ตอนที่ 1340 แกนสมดุลโลกผู้ปกป้องเทพบรรพต
“แล้วท่านเล่าเป็นใคร?” จื้อจุนเงยหน้ามองผ่านม่านเมฆสีขาวไปยังตำแหน่งของบุคคลบนยอดเขานั้น
“ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าข้าเป็นใครข้าหลับอยู่ที่นี่มาอย่างยาวนานเหลือเกิน.. สาวน้อย! ในร่างของเจ้ามีกลิ่นอายที่ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นบางทีเจ้ากับข้าอาจมาจากที่เดียวกันก็ได้บันไดสวรรค์ในปัจจุบันยังคงสดใสเหมือนเดิมด้วยบุปผาชาติเบ่งบานเสียงสกุณาร่ำร้องไพเราะกลิ่นบุปผานานาพันธุ์หอมจรุงชื่นใจเหมือนเดิมหรือไม่? ข้าคิดถึงมากจริงๆยังจำได้ว่าในตอนนั้นข้าชอบไปวิ่งเล่นในทุ่งดอกไม้กับน้องสาวของข้า ตอนนั้นแม้แต่สายลมที่พัดผ่านในท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะรื่นเริง..”
“ข้าไม่รู้ว่าบันไดสวรรค์ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร แต่บันไดสวรรค์ในปัจจุบันนี้เท่าที่ข้าจำได้กลายเป็นโลกที่แห้งแล้ง ท้องฟ้าแตกสลายแผ่นดินแตกแยก ทะเลสาบเหือดแห้งหายไป” จื้อจุนส่ายหน้า แม้ว่านางทนไม่ได้ที่จะบอกผลลัพธ์ให้อีกฝ่ายหนึ่งแต่ความจริงก็คือความจริง
“จริงหรือ? บันไดสวรรค์ที่งดงามที่สุด ถูกทำลายจากสงครามเชียวหรือ?” น้ำเสียงที่ดังลอดเมฆขาวเศร้าสลดและถอนหายใจอยู่นาน
“ผู้อาวุโสจิ๋วซื่อไม่ได้บอกท่านหรือว่าหอทงเทียนตกต่ำลงไม่สามารถฟื้นฟูสู่ความรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้?” จื้อจุนมองดูจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่ออย่างประหลาดใจ จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่ยอมรับไม่ปฏิเสธ
“เขามาที่นี่ส่วนใหญ่จะอยู่เป็นเพื่อนข้า และส่วนใหญ่เขาเป็นฝ่ายฟังข้า..” เสียงจากม่านเมฆอ่อนโยนเป็นพิเศษเมื่อเอ่ยถึงจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ
“ที่นี่คือที่ไหน”จื้อจุนสงสัยมาก ทำไมตัวนางถึงไม่รู้ว่ามีประตูเทพนี้อยู่ และมีโลกเบื้องหลังประตู? แม้ว่านางจะไม่รู้ แต่ทำไมนางไม่เคยได้ยินผู้คนเอ่ยถึงท่านเย่เมิ่งที่นอนเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพทำไมไม่เคยพูดถึง นี่คือสถานที่ลับที่หายสาบสูญไปพันๆ ปีหรือ?
“ที่นี่คือโลกแกนสมดุลโลก”จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่ได้หันกลับไปมองสายตาของเขาจับจ้องอยู่แต่ที่ภูเขาเทพเท่านั้น แต่ปากของเขาตอบจื้อจุนคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ
“โลกแกนสมดุล?
นี่เป็นครั้งแรกที่จื้อจุนได้ยินชื่อโลกแกนสมดุล
ในหอทงเทียนในบันไดสวรรค์ไม่เคยมีตำนานเรื่องเล่าแกนสมดุลโลก เกิดอะไรขึ้น?
เป็นไปได้ไหมที่แกนสมดุลโลกนี้เป็นเพียงมุมหนึ่งของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ? มิฉะนั้นคนภายนอกจะไม่เคยรู้เรื่องได้อย่างไร?
