ตอนที่ 1344 อาบเลือดสู้
ไม่ต้องรอให้เย่ว์หยางเคลื่อนไหว
ร่างเทพยักษ์ที่อยู่บนบัลลังก์เทพยิงพลังแสงออกมานับร้อยล้านสาย
ผสมผสานกับพื้นที่เส้นทางโบราณเพื่อกระตุ้นกฎสวรรค์และเจตจำนงโบราณในเวลาไม่นานในมิติทั้งหมดมีพลังโบราณลึกลับมากมายขยายส่งพลังลงมายกระดับพื้นที่นี้ให้เป็นสนามรบพิเศษ ในสนามรบพิเศษนี้ ไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตาเปล่าอย่างไรก็ตามเย่ว์หยางรู้สึกอย่างแน่นอนว่าเขาถูกลดขีดจำกัดพลังลงไปมาก
ร่างแท้ไม่ได้เล็กลงแต่พลังเทพถูกควบขัดขวางด้วยพลังขีดจำกัด
ไม่สามารถส่งพลังออกมาจากร่างได้ง่ายๆ
ร่างสีทองขนาดยักษ์ข้างหน้าหดตัวลงอย่างต่อเนื่องและในที่สุดก็กลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิมของมังกรปีศาจ ไม่เทียบกับรูปลักษณ์เดิมของมังกรปีศาจนั้นจะใหญ่กว่าเล็กน้อยตัวหดเล็กลงเหลือสองเมตร
ร่างเทพยักษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้ามังกรปีศาจได้รับการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันแต่ร่างเทพยักษ์ที่หดขนาดลงยังคงสูงถึงแปดเมตร
เงาที่สูงตระหง่านเหมือนภูเขาสามารถคลุมทั้งมังกรปีศาจและเย่ว์หยางได้ บัลลังก์เทพที่อยู่ด้านหลังร่างเทพนี้ได้รวมตัวกันเป็นวงแหวนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าสี่เมตรมีดวงกลมของเทพสุริยาอยู่ตรงกลางและดวงกลมของเทพสี่ธาตุที่แตกต่างกันเป็นสีดำ แดง และน้ำเงินอยู่รอบๆแม้ว่าเขาจะไม่มีภาพลักษณ์ที่น่ากลัวอีกต่อไปแต่ก็มีพลังเทพมากมายซึ่งใช้ช่วยเหลือเจ้านายเหมือนอย่างที่เคยทำมาก่อน ตราบใดที่บัลลังก์เทพยังคงอยู่ได้โดยปราศจากการเสียหายหรือการทำลายล้างคนอื่นๆ ต้องล้มเลิกความคิดจะยึดครองได้
“เดิมทีก็เป็นอย่างนี้!” เย่ว์หยางลอบถอนหายใจมิน่าเล่าถึงมีคำพูดว่าภายใต้บัลลังก์เทพ ไม่มีคู่แข่งท้าทาย
ใครจะสู้กับศัตรูที่ได้รับพลังเทพสม่ำเสมอไม่เคยเหนื่อยและไม่ได้รับบาดเจ็บ? สู้กันตัวต่อตัวก็ไม่มีทางชนะ
ต้องการเอาชนะเกรงว่าจะต้องอาศัยการรุมล้อมสู้เป็นกลุ่มเท่านั้นโดยผลัดกันเข้าต่อสู้กับคนๆเดียว แต่ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้กับเทพที่มีบัลลังก์เทพในเวลานี้การเคลื่อนไหวที่ถูกต้องก็คือร่วมกันลงมือสู้
หมัดของยักษ์ต่อยใส่มังกรปีศาจจนกระเด็นจากนั้นกวักมือเรียกเย่ว์หยาง “ถ้าเราผู้เป็นเทพปลดปล่อยพลังเทพต่อสู้กับเจ้า ด้วยร่างเทพที่สมบูรณ์แบบแม้ว่าแค่ยกมือขึ้นก็ฆ่าเจ้าได้ในพริบตาก็ตามแต่เพื่อไม่ให้มีข้อครหาว่าเทพรังแกเด็ก มาเถอะตอนนี้เราผู้เป็นเทพปล่อยวางร่างเทพก่อนและจะสู้กับเจ้าในรูปลักษณ์ดั้งเดิมตราบเท่าที่เจ้ารับข้าได้ร้อยกระบวนท่าเราผู้เป็นเทพสัญญาว่าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอด!”
