ตอนที่ 1339 ประตูเทพเปิด
แสงฉายกระจายไปทั่ว
จุดลานต้อนรับไม่เหลือให้เห็นอีกต่อไปเหลือแต่เพียงโลกที่ว่างเปล่า
ในโลกที่ว่างเปล่านี้ไม่มีแสงไม่มีชีวิต ไม่ว่าอะไรล้วนถูกทำลายหมดยกเว้นจื้อไจ้เทียนที่อยู่ตรงกลางไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกต่อไป
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดในโลกไร้แสง มีความคิดผุดขึ้นมาเหมือนกับฝัน “จื้อไจ้เทียนเขาถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ากำจัดหรือไม่?”
บุรษวัยกลางคนจื้อไจ้เทียนยืนคิดเงียบๆ
ไม่มีคำตอบ
มีอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ“นี่คือพลังของอัจฉริยะแท้จริงของโลกหรือ? อ่อนแอเกินไป! อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่น่าประหลาดใจที่สำคัญเขายังเด็กเกินไป! เดิมทีข้ายังมีความคาดหวังบางอย่างอยู่บ้างเมื่อตอนที่เขาต่อสู้กับจางเฮิ่นแต่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาไม่สามารถต้านรับพลังโจมตีของเจ้าจื้อไจ้เทียนได้แม้แต่ท่าเดียวหอทงเทียนตกต่ำมากเสียเหลือเกิน เย่ว์ไตตันโดดเด่นมากที่สุดแล้ว แต่ก็ยังน่าผิดหวังมากอยู่ดี..”
“เย่ว์ไตตันแม้ว่าร่างจะถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กำจัดไปแต่ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่โค่นล้มได้ง่าย บางทีอาจเป็นภาพลวงตาของข้า!” เทียนฉวงถอนหายใจเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า! ฮวนเล่อเทียนเจ้ามักจะมองโลกในแง่ร้ายอยู่เรื่อย! คนก็ถูกทำลายลงไปแล้วเจ้ายังกังวลมากอยู่อีกความจริง เจ้าต้องไม่ลืมนะว่าท่านเจ้าตำหนักสูงสุดเจ้านายเราตั้งใจตั้งชื่อเจ้าเป็นฮวนเล่อเทียนเพื่อให้เจ้ามองโลกในแง่ดีมาก วางใจเถอะและมีความสุขกับชีวิตต่อไปเจ้าเป็นเทพที่มีบัลลังก์เทพแล้ว อย่าทำตัวเหมือนเมื่อก่อน มีแต่สตรีที่ไร้ความสามารถและอ่อนแอเท่านั้นจึงจะเป็นเช่นนี้ได้ทั้งวัน ฮวนเล่อเทียนเจ้ายังบอกว่ายังมีเทพที่ตามเราทั้งคู่ทันอีกด้วยบางครั้งเราก็ควรมีความสุขและเพลิดเพลินกับชีวิตอมตะ!” ความคิดที่สื่อสารทางจิตกระตุ้นสหายด้วยความไม่พอใจ
“ข้าเพิ่งจะรู้สึกเป็นครั้งคราวหวังว่าจะเป็นภาพลวงตา!” เทียนฉวงเรียกสหายของเขาแต่ฮวนเล่อเทียนก็ยังไม่ผ่อนคลาย
“ไม่,ไม่ใช่ภาพลวงตาแม้แต่น้อย” บุรุษวัยกลางคนจื้อไจ้เทียนพูดออกมาในที่สุด
“ว่าไงนะ?”
กระแสความคิดที่ติดต่ออยู่ในหัวของเขาตกใจ
หลังจากจื้อไจ้เทียนเอ่ยปากเขาไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้แต่ความคิดของเขาเหมือนกับมีแสงผุดวาบขึ้นฉายไปทั่วโลกที่ว่างเปล่าทันที “เย่ว์ไตตันไม่ตาย นี่เป็นเรื่องแน่นอน เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ใครก็ฆ่าได้ทันที อย่าว่าแต่เราเลย ต่อให้เป็นเจ้าตำหนักสูงสุดของเรามาเองก็ยังเป็นไปไม่ได้”
กระแสความคิดอีกสายงงงวย“ข้าเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ากำจัดไปแล้วเรื่องนี้ไม่น่าผิดพลาดได้!”
