ตอนที่ 1341 ไม้ใหญ่และศิลา
ขณะที่จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อคิดว่าเรื่องต่างๆเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จื้อจุนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
ด้วยเจตจำนงราชันย์สูงสุดไม่มีอะไรควบคุมนางได้
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อกัดฟันขณะที่เขาจะพูดและสัญญาเงื่อนไขที่โน้มน้าวใจจื้อจุน แต่จื้อจุนโบกมือกล่าวอย่างจริงจัง “ไม่ว่าท่านจะพูดยังไงก็ตาม ข้าจะไม่เห็นด้วยเพราะข้าก็คือข้า ข้าจะไม่เปลี่ยนความตั้งใจโดยบุรุษคนเดียว นี่คือข้า! อย่างไรก็ตามข้ามีความปรารถนาของข้าเองตั้งใจจะลงมือเอง ไม่ใช่เพราะท่าน แต่เป็นเพราะเพื่อผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ที่นี่มาเป็นเวลาหมื่นๆ ปี”
“ตราบเท่าที่เจ้าช่วยขึ้นมาค้ำฟ้าแทนข้าบนเทพบรรพตไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตามข้าจะช่วยให้เจ้าสำเร็จสถานะบัลลังก์เทพ!” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อดีใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของนางเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจื้อจุนชาวมนุษย์ที่มีฝีมือร้ายกาจจิตใจเย็นชาไม่เปลี่ยนใจทั้งยังอาสาช่วย
“ไม่จำเป็น”จื้อจุนปฏิเสธความปรารถนาดีของจิ๋วซื่อ “ข้าคงจะไม่ยอมรับบุรุษที่จะช่วยให้ข้าได้บัลลังก์เทพ และก่อนหน้านี้นานแล้วข้าได้คนที่บอกความลับบัลลังก์เทพให้กับข้าที่บันไดสวรรค์ขั้นที่หนึ่งล้านของโลกพฤกษาทั้งคนผู้นั้นยังทิ้งวิธีการฝึกฝนพัฒนาจนได้บัลลังก์เทพด้วยตัวเองได้”
“ว่าไงนะ?” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อตกใจนี่เป็นไปได้อย่างไร พัฒนาไปสู่สถานะบัลลังก์เทพด้วยตนเอง!
พัฒนาไปสู่สถานะบัลลังก์เทพจะต้องมีเงื่อนไขมากมาย
ซับซ้อนมาก
ระดับของความยากไม่ใช่สิ่งที่อัจฉริยะทุกคนจะสอนตัวเองกันได้!
สาวน้อยที่อยู่ต่อหน้าคนนี้จื้อจุนชาวมนุษย์จะทำได้อย่างไร? และใครที่อยู่ในโลกพฤกษาบันไดสวรรค์ขั้นที่ล้านบอกความลับและวิธีเข้าถึงบัลลังก์เทพแก่นาง?
จื้อจุนไม่ได้มองดูสีหน้าของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อนางค่อยๆ ทะยานบินผ่านชั้นเมฆขาวจนกระทั่งถึงยอดเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ต่อหน้าเทพธิดาบุปผาร่างสูงพันเมตรที่กลายเป็นศิลาเนื้อเดียวกับเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์นางคารวะและกล่าวทักทาย “แม้ว่าข้าไม่สามารถสัญญาได้ว่าจะทำหน้าที่แทนผู้อาวุโสผู้ปกป้องเทพบรรพตได้ แต่ข้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ของผู้อาวุโส”
“ค้ำฟ้าได้เลยข้าไม่สามารถรอคอยได้แล้ว ข้าอยากดื่มเลือดเจ้าพวกกระหายเลือดพวกนั้น!” ความต้องการในการต่อสู้ของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อปะทุขึ้นเป็นล้านเท่า