“ขอบคุณจริงๆ ผู้อาวุโส!”เย่ว์หยางเงื้อกระบี่สองเล่มกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวและแทงเข้าไปในดวงตาของยักษ์ราวกับสายฟ้า
“ระวัง” มังกรปีศาจไม่สบายใจ เขาตกใจตะโกนเตือน
ปราณกระบี่ทั้งสองสายแทงเข้าในตา
ยักษ์ตนนั้นยังมีสีหน้าเฉยเมย
ไม่มีร่องรอยเลือดไหลออกมาจากดวงตาที่ปิด ปราณกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวไม่ได้ใช้พลังออกมาทันทีราวกับว่าแทงเข้าไปในโลกที่ว่างเปล่าทำให้เย่ว์หยางรู้สึกแย่เป็นครั้งแรก
เขามองไม่เห็นบัลลังก์เทพที่ด้านหลังยักษ์นี้กระบี่ทั้งสองสายแทงใส่มุกเทพสีดำและมุกเทพใส
แม้ว่าปราณกระบี่จะแทงเข้าที่ดวงตา แต่ร่างยักษ์ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เย่ว์หยางรีบถอยกลับ
อย่างไรก็ตามสายเกินไป!
ในช่วงเวลาหนึ่งในหมื่นวินาทีเทพยักษ์โจมตีตอบโต้ทันทีแขนของเขาหายไป กำปั้นยักษ์สีทองที่เขาปล่อยออกกลายเป็นสะเก็ดดาวนับพันปกคลุมพื้นที่หลบหนีของเย่ว์หยางไว้หนาแน่น หมัดของเขาหนาแน่นถี่ยิบยิ่งกว่าเมล็ดฝนเข้าเป้าอย่างแม่นยำไม่มีพลาดแม้แต่หมัดเดียว
ปัง ปัง ปัง
เย่ว์หยางม้วนกลิ้งมากกว่าร้อยตลบในท้องฟ้าก่อนจะกระแทกเข้ากับม่านพลังป้องกันเส้นทางโบราณ
เลือดพุ่งจากปากเป็นทางยาวเหมือนสายรุ้งกระจายเต็มท้องฟ้า
เขารู้สึกว่ากระดูกทุกส่วนในร่างกายลั่นและกระทั่งปลายนิ้วยังมีภาพลวงตาว่าถูกหมัดฝ่ายตรงข้ามต่อยหักหัวใจของเขาที่พัฒนาเป็นหัวใจมังกรแท้ยังคงเต้นอยู่ เขาสงสัยว่าเขาถูกหมัดของฝ่ายตรงข้ามสังหารหรือไม่!
ด้วยความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเขารวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ในร่างกายน้อยพยายามใช้มือค้ำหัวเข่าทั้งสองข้างให้มากที่สุดเขากัดฟันและพยายามยืดตัว ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเย่ว์หยาง เขาไม่เคยรู้สึกว่าการยืนหยัดมันยากลำบากขนาดนี้! หัวใจและปอดทำงานเร็วสูบฉีดเลือดอย่างรวดเร็วเพื่อฟื้นฟูร่างกายที่บาดเจ็บอย่างสิ้นหวัง ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนี้เย่ว์หยางยังรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนเจ็บลึกถึงกระดูก ทำให้เขาอยากล้มตัวลงนอนสบายๆเพื่อคลายความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าไม่อยากตื่นลุกขึ้นมาอีกเลย
“ข้าคืออัจฉริยะไร้เทียมทานของหอทงเทียน ข้าคือจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ข้าคือความหวังของทุกคน ข้าสามารถทำได้!” เย่ว์หยางพยายามยืดตัวยืนตรงและใช้พลังทั้งหมดเงยหน้าขึ้น
เขาไม่เคยยอมแพ้!
