(ฟรี) บทที่ 415 หยกสื่อวิญญาณระดับจักรพรรดิ ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างปัญหา!
ฉู่หลิงฉวนจ้องมองหลี่หรานด้วยความโกรธ
เขาซื้อเสื้อผ้าส่วนตัวมามากมาย ไม่เพียงแต่ให้พวกนางลองสวมเท่านั้น แต่เขายังต้องเห็นด้วยตาตัวเองด้วยว่าใส่ได้พอดีไหม...
พวกมันล้วนเป็นเสื้อผ้าชั้นใน จะสวมใส่ให้คนอื่นเห็นได้อย่างไร?
หากอีกฝ่ายไม่ใช่หลี่หราน นางคงฟันเขาทิ้งไปแล้ว!
“เจ้าคนไร้ยางอาย!” ฉู่หลิงฉวนอดไม่ได้ที่จะหยิกเขา
หลี่หรานกัดฟันโดยไม่ส่งเสียง ใบหน้าของเขากำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
อวี้ชิงหลันพูดอย่างหมดหนทาง “เจ้าซื้อมามากเกินไป แม้จะใส่วันละชิ้นก็ยังใส่ได้เป็นเดือน ในฐานะผู้นำนิกาย การเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวันมันใช่เรื่องปกติที่ไหนกัน?”
หลี่หรานพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ท่านอาจารย์เพียงต้องสวมมันให้ศิษย์เห็น”
“ฮึ่ม ช่างเป็นความคิดที่ดีจริงๆ!” อวี้ชิงหลันพ่นลมด้วยใบหน้าแดง
จากนั้นนางก็ส่ายหัว “แต่เจ้าซื้อเสื้อผ้ามามากมาย และหลายตัวยังไม่ได้ลองใส่ด้วยซ้ำ ใครจะรู้ว่าพวกมันพอดีหรือไม่”
หลี่หรานกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ไม่ต้องห่วง ศิษย์คนนี้ไม่เคยผิดพลาด”
“โอ้?” อวี้ชิงหลันถามอย่างสงสัย “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าใส่ไซส์อะไร เจ้าจะแน่ใจได้ยังไง?”
ฉู่หลิงฉวนมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
หลี่หรานยิ้มอย่างมีเลศนัย “ศิษย์ย่อมมีวิธี หากข้าทำไม่ได้แม้แต่เรื่องนี้ ข้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นศิษย์”
“......” ทั้งสองมองหน้ากันและมีปฏิกิริยาทันที ริ้วสีแดงกระจายไปทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“เจ้าศิษย์อกตัญญู!”
“เจ้าหัวขโมย!”
พวกนางทั้งอับอายและขุ่นเคือง
ก่อนที่พวกนางจะเริ่มสั่งสอนเขา หลี่หรานก็กอดเซินหนิงไว้ในอ้อมแขนและหลบหนีไป
—
ทั้งสี่เดินไปรอบๆจนฟ้ามืด แต่อาจารย์ทั้งสองยังมีบางอย่างที่ต้องการจะลอง
หลี่หรานเข้าใจดี
แม้ว่าทั้งสองจะมีอำนาจระดับจักรพรรดิและเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงสุด แต่พวกนางรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับโลกมนุษย์
บวกกับเซินหนิง พวกนางเป็นเพียงทารกสามคนที่อยากรู้อยากเห็น
แม้แต่ตอนที่เดินผ่านย่านโคมแดงในช่วงบ่าย ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่หรานกอดพวกนางไว้แน่น พวกนางคงรีบเข้าไปเพราะความสงสัยแล้ว...
