ตอนที่ 1343 ข้าคือลูกพี่!
เย่ว์หยางอยู่ที่ไหน?
จื้อไจ้เทียนบุรุษวัยกลางคนไม่เข้าใจ แม้แต่สหายที่เฝ้าดูและป้องกันคุณชายสามผู้ไร้ยางอายแต่ไม่ชัดเจนว่าเขาหนีไปได้อย่างไร เมื่อพวกเขาออกมาจากโลกมิติของพวกเขา พวกเขาพบว่าภูเขากวงหมิงยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ดูเหมือนว่าไม่เคยมีนักรบหอทงเทียนบุกรุกเข้ามาก่อนไม่มีมีเย่ว์ไตตัน
“หนีได้เร็วจริงๆ !” เทียนฉวงที่เร้นกายซ่อนอยู่รู้สึกไม่สบายใจการปล่อยให้เย่ว์หยางหนีไปได้ภายใต้การจับตามองของเขาเองต้องบอกว่าเป็นความล้มเหลว
“ข้ามีความรู้สึกว่าเย่ว์ไตตันผู้นี้ยังไปได้ไม่ไกล” ฮวนเล่อเทียนไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือเปล่าเขารู้สึกได้ว่าเย่ว์ไตตันยังอยู่ใกล้ๆ และไม่ได้หลบหนีไปอย่างที่ทุกคนคิด
“เหรอ?”จื้อไจ้เทียนก็รู้สึกอย่างนี้ในใจ แต่เขาไม่แน่ใจ เพราะทุกอย่างรอบตัวเงียบไม่มีอะไร
“แยกกันค้นหาดู!” คนที่ซ่อนตัวอยู่ในท้องฟ้าหงุดหงิดและรีบตัดสินใจก่อน
อย่างไรก็ตามรอให้ทั้งสามค้นหาดูทั่วเขากวงหมิง
ไม่มีใครหาร่องรอยเย่ว์หยางพบเจอ
แต่การชักนำให้เกิดความรู้สึกลวงตากล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆ
ฮวนเล่อเทียนไตร่ตรองอยู่นานและตัดสินทันที “บางทีอาจเป็นเทพพิทักษ์เขากวงหมิงที่เปิดทางเดินมิติโบราณ หลังจากเข้าไปแล้วเขาติดอยู่ในมิติไม่ไกลจากภูเขากวงหมิง ดังนั้นเราจึงมีภาพลวงตาเช่นนี้ ถ้าเป็นในกรณีนี้ อย่างนั้นทุกอย่างก็ปลอดภัย มีเทพพิทักษ์คอยช่วยปราบไม่ว่าจะเป็นเย่ว์ไตตันหรือคนอื่น มีผลเพียงประการเดียว นั่นคือถูกผนึกตลอดไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จื้อไจ้เทียนตัวสั่นเล็กน้อย “เป็นคำขอร้องของนายเราหรือ? เย่ว์ไตตันนี้ จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเทพพิทักษ์สำนักเพื่อให้กำจัดเขาหรือ?”
คนที่เร้นตัวอยู่ในท้องฟ้าหัวเราะลั่น“ไปดูกัน จะได้รู้กันให้แน่ไปเลย! ทางเข้าโบราณเราได้รับอนุญาตให้เข้าแล้ว! ต่อให้เทพพิทักษ์ไม่ลงมือแต่เราก็สามารถไปที่นั่นและขอร้องให้เขาจุติได้”
“ต้องให้ใครรั้งอยู่ไหม?”จื้อไจ้เทียนกังวล และเส้นทางโบราณเข้าไปได้ไม่ง่าย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะออกมาอย่างไร กล่าวกันว่าเส้นทางที่เก่าแก่ที่สุดสามารถตรงไปยังจัตุรัสเวลาของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพแห่งหอทงเทียน เป็นสถานที่ซึ่งมีเจตจำนงโบราณและกฎสวรรค์มากมายต่อให้เป็นเทพก็ยังต้องก้าวเดินด้วยความระมัดระวัง
“ไม่ต้องแล้ว พอเถอะ แค่มีคนผู้นั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับท่านเจ้าตำหนักสูงสุดเราก็พอ” เทียนฉวงปฏิเสธข้อเสนอของจื้อไจ้เทียน
“เข้าไปด้วยกันทั้งสามคนดีกว่าถ้าเราอยู่ทั้งสามเจอเหตุเปลี่ยนแปลง ก็จะรับมือได้ดีกว่า” ฮวนเล่อเทียนยังคงสนับสนุนสหายที่เร้นตัวมองไม่เห็น ภายใต้เสียงสนับสนุนสองต่อหนึ่ง จื้อไจ้เทียนได้แต่ประนีประนอมยอมตาม
เมื่อเข้าสู่เส้นทางโบราณพวกเขาเริ่มก้าวแรกกับการไล่ตามเย่ว์หยาง
อย่างนั้นเย่ว์หยางอยู่ในเส้นทางโบราณนี่หรือ?
