านั้น!” ตอนนี้มังกรปีศาจสงบใจได้มากแล้ว ถ้าเด็กคนนี้คือผู้มีคุณสมบัติอีกคนในการประลองชะตาเทพจอมราชันย์จริงแล้วก็สมเหตุสมผลสำหรับปริศนามากมายก่อนหน้านี้ว่าทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงได้มีความสามารถที่ผิดปกติ? ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงมีอสูรพิทักษ์มากมาย?ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงมีของวิเศษมากมาย? ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงได้มีเรื่องผจญภัยมากมาย? ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว? ทำไมเจ้าเด็กนี่จึงสามารถเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งที่ไม่สามารถเอาชนะได้? ตอนนี้ทุกอย่างมีคำตอบแล้ว... เพราะเขาคือเทพจอมราชันย์ในอนาคต!
บางทีอาจถูกลิขิตไว้ตั้งแต่เกิด
เป็นเรื่องที่แน่นอน!
นี่อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการตัดชุดวิวาห์เพื่อคนอื่นและในที่สุดผลลัพธ์สุดท้ายจะไม่มีใครรู้จนกว่าจะมีการประลองกัน!
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เจ้าเด็กผู้นี้ไม่เหมือนกับคนที่พบกับโศกนาฏกรรมเหมือนตอนที่ใส่ชุดแต่งงานของคนอื่น บางทีคนที่กลายเป็นศิลารองเท้าเพื่อให้ทำลายชื่อเสียงและก้าวข้ามไปอาจเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ผู้ที่ไม่เคยถูกผลักลงจากบัลลังก์นานนับหมื่นปี!
“เด็กน้อย มีข้าคอยคุ้มครองเจ้าจะต้องชนะแน่นอน!” มังกรปีศาจตบหน้าอกรับรองด้วยความมั่นใจ “ข้าจะช่วยให้เจ้าไปถึงตำแหน่งสุดยอดแม้ว่าข้าจะต้องตายก็ตาม! น้องเราข้าคาดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นเทพจอมราชันย์ ข้ารู้สึกเหมือนฝันจริงๆยิ้มได้แม้กระทั่งจนตื่น! ใจเย็นๆ เจ้าไม่ต้องลนลานไปเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ไม่ยอดเยี่ยมเท่าไหร่ ก็แค่ฝึกมาก่อนเจ้ามาหลายหมื่นปีเท่านั้น เป็นคนบ้าที่เอาแต่ฝึกทุกวี่วัน ไม่เป็นไรมีข้าคอยคุ้มครองเจ้า เจ้าจะต้องชนะได้ในที่สุด ทำไมทำหน้าแบบนั้น? เจ้าบังอาจสงสัยฝีมือของข้าหรือ? ใช่หรือเปล่า?”
“เรายังคงหาที่ซ่อนตัวกันก่อน!” เย่ว์หยางนึกถึงปัญหาร้ายแรงขึ้นมาได้กะทันหัน หากเทพพิทักษ์ของภูเขากวงหมิงกลับมาอย่าว่าแต่ประลองตัดสินเทพจอมราชันย์เลย เขาอาจถูกสังหารได้ในไม่กี่วินาที
“เออ, จริงด้วย”มังกรปีศาจก็คิดถึงเทพยักษ์เจ้าเล่ห์ได้ กระดองเต่าของเจ้าผู้นี้แข็งเกินไปยากจะเอาชนะในตอนนี้ได้
“รีบหนีเร็วเข้า ถ้าเจ้าไม่รีบหนีมันจะสายเกินไป..” เย่ว์หยางรู้สึกว่ายังเร็วเกินไปที่จะประลองตัดสินชะตา
“จะตื่นเต้นไปทำไม...ข้ารู้จักอยู่ที่หนึ่ง” มังกรปีศาจร้อนรนและเขาได้แรงบันดาลใจอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาจำสถานที่แห่งหนึ่งได้เขารีบคว้าไหล่เย่ว์หยาง “ข้าไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นถูกหรือเปล่าบางทีอาจเป็นการทำร้ายเจ้า บางทีอาจเป็นการจัดการของโชคชะตาก็ได้เจ้าต้องตัดสินใจในที่สุด จะรอดหรือตายเจ้าเป็นคนเลือกเองและเมื่อถึงเวลานั้นอย่ามาโทษว่าข้าบอกไม่ชัดเจน!”
“จริงจังนักหรือ? อย่างนั้นสถานที่นั้นอยู่ไหน? ยอดเขากวงหมิงตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า? เจ้ารู้เส้นทางลับหรือไม่?” เย่ว์หยางจำได้ว่าตอนที่คนจากสำนักใหญ่ทั้งหกปิดล้อมนิกายหมิงเจี้ยว [เม้งก่า] (เข้าใจว่าอ้างอิงจากเรื่องดาบมังกรหยกตอนหกสำนักใหญ่บุกเม้งก่า)จะมีทางลับนำไปสู่ยอดเขากวงหมิง สถานที่อันตรายที่สุดคือที่ปลอดภัยที่สุดหรือ?