แต่หลังจากการโต้ตอบกันในวันนี้ อวี้ชิงหลันและฉู่หลิงฉวนก็ลดความเป็นปฏิปักษ์ลง
แม้จะยังไม่ใช่สหายแต่อย่างน้อยก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
ความสัมพันธ์ของพวกนางก้าวกระโดดในเชิงคุณภาพเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับหลี่หราน
เพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา… หากหนึ่งในสามอาจารย์ระดับจักรพรรดิคนใดจุดไฟแห่งความหึงหวง มันจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแผ่นดินไหวขนาด 18 ริกเตอร์อย่างแน่นอน!
หลังจากกินข้าวนุ่มๆมาทั้งชีวิตก็ถูกชามข้าวหล่นทับตาย?
หลี่หรานไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้!
‘ฉินหรูเหยียนบอกว่านางต้องการช่วยข้าจัดการสวนหลังบ้าน แต่ถ้านางเห็นผู้เล่นตัวจริงที่สวนหลังบ้านของข้า ขาของนางจะไม่อ่อนปวกเปียกไปเลยหรือ?’ หลี่หรานส่ายหัวและพึมพำในใจ
แม้แต่เขาก็ยังต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกัน
นี่ยังไม่รวมเหลิงอู่เหยียน…
หลี่หรานปวดหัวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
‘ช่างมันเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดมาก ค่อยพูดถึงเรื่องนี้หลังจากกลับไปที่นิกายแล้ว’
เขาจะทดสอบท่าทีของเหลิงอู่เหยียนก่อน จากนั้นค่อยลองบอกนางอย่างอ้อมๆ
ด้วยบุคลิกของเหลิงอู่เหยียน ถ้าจู่ๆนางรู้เรื่องนี้ การกระทำแรกของนางคือฆ่าใครสักคนอย่างแน่นอน!
แต่เป้าหมายจะไมใช่เขา มันเป็นอาจารย์อีกสองคน…
หลี่หรานส่ายหัวและถอนหายใจ
แต่ด้วยบุคลิกที่แข็งแกร่งเหล่านี้ เขาทำให้พวกนางตกหลุมรักได้ยังไงกัน?
“หนทางยังอีกยาวไกล!”
—
ภายในห้อง บรรยากาศค่อนข้างสงบ
อวี้ชิงหลันและฉู่หลิงฉวนนั่งบนเก้าอี้อย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เซินหนิงสนุกมาทั้งวันและผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของหลี่หราน
หลี่หรานวางเด็กสาวตัวเล็กๆลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองพวกนางและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาจารย์ทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”
ฉู่หลิงฉวนก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร
เมื่อนางคิดว่าหลี่หรานกำลังจะจากไปในวันพรุ่งนี้ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้นในใจ
เพียงคำว่า “ความไม่เต็มใจ” อาจยังอธิบายได้ไม่ชัดเจนพอ มันเป็นเหมือน… ความโหยหา?
นางไม่รู้ว่าทำไม เห็นได้ชัดว่าทั้งสองพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่มันทำให้นางรู้สึกอยากพึ่งพาเขาอย่างสุดซึ้ง
มันรู้สึกเป็นธรรมชาติมากราวกับพวกเขาควรจะอยู่ด้วยกัน
‘ผู้ชายคนนี้มีเวทมนตร์แบบไหนกัน?’
ฉู่หลิงฉวนกัดริมฝีปากและมองไปที่หลี่หรานด้วยสายตาแผ่วเบา
มีความหมายที่อธิบายไม่ได้ในดวงตาของนาง
ในเวลานี้เอง อวี้ชิงหลันกล่าวขึ้นว่า “หรานเอ๋อร์ เจ้าจะกลับไปทางเหนือในวันพรุ่งนี้เหรอ?”
“ใช่” หลี่หรานพยักหน้า “ข้าออกมานานแล้ว ถึงเวลากลับไปที่นิกาย… และข้ายังต้องส่งเซินหนิงกลับอย่างปลอดภัย”
“เข้าใจแล้ว…” อวี้ชิงหลันถอนหายใจ
นางต้องการให้อีกฝ่ายไปที่สถาบันเทียนซูกับนาง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้
อวี้ชิงหลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากอกของนาง นางดึงมือหลี่หรานและวางไว้บนฝ่ามือของเขา
หลี่หรานถามด้วยความสงสัย “นี่คือ?”