“ไม่ใช่ท่านสงครามเทพระหว่างหอทงเทียนและภูเขากวงหมิงตอนนี้อยู่ในความรับผิดชอบของรุ่นเรา”จื้อจุนมีความเห็นที่แตกต่าง
“สาวน้อย! เจ้าอย่าดื้อรั้นถือทิฐิเลย เจ้าควรจะให้คนตัวโตช่วยเจ้า!” เทพธิดาบุปผารีบปรามนาง
พลังที่จื้อจุนมีในปัจจุบันนี้
เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาไปเทียบกับเทพฝ่ายตรงข้ามกับแกนสมดุลโลกซึ่งก็คือเทพชั่วร้าย
ก็อย่างที่นางบอกนางจะยกระดับเป็นที่เทพที่มีสถานะบัลลังก์เทพในไม่ช้าเป็นไปได้ยังไงที่จะต่อต้านเทพแท้? และจำนวนของเทพชั่วร้ายของฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ว่าพลังของเด็กรุ่นหลังจะสู้ได้... ต่อให้สลับกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อก็ยังไม่มั่นใจจะจัดการรบกับฝ่ายตรงข้ามได้
จื้อจุนส่ายศีรษะเบาๆ
นางยืนยันเจตจำนงของนาง
เมื่อจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและเทพธิดาบุปผามองดูนางด้วยความประหลาดใจมุมปากของนางเหมือนกับมีรอยยิ้ม
“ข้าข้าจะไม่ตาย เพราะข้าสัญญากับท่านแม่และท่านป้าไว้ว่าจะต้องเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของโลกให้ได้ ก่อนนั้นไม่ว่าอะไร หรือใครก็ตามก็ขวางข้าไม่ได้” จื้อจุนพูดจบก็บินลงเขาไปทันที
นางเปลี่ยนเป็นแสงสีรุ้งและบินตรงไปยังฝั่งตรงข้ามของภูเขา
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อขึ้นมาถึงบนยอดเขาและมองดูเทพธิดาบุปผาที่กลายเป็นศิลาด้วยสายตาอ่อนโยน เขาเหยียดมือเหมือนกับต้องการจะลูบเส้นผมนางแต่แล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นช้าๆในท่าค้ำฟ้าเหนือยอดเขาจากนั้นระเบิดพลังเทพค้ำยันอยู่เหนือเทพบรรพตอย่างตั้งใจด้วยเจตจำนงของเขา ประกายเทพและพลังกฎสวรรค์ เขาทำลายแกนสมดุลโลกและเปิดกฎสวรรค์สงครามเทพอีกหลายครั้ง
ขนตางอนยาวของร่างศิลาของเทพธิดาบุปผาสั่นนางลืมตาที่ว่างเปล่าเงยหน้ามองจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่ยกโลกทั้งใบขึ้นเหนือศีรษะและน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “นางตั้งใจทำแน่ แม่เด็กสาวคนนั้น...”
“ข้ารู้”จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อกล่าวอย่างไม่แยแส
“นางต้องมีความสามารถพิเศษ นางได้เห็นความปรารถนาของหัวใจเจ้าที่ร่ำร้องหาความตาย ดังนั้นนางจึงปฏิเสธคำขอของเจ้า แม้ว่ามองผิวเผินนางจะเย็นชาก็ตามแต่นางก็ไม่ได้ผลักไสไล่ส่งเหมือนอย่างที่มองเห็นผิวเผิน” ทันใดนั้นดวงตาที่มืดบอดของเทพบุปผาแสดงความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณนางเหยียดแขนเรียวยาวก่อนจะเชิดศีรษะ จากนั้นโค้งคำนับจรดอก “แม้ว่าจะช่วยเทพบรรพตได้สักพักแต่ข้าก็พอใจมากแล้ว ไม่ใช่เจ้าเท่านั้นที่ทึ่ม แต่ยังมีเด็กหญิงผู้แสนดีและเข้าใจคนอื่นด้วยเช่นกัน!”