ไม่ว่าจะเป็นศัตรูชนิดไหน จะโจมตีหนักหน่วงเพียงไรเขาจะไม่มีวันยอมแพ้! นี่คือคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ นี่คือเนื้อแท้ของเด็กหนุ่มข้ามมาจากโลกอื่น
แต่เมื่อสายตาของเย่ว์หยางกลับมาเห็นได้เขาไม่สามารถรวบรวมพลังโจมตีของตนได้
ที่อยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางเป็นบุรุษร่างโชกเลือดกางแขนเหมือนเทพอุปถัมถ์ขวางปกป้องอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยางบนตัวของเขามีรอยหมัดอย่างน้อยร้อยรอยหมัดกล้ามเนื้อและผิวร้อยแห่งยุบแตกเป็นรอยเลือดเขาเป็นคนที่เขาไม่ได้ยอมรับเป็นพี่ใหญ่ แต่มีคุณสมบัติพอเป็นพี่ใหญ่ มังกรปีศาจ! เขาก้าวออกมาข้างหน้าในท้ายที่สุดในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดเขาต้านรับและทนต่อการโจมตีเป็นพายุบุแคมให้เย่ว์หยางและทนรับพลังโจมตีส่วนใหญ่ไว้แทนเย่ว์หยาง
ถ้าไม่มีได้เทพอุปถัมถ์ผู้นี้อ้าแขนรับการโจมตีไว้ในฐานะพี่ใหญ่
คุณชายสามอาจไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก แม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานในหอทงเทียนก็ตาม!
“มองอะไร? ข้ายังไม่ตายเฟ้ย!” มังกรปีศาจพอใจกับท่าทางตอนนี้ของเย่ว์หยางมากเขาต้องการเยาะเย้ยเจ้าเด็กบ้านี่มากขนาดไหน? ข้าผู้เป็นพี่ใหญ่ทำได้ดีใช่ไหมเล่า? ต้องให้เจ้าสอนด้วยหรือ? ข้าเหมาะจะเป็นพี่ใหญ่มานานแล้วไม่มีใครเหมาะสมยิ่งกว่าข้าอีกแล้ว จริงๆแล้วข้าขึ้นชื่อเป็นอันดับหนึ่งในแดนสวรรค์ในเรื่องซื่อสัตย์น่าเสียดายที่ยักษ์เทพไม่ให้โอกาสเขาพูดต่อและเริ่มโจมตี
“เจ้าห้ามไม่ให้ข้าสู้ไม่ได้แน่ และเจ้าจะต้องมาสู้กับข้าสู้!” มังกรปีศาจไม่ปล่อยเย่ว์หยางไว้ด้านหลังเขารู้ว่าทันทีที่ผู้พิทักษ์แห่งเขากวงหมิงเริ่มโจมตี จะไม่มีที่ปลอดภัย เย่ว์หยางเพียงแต่หลบอยู่ด้านหลังเขาจึงรู้สึกวางใจ
“ตาย!” เย่ว์หยางในตอนนี้ตาแดงเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่บาดเจ็บใช้ปราณกระบี่พุ่งเข้าหายักษ์ทองเร็วยิ่งกว่ามังกรปีศาจ
“มุกส่องแสง?”ร่างยักษ์เหยียดมือและใช้นิ้วทั้งคีบจักปราณกระบี่ของเย่ว์หยางและเมื่อเย่ว์หยางหลุดออกมาจากการคีบจับได้เขาหมุนตัวเตะดาบจันทร์เสี้ยวใส่ร่างยักษ์ร่างยักษ์ปัดดาบกระเด็นและใช้นิ้วหัวแม่มือป้องกันหมัดหนักหน่วงของมังกรปีศาจได้
ร่างยักษ์ตวัดศอกกระแทกใส่ร่างมังกรปีศาจพุ่งออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
