ตอนที่แล้วตอนที่ 60: ต่อสู้เพื่อชื่อเสียง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 62: ก้าวสู่ทะเลดาว

ตอนที่ 61: การเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ


ตอนที่ 61: การเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ

ปัจจุบันเย่จิ่งชานกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานพร้อมกับดูวิดีโอการแข่งขันระหว่างเซี่ยเฟยและเฉินตง ขณะที่มือของเขากำลังร่างการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยด้วยดินสอบนกระดาษ

ในยุคสมัยนี้เหลือคนใช้เครื่องมือดั้งเดิมอย่างดินสอและกระดาษอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะในยุคปัจจุบันคนนิยมใช้คอมพิวเตอร์ในการบันทึกข้อมูลทั้งการเขียนและการวาดภาพมากกว่า

อย่างไรก็ตามเย่จิ่งชานยังคงชื่นชอบวิธีการดั้งเดิมเพราะเขาเชื่อว่าการขีดเขียนด้วยมือจะช่วยทำให้เขาสามารถเพิ่มความเข้าใจในการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยได้มากกว่า

ความจริงแล้ววิธีการวาดของเย่จิ่งชานไม่ใช่วิธีการที่ซับซ้อน เพราะมันเป็นวิธีการที่ค่อนข้างจะเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก โดยเขาขีดเขียนเส้นต่าง ๆ ขึ้นมาเพียงแค่ไม่กี่เส้นแต่เส้นเหล่านี้กลับสะท้อนหลักการในการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยออกมาได้อย่างชัดเจน

มือของเย่จิ่งชานยังคงตวัดลายเส้นออกไปอย่างต่อเนื่องพร้อมกับความคิดที่ตกลงไปสู่ห้วงภวังค์ขณะที่หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยรอยย่น

การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยเป็นท่าทางที่แปลกประหลาดมากจนเกินไปและเขาก็ไม่สามารถใช้สามัญสำนึกในการทำความเข้าใจรายละเอียดของการเคลื่อนไหวได้เลยโดยเฉพาะการเคลื่อนจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย

หลังขบคิดอยู่นานเย่จิ่งชานจึงลองลุกขึ้นและเคลื่อนไหวเลียนแบบท่าทางของเซี่ยเฟย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทดลองหลายครั้งติดต่อกันแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุมจุดศูนย์ถ่วงในร่างกายของเขาได้

ในระหว่างการต่อสู้เซี่ยเฟยสามารถใช้การเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้เพื่อหลบหลีกการจู่โจมของเฉินตงได้อย่างต่อเนื่อง แต่เย่จิ่งชานทำได้เพียงแต่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ภายในห้องของตนเองอย่างน่าอับอายเท่านั้น

ในความเป็นจริงเทคนิคเล่ห์กายาถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ รูปแบบและความหมาย โดยอันธได้ถ่ายทอดและคอยกำกับการฝึกฝนเซี่ยเฟยเป็นการส่วนตัว ส่วนเย่จิ่งชานทำได้เพียงแต่ลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวจากภายนอกเท่านั้น

อันที่จริงเย่จิ่งชานไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟย เพราะนักสู้ทั่วทั้งภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ต่างก็กำลังพยายามทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวรูปแบบนี้เช่นเดียวกัน

กระบวนท่าการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากและถ้าหากว่าพวกเขาสามารถทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้ง มันก็จะช่วยทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็เป็นเพียงแค่ผู้ใช้ความเร็วระดับสตาร์เบสขั้นกลางเท่านั้น แต่เขากลับสามารถพึ่งพาเทคนิคการเคลื่อนไหวนี้ในการเผชิญหน้ากับเฉินตงผู้ซึ่งมีพลังอยู่ในระดับสตาร์ฟิลด์ขั้นสูงได้

ด้วยผลลัพธ์ที่แสดงออกมามันจึงทำให้การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยสามารถล่อลวงนักสู้ได้ทั่วทั้งภูมิภาคดาว แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามองข้ามไปนั่นก็คือความมุ่งมั่นของชายหนุ่มก็มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับเฉินตงได้เช่นกัน