“ตอนนี้เด็กรุ่นหลังของหอทงเทียนน่าสนใจมากทีเดียวไม่เพียงแต่จื้อจุนชาวมนุษย์ผู้เยือกเย็นผู้นี้เท่านั้น แต่ยังมีเจ้าเด็กดื้อแสนห้าวระห่ำอีกคนหนึ่ง อายุยังเยาว์วัยแท้ๆแต่กล้าบุกไปที่ภูเขากวงหมิงเพื่อท้าทายเทียนอี้ ข้าไม่รู้จะว่ายังไงดี!” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อพยักหน้า
“ฮะฮะค่อนข้างจะคล้ายตัวโง่งมเจ้าที่เคยบุกอาละวาดบนแดนสวรรค์บนมาแล้ว” เทพธิดาบุปผายิ้ม
“ข้าแตกต่างจากเขาข้าดีกว่าเจ้าเด็กนั่นมาก จักรพรรดิไร้เทียมทานรีบปฏิเสธ
“แน่นอนว่าตอนนี้เจ้าดีกว่าเขามาก แต่ในอดีตบางทีเจ้าอาจไม่ได้สักหนึ่งในสิบ” เทพธิดาบุปผาปิดปากหัวเราะ
“ข้าแข็งแกร่งมากกว่าเขาอยู่แล้ว...ขอโทษนะ ข้าพูดว่าข้าต้องการพาเจ้าออกไป อย่างไรก็ตามจนถึงเดี๋ยวนี้ข้ายังทำตามสัญญาไม่ได้” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อพูดขอโทษเบาๆ
“ไม่เป็นไร”เทพธิดาบุปผาโบกมือเบาๆ “เจ้าก็รู้ว่าข้าตายไปแล้ว ร่างหยาบก็ไม่มี ประกายเทพไม่มีวิญญาณของข้าถูกสาปและจะสลายไปในห้วงนิทรา มีแต่ปณิธานผู้พิทักษ์เทพบรรพตที่ยังคงอยู่ร่างศิลาเทพยังคงอยู่เพื่อรับผิดชอบในหน้าที่ ข้าไม่ใช่ตัวข้าคนเดิมอีกแล้ว ตัวโง่งม,ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้าต้องการพูด แต่นั่นไม่สำคัญ มันไม่สำคัญจริงๆ ที่ภูเขากวงหมิง นักรบผู้บ้าคลั่งอย่างเทียนอี้มีพลังน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ? เจ้ามีความมั่นใจมาตลอดทำไมเจ้าถึงเต็มใจแสวงหาความตาย?”
“ไม่ไม่ใช่เทียนอี้!” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อยิ้ม
เขาหัวเราะพลางเปล่งรัศมีสุริยันต์จันทรา
ลำแสงสีทองถูกปลดปล่อยออกมา
หน้าของเทพธิดาบุปผาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางถาม “ไม่ใช่เทียนอี้?”
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อหัวเราะ หลังจากผ่านไปนาน เขาส่ายหัวช้าๆ และกล่าว “ไม่ใช่เทียนอี้! ข้าถามชายชราลึกลับในแดนสวรรค์และเขาบอกว่าถ้าข้ายังคงสู้ต่อไปข้าจะต้องตายด้วยน้ำมือคนอื่นไม่ใช่เทียนอี้!”
“ใครกัน?” เทพธิดาบุปผาแทบไม่อยากเชื่อว่านอกจากเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ยังมีใครที่สามารถฆ่าบุรุษที่อยู่ข้างๆ นางและสามารถแบกโลกได้ทั้งใบได้
“ข้าไม่รู้อาจเป็นคนผู้นั้น” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อยิ้ม “ต้นกล้าเล็กๆ แตกหน่อและต้องการเติบโตเป็นต้นใหญ่ไม่สามารถบังแดดได้มิฉะนั้นกฎธรรมชาติจะทำลายตัวต้นไม้ใหญ่แน่นอน ทำให้กิ่งก้านและใบเหี่ยวเฉา ในที่สุดก็ตกลงที่โคนต้นอ่อนกลายเป็นปุ๋ยให้มันได้เติบโตเป็นธรรมดา! ต้นไม้มีอายุยืนยาวเพียงพอแล้ว ถึงเวลาคืนสู่ธรรมชาติ!”
“ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย?” เทพธิดาบุปผาถาม
“ในปีนั้นข้าเติบโตโดยอาศัยปุ๋ยจากต้นไม้ใหญ่ที่ล้มตาย ทำให้ข้าเติบโตขึ้นโดยไม่มีอะไรต้องเสียใจ มีเหตุผลใดที่ข้าต้องเสียใจ?” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อหัวเราะ
“ถ้าเจ้าชดใช้ความผิดอยู่ในเจดีย์ดำเจ้าจะไม่มีชะตากรรมอย่างในวันนี้”เทพธิดาบุปผาถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้านี่เป็นความปรารถนาส่วนตัวของข้า ถ้าข้าซ่อนตัวอยู่ในเจดีย์ดำ ข้าก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้แต่มันไร้ความหมาย ชีวิตมนุษย์มีอะไรให้ทำเสมอเพื่อไม่ให้สูญเปล่าโดยที่อยู่มาเป็นเวลาหมื่นๆปี? ยิ่งไปกว่านั้นต้นกล้าเล็กๆนั้นอาจจะเป็นพฤกษาโลกซึ่งเติบโตขึ้นมาเป็นพิเศษ ข้าไม่รู้ว่ามีต้นไม้ใหญ่สักกี่ต้นเต็มใจให้อาหารสำหรับมัน แต่สำหรับข้า ข้าต้องการให้ทั้งที่อาจไม่มีคุณสมบัตินั้น!” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อชูมือค้ำฟ้าใบหน้าของเขาหันไปมองทางเทพธิดาบุปผาอย่างอ่อนโยน
“ศิลาคู่ชีวิต?ดี ข้าชอบโชคชะตาแบบนี้มาก!” เทพธิดาบุปผาพยักหน้าเบาๆ “น่าเสียดายที่ข้าทำอะไรไม่ได้ข้าอยากกลับไปดูบันไดสวรรค์และไปที่หุบเขาแห่งชีวิตที่อบอุ่น พฤกษาโลกที่ให้การรู้แจ้งแก่ข้ามานับไม่ถ้วน..”