มืออีกข้างหนึ่งสะสมพลังเทพกลายเป็นพลังขวานผ่าได้ทั้งโลกและสวรรค์และสับไปที่เหนือศีรษะของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางรู้สึกถูกกักด้วยสำนึกเทพของฝ่ายตรงข้ามแม้ว่าเขาจะบินไปสุดขอบฟ้าหรือข้ามไปมิติอื่นก็ตามก็ยากจะหลบพ้นจากแรงฟันของร่างยักษ์นี้ได้เขาต้องเสี่ยงสู้ทุกอย่าง
เขาไม่ถอยและก้าวหน้าเป็นหนึ่งเดียวกับพลังชะตาจันทราซึ่งบินลอยอยู่เหนือท้องฟ้า
ตอบโต้ร่างเทพยักษ์อย่างหนักหน่วง
ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องดึงร่างของฝ่ายตรงข้ามลงไปด้วย นี่คือรูปแบบการใช้ชีวิตของเย่ว์หยางเย่ว์ไตตัน นี่คือนิสัยของเด็กหนุ่มข้ามมาจากโลกอื่น! ต้องการชีวิตข้าน่ะหรือ? ก็ได้ แต่เจ้าต้องเอาชีวิตมาแลก! ชะตาจันทราคือสิ่งอมตะ ต่อให้เทพและบัลลังก์เทพก็ไม่มีทางปฏิเสธได้ ถ้าเจ้าสามารถช่วยร่างยักษ์ได้เจ้าก็ไม่ต้องพ่ายแพ้สูญเสีย
“อ่อนหัด!” ร่างยักษ์ยิงลำแสงจากนัยน์ตาและลำแสงเปลี่ยนเป็นยักษ์สองตนจับดวงจันทร์ชะตาและใช้ขวานในมือสับฟันทันที
“แก, ข้ายังไม่ตาย!” ไม่รู้ว่ามังกรปีศาจกลับมาเมื่อไหร่แขนของเขากันไว้เหนือหัวเย่ว์หยางและจับคมขวานไว้แน่น
“ฮึ, หาที่ตาย!” ร่างเทพยักษ์เพิ่มพลังกดดัน
เขารู้สึกดีขึ้น
ขวานสามารถสังหารศัตรูได้สองคน มังกรปีศาจและเย่ว์ไตตันแก้ปัญหาศัตรูสองคนได้ในครั้งเดียว
ความจริงมังกรปีศาจไม่สามารถทนต่อพลังเทพที่น่ากลัวของยักษ์เทพนี้ได้ พลังเทพเดิมของเทพพิทักษ์เขากวงหมิงเดิมก็สูงมากกว่าเขาอยู่แล้วยิ่งเพิ่มบัลลังก์เทพไปด้วยมังกรปีศาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่พี่ใหญ่มังกรปีศาจนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพสูงสุดเพราะแต่ก่อนนี้สู้กับจักรพรรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมาก่อน... เขาอยากตะโกนบอกเย่ว์หยางให้หนีไป
เพียงแต่ภายใต้พลังกดดันของเทพยักษ์เขาไม่สามารถส่งเสียงได้
เขาได้แต่หวังว่าเย่ว์หยางเจ้าเด็กโง่ที่มีโอกาสโดดเด่นได้จะฉวยโอกาสหนีไปยิ่งไกลยิ่งดีเพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่เขาต่อสู้ได้มา
แต่เย่ว์หยางไม่หลบ
เขาเหมือนกับคนโง่ ไม่เพียงแต่ไม่หนีแต่ยังคงโจมตียักษ์เทพอย่างต่อเนื่อง
ถ้าเขาหนีก็ตายอยู่ดี ดังนั้นหนีไปก็ไร้ความหมาย! นอกจากนี้เด็กหนุ่มจากโลกอื่นจะทิ้งมังกรปีศาจหนีในเวลานี้ เขาทำไม่ได้! ปกติคุณชายสามตระกูลเย่ว์หยางอาจจะไม่ได้ดูดีมีคุณธรรมนักแต่ไม่ได้หมายความว่าในการต่อสู้เขาจะหดหัวหดหางเหมือนเต่าละทิ้งสหายหนีศัตรูเพื่อเอาชีวิตรอด!