จักรพรรดิไร้เทียมทานเงียบไปชั่วครู่ ดูเหมือนว่าเขากำลังนึกหาคำพูดที่เหมาะสมเขาพูดช้าๆ “ที่นี่คือดินแดนที่ถูกผนึกไว้ เป็นดินแดนเทพที่ถูกผนึก ข้าไม่รู้ว่าเริ่มมาตั้งแต่เวลาใดบางทีอาจเป็นยุคโบราณดึกดำบรรพ์ ที่นี่แกนสมดุลโลก พวกเทพทั้งหมดของหอทงเทียนและแดนสวรรค์จะถูกผนึกอยู่ที่นี่โดยมหาเทพ ถูกขังอยู่ในประตูโดยไม่มีโอกาสออกไปข้างนอก!”
จื้อจุนพูดไม่ออกนางตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ดินแดนที่เทพผนึกไว้?เทพที่ก่อความผิดร้ายแรงไม่ได้ถูกผนึกไว้ในผนึกอมฤตหรือ? ทำไมต้องทำประตูพิเศษเพื่อกักขังเทพไว้?
อาจเป็นเพราะเห็นจื้อจุนงงงวยสงสัยเจ้าของเสียงที่อยู่ในม่านเมฆหัวเราะเบาๆ พลางอธิบาย “สาวน้อย! เจ้าอาจยังไม่รู้ผนึกเทพแบ่งเป็นสองชนิดหนึ่งนั้นคือผนึกอมฤตส่วนใหญ่ใช้กับเทพที่ยังไม่ได้รับสถานะบัลลังก์เทพ แต่ทันทีที่ได้เป็นเทพครอบครองกฎสวรรค์เป็นของตนเองกลายเป็นนักสู้ที่มีสถานะบัลลังก์เทพอย่างนั้นผนึกอมฤตจะไม่มีประโยชน์เท่าใด ดังนั้นจึงต้องมีสถานที่พิเศษอย่างประตูเทพแห่งแกนสมดุลโลกไว้รับดูแลเทพชั่วร้ายที่ไม่สามารถผนึกได้อย่างเด็ดขาด”
จื้อจุนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เกิดประกายความรู้ถึงความแตกต่างระหว่างผนึกที่ใช้กับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ
ที่ใช้กับนางพญาเฟ่ยเหวินผู้พิชิตก็คือผนึกอมฤต
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อถูกผนึกในเจดีย์ดำ
จากตรงนี้ปรากฏว่าความผิดของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อดูเหมือนจะน้อยกว่า ในทางตรงกันข้ามเพราะความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ พลังที่แข็งแกร่งาของเขามีมากจนไม่สามารถจำกัดด้วยผนึกอมฤตต่อไป มีแต่ต้องกักขังไว้ในเจดีย์ดำเท่านั้น
แต่ผู้อาวุโสบนเทพบรรพตนี้ดูเหมือนไม่ใช่คนชั่ว
ทำไมถึงถูกผนึกไว้ในแกนสมดุลโลก?
มีอะไรผิดปกติ
หรือว่ามีความรู้สึกอื่นซ่อนไว้?
จื้อจุนคิดเรื่องนี้อยู่ในใจและอดถามด้วยความสงสัยมิได้ “อย่างนั้นผู้อาวุโสทำไมท่านถึงอยู่ในโลกใบนี้ได้
ราวกับเห็นความคิดของจื้อจุนเสียงนั้นดังลอดผ่านม่านเมฆขาวพร้อมกับหัวเราะ “ข้าไม่ได้ถูกผนึก ตรงกันข้าม ข้าสมัครใจนอนอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่คือโลกแกนสมดุลโลก!”