นี่เป็นความจริง!
เมื่อหลบหนีออกมาจากโลกที่ว่างเปล่าเย่ว์หยางตัดสินใจออกจากกับดักในภูเขากวงหมิงที่มีเป็นจำนวนมาก เขาตัดสินใจยอมยกเลิกคนหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเทียนอี้ชั่วคราวก่อน
สิ่งที่เขาต้องการทำมากที่สุดคือกลับไปยังโลกคัมภีร์และจากนั้นฝันเพื่อเข้าไปพบกับเทพธิดากระบี่ฟ้าถามปัญหานางเกี่ยวกับบัลลังก์เทพ ถ้านางช่วยให้เขาได้รับสถานะบัลลังก์เทพอย่างนั้นเขาจะเรียนรู้วิธีใช้พลังของบัลลังก์เทพ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ให้นางช่วยสอนให้เขาพัฒนาจนได้บัลลังก์เทพเองมิฉะนั้นหากเขาไม่มีสิ่งนี้ และคิดจะท้าทายเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ซึ่งฝึกฝนมาอย่างยาวนานที่ภูเขากวงหมิงย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามพอเย่ว์หยางออกมา
การค้นพบเส้นทางโบราณที่พังทลายปรากฏอยู่ข้างหน้าเขา
เย่ว์หยางเดินผ่านช่องว่างแตกสลายและพบคนผู้หนึ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่เข้าโลกคัมภีร์ทันที
คนผู้นี้กำลังต่อสู้ ถ้าเย่ว์หยางเห็นคนผู้นี้สู้ตามปกติ อย่างนั้นเขาจะกลับเข้าไปพักในโลกคัมภีร์ทันทีและจากนั้นไปนอนพักผ่อนแล้วค่อยออกมา เพราะคนผู้นี้ไม่ใช่คนที่เขาต้องกังวลห่วงใยเลย ตรงกันข้ามเมื่อต้องต่อสู้กับคนผู้นี้ ผู้ที่ต้องกังวลมักจะเป็นศัตรูของเขา จะปล่อยให้เขาถูกเล่นงานอย่างหนักและทุกข์ทรมานหรือ?
เย่ว์หยางเพียงมองดูอีกเล็กน้อยก็พบข้อผิดปกติบางอย่างเพิ่ม
บุรุษที่กำลังต่อสู้มีร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟันรอยช้ำร่างโชกเลือดและเขาสามารถจัดการคู่ต่อสู้ของเขาได้ทั้งหมด เวลานี้เขากำลังดิ้นรนยืนหยัด เย่ว์หยางกังวลว่าถ้าเขาไม่ช่วย คนผู้นี้จะรอดได้ถึงสิบวินาทีหรือไม่...