หลังจากทดลองอยู่หลายครั้งเย่จิ่งชานก็ส่ายหัวอย่างผิดหวังพร้อมกับนั่งเอนหลังพิงเบาะและหมุนสมุดบันทึกในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สาเหตุที่อันธกล้าสอนเล่ห์กายาให้กับเซี่ยเฟยทั้งที่รู้ว่าการเคลื่อนไหวนี้จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ นั่นก็เพราะว่าเขามีความมั่นใจว่าวิชานี้ไม่มีทางหลุดออกไปสู่โลกภายนอกได้อย่างแน่นอน

แม้แต่ตัวของเซี่ยเฟยก็ยังต้องฝึกฝนวิชาอย่างยากลำบากและอันธก็เป็นผู้ชี้นำการเคลื่อนไหวในระหว่างการฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงเป็นเพียงแค่ผู้ใช้วิชาแต่ไม่ใช่ผู้ที่สามารถถ่ายทอดวิชานี้ให้กับผู้อื่นได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่อันธได้พิจารณาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ทันใดนั้นเองเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะก็เริ่มส่งเสียง เย่จิ่งชานจึงยื่นมือออกไปแตะบนเครื่องก่อนที่จะมีภาพหน้าจอปรากฏขึ้น

ผู้ที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นชายชราอายุประมาณ 70 ปีและเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากผู้อำนวยการโรเบิร์ต

“สวัสดีครับท่านรองเย่” โรเบิร์ตกล่าวทักทายอย่างสุภาพและถึงแม้ว่าเย่จิ่งชานจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกจากสำนักงานใหญ่จัสทิสอีกต่อไป แต่ชายชราก็ยังคงให้เกียรติชายผู้นี้อยู่เสมอ

เมื่อได้ยินคำทักทายเย่จิ่งชานก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า

“ผู้อำนวยการโรเบิร์ตปัจจุบันผมเป็นแค่ผู้บัญชาการของค่ายฝึกจัสทิสลีกเท่านั้นและตามตำแหน่งผมก็เป็นลูกน้องของคุณด้วย ดังนั้นคุณไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกจากสำนักงานใหญ่อีกต่อไป คุณเรียกเพียงแค่ชื่อของผมก็พอ”

เมื่อได้เห็นท่าทางของอีกฝ่ายโรเบิร์ตก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับกล่าวว่า

“โอเค ๆ ผมไม่เรียกคุณว่าท่านรองแล้วก็ได้ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าผู้อำนวยการด้วยเหมือนกัน พวกเราเพียงแค่เรียกชื่อกันและกันดีไหม?”

เย่จิ่งชานพยักหน้ารับอย่างสงบพร้อมกับกล่าวถามออกไปว่า

“ว่าแต่คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า”

“พอดีผมต้องการส่งเด็กหนุ่ม 2 คนไปฝึกที่ค่าย ผมเลยลองโทรมาถามความเห็นจากคุณก่อน” โรเบิร์ตกล่าวอย่างสุภาพ

ความจริงตำแหน่งของโรเบิร์ตเป็นหัวหน้าของเย่จิ่งชาน เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องสอบถามความเห็นจากชายคนนี้เลย แต่ถึงกระนั้นโรเบิร์ตก็ยังคงกล่าวถามถึงความคิดเห็นของอีกฝ่ายอยู่ดี

“พวกเขาเป็นใคร? ผมรู้จักพวกเขาไหม?” เย่จิ่งชานกล่าวถาม

โรเบิร์ตลูบเคราที่คางพร้อมกับกล่าวออกไปอย่างลึกลับว่า

“ผมว่าคุณน่าจะรู้จักนะ ตอนนี้คนทั่วทั้งภูมิภาคดาวก็น่าจะรู้จักพวกเขาทั้งสองคนเหมือนกัน เพราะพวกเขาคือเซี่ยเฟยและเฉินตงที่เพิ่งต่อสู้ต่อเนื่องไป 21 วันในการประเมินครั้งที่ผ่านมา”