บุรุษวัยกลางคนที่ดูคล้ายจื้อไจ้เทียนพยักหน้า “แสงศักดิ์สิทธิ์ของข้ากำจัดศัตรูได้แน่นอนแต่นั่นไม่ใช่เย่ว์ไตตัน ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเงาเจตจำนงของเขา ไม่น่าจะใช่อสูรศึก!”
ฮวนเล่อเทียนพยักหน้าเห็นด้วย“ตอนนี้ ข้าต้องการทำความเข้าใจ จางเฮิ่นฉุดลากเย่ว์ไตตันลงไปในนรกหนาม ทำไมเขาสามารถหลบหนีออกมาจากการจองจำกฎสวรรค์ของมหาเทพโบราณได้?เป็นเพราะว่าที่จางเฮิ่นฉุดดึงเข้าไปนั้นไม่ใช่ร่างจริงแต่เป็นร่างเงาของเย่ว์ไตตัน เช่นเดียวกับที่จื้อไจ้เทียนที่ดึงเขาเข้าสู่โลกว่างเปล่าก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกันที่ข้ากังวลไปนั้น ไม่มีอะไรผิดพลาด เย่ว์หยางไตตันตัวจริงตอนนี้ข้าเกรงว่าคงไปสู้กับท่านเจ้าตำหนักสูงสุดแล้วในตอนนี้...”
จื้อไจ้เทียนยังคงเงียบ
เกี่ยวกับปฏิกิริยาทุกอย่างของเย่ว์ไตตันรวมทั้งการตอบโต้ที่บ้าคลั่งเขาได้เตรียมใจไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามเขาสามารถหลบไปได้อย่างเงียบๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัวทิ้งไว้แต่เงาที่เหมือนจริงเกินกว่าจะแยกแยะว่าสิ่งใดจริง สิ่งใดเท็จเพื่อให้เกิดความสับสนและโจมตีไม่ถูกการจบลงแบบนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เป็นไปได้ไหมว่าบุรุษหนุ่มคนนี้คุณชายสามตระกูลเย่ว์จะเป็นอัจฉริยะที่ดีที่สุดของหอทงเทียนทั้งยังยอดเยี่ยมกว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิอวี้จ้านฟง!
เทียนฉวงยังคงเงียบจากนั้นจู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้น “ฮ่าฮ่าฮ่า ฮวนเล่อเทียน, จื้อไจ้เทียน พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลใจเกินไปเจ้าตำหนักสูงสุดนายเราไม่ใช่มีพวกเราแค่สามคน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้รับสถานะบัลลังก์เทพเหมือนกับเราแต่ในอีกมุมมองหนึ่ง พลังรบของพวกเขาไม่ด้อยไปกว่าเรา ซ้ำยังอาจจะแข็งแกร่งมากกว่าตอนที่เราลงมือทำก็ยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่ แต่ถ้าเย่ว์ไตตันไปพบกับพวกเขา อาจใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ก็จะถูกพวกเขาจับฉีกเป็นชิ้นและกลืนลงท้อง!”
“ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” จื้อไจ้เทียนพยักหน้าอีกครั้ง “ตงฟางพูดถูก นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ใครจะดูแคลนได้จนถึงบัดนี้ข้าค่อยเข้าใจคำพูดของตงฟางได้อย่างเต็มที่”
“ยิ่งคู่ต่อสู้น่าสนใจมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้นไม่ใช่หรือ?” เทียนฉวงไม่ได้รู้สึกกดดัน แต่เขายิ่งมีความกระตือรือร้นมากขึ้น
“แน่นอนในช่วงชีวิตที่ยาวนานนับปีไม่ถ้วน ข้าต้องการคู่ต่อสู้เช่นนี้มาช่วยในการปรับตัวเองวันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ข้าตั้งตารอคอยให้สงครามระหว่างหอทงเทียนและภูเขากวงหมิงจบ” จื้อไจ้เทียนมีดวงตาเป็นประกายร่างของเขาเปล่งรัศมีแห่งความปรารถนานับพันๆ สาย
“ข้ายังคงลงมือได้ไหม?เย่ว์ไตตันอยู่ที่นี่ ข้าได้ยินตงฟางพูดว่าเย่ว์ไตตันมีคู่หมั้นที่มีสติปัญญายอดเยี่ยมวางแผนอยู่เบื้องหลังเขาทุกอย่างนางมักเป็นมือขวามือซ้ายให้เขาเสมอ ข้าอยากเห็นสาวน้อยผู้นี้จริงๆ” เทียนฉวงก็เริ่มสนใจเช่นกัน
“กี่ปีแล้วที่เราไม่ได้ถูกส่งออกไปพร้อมกันข้าคิดถึงช่วงเวลานั้นจริงๆ” เทียนฉวงตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามเย่ว์ไตตันที่พวกเขาพูดถึงไม่อยู่ในจุดต้อนรับ
ไม่ได้อยู่แม้แต่ในภูเขากวงหมิง
มีเงาร่างสูงๆต่ำๆ พยายามค้นหาในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ไม่มีร่องรอยเย่ว์หยางให้พบเจอแม้แต่น้อย
เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนควันถ้าไม่ใช่เพราะเจตจำนงของจื้อไจ้เทียนที่ส่งผ่านออกมาจากโลกว่างเปล่าต้องบอกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์สามารถหลบหนีสำเร็จจากนั้นเงาร่างไม่กี่ร่างพยายามค้นหา พวกเขาสงสัยเหมือนกันว่าเย่ว์ไตตันจะถูกจื้อไจ้เทียนฆ่าได้ในไม่กี่นาทีในโลกที่ว่างเปล่าไม่มีทางหลบหนี
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
คุณชายสามตระกูลเย่ว์ฆ่าได้ยากจริงๆหรือ?
เขา
หนีไปอยู่ที่ไหน?
หอทงเทียนบันไดสวรรค์ชั้นที่สิบ ในมิติที่แตกทำลายจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อกำลังเปิดช่องทางลับด้วยพลังเทพไร้เทียมทาน
ขณะที่เขาเดินเข้าไปคนเดียวในช่องว่างคล้ายกระแสวังวนของหลุมดำเขามีร่างเทพสีทองขนาดใหญ่หมื่นเมตรเดินเข้าไปตามลำพังพฤติกรรมเช่นนี้ดูเหมือนจะเคยเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายพันปีราวกับว่าเขาไม่มีสหายร่วมทาง
ไม่รู้ว่าเขาเดินทางไปไกลแค่ไหนไม่รู้ว่าต้องผ่านห้วงมิติเวลามากเท่าใด
ในที่สุดเขาชะลอฝีเท้าลง
ที่อยู่ต่อหน้าเขา
เป็นประตูยักษ์บานหนึ่งเป็นสิ่งที่มีมาแต่โบราณกาลมีความสูงถึงสามแสนเมตร กว้างสองแสนเมตร ประตูยักษ์ข้างหน้านี้มีแต่เทพเท่านั้นที่ผ่านเข้าไปได้ถึงแม้จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อจะมีความสูงหมื่นเมตร ก็ยังดูเล็กไปถนัดตา
เขาแสดงความเคารพประตูยักษ์ข้างหน้าอย่างมีมารยาท