“โง่บัดซบ?” มังกรปีศาจรวบรวมกำลัง ขวานกดลงที่หน้าผากเขาเล็กน้อย เขาเค้นเสียงรอดไรฟัน
“ข้าเอง” เย่ว์หยางตาแดงและเลือดไหลออกจากมุมตา
เขาพบว่าการโจมตีด้วยหมัดไร้ผลอย่างสิ้นเชิงเขาตวาดอย่างดุดัน
ใช้มือขวาทาบในแนวหัวใจ
และกรีดเลือดออกมา
เลือดเปลี่ยนเป็นดาบชีวิต นี่คือไม้ตายของจื้อจุนเมื่อมังกรปีศาจกำลังจะถูกผ่าครึ่งดาบแห่งชีวิตในมือเย่ว์หยางก็ระเบิดพลังออกมาเป็นร้อยเท่าพันเท่าทันที
ยักษ์เทพใช้นิ้วสองนิ้วคีบจับรับพลังดาบไว้แต่พลังดาบทะลุซอกนิ้วแทงลึกลงไปไม่หยุด
บัลลังก์เทพที่ด้านหลังหมุนอย่างรวดเร็วสร้างโล่เปลวเพลิงขึ้นมาขวางดาบแห่งชีวิตในเวลาเดียวกันประกายไฟฟ้านับไม่ถ้วนต่างไปรวมกันที่มือเย่ว์หยางพร้อมกับดาบชีวิตและรวมเข้าไปในหัวใจที่หลั่งเลือดของเย่ว์หยางในขณะนี้ เขาบอกได้ทันทีว่าดาบโลหิตของเจ้าเด็กนี่ได้รับการสนับสนุนอย่างสมบูรณ์จากเลือดในหัวใจ หากเลือดในหัวใจของเขาหยุดส่งพลังพลังของดาบโลหิตจะอ่อนแอลงอย่างมาก... เย่ว์หยางกัดฟันและเขาไม่มีการถอยถ้าถอยเมื่อใด เขากับมังกรปีศาจจะถูกขวานผ่าครึ่ง
ดาบแห่งชีวิตทะลุโล่เพลิงเข้าไปโดยไม่มีอะไรหยุดได้ในที่สุดก็แทบทะลุผิวยักษ์ได้สำเร็จ
แต่ไม่ใช่เป้าหมายดั้งเดิม
ไม่ใช่เป้าหมายที่หัวใจยักษ์
แต่เป็นฝ่ามือซ้ายของยักษ์เทพ
ขณะที่เย่ว์หยางโจมตีอย่างสิ้นหวังร่างยักษ์ก็รั้งมือกลับอย่างเยือกเย็นและใช้ฝ่ามือจับปราณกระบี่ชีวิตของเย่ว์หยาง
อีกด้านหนึ่งมังกรปีศาจที่หมุนตัวตามขวานเทพแต่ถูกยักษ์เตะกระเด็นไม่มีโอกาสตอบโต้ ยักษ์เทพป้องกันดาบแห่งชีวิตด้วยมือข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งถือขวานวิเศษมองลงมาที่เย่ว์หยางจากในกลางอากาศ “ตอนนี้เราผู้เป็นเทพเข้าใจวิธีการฝึกฝนของเจ้าแล้ว เจ้าใช้ชีวิตของเจ้าเพื่อต่อสู้ อายุยังน้อยแต่ใช้ความพยายามเต็มที่ในการเอาชนะศัตรูที่เหนือกว่าเจ้าได้หลายคนแต่น่าเสียดายที่เจ้าพบกับข้าเทพผู้มีบัลลังก์เทพไม่ว่าเจ้าจะมีพลังมากกว่านี้ร้อยเท่าก็ไร้ประโยชน์”
ขวานเทพในมือยักษ์ฟันลงอย่างรวดเร็ว
มังกรปีศาจบินมาทันพอดี
เขาฉุดมือเย่ว์หยางหลบได้
เลือดรอบเอวของเขาหลั่งไหลเหมือนน้ำตก
เย่ว์หยางอยู่ในกลางอากาศโจมตีอย่างบ้าคลั่งเขาเตะดวงจันทร์ชะตาให้โคจรมาอยู่ใต้เจตจำนงของเขาอีกครั้งและใช้พลังเทพฟันไปที่ลำคอของยักษ์
ยักษ์เทพยื่นมือสะบัดด้วยพลังเหนือธรรมดา
แต่ในขณะนั้นมังกรปีศาจเข้ามาสมทบได้ทันเขาพาเย่ว์หยางเปลี่ยนสภาพเป็นแสงหายเข้าไปในเส้นทางมิติโบราณ
ระหว่างนั้นเอง
เขาสามารถหลบไปได้ถึงพันไมล์
“ตาย!” ยักษ์แกว่งขวานในมือและกระโดดเงื้อขวานเต็มที่เหมือนรูปธนูโก่งและฟันไปข้างหน้า ต่อให้ถูกกันไว้ด้วยกฎสวรรค์โบราณแต่ก็ยังเกิดรอยแตกที่แทบมิอาจซ่อมแซมตัวเองได้ พลังคมขวามพุ่งไล่ตามหลังมังกรปีศาจที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ในมิติไร้ที่สิ้นสุด
การหลบหนีไม่มีความหมายอย่างสิ้นเชิงสำหรับเทพพิทักษ์แสงเทพจากบัลลังก์เทพผสานเข้ากับเส้นทางเดินโบราณ
ไม่มีระยะขวางกั้นในการโจมตีของเขา
ตราบเท่าที่สำนึกเทพไปถึงได้
จะไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคขัดขวาง!
*** *** ***