“อ๋อ.. ครับ” เย่จิ่งชานพยักหน้ารับพร้อมกับเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ 2-3 ครั้ง จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า

“ผมได้ดูการแข่งขันระหว่างเด็กสองคนนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยเฟยเฉินตงคงจะได้รับอันดับ 1 ในการประเมินครั้งนี้แน่นอน แต่โชคไม่ดีที่เขาต้องไปเผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ของเซี่ยเฟยเข้า จนทำให้พวกเขาหมดสติและไม่สามารถผ่านการประเมินได้”

“คุณคิดว่าเด็กสองคนนี้พอจะมีคุณสมบัติในการเข้าค่ายฝึกจัสทิสลีกไหม?” โรเบิร์ตกล่าวถามอย่างตื่นเต้น

“ในแง่คุณสมบัติพวกเขาไม่มีปัญหาเลยครับ เพราะเพียงแค่ความมุ่งมั่นที่พวกเขาแสดงออกมาก็เพียงพอจะทำให้พวกเขามีคุณสมบัติในการเข้าค่ายฝึกแล้ว แต่สำหรับเซี่ยเฟยน่าจะติดปัญหาอยู่เล็กน้อย” เย่จิ่งชานกล่าว

“เซี่ยเฟยมีปัญหาอะไร?” โรเบิร์ตกล่าวถามอย่างสงสัย

หลังจากนั้นเย่จิ่งชานก็เล่าเหตุการณ์ที่หัวหน้าแผนกของค่ายฝึกทั้งสามคนต้องการที่จะแย่งชิงตัวเซี่ยเฟยให้โรเบิร์ตฟัง

“มันเป็นแบบนี้นี่เอง ตอนแรกผมคิดว่าเซี่ยเฟยจะมีคุณสมบัติไม่พอเสียอีก” โรเบิร์ตกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ ซึ่งหลังจากที่เจาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งโรเบิร์ตก็กล่าวถามออกไปว่า

“ว่าแต่คุณจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?”

“ถึงยังไงพวกเราก็จำเป็นที่จะต้องรับเซี่ยเฟยเข้ามาภายในค่ายเพราะการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ของเขาดึงดูดความสนใจผู้คนมากจนเกินไปและพวกเฮอร์มิทคงจะไม่ปล่อยเขาไปแน่ ๆ ตอนนี้ผมพอจะคิดหาวิธีได้ 2-3 วิธี แต่ผมขอเวลาซัก 2-3 วันเพื่อที่จะได้จัดการกับเรื่องนี้อย่างเหมาะสมที่สุด” เย่จิ่งชานกล่าว

ท้ายที่สุดเย่จิ่งชานก็เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าแผนกที่สำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์จัสทิสมาก่อน เขาจึงมีประสบการณ์มากพอที่จะจัดการกับปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ได้

“โอเคผมขอฝากเรื่องนี้กับคุณเอาไว้ด้วยก็แล้วกัน ส่วนทางผมจะจัดงานแถลงข่าวโดยประกาศออกไปว่าเซี่ยเฟยและเฉินตงจะได้รับโควตาพิเศษในการเข้าไปในค่ายฝึก” โรเบิร์ตกล่าวอย่างมีความสุข

หลังจากวางสายโรเบิร์ตก็จิบชาด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม

การประเมินในคราวนี้มีปัญหาเรื่องที่ผู้สมัครได้หายตัวไปอย่างลึกลับ มันจึงทำให้โรเบิร์ตได้รับแรงกดดันเป็นอย่างมากและเนื่องมาจากมาตรการรักษาความลับมันจึงทำให้มีคนรู้เรื่องนี้อยู่เพียงแค่ไม่กี่คน

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังออกมาจากด้านนอก

“เข้ามา” โรเบิร์ตกล่าวอย่างเคร่งขรึมก่อนที่ฌอนผู้ซึ่งเป็นรองหัวหน้าคณะกรรมการการประเมินในครั้งนี้จะเปิดประตูและเดินเข้ามาภายในห้อง

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะเจอปัญหาครับ” ฌอนกล่าวรายงานออกไปเบา ๆ ซึ่งการรายงานครั้งนี้ทำให้โรเบิร์ตหน้าซีดในทันที