“บางทีอีกไม่นานอาจจะมีต้นกล้าเล็กๆที่กำลังกินสารอาหารจากพฤกษาโลก ในเวลานั้นเมื่อเจ้าได้เห็นก็เท่ากับได้เห็นบ้านของเจ้ารอบๆ ต้นอ่อน รอบๆ ต้นอ่อนจะมีดอกไม้บานสะพรั่งมากมายนั่นจะไม่เหมือนกับในสวนบ้านของเจ้าในตอนนั้นหรือ?” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นสบายใจ
“แต่นี่คือแกนสมดุลโลกที่อยู่เบื้องหลังประตูเทพ!” เทพธิดาบุปผาเมื่อได้ยินไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลง
“ตามโชคชะตาของเราก็คงจะเป็นเช่นนั้น” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อยิ้ม
“ใช่แล้วรากของพฤกษาโลกสามารถชอนไชไปทั่วโลกได้ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ใดก็ตาม!” เทพธิดาบุปผายิ้ม หลังจากผ่านไปนาน นางหยุดหัวเราะดวงตาที่ว่างเปล่าของนางมองไปที่จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ “เจ้าตั้งใจทำเช่นนั้นจริงๆ หรือ?”
“ต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถเปลี่ยนชะตาของศิลาได้ ดังนั้นปล่อยให้ต้นกล้าอีกต้นได้เติบโตเร็วๆและให้เติบโตไปเป็นต้นพฤกษาโลก นั่นไม่ดีหรอกหรือ?”
“ก็ดี แต่ต้นกล้าอาจไม่รู้ว่าต้นไม้ใหญ่เคยแบ่งปันแสงแดดให้พวกเขา...”
“ไม่เป็นไรตราบใดที่ต้นไม้ใหญ่ยังอยู่กับศิลา”
แกนสมดุลโลกแบ่งออกเป็นสองขั้ว
ข้างหนึ่งเป็นเทพบรรพตสถานที่ซึ่งมีรายละเอียดชีวิตที่งดงามและหาที่เปรียบไม่ได้
อีกข้างหนึ่งเป็นทะเลมรณะดินแดนแห่งการทำลายล้าง ที่มีแต่ความตายไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆในดินแดนที่ต่ำกว่าจะดำรงอยู่ได้ที่นี่ เว้นแต่เทพเจ้าที่อยู่เหนือโลกมนุษย์และเอาชนะแก่นแท้ของชีวิตก็สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้
ในตอนกลางของเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์และทะเลมรณะมีหุบเขาเทียนผิงขนาดใหญ่มหึมาที่มนุษย์ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
มันใช้กางกั้นความขัดแย้งระหว่างทั้งสองด้าน
หุบเขาเทียนผิง
มีสะพานสายหนึ่ง
มีลักษณะเหมือนคันโยกอยู่ตรงกลาง
ไม่รู้ว่ามีความกว้างและยาวกี่ไมล์แต่ว่าคงเป็นร้อยไมล์ขึ้นไป
จื้อจุนบินลงมาบนสะพานและพบว่าเหวที่อยู่ข้างใต้นั้นเหมือนคุกไม่มีก้นและลมหนาวที่นี่ราวกับใบมีดที่ทำให้เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์กาย
“หือ?”สิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงที่สุดคือไม่ใช่ว่ามีคนรอนางอยู่ตรงกลางสะพานแต่เป็นคนที่นางเหมือนจะรู้จัก
****** ***