“ไม่ต้องกลัว ข้ามาช่วยแล้ว!” เย่ว์หยางย่ำพื้นเหมือนกับม้าดีด เขาตะโกนและวิ่งเข้าไปในเส้นทางโบราณทันที
“เจ้าเด็กโง่!” การสนับสนุนของเขาไม่เพียงแต่คนที่ดิ้นรนต่อสู้ไม่ขอบคุณซาบซึ้งเท่านั้น แต่เขายังตวาดส่งเสียง “ปกติข้าเห็นว่าเจ้าฉลาดมากตอนนี้กลับโง่เป็นสุกรได้อย่างไร? อย่ามาขวางทาง ตอนนี้ผู้ใหญ่กำลังจะสู้กัน ไม่ใช่เรื่องของเด็กอย่างเจ้า! เจ้าเจ้าต้องการให้ข้าชื่นชมเจ้าว่าเป็นเด็กดีหรือ โง่ อัจฉริยะไร้สาระในรอบหมื่นปีหรือ?เจ้าไม่รู้หรือว่านี่เป็นกับดักที่ขุดเตรียมไว้ให้เจ้า?เส้นทางโบราณที่ไหนกันจะมาพังต่อหน้าเจ้า? เจ้าคิดว่าเป็นผู้กอบกู้โลกหรือ? เจ้าคิดว่าเข้ามาแล้วจะช่วยชีวิตข้าได้หรือ? เจ้าช่างไม่รู้อะไรเพราะไม่รู้อะไรถึงได้ทำอย่างนี้ เจ้าเด็กบ้า เจ้าจะวิ่งมาหาที่ตายหรือ?”
“ใช่แล้ว ข้าโง่จริงๆ!” เย่ว์หยางอ่อนน้อมถ่อมตนเขาค้อมศีรษะยอมรับคำตำหนิดุด่า
“ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าโง่แบบนี้ได้อย่างไร? กวนโมโหข้าจริงๆ!” คนผู้นี้มือไม่ว่างถ้ามือว่างเขาคงวิ่งมาตบหน้าเย่ว์หยางแล้ว
“เป็นเรื่องปกติที่คนโง่เหมือนกันมักจะรวมตัวเจอกัน!” เย่ว์หยางยิ้ม ยิ้มของเขาสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ เขายิ้มอย่างนี้ยังอยากจะทุบตัวเขาอีกหรือ?
“พระเจ้า! ข้าอยากจะกระอักเลือดคลั่งใจตายนัก ข้าลืมไปแล้วว่าใครทุบข้าตายแต่ทำไมต้องส่งเจ้าเด็กบัดซบนี่มายั่วโมโหก่อนข้าตายด้วย! ข้าทำอะไรผิด?ทำไมฟ้าต้องลงโทษข้าแบบนี้ด้วย” คนผู้นี้กระอักโลหิตจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะโกรธ เป็นเพราะคนอื่นทำร้าย
คนที่ลงมือทำร้ายเขามีความสูงอย่างน้อยสี่หมื่นเมตร
ไม่ว่าจะเป็นขนาดร่างเทพหรือความแข็งแกร่งสามารถบดขยี้คนดูให้เละได้
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเบื้องหลังร่างทองสูงสี่หมื่นเมตรมีบัลลังก์เทพอย่างน้อย 400 ที่เหมือนกับดาวเคราะห์น้อยบัลลังก์เทพนี้ทรงพลังมากมายแต่ยังสามารถพัฒนาพลังงานได้โดยอัตโนมัติเพื่อให้เจ้านายได้ใช้ ทั้งยังดูดซับพลังงานโดยรอบตัวทำให้ศัตรูของเจ้าของอ่อนแอลงและความผันผวนในสนามรบกับเจตจำนงโบราณของเส้นทางโบราณใช้ในการลงโทษและปราบปรามศัตรู
ภายใต้แสงทองของบัลลังก์เทพที่สง่างามนี้เย่ว์หยางรู้สึกว่าตนเองคล้ายแมลงสาบ
ไม่จำเป็นต้องเหยียดนิ้วออก
บางทีร่างสีทองนั้นอาจทำลายเย่ว์หยางได้แค่เพียงหายใจแรงๆ
เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางได้เห็นบัลลังก์เทพเขาลอบถอนหายใจ “นี่คือบัลลังก์เทพไม่ใช่หรือ?” นี่ของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้หรือเปล่า? ต้องใช่แน่!”