“แกนสมดุลโลกไม่เพียงถูกผนึกไม่เพียงแต่ผนึกนักสู้หอทงเทียนที่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงแดนสวรรค์ แดนสวรรค์บนและภูเขากวงหมิง นักสู้หลายคนหลังจากบำเพ็ญตบะนานเป็นเวลาหลายปีหลังจากได้ชำระจิตใจแล้ว ประตูเทพจะไม่ใช้กักพวกเขาอีกต่อไปพวกเขาจะถูกปล่อยและจากไปทีละคน แต่บางคนที่อยู่ที่นี่ก็ดื้อรั้นหัวแข็ง พวกเขาไม่เต็มใจจะตรวจสอบตัวเอง ไม่เต็มใจยอมบำเพ็ญตบะ แต่พวกเขาถือโอกาสมารวมตัวกันที่แกนสมดุลโลกแห่งนี้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดและทำชั่วต่อไป พวกเขาต่อสู้กันเองอย่างมีความสุขยิ่งกว่าอยู่ข้างนอกเสียอีก” เสียงจากม่านเมฆยังคงหัวเราะเบาๆ “ผู้อาวุโสหอทงเทียนหลายคนเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ผู้แข็งแกร่งบางคนที่ได้รับอิสระและจากไปพวกเขาทั้งหมดอยู่ต่อด้วยความสมัครใจเพื่อพิทักษ์รักษาเทพบรรพตแห่งนี้ต่อเพื่อรักษาแกนสมดุลโลกมิให้เสียสมดุลต่อไป”
“พวกบรรพบุรุษไม่ต้องการจะต่อสู้เพียงแต่เปลี่ยนภูเขาเทพให้เป็นที่นิทราหลับใหลตลอดกาลแต่อนุชนรุ่นหลังของบันไดสวรรค์ต่อๆ มาเป็นผู้พิทักษ์เทพบรรพตและมีอยู่คนหนึ่งคือน้องสาวของข้า เพราะพบกับอุบัติเหตุบางอย่างนางโชคร้ายเสียชีวิต ข้าผู้เป็นพี่สาวนางยินดีเติมเต็มความปรารถนาของนางด้วยความเต็มใจ..”
คนรุ่นหลังของบันไดสวรรค์ต้องมาคอยเป็นผู้พิทักษ์บรรพตเทพหรือไม่?
จื้อจุนอดคิดไม่ได้
จุดตรงนี้ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แม้แต่น้อย จากมุมมองนี้การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจะต้องเกิดขึ้นตรงกลางครันทำให้มรดกที่สำคัญเช่นนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ บางทีผู้อาวุโสที่เป็นผู้พิทักษ์บรรพตเทพเมื่อหมื่นปีก่อนนั้นเช่นเดียวกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่อยู่คนเดียวอยู่ก่อนแล้วเบื้องหลังบันไดสวรรค์ การพิทักษ์บรรพตเทพ จะต้องมีความผิดปกติในมรดกนี้ถึงไม่มีใครรู้เรื่องและไม่มีผู้พิทักษ์บรรพตคนที่สองมารับตำแหน่งผู้พิทักษ์เทพบรรพตต่อจากนาง...
ต้องเป็นเรื่องลำบากมากกับการปกป้องรักษาอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี
บางที
อาจลำบากยิ่งกว่าการฝึกฝนอย่างเดียวดายในบันไดสวรรค์...
จื้อจุนคำนับผู้อาวุโสที่อยู่ในม่านเมฆเทพบรรพต“ผู้อาวุโสต้องทำงานอย่างหนัก ในฐานะผู้เยาว์รุ่นหลังข้ามักถูกวิจารณ์ว่าผยองและก้าวร้าวไม่เคยแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสข้ายินดีจะเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีนี้ และขอคารวะผู้อาวุโสอย่างจริงใจ!”