“วุ่นวายจริงๆ... ที่ๆเราจะไปคือประตูแห่งชะตา!” โชคดีที่มังกรปีศาจไม่รู้ว่าเย่ว์หยางพูดถึงยอดเขากวงหมิงมิฉะนั้นเขาคงได้คลั่งใจตายแน่นอน
“ประตูแห่งชะตา?” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี
“นั่นคือประตูเทพโบราณ ผู้ท้าทายจะต้องฟันฝ่าชะตากรรมถึงจะออกมาได้ตอนนี้พาเจ้าไปที่นั่นบางทีอาจเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุด เจ้าตัดสินใจเอง!” นั่นคือตัวเลือกที่มังกรปีศาจให้เย่ว์หยาง
“จะเป็นโชคหรือคำสาปก็คงเลี่ยงไม่ได้” เย่ว์หยางพร้อมจะเสี่ยงทุกอย่าง
แม้ว่าจะรู้สึกผิดมาก
แต่เด็กหนุ่มจากโลกอื่นกล้าที่จะทำ
ทันทีที่เขากัดฟันเขาตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีหรือไม่ดี ทุกอย่างจะถูกกำหนดโดยการทำงานอย่างหนักและด้วยความเพียรทำงานอย่างหนักมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จที่ขัดต่อเจตจำนงของสวรรค์ได้การเปลี่ยนแปลงกระแสความสำเร็จของเหตุการณ์นั้นงดงามมาก ส่วนผลอื่นๆ เขาไม่ต้องคิดชั่วคราวทุกย่างก้าวที่ท่านสามารถทำงานหนักด้วยมือของตนเองเพื่อผลสำเร็จ...ทำให้ดีที่สุด เด็กหนุ่มจากโลกอื่นไม่รู้สึกเสียใจ
มังกรปีศาจกล่าวชม“นี่แหละคือความกล้าของเทพจอมราชันย์ในอนาคต!”
ด้วยวิธีนี้สองพี่ใหญ่น้องเล็กไม่ควรถูกฆ่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดนี้ในที่สุดพวกเขาเริ่มใช้ปัญญาตัดสินใจเลือกอย่างถูกต้อง
เมื่อเสี่ยวเหวินหลีพาเย่ว์หยางและมังกรปีศาจเข้าไปในแสงศักดิ์สิทธิ์และหายตัวไปในเส้นทางโบราณนักสู้ฝีมือยอดเยี่ยมของเจ้าตำหนักสูงสุด จื้อไจ้เทียน ฮ่วนเล่อเทียนและเทียนฉวงเข้ามาถึงในสนามรบทันที
ถ้าช้าไปสักหนึ่งนาที ไม่สิต้องครึ่งนาที
ผลลัพธ์ที่ออกมา
อาจจะกลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง
จื้อไจ้เทียนที่ดูเป็นหัวหน้าได้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมของสนามรบและตัดสินได้“การต่อสู้ที่น่าสยดสยองเกิดขึ้นที่นี่ เย่ว์ไตตันที่หายไปคงหนีมาที่นี่แน่นอน
“เย่ว์ไตตันแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?” เทียนฉวงอดไม่ได้ที่จะแสดงความสงสัย
“มีบางคนช่วยเขา!” คำพูดนำของฮ่วนเล่อเทียนแม่นยำกว่า “แม้ว่าที่นี่จะมีรอยแตกสลายไปทุกที่แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังของเทพชั้นสูงสามคนได้ ต้องเป็นเทพพิทักษ์ที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของศัตรูและปรากฏตัวออกยับยั้งพวกเขาอยู่ที่นี่และมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด แม้ว่าจะไม่ทราบผลการต่อสู้ในขณะนี้ แต่มั่นใจได้ว่ามีศัตรูที่มีพลังใกล้เคียงกับเทพพิทักษ์มาพบกับเย่ว์ไตตัน”
“มังกรปีศาจ!” จือไจ้เทียนตอบสนองทันที “เมื่อตงฟางบอกว่าเย่ว์ไตตันมีสุดยอดนักสู้คอยคุ้มครองเขามังกรปีศาจถือว่าเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของแดนสวรรค์เบื้องบนคงปลดปล่อยเขามาให้คุ้มกันเย่ว์ไตตันเป็นการไถ่โทษ”
“นี่นับว่ามีเหตุผล...” เทียนฉวงเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานนี้
“แม้แต่ท่านเทพพิทักษ์ก็ไม่สามารถฆ่าเย่ว์ไตตันได้หรือนี่? ดูเหมือนว่ามีบางคนแยกหนีจากไป” ในใจของฮ่วนเล่อเทียนสัมผัสได้ถึงรอยฉีกขาดของมิติในเส้นทางโบราณ
“ถ้าเทพพิทักษ์ลงมือแม้ว่าจะไม่สามารถฆ่าได้ทันที แต่ศัตรูคงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน” เทียนฉวงสรุปอย่างดีใจ
หลังฟังแล้วจื้อไจ้เทียนตัดสินใจทันที “เรารีบไล่ตามพวกเขาเถอะ!”