ตำแหน่งที่แท้จริงของฌอนคือหัวหน้าทีมสืบสวนลับของสมาพันธ์จัสทิสและการที่เขามารายงานเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นปัญหาเรื่องที่มีผู้สมัครได้หายตัวไป

“มีปัญหาอะไรหรือว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้สมัครหายตัวไป!?” โรเบิร์ตกล่าวถามอย่างเร่งรีบ

ฌอนส่ายหัวพร้อมกับตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่ครับ แต่พวกเราได้พบว่ามีการแอบเปลี่ยนแปลงข้อมูลการประลองในการประเมิน เพราะเดิมทีคู่ต่อสู้ในรอบแรกของเซี่ยเฟยไม่ใช่เฉินตง แต่เป็นผู้สมัครที่มีชื่อว่าเฉินหยวนหนิง”

รายงานจากฌอนทำให้โรเบิร์ตชะงักไปครู่หนึ่งเพราะการประเมินในรอบนี้ใช้ระบบการจับคู่ด้วยคอมพิวเตอร์แบบอัตโนมัติและการเปลี่ยนผลการจับคู่จำเป็นจะต้องใช้สิทธิ์การเข้าถึงระดับ 4 เป็นอย่างน้อย

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลการประเมินที่มีสิทธิ์การเข้าถึงระดับ 4 ขึ้นไปมีอยู่เพียงแค่ 5 คนเท่านั้นและถ้าหากตัดเขากับฌอนออกไปก็จะเหลือเพียงแค่หัวหน้ากรรมการการประเมินทั้งสามคน คือ เซียวไห่ลี่, เควรอซและโบซิงวา

เซียวไห่ลี่เป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของเขาเอง ส่วนทางด้านเควรอซและโบซิงวาก็เป็นคนสนิทของเขาเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มอบหมายหน้าที่สำคัญในการประเมินครั้งนี้ให้กับทีม 13

“นายได้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วหรือยัง?” โรเบิร์ตกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ฌอนพยักหน้าพร้อมกับตอบว่า “ผมตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ คนร้ายไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้เลยแต่เขาก็ยังคงพอทิ้งร่องรอยเอาไว้บ้าง”

โรเบิร์ตเอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าปัญหาจะเกิดขึ้นมาจากทีม 13 ที่เขาไว้วางใจมากที่สุด

“ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปแล้วอัพเดทสถานการณ์ให้ฉันทันที” โรเบิร์ตกล่าวพร้อมกับเอนหลังมองขึ้นไปบนเพดาน

ณ เกาะแห่งหนึ่งใกล้แนวปะการังที่สวยงามทางทิศตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อาบแดดโดยทางด้านขวามีโต๊ะกลมและบนโต๊ะมีแก้วเครื่องดื่มสีดำวางเอาไว้อยู่

แน่นอนว่าเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องดื่มสำหรับการสังสรรค์ แต่เป็นน้ำยาฟื้นฟูที่ถูกปรุงด้วยสูตรลับของอันธ

ในคราวนี้เซี่ยเฟยได้ต่อสู้ต่อเนื่องอย่างยาวนานถึง 21 วันทำให้ชายหนุ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นถ้าหากว่าเขาไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ มันก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาเรื้อรังที่สร้างความเสียหายให้กับร่างกายได้

เซี่ยเฟยต้องกัดฟันดื่มน้ำยาสูตรของอันธเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขากลับคืนมา แต่ไม่ว่าเขาจะเคยดื่มน้ำยาสูตรอันธมากแค่ไหนเขาก็ไม่รู้สึกเคยชินกับมันเสียที

โรเบิร์ตได้ออกแถลงข่าวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเซี่ยเฟยและเฉินตงจะได้รับโควตาพิเศษในการเข้าไปยังค่ายฝึกจัสทิสลีก ซึ่งการแถลงข่าวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะไม่มีใครออกมาตั้งคำถามแต่มันยังช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับทางสมาพันธ์จัสทิสอีกด้วย