“เจ้าตาบอดหรือเปล่า?” คนผู้โวยวายมีรูขนาดใหญ่ที่หน้าอกพยายามต้านทานพลังโจมตีที่หนักหน่วงของศัตรูขณะหาโอกาสตะโกนบอกเย่ว์หยาง “เจ้าผู้นี้คือเทพพิทักษ์ของภูเขากวงหมิงเป็นผู้ดูแลคุกจองจำเทพแห่งกวงหมิง มีสถานะอยู่ครึ่งหนึ่งเป็นอาจารย์ของเทียนอี้เจ้าไม่สามารถแยกแยะระหว่างศิษย์และอาจารย์ได้ และบุกเขากวงหมิงอย่างโง่เขลาเจ้าจะให้คนอื่นหัวเราะเยาะจนฟันหักหรือ?”
“เฮ้?, เจ้าหมายความว่ายังไง คนพวกนี้ร้ายกาจมากกว่าเทียนอี้อย่างนั้นหรือ?” เย่ว์หยางมีสีหน้าตกใจ
“.....” ลูกพี่ผู้นี้พูดจบทำให้เสียสมาธิเขาไม่มีโอกาสล้มกับพื้น พยายยามฝืนต้านทานหมัดของศัตรูและหันไปตะโกนใส่หน้าเย่ว์หยาง “เจ้าโง่ ถ้าเจ้ามีความคิดอย่างนั้น เจ้าจะต้องตายแน่”
“ไม่เหรอ? เทียนอี้แข็งแกร่งมากกว่าพวกนี้หรือ?”เย่ว์หยางตกใจจริงๆ
“เทียนอี้ต่อยอกข้าจนทะลุข้ายังอยู่ได้นานขนาดนี้ เจ้าคิดว่ายังไง?” ผู้อ้างตนเป็นลูกพี่แค่นเสียง
“นี่ผิดหลักการทางวิทยาศาสตร์! ลูกศิษย์จะร้ายกาจกว่าอาจารย์ได้อย่างไร?” เย่ว์หยางยิ่งมึนงง แต่เดิมเขาคิดว่าเขาประมาณการเกินจริงใครจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าตำหนักสูงสุดจะน่ากลัวมากกว่าที่เขาคาดร้อยเท่า! ถ้าเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้แข็งแกร่งมากกว่าเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงที่มีความสูงสี่หมื่นเมตรซึ่งมีสถานะบัลลังก์เทพเขาคงพ่ายแพ้
“ใครเป็นคนกำหนดกันเล่าว่าลูกศิษย์ไม่อาจเหนือกว่าอาจารย์ได้? แม้ว่าข้าไม่ต้องการยอมรับแต่เทียนอี้เป็นอัจฉริยะแน่นอน ทั้งเป็นคนบ้าฝึกฝนอีกด้วยคลั่งไคล้การฝึกวิทยายุทธกว่าข้ามากมาย...เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ต่อยหน้าอกข้าจนทะลุได้บ้าง? แม้ว่าเขาจะลอบโจมตีและตอนนั้นข้าไม่ทันได้ตั้งตัว แต่นี่คือสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้!” เมื่อคนเป็นลูกพี่พูดทั้งที เขายังอดโอ้อวดตัวไม่ได้
“บัลลังก์เทพของท่านไปไหนเล่า,เอาออกมาสู้กับศัตรูก็ได้ ตอนนี้ท่านจะเก็บซ่อนไว้อีกทำไม?” เย่ว์หยางมองดูลูกพี่ขี้โม้ที่ถูกทุบตีกระหน่ำอย่างน่ากลัวจึงรีบเตือนเขา
“บัลลังก์เทพของข้าถูกเทพมังกรทองตัดการเชื่อมไปแล้ว! ไม่เช่นนั้นข้าไม่ถูกเรียกว่ามังกรปีศาจหรอก เว้นแต่ข้าจะมีสิ่งนี้” ผู้ที่อ้างตัวเป็นลูกพี่หลั่งเหงื่อ
“.....” คุณชายสามพูดไม่ออก
นี่เขาสร้างหายนะมามากเท่าใดแล้วก่อนจะถูกตัดบัลลังก์เทพออก?