ภายในประตูยักษ์ดูเหมือนมีความรู้สึกที่ถอนหายใจและเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มหาเทพโบราณผู้ยิ่งใหญ่ชีวิตที่ไร้ที่สิ้นสุดแห่งหอทงเทียน ข้ามาตามนัดหมายแล้ว ขอมหาเทพโปรดเมตตาเปิดประตูเทพรับข้า” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อสูดหายใจลึก
ประตูเทพขนาดใหญ่โตมีอักขระรูนโบราณอยู่บนประตูผลักดันผังภูมิรูนโบราณให้ทำงานรัศมีเทพฉายไปทั่วประตู ค่อยๆ มีรอยเปิดออก
แค่เพียงร่องเล็กๆก็เพียงพอให้จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแทรกตัวเข้าไป
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแทรกตัวเข้าไป
เขาก้าวเท้ายาว
เดินลงไปทีละก้าว
ด้านนอกประตูยักษ์เป็นทางผ่านที่มีหลุมดำที่สามารถกลืนกินทุกอย่างได้ตลอดเวลา แต่ภายในประตูยักษ์นั้นเป็นโลกที่มีสีสันงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้
ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ดูแย่เลยดูงดงามไปหมด และแม้แต่อากาศที่นี่ดีกว่าสดชื่นกว่าแดนสวรรค์ร้อยเท่า ที่นี่เป็นทะเลดอกไม้และมีดอกไม้แปลกๆและวัชพืชที่หายากในแดนสวรรค์นับไม่ถ้วนเติบอยู่ทั่วไปในที่นี่ ไม่มีอสูรร้ายมีแต่วิญญาณและอสูรที่ต้องการอยู่อย่างมีความสุขและอิสระ
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่หยุดยังคงก้าวไปข้างหน้าต่อไปทีละก้าวๆ เป้าหมายของเขาคือภูเขาที่อยู่ไกลๆ
เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสูงอย่างน้อยหนึ่งล้านเมตรซึ่งเป็นความสูงที่ทะลุเมฆขึ้นไปบนฟ้ามากมาย
พร้อมกับฝีเท้าของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อจู่ๆ ก็มีฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้ามีเสียงร้องไห้และเสียงร้องอย่างมีความสุขดังผ่านมาจากยอดเมฆขาว “จิ๋วซื่อ เจ้าไม่ควรมาเจ้าควรจะเข้าใจว่าเรื่องบางอย่างไม่สามารถบังคับกันได้ เจ้าไม่ควรมาเลยจริงๆ!”
“ข้ารู้ทุกอย่างและเข้าใจทุกอย่าง” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อจู่ๆก็ยิ้มพร้อมกับยื่นมือออกไปรับสายฝนที่โปรยปราย
“อย่างนั้นเจ้ามาที่นี่ทำไม!” เสียงนั้นดูเหมือนจะบ่นมากกว่าดีใจ
“ข้าเบื่อกับการอยู่ในเจดีย์ดำแค่มาหาสหายคุยด้วย แค่นั้นเอง” เสียงของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อนุ่มนวล เช่นกับสายลมแสงแดดอ่อนและแสงจันทรา ดวงตาของเขาอ่อนโยนเป็นประกายเพราะรอยยิ้ม
“อย่าโกหก,เลือดท่วมตัวเจ้าขนาดนี้ ต้องการต่อสู้ที่กราดเกรี้ยวรุนแรงเจ้าจะเบื่อแบบนี้ได้อย่างไร... ข้าไม่ต้องการเจ้าที่นี่ ไม่สำคัญหรอกเจ้าก็รู้ว่าข้าคุ้นชินมาหลายปีแล้ว แต่ข้างนอกพอไม่มีเจ้าข้าไม่รู้ว่าความวุ่นวายเป็นอย่าง กลับไปเสียเถอะจิ๋วซื่อเจ้าไม่ต้องมาที่นี่อีก เจ้าควรจะอยู่ในเจดีย์ดำ และไม่ควรมาคุยกับข้าที่นี่อีก!”เสียงจากเมฆด้านบนเบาลงและนุ่มนวลและกลายเป็นลมอ่อนโยนไล้ผ่านร่างของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อทำให้บาดแผลและเลือดที่ตัวเขาหายไป