ตราบเท่าที่เย่ว์ไตตันยังมีชีวิต
อย่างนั้นการไล่ตามต้องไม่หยุด
ทั้งสามกลายเป็นแสงเทพพุ่งหายไปในเส้นทางโบราณ
ขณะนั้นเองบนสะพานลอยฟ้าของแกนสมดุลโลกจื้อจุนต่อสู้อย่างหนักคู่ต่อสู้ของนางไม่ใช่เจี้ยนจางเซิงที่กระหายการต่อสู้อีกต่อไป นางเปลี่ยนคู่ต่อสู้หลายครั้งตอนนี้คู่ต่อสู้ของนางชื่อว่าฉวนคงซ่างเป็นปีศาจเฒ่าที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก
ฉวนคงซ่างผู้นี้ตัวดำสนิทเหมือนหมึก
เป็นไปไม่ได้ที่แสงใดๆในโลกจะฉายถูกร่างของเขา ไม่ใช่การกลืนกิน แต่เป็นการปฏิเสธ
จื้อจุนเคยใช้ระเบิดแสงมาแล้วแต่ไม่สามารถใช้ได้กับฉวนคงซ่างผู้นี้ นี่คือปีศาจเฒ่าที่ไม่มีใครเอาชนะได้ด้วยพลังแสงใดๆ แม้แต่ดวงอาทิตย์ที่มีพลังสูงสุด พลังเหล่านั้นไม่สามารถทิ้งร่องรอยไว้บนร่างของเขา หากจื้อจุนไม่พบว่าฉวนคงซางยังคงกลัวพลังดับสุริยาอยู่สามส่วน อย่างนั้นนางไม่รู้ว่าจะใช้อะไรรับมือกับศัตรูเจ้าเล่ห์ผู้นี้
“เอาไม้ตายออกมาใช้ให้หมด เจ้ามีวิชาลับต้องห้ามอะไรก็จงเอาออกมาใช้มิฉะนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลง!” หลุมดำอย่างฉวนคงซ่างทรงพลังมากกว่าเจี้ยนจางเซิงก่อนหน้านี้แต่จื้อจุนสู้กับนักสู้ก่อนหน้านั้นจนแทบไม่เหลือแรงยืนแล้ว
“ไม่เลวเลย สามารถสู้ได้จนถึงบัดนี้เป็นสาวน้อยที่ยอดเยี่ยม” สตรีเสียงยั่วยวนแสยะยิ้ม
“สู้ได้ดี น่าตื่นเต้นมากแต่คงจะดีกว่านี้ถ้าเจ้าสู้ได้นานกว่านี้ ตอนนี้บางคนยังดูไม่พอ จิ๋วซื่อ! เจ้าไม่สนใจดูรุ่นอาวุโสของเจ้าและปล่อยให้ฉวนคงซ่างฆ่านางโดยไม่ช่วยเหลือใช่ไหม?” มีอีกเสียงคอยยั่วยุจักรพรรดิไร้เทียมทานจากระยะไกล จะลงมือบ้างไหม? เราผู้เฒ่าคันมือเล็กน้อยมาเถอะน่า เราผู้เฒ่าจะให้โอกาสล้างแค้น!”
“ข้ายังไม่ตาย!” จื้อจุนยืนขึ้นทันทีนางยืนตัวตรงอย่างภาคภูมิใจภายใต้ผลกระทบจากพลังเทพของฝ่ายตรงข้าม ลึกๆในดวงตานางยังมีความดื้อรั้นใจสู้ “ข้าไม่ยอมแพ้!”
ท่านแม่ ท่านดูอยู่บนสวรรค์หรือไม่?