อวี้ชิงหลันกล่าวว่า “นี่คือหยกสื่อวิญญาณ นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้เก็บมันไว้กับตัวเสมอ หากเจ้าบดขยี้มันในช่วงเวลาวิกฤต นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้จะสามารถรับรู้ตำแหน่งเฉพาะของเจ้าได้ทันที”
“หยกสื่อวิญญาณ?”
หลี่หรานมองไปที่หยกในมือ
มันมีขนาดครึ่งหนึ่งของฝ่ามือ ลักษณะโดยรวมเป็นสีเหลืองอำพัน ภายในหยกโปร่งแสงเต็มไปด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์
“อาจารย์ชิงหลัน ไม่ใช่ว่าเรามีด้าย… อะแฮ่ม ไม่ใช่ว่าเรามีสิ่งนั้นหรอกเหรอ? ทำไมเรายังต้องใช้หยกชิ้นนี้อยู่อีก?”
“มันไม่เหมือนกัน” อวี้ชิงหลันส่ายหัวและพูดว่า “สิ่งที่เจ้าถนัดที่สุดนอกเหนือจากการล่อลวงสตรีคือการสร้างปัญหา”
“หยกวิญญาณชิ้นนี้มีเต๋าของนักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้บรรจุอยู่ มันสามารถช่วยชีวิตเจ้าในช่วงเวลาวิกฤตได้”
“ในกรณีที่เจ้ารุกรานคนที่แข็งแกร่ง การเตรียมพร้อมไว้ย่อมดีกว่า”
หลี่หราน: “......”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำเพื่อประโยชน์ของเขา แต่ทำไมมันฟังดูแปลกๆ?
ก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติ ฉู่หลิงฉวนก็หยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมายัดใส่ฝ่ามือของเขา
หยกสีน้ำเงินสลักเป็นรูปดาบ
ฉู่หลิงฉวนพูดเบาๆว่า “นี่คือหยกสื่อวิญญาณของข้า หากเจ้าตกอยู่ในอันตราย เพียงแค่บดขยี้มัน ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนหรือห่างออกไปกี่พันลี้ ข้าสามารถไปถึงเจ้าได้ภายในอึดใจเดียว”
หลี่หรานมองไปที่หยกทั้งสองชิ้นในมือ แสงสีน้ำเงินและขาวเติมเต็มซึ่งกันและกัน
เมื่อรวมกับจี้หยกรูปมังกรที่หลี่อู๋เซียงมอบให้ เขามีหยกสื่อวิญญาณระดับจักรพรรดิสามชิ้นแล้ว
“ข้าสร้างปัญหาบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลี่หรานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ผู้มีอำนาจระดับจักรพรรดิสามคน… เขาต้องสร้างปัญหาง่ายขนาดไหนพวกเขาถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้?
“ใช่” ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน
ตามสถิติที่ไม่สมบูรณ์ หลี่หรานกระโจนเข้าสู่การต่อสู้ห้าหรือหกครั้งแล้ว และมีบางกรณีที่อีกฝ่ายเหนือกว่าถึงสองขอบเขตใหญ่ด้วยซ้ำ!
ห้าในแปดนิกายระดับสูงสุดล้วนเคยมีความคับข้องใจต่อเขา ความสามารถในการสร้างปัญหานี้อยู่ระดับสูงสุด!
“......” หลี่หรานปิดใบหน้าของเขา
“ใช่แล้ว ข้าจะให้สิ่งนี้กับเจ้าด้วย”
แสงวาบขึ้นในมือของฉู่หลิงฉวน และแสงสีทองก็เติมเต็มทั่วทั้งห้อง
หลี่หรานตกตะลึง “นี่คือ…”
/////