“ถ้าข้าไม่อยู่ข้างนอกก็ไม่มีปัญหาอะไร ข้าถูกขังอยู่ในเจดีย์ดำมานานหลายปีแล้ว หอทงเทียนยังคงเหมือนเดิมไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเจ้าเป็นสหายเพียงคนเดียวของข้า ข้าไม่มา ใครจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า!” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมองดูท้องฟ้า ดวงตาที่สว่างเหมือนดวงจันทราเหมือนกับจะมองทะลุเมฆไปข้างบน
“โง่จริงๆข้ากลายเป็นแบบนี้ ข้าชินแล้ว โปรดอย่ามองข้าเหมือนเป็นเด็กโง่ในตอนนั้นอีก” เสียงที่ดังมาจากเมฆขาวปนเสียงหัวเราะไพเราะและนุ่มนวลอ่อนโยนยิ่งกว่าสายรุ้งโค้งบนภูเขา
“ข้ายังเป็นเหมือนอดีตในตอนนั้นเจ้าก็รู้” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาสุดฝืนอย่างอธิบายไม่ได้
“ไม่ต้องกังวลไม่ว่าข้าจะหลับไปนานเพียงไหน ข้าก็ยังไม่ลืมเจ้า” เสียงที่ดังมาจากยอดเมฆเหมือนกับว่าไม่เต็มใจจะพูดคุยหัวข้อนี้นักและเปลี่ยนเป็นสอบถาม “ข้างนอกไม่เป็นไรจริงๆ หรือ? จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อทำให้คนอื่นโจมตีได้อย่างคาดไม่ถึง ดูไม่สมเหตุสมผลเสียเลย เรื่องเป็นยังไงจะไม่อธิบายหน่อยหรือ?”
“นี่เป็นแค่เพียงการเข้าใจผิด!” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อโบกมือตามปกติ “ความจริงมีโคถึกมาท้าสู้ข้าถึงหน้าประตูบ้าน”
“ข้าหวังว่าความจริงจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด!” เสียงจากบนเมฆถอนหายใจทันที
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า เจ้าก็รู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริง” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่ต้องการปกปิดความจริง เพราะคนที่อยู่ในม่านเมฆปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจอย่างสมบูรณ์มิฉะนั้นจะยอมรักษารอยแผลและเลือดให้เขา จากนั้นยอมให้เขามาในประตูเทพ เขาไม่ต้องการพูดคุยเรื่องภายนอกมากนักเขาไม่ต้องการให้ผู้นั้นถูกเรื่องภายนอกรบกวน
“ใช่แล้วเจ้าจะไม่โกหกข้า แต่ข้าเชื่อว่าเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าพูด...” ทันใดนั้นเสียงที่ดังมาจากม่านเมฆขาวดังขึ้นเล็กน้อย “ทำไมไม่ให้ข้าสอบถามสาวน้อยที่ลอบติดตามเจ้ามาเล่านั่นจะไม่ดีกว่าหรือ? ข้าเคยเห็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นมากมาย แต่ข้าไม่เคยเห็นใครเหมือนเจ้าที่สามารถซ่อนตัวจากหูตาของจิ๋วซื่อติดตามหลังเขาผ่านเข้าประตูเทพมาได้! สาวน้อยเจ้าชื่ออะไร?ทำไมถึงได้ติดตามจิ๋วซื่อเข้ามาในนี้? เจ้าเป็นคนทำร้ายเขาบาดเจ็บใช่ไหม? ยังอายุเยาว์มาก ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา มีแต่จักรพรรดิอวี้จ้านฟงที่โดดเด่นไม่ใช่หรือ?ยังมีผู้เยาว์โดดเด่นอย่างเจ้าขึ้นมาได้อย่างไร?”
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อได้ยินเช่นนั้นเขาหันไปพบเห็นเงาโปร่งแสงเหมือนดวงดาว
ลอยตัวอยู่เหนือทะเลดอกไม้เงียบๆ
ถอนหายใจเบาๆ
เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติดูราวกับว่านางอาศัยอยู่ที่นี่อย่างกลมกลืนมาเป็นเวลาหมื่นปี แสนปีแล้ว
****** ***