เย่ว์หยางมองดูเทพพิทักษ์กวงหมิงและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้เห็นว่าก่อเรื่องแลวร้ายไว้มากและทำไมพวกเขาไม่ถูกตัดบัลลังก์เทพบ้าง มังกรปีศาจไปทำอะไรมาถึงได้ถูกตัดบัลลังก์เทพเจ้าหมดสิ้น นอกจากนี้ หากบัลลังก์เทพถูกตัดแล้วเขายังวิ่งไปมาในเส้นทางมิติโบราณได้อย่างไร? ทั้งมีผู้พิทักษ์และเทพอื่นๆตามรังแกอยู่ด้านหลัง? นี่ไม่ได้เป็นการละเมิดทำผิดจริงๆ หรือ?
เย่ว์หยางตัดสินใจไม่เห็นใจเจ้าผู้นี้ มังกรปีศาจผู้นี้ ต้องบอกว่าไม่ควรเห็นใจเพราะเชื้อความโชคร้ายอาจแพร่กระจายให้ผู้เห็นใจโชคร้ายไปด้วยก็ได้
ทันใดนั้นยักษ์ที่ทรมานมังกรปีศาจแทบตายก็หยุดโจมตี
เย่ว์หยางเดินดูการต่อสู้อยู่รอบนอก
มองขึ้นและมองลง
ดูเหมือนว่ามันจะให้ความสนใจกับมดตัวน้อย
ยักษ์ใหญ่พยักหน้าในที่สุด “ไม่เลว เจ้าเป็นอัจฉริยะจริงๆไม่มีอาจารย์คอยดูแลอยู่เบื้องหลัง และฝึกฝนด้วยความสามารถของตนเอง เจ้าสามารถฝึกฝนอยู่ในดินแดนตกต่ำอย่างหอทงเทียนได้ ถ้าเจ้าไม่มีชะตากรรมเป็นศัตรูกับเทียนอี้ อย่างนั้นเราผู้เป็นเทพอาจพิจารณายอมรับเจ้าเป็นศิษย์ก็ได้ เด็กน้อย เจ้ากล้าหาญมากถ้าเจ้าคิดว่าด้วยการสนับสนุนของปีศาจอสรพิษน้อยอย่างเฟ่ยเหวินหลีและมีลูกกิเลนน้อยคอยปกป้องเจ้าจะท้าทายชะตากรรมเจ้ากับภูเขากวงหมิงของเราเดี๋ยวนี้ได้หรือ?”
“ในชีวิตคนเราต้องทำอะไรให้น่าสนใจ” เย่ว์หยางยิ้มราวกับว่าเด็กเอาอั่งเปาฉลองตรุษจีนมาอวดทำนองว่า “ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร?”
“ความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดีแต่พลังคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกอย่าง” ใบหน้าของร่างยักษ์ไม่ได้โกรธหรือผิดหวัง “อย่าว่าแต่เจ้ายังเป็นเด็กเลยต่อให้เจ้าคือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ เขาก็ยังไม่มีพลังพอต้านฟ้าได้ เจ้าคิดว่าเขาไม่ต้องการพลิกชะตากรรมของเขาหรือ? อย่างไรก็ตามก่อนจะถูกขังอยู่ในเจดีย์ดำเขาหงุดหงิดกับบริวารของข้าก่อนจะเข้าไปในเจดีย์ดำความแข็งแกร่งของเขาก็ลดลง แม้ว่าเจ้าจะสามารถโน้มน้าวให้เขาอยู่ฝ่ายของเจ้าได้ แต่ก็ไม่สามารถหนีไปได้ด้วยการเคลื่อนไหวของบริวารข้า! การล่มสลายของหอทงเทียนทวีปมังกรทะยาน บันไดสวรรค์และแดนนรกปีศาจทั้งสามแห่งถูกกำหนดแล้วนักรบจะต้องตายไป นั่นเป็นความจำเป็นของโชคชะตา!”