ท่านก็รู้
ข้าแข็งแกร่งที่สุดข้าฝึกฝนมาอย่างหนักโดยตลอด วันนี้จะให้ท่านได้ดูผลของการฝึกฝนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เมื่อสติสัมปชัญญะของจื้อจุนขาดหายพลังเทพรอบตัวนางมีการเปลี่ยนแปลงที่มิอาจจินตนาการภาพแปลกประหลาดปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
วังวนดำและขาวหมุนเกี่ยวพันกันรวมเป็นโลกเดียวในนั้นมีแต่สีดำและขาวเท่านั้นไม่มีอะไรอื่น
มันหมุนอยู่นอกร่างของจื้อจุนความเร็วช้ามาก แต่ลึกลับไม่สิ้นสุดราวกับว่าเป็นมาตั้งแต่กำเนิดโลก
“อันตราย!” สตรีเสียงยั่วยวนร้องลั่น ไม่เพียงแต่ฉวนคงซ่างเท่านั้นแต่เจี้ยนจางเซิงที่สังเกตอยู่ในระยะไกลสังเห็นการต่อสู้ครั้งนี้รวมทั้งคู่ต่อสู้คนอื่นที่ได้สู้มาก่อนพวกเขายังให้ความสนใจเต็มที่กับสัญญาณเตือน ทันทีที่โลกใบเล็กลึกลับงดงามนี้ปรากฏทุกคนมีความรู้สึกราวกับว่าพวกเขาจะถูกปิดผนึกไว้ภายในตลอดไปไม่มีวันออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็นการวางเท้าในสนามรบหรือการซ่อนลักษณะตนเองอยู่ในท้องฟ้า
ผลย่อมเหมือนกัน
ทุกคนต่างรีบเร่งอย่างบ้าคลั่งหวังว่าจะหยุดการหมุนของโลกที่น่ากลัวในช่วงสุดท้ายนี้ได้ตราบใดที่ยังปล่อยให้เป็นไป ทุกคนจะต้องตาย หรืออย่างน้อยจะถูกผนึกตลอดไป...
“ผนึกประตูชีวิตนิรันดร!” จื้อจุนชูนิ้ว ฉวนคงซางระเบิดพลังสูงสุดเช่นเดียวกับควันไฟที่ถูกดูดซับโดยโลกใบเล็กไม่ได้รับผลกระทบจากพลังงานแสงใดๆ แม้แต่พลังดับสุริยาก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของเทพทำลายล้างโดยตรงได้ ภายใต้สายตาของทุกคนวิญญาณในร่างเทพส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน อ้อนวอนดิ้นรนอย่างสิ้นหวังแต่ไร้ประโยชน์วิญญาณของฉวนคงซางถูกดึงออกมาโดยตรงโดยเจตจำนงสูงสุดที่มิอาจต้านทานได้และถูกผนึกอยู่ในโลกใบเล็ก
เจี้ยนจางเซิงและคนอื่นที่มองดูล้วนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
พวกเขาไม่คิดไม่ฝันว่าเด็กผู้หญิงข้างหน้าจะมีพลังเจตจำนงและพลังกฎที่น่ากลัวขนาดนี้
ถ้ารู้เรื่องนี้แต่เนิ่นๆแม้ว่าจะได้เปรียบมาก พวกเขาจะไม่ทำอะไรเด็กสาวตัวน้อยผู้นี้ มันน่ากลัวมากนักสู้อย่างฉวนคงซ่างต่อให้ดิ้นรนต่อสู้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายร่างเทพโดยตรงในที่สุด นางฝึกฝนพลังนี้ได้อย่างไร?
โชคดีที่เป้าหมายไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นฉวนคงซ่างที่สู้อยู่ในสนามต่อสู้
มิฉะนั้น ที่นี่จะไม่มีใครรอด
“ยอมแพ้,ข้าไม่ต้องการสู้กับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวนี้!” เจี้ยนจางเซิงกลัว เขาตัดสินใจไม่สู้กับจื้อจุนอีก และตลอดไป
“.....”ไม่มีใครในกลุ่มคนดูหัวเราะเยาะเขา เพราะนี่ไม่ตลกเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองดูฉวนคงซ่างในอากาศหัวใจทุกคนหนักอึ้งราวกับถ่วงด้วยก้อนหินหนัก
“เด็กสาวนั่นดูเหมือนจะเป็นลมหรือเปล่า?” สตรีเสียงยั่วยวนร้องเตือนอีกครั้ง และนางพบว่ามีสิ่งผิดปกติ
จื้อจุนล้มลงกับพื้น
สติค่อยๆ เลือนรางท่ามกลางความสับสนดูเหมือนว่านางเห็นแม่และป้านั่งยิ้มอยู่บนท้องฟ้า น้องสาวนางยกกระโปรงวิ่งตามนางตะโกนเรียกนางอย่างมีความสุขฯลฯ... ห่างออกไปมีเด็กหนุ่มจอมซนเสียงดังมาพร้อมกับพวกพ้องของเขา
จะใช่เขาหรือไม่?
ท่านแม่! ใช่เขาหรือเปล่า?เขาคือน้องชายที่ท่านมองหาอยู่หรือเปล่า?”
*** *** ***