“ไม่ได้ลำบากนักหรอกในฐานะผู้พิทักษ์เทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติ!” เสียงดังจากม่านเมฆอ่อนโยนมากไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองเพราะต้องอยู่ตามลำพัง
“ในฐานะผู้พิทักษ์เทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ท่านต้องกลายเป็นหินด้วยหรือ?” จื้อจุนขึ้นชื่อว่ามีตาทิพย์ม่านเมฆสีขาวในท้องฟ้าสูงจึงไม่อาจขัดขวางสายตานางได้ ในสายตาของนางมองเห็นเทพธิดาบุปผาผู้งดงามจนสุดจะพรรณนาสวมมงกุฏดอกไม้ยืนอยู่บนเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ร่างกายของนางตั้งแต่เอวที่อ้อนแอ้นลงมากลายเป็นหินและเท้าของนางติดแน่นเป็นอันเดียวกันกับเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์
“ไม่เลยผู้พิทักษ์เทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ถูกจำกัดไว้ ข้ากลายเป็นแบบนี้ก็เพราะข้าไม่ถนัดในการต่อสู้ข้าพลาดท่าให้กับเทพปีศาจแห่งเขากวงหมิง หลังจากต้องคำสาบของเขาข้ากลายเป็นหินที่เทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์” เทพธิดาบุปผายิ้ม แต่ดวงตางดงามของนางยังไม่เปิดขึ้น
“เป็นเวลาหลายหมื่นปีอย่างนี้หรือ?” จื้อจุนมองดูจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและมองดูเทพธิดาบุปผาบนยอดเขาราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง
“เว้นแต่พวกเขาจะพ่ายแพ้คำสาปจึงจะถูกคลี่คลาย ท้ายที่สุดนั่นคือคำสาปเทพ ข้าเดิมพันและล้มเหลวเป็นการสมเหตุสมผลแล้วที่ถูกลงโทษข้าไม่ขุ่นเคืองใจหรือไม่มีความไม่พอใจอะไรทั้งนั้น แม้ว่าจะเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็ไม่เป็นไรในฐานะผู้พิทักษ์แห่งเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ข้าไม่ต้องดำเนินการอะไรมากทั้งข้ายังชอบความเงียบสงบ นอกจากนี้นี่ไม่ได้มีอะไรที่เลวร้ายเป็นหินดีกว่ากลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดอัปลักษณ์ข้าคุ้นชินนานแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้า” นางฟ้าบุปผาโบกมือเบาๆ ดูเหมือนนางไม่ต้องการให้จื้อจุนเห็นว่านางเป็นสิ่งใด
“พวกเขายังคงอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?เทพชั่วร้ายเหล่านั้น?” จู่ๆจื้อจุนก็ถามเรื่องนี้
“ใช่แล้ว”จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อหันไปมองจื้อจุนทันทีนัยน์ตาที่เหมือนดวงสุริยันต์จันทราฉายประกาย“ตอนนี้เรามีเพียงสามคนข้าต้องการให้ใครสักคนขึ้นไปบนยอดบรรพตศักดิ์สิทธิ์ช่วยยืนเคียงข้างนางประคองแกนสมดุลโลกและเริ่มกฎสงครามเทพอีกครั้ง ถ้าเจ้าเห็นด้วย ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ข้ายินดีทำงานบางอย่างให้เจ้าภายใต้ขอบเขตความสามารถของข้าเจ้าเป็นจื้อจุนของหอทงเทียนในปัจจุบัน ข้าอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ในฐานะของผู้อาวุโสบรรพบุรุษ แต่อยู่ในฐานะของบุรุษผู้พยายามแก้แค้นให้คนรักโปรดสัญญากับข้า และให้โอกาสข้าได้เข้าร่วมสงครามเทพ...”
“ไม่”จื้อจุนปฏิเสธ “ข้าสาบานไว้แล้วยกเว้นน้องชายของข้า ข้าจะไม่สัญญากับบุรุษที่สองในโลกนี้อีกแม้ว่าจะเป็นคำขอร้องเพื่อแก้แค้นให้คนรักของท่านก็ตาม”
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมีสีหน้าขื่นขมกำหนัดแน่น
แม้ว่าเขาจะมีอิทธิฤทธิ์ก็ตาม
แม้ว่าจะเป็นนักสู้ชั้นเทพก็ตาม
แล้วยังไงเล่า
แม้แต่จะล้างแค้นให้นางอันเป็นที่รักก็ยังเป็นไปไม่ได้ แค่พานางลงมาจากเทพบรรพตศักดิ์สิทธิ์ให้นางได้เดินบนทุ่งหญ้าอย่างมีอิสระเสรีก็ยังทำไม่ได้!
เขาสูดหายใจลึกและมองดูจื้อจุนอีกครั้ง “ข้าจะไม่ขอร้องแต่ข้ายินดีจะแลกเปลี่ยนกับความลับบัลลังก์เทพ เจ้าเป็นคนที่ฝึกฝนด้วยตนเองคงไม่มีใครเคยบอกความลับบัลลังก์เทพและไม่มีใครพัฒนาบัลลังก์เทพให้เจ้า หากเจ้าตกลงช่วยค้ำสวรรค์แทนข้าอย่างนั้นข้ายินดีสาบาน ข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้เจ้าได้บัลลังก์เทพที่ใหญ่และเปล่งประกายเฉิดฉันท์ที่สุด!”
จื้อจุนเงียบ