“เจ้าหมายความว่าเราทุกคนกำลังรอความตายตายใช่ไหม?” เย่ว์หยางปรบมือและหัวเราะ “เป็นความคิดที่ดี เราจะรับไว้พิจารณา”
“เจ้าสามารถเลือกต่อต้านได้แต่ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต่อให้เจ้าปลุกมังกรปีศาจ ก็ไม่ส่งผลต่อกระบวนการเจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ตรงกันข้ามเพราะเจ้า มังกรปีศาจนักรบแดนสวรรค์ดั้งเดิมจะต้องตายไป!” ยักษ์ทองมองดูมังกรปีศาจที่ตอนนี้กำลังจะจบชีวิตเพราะเย่ว์หยาง
“ผู้ใหญ่รังแกเด็กพวกเจ้ากำลังพูดถึงหลักการอะไร? อยากให้ข้าหัวเราะตายหรือ?” มังกรปีศาจรู้สึกรำคาญมาก เขาต้องการต่อสู้ตามที่เขาต้องการโดยแสร้งทำเป็นว่าเขารักษาความยุติธรรม
“นั่นคือความจริง” ยักษ์ใหญ่ยื่นมือออกมาจับมังกรปีศาจ
“ไปเสียจากที่นี่ ถ้าเจ้าถือว่าข้าเป็นพี่ใหญ่อย่างนั้นต้องฟังข้า ออกไปจากที่นี่ก่อนที่เจ้าจะมั่นใจ อย่าเพิ่งลงมือทำอะไร คนอื่นเตรียมกับดักมากมายรอให้เจ้าบุ่มบ่ามตกลงไป” มังกรปีศาจรวบรวมพลังทั้งหมดโจมตีร่างเทพยักษ์โดยหวังว่าจะใช้โอกาสนี้ต่อสู้สร้างเส้นทางโลหิตให้เย่ว์หยางได้หนีไป
“พี่ใหญ่ผู้โง่เขลาข้ากระโดดเข้ามาแล้ว อย่าไล่ข้าอีกได้หรือเปล่า?” เย่ว์หยางไม่เคยเรียกมังกรปีศาจเป็นพี่ใหญ่แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามังกรปีศาจนี้มีคุณสมบัติจะเป็นพี่ใหญ่ได้
“ข้าจะบ้าตายอยู่แล้วเจ้ามันฉลาดหรือโง่กันแน่ ต้องการให้ข้าตายเปล่าที่นี่เพื่ออะไร? ไม่ ชีวิตของข้าจะสูญเปล่าแบบนี้ไม่ได้เจ้าต้องทำให้การตายของข้ามีความหมาย ไปซะเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีจากไปอย่าปล่อยให้ข้าต้องตายอย่างไร้ค่า! ข้าไม่อาจทนได้อีกต่อไป เจ้าต้องมองคนอื่นทุบตีข้าให้ตายก่อนเจ้าจึงจะยอมใช่ไหม?” มังกรปีศาจถูกหมัดยักษ์ล้มลงกระอักโลหิตราวกับน้ำตก บาดแผลของเขานับไม่ถ้วนแทบไม่มีผิวหนังที่สมบูรณ์
“แน่นอนข้าจะไม่ยอมเห็นเจ้าถูกฆ่าตายทั้งเป็นแน่!” เย่ว์หยางยิ้มและเริ่มยกระดับพลังเทพราวกับภูเขาไฟปะทุ “ข้าอยากจะบอกว่าเจ้าทำหน้าที่พี่ใหญ่ได้ห่วยมากข้าจะสอนให้ดูว่าเขาทำกันยังไง!”
“ข้าเป็นพี่ใหญ่แล้วไม่ใช่หรือ? เด็กน้อย เจ้าจะแย่งตำแหน่งพี่ใหญ่ไม่มีทาง” มังกรปีศาจลุกขึ้น
“ต้องเทียบดูถึงจะรู้”เย่ว์หยางพูดไม่ทันจบ มังกรปีศาจก็ตอบโต้ยักษ์ทองอย่างบ้าคลั่งพี่ใหญ่ที่ดูสิ้นหวังหมดแรงกลับทำให้ร่างเทพยักษ์ต้องป้องกันตัวเองเป็นครั้งแรก
*** *** ***