เจตจำนงอันแน่วแน่ของนักสู้ทั้งสองคนทำให้เหล่าบรรดาผู้ชมทั่วทั้งภูมิภาคดาวรู้สึกตกใจและผู้คนก็เชื่อว่าการตัดสินใจของสมาพันธ์จัสทิสเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะทั้งเซี่ยเฟยและเฉินตงต่างก็มีคุณสมบัติมากเกินพอที่จะเข้าไปยังค่ายฝึกจัสทิสลีก

“นี่ฉันต้องดื่มน้ำยาพวกนี้ไปอีกนานแค่ไหน? ลิ้นฉันขมจนไม่รู้รสชาติแล้วมั้งเนี่ย” เซี่ยเฟยบ่นขณะวางแก้วลงบนโต๊ะ

“กินยาไปให้ครบ 3 วัน ไม่อย่างนั้นร่างกายของนายจะฟื้นฟูกลับมาได้ไม่เต็มที่” อันธซึ่งนอนอยู่บนชายหาดไม่ไกลกล่าว

เซี่ยเฟยหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มเพื่อพยายามกำจัดรสขมในปาก แต่น่าเสียดายที่รสขมเหล่านี้ติดแน่นมากจนเกินไป

“เดี๋ยวอีกสักพักพวกเราต้องออกเดินทางแล้ว” อันธกล่าว

“ไปไหน?”

“นายกำลังจะต้องเดินทางสู่จักรวาล หากการเดินทางบนบกต้องการรองเท้าที่สวมใส่สบาย การเดินทางในจักรวาลอันกว้างใหญ่ก็จำเป็นที่จะต้องมียานอวกาศดี ๆ ที่จะช่วยพานายไปยังทุกที่ที่นายต้องการใช่ไหมล่ะ”

“นอกจากนี้ในจักรวาลยังมีอันตรายที่ไม่รู้จักอีกมากมาย หากนายไม่มียานอวกาศที่ดีพอมันก็ไม่ต่างไปจากการนั่งเรือลำเล็กออกไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่” อันธกล่าว

ทันทีที่เซี่ยเฟยได้ยินคำว่ายานอวกาศเขาก็รีบลุกขึ้นมาจากม้านั่งด้วยความรวดเร็ว

เขามีความฝันที่จะซื้อยานอวกาศมาตั้งนานแล้วและถึงแม้ว่าอันธจะไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแต่เขาก็วางแผนที่จะซื้อยานอวกาศเป็นของตัวเองอยู่ดี

ท้ายที่สุดการประเมินในครั้งนี้ก็สร้างผลกำไรให้กับเขาอย่างมหาศาลและเขาก็ไม่มีปัญหาเรื่องราคาของยานอวกาศอีกต่อไป

“ฮ่า ๆ ๆ นายพูดถูก! ฉันกำลังจะไปผจญภัยในอวกาศเพราะฉะนั้นพวกเราจำเป็นจะต้องมีไทนี่ฟอลคอน! พูดตามตรงนะฉันคิดว่ายานลำนั้นเป็นยานอวกาศที่เท่จริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

อย่างไรก็ตามอันธก็ยืนขึ้นจากชายหาดอย่างเคร่งขรึมและเดินเข้ามากล่าวกับเซี่ยเฟยว่า

“ถ้านายอยากได้ยานกิ๊กก๊อกลำนั้นค่อยซื้อมันเป็นลำที่ 2 แต่ยานลำแรกจะต้องเป็นยานที่นายประกอบขึ้นมาเอง นายจะได้มีความเข้าใจในทุกรายละเอียดของยานและสามารถรีดประสิทธิภาพของยานออกมาได้อย่างสูงสุด”

“นายกำลังบอกให้ฉันประกอบยานอวกาศขึ้นมาเองเนี่ยนะ!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

“ใช่ นายจะต้องค่อย ๆ เลือกส่วนประกอบของยานขึ้นมาทีละชิ้นและประกอบยานอวกาศขึ้นมาทีละน้อยด้วยตัวเอง”

***************

อันธจะให้พี่เฟยเก่งมันซะทุกด้านเลยใช่ไหมเนี่ยยยยย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด