บทที่ 9: แก้วตาดวงใจของแม่
ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากสายตาหลงอวี้ทำให้หูเจียวเจียวเผยรอยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ออกมา
เธอจึงส่งผ้าขนหนูให้เขาแล้วพูดว่า “งั้นเจ้าก็เอาไปเช็ดเอง เดี๋ยวแม่จะไปเช็ดให้น้อง ๆ”
ลูกชายคนโตที่ได้ยินเช่นนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้ามาแล้วขยับห่างแม่จิ้งจอกไป 3 เมตร
ทางด้านของหลงจงก็ดึงหลงเซียวที่มองไม่เห็นให้เดินตามไป เขามีความคิดเช่นเดียวกับหลงอวี้ เขาไม่อยากอยู่ใกล้แม่ใจมารที่สุด
ตัวของหูเจียวเจียวคนเดิมนั้นร้ายกาจมากจริง ๆ เธอจึงทำได้แค่อดทนกับผลของการกระทำของนาง
ขณะนี้ร่างกายของเด็กทั้ง 5 เต็มไปด้วยขี้เถ้า แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นเด็ก ๆ จึงลงไปอาบน้ำในแม่น้ำไม่ได้ หญิงสาวเลยให้ลูกชายทั้ง 3 คนเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูไปก่อน เสร็จแล้วเธอก็หันไปมองหลงหลิงเอ๋อกับหลงเหยา
"หลิงเอ๋อ เหยาเอ๋อ มานี่สิ" แม่จิ้งจอกกวักมือเรียกเด็กที่เหลืออีก 2 คนให้มาหาตน
ในขณะที่สาวน้อยยังคงมีท่าทีลังเลอยู่ เจ้ามังกรตัวเล็กกลับคลานเข้ามาที่เท้าของผู้เป็นแม่แล้ว
หูเจียวเจียวรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ในที่สุดก็มีเด็กเต็มใจที่จะเข้าใกล้เธอ
ถัดมา เธอรีบก้มลงอุ้มหลงเหยาขึ้นมาและช่วยเขาเช็ดเลือดออกจากเนื้อตัวที่มอมแมม
ทันทีที่หญิงสาวเช็ดเสร็จ เจ้าตัวเล็กก็เอื้อมขาหน้าไปแตะก้อนนูน ๆ บนหัวของเขา ซึ่งมันน่าจะเป็นส่วนเขามังกรที่ยังไม่งอก
จากนั้นเขาก็แลบลิ้นสีชมพูแล้วเลียริมฝีปากตัวเองพร้อมกับส่งเสียงเล็กเป็นระยะ ๆ "งั่ม ๆ แจ่บ ๆ ~"
หูเจียวเจียวเข้าใจทันทีว่าเด็กน้อยต้องการจะบอกอะไร
"เหยาเอ๋อหิวหรือ? ได้เลย รอแม่ช่วยหลิงเอ๋อเช็ดแผลเสร็จก่อนนะ แล้วแม่จะไปทำกับข้าวให้กิน"
ไม่น่าแปลกใจที่เด็กชายตัวเล็กคนนี้เต็มใจเข้าหาเธอ มันเป็นเพราะเขาหิวข้าวต่างหาก!
สติปัญญาของลูกภูตที่ยังไม่กลายร่างนั้นมีพอ ๆ กับเด็กอายุไม่เกิน 3 ขวบ พวกเขาใช้สัญชาตญาณในการดำรงชีวิตเท่านั้น และการรับรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกของพวกเขาก็มีจำกัดเช่นกัน
หลงเหยารู้เพียงว่าถ้าเขาติดตามหูเจียวเจียวไป เขาจะมีอะไรกินและไม่ต้องหิวโซอีก
เมื่อหลงหลิงเอ๋อได้ยินว่ามีอาหารให้กิน นางก็ประพฤติตัวดีพร้อมขอให้ผู้เป็นแม่เช็ดแผลให้อย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่บาดแผลของเด็ก ๆ ถูกเช็ดจนสะอาดแล้ว จิ้งจอกสาวก็หยิบผ้าขนหนูกลับคืนมาพลางบอกพวกเขาว่า "อย่าให้แผลโดนน้ำนะ เดี๋ยวแม่จะรีบไปทำอาหารให้พวกเจ้ากิน"
พูดจบแล้วเธอก็เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับผ้าขนหนูเปื้อนเลือดและขี้เถ้า
ก่อนหน้านี้เด็กทั้ง 5 คนมักจะได้กินนอนอยู่นอกบ้าน ซึ่งแต่ละมื้อพวกเขาก็ได้รับอาหารน้อยมากจนแทบจะไม่พอกิน หูเจียวเจียวกลัวว่ากับข้าวที่เด็ก ๆ กินเมื่อวานจะเยอะเกินไปจนทำให้กระเพาะปรับตัวไม่ทันแล้วย่อยได้ไม่ดี เธอจึงหยิบเนื้อหมูไม่ติดมันจากมิติ 2 ชิ้นกับข้าวสารอีก 1 ถุงมาเตรียมทำอาหารไขมันน้อยอย่าง ‘โจ๊กหมู’
หลังจากที่หญิงสาวหยิบวัตถุดิบออกมาจากมิติ เธอก็ตระหนักว่าเมื่อวานตนรีบทำอาหารให้เด็ก ๆ กินมากจนไม่ทันได้คิดเรื่องที่ว่าจะอธิบายที่มาของสิ่งของและวัตถุดิบเหล่านี้ให้พวกเขาฟังอย่างไร
อีกทั้งแต่ก่อนร่างเดิมไม่เคยให้เด็ก ๆ เข้ามานอนในบ้าน ไหนจะเรื่องที่นางชอบซ่อนของทุกอย่างในบ้านอีก
ในเวลานี้หูเจียวเจียววางแผนที่จะบอกว่า ของพวกนี้ถูกส่งมาจากครอบครัวตายาย
ประกอบกับสมาชิกในครอบครัวของร่างเดิมมักจะส่งเสบียงมาจุนเจือนางอยู่บ่อยครั้ง
เอาล่ะ! ตอบแบบนี้แหละ!
พอจิ้งจอกสาวคิดหาเหตุผลได้แล้ว เธอก็ออกไปพร้อมกับถือเนื้อสัตว์และข้าวไว้ในอ้อมแขน
แต่ภาพแรกที่หญิงสาวเห็นตอนออกมาจากบ้านก็คือหลงอวี้กับหลงจงกำลังแบกถังหินหนัก ๆ เอาไว้ ด้วยร่างกายที่ผอมแห้ง ทั้งคู่จึงเดินโซซัดโซเซไปมาอยู่ตรงลานหน้าบ้าน
ในทุก ๆ ย่างก้าวของเด็กหนุ่ม น้ำในถังหินบางส่วนก็จะหกออกมา
ภาพนั้นทำให้หูเจียวเจียวตกใจ เธอรีบทิ้งของในมือแล้วปรี่เข้าไปคว้าถังหินออกจากมือของลูกชายทั้ง 2
เด็กตัวเล็กขนาดนี้พ่อแม่จะปล่อยให้ทำงานหนักเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
ทว่าหลงอวี้กับหลงจงกลับตัวสั่นเมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของแม่จิ้งจอก
นางกำลังโกรธ!
"เราผิดไปแล้ว ข้าจะรีบเติมน้ำให้เต็มถังทันที ท่านอย่าเพิ่งโมโหเลยนะ ข้าจะรีบทำให้เสร็จเดี๋ยวนี้" คนเป็นพี่ใหญ่รีบยอมรับผิดเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธ
ส่วนหูเจียวเจียวที่เห็นท่าทางตื่นตระหนกของหลงอวี้ก็ตกตะลึงเช่นกัน
หญิงสาวนึกขึ้นมาได้ทันทีว่าเจ้าของร่างเดิมปล่อยให้ลูกทำงานบ้านทุกอย่าง แล้วถ้านางไม่พอใจในสิ่งที่พวกเขาทำ เด็ก ๆ ก็จะถูกทำโทษ ซึ่งเป็นไปได้มากว่างานตักน้ำมาเติมให้เต็มถังนั้นก็เป็นงานของเด็กเหล่านี้เช่นกัน
พอแม่จิ้งจอกคิดได้เช่นนั้นก็ผ่อนคลายสีหน้าที่จริงจังลงแล้วเอามือ 2 ข้างวางลงบนไหล่ของหลงอวี้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "จากนี้ไปแม่จะไปตักน้ำมาเติมเอง พวกเจ้าไปเล่นกันเถอะ ถ้าข้าวเสร็จแล้วแม่จะไปเรียก"
ทันทีที่ผู้เป็นแม่พูดออกมา ลูกชายทั้ง 2 ก็ยิ่งเสียขวัญมากขึ้นไปอีก
“ท่านอย่าพาหลงเซียวกับหลงเหยาไปทิ้งไว้ในป่าเลยนะ ข้ายังทำงานได้ ข้าทำอะไรก็ได้ที่ท่านอยากให้ทำ!”
หลงอวี้กัดฟันแน่นพร้อมกับดวงตาไร้เดียงสาของเขาที่เต็มไปด้วยการอ้อนวอน
"ทำไมแม่ต้องเอาพวกเขาไปทิ้งไว้ในป่าด้วย?" หูเจียวเจียวมองไปที่ลูกชายคนโตอย่างสงสัย
ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่าเนื่องจากร่างเดิมไม่ชอบหลงเซียวที่ตาบอดกับหลงเหยาที่ยังไม่แปลงร่างเป็นมนุษย์ เด็ก 2 คนนี้ทำงานไม่ได้ ดังนั้นนางจึงมักจะขู่ทั้งคู่ว่าจะโยนพวกเขาทิ้งไว้ในป่าให้เป็นอาหารของสัตว์ป่า
แล้วก็เป็นเพราะน้องชายทั้ง 2 ที่ทำให้พี่ใหญ่อย่างหลงอวี้จำเป็นต้องทำตามที่เจ้าของร่างเดิมบอก
เมื่อหูเจียวเจียวนึกถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งรู้สึกแย่มากกว่าเดิม
ยัยคนเก่านี่มันชั่วช้าสามานย์จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่นางจะมีชะตากรรมแบบนั้น!
ต่อมา หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ โดยพยายามทำตัวให้ดูใจดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ "อวี้เอ๋อ อย่ากังวลไปเลย ทุกคนเป็นลูกของแม่ ฉะนั้นแม่จะไม่ทิ้งพวกเขาไว้ในป่าแน่นอน ต่อจากนี้ไปแม่จะทำงานพวกนี้และดูแลพวกเจ้าเองดีไหม?”
คำพูดของแม่ใจยักษ์ทำให้ใบหน้าที่มืดมนของหลงอวี้ตึงเครียดยิ่งขึ้น เขาสบตาแม่โดยที่ในใจมีคำถามมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้อะไรตอบกลับไป
ทางด้านหลงจงถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น เขาหันหน้าหนีเพราะไม่อยากฟังเรื่องโกหกของผู้หญิงคนนี้
ในขณะที่หูเจียวเจียวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันไปมองที่เด็ก ๆ ที่เหลือ
ตอนนี้หลงเซียวยืนอยู่ที่มุมหนึ่งโดยใช้มือเท้าผนังอยู่ แววตาที่ว่างเปล่าของเขามองมายังต้นเสียง ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกสีขาวที่ดูเลื่อนลอยตลอดเวลา
หลงหลิงเอ๋อเองก็รีบไปยืนอยู่ข้างเขาเพื่อปกป้องหลงเหยาไว้ข้างหลังตน พร้อมกันนั้นนางก็ถือไม้หนาท่อนหนึ่งไว้ในมือ ขณะที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ภาพนั้นทำให้หญิงสาวคิดได้ว่าหากเด็กน้อยไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานอะไร พวกเขาจะต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน
ถัดมา เธอชี้ไปที่กองฟืนข้าง ๆ เด็กสาวก่อนจะบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าไปช่วยหลิงเอ๋อเก็บฟืน พอแม่ตักน้ำมาแล้วแม่จะได้เริ่มทำอาหาร"
ยามนี้กองฟืนที่เคยกองไว้อย่างเรียบร้อยในลานบ้านถูกสงฮวาผลักล้มระเนระนาดไปหมด จนกระทั่งตอนนี้จิ้งจอกสาวก็ยังไม่มีเวลาจัดมันให้เรียบร้อย
เธอคิดว่าการหยิบไม้มาเรียงกันยังไงก็ง่ายกว่าการยกถังหินหนัก ๆ มาก
"ตกลง" หลงอวี้พยักหน้าก่อนจะพาหลงจงไปช่วยกันทำงานที่ได้รับมอบหมาย
เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของหญิงชั่วผู้นี้ พวกเขาต้องทำตามที่นางบอกให้เสร็จ
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของลูก ๆ หูเจียวเจียวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เด็กพวกนี้ถูกเจ้าของร่างเดิมทารุณมาหนักหนามาก ทำให้ในใจพวกเขาจดจำภาพเหล่านั้นจนฝังใจไปแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนมุมมองของเด็กได้ในระยะสั้น
…
โอ๊ยยย เหนื่อยโว้ยยยย!
งานบ้านนี่มันยากจริง ๆ!
เมื่อหูเจียวเจียวกลับมาจากการตักน้ำ พวกเด็กน้อยก็เก็บฟืนกองไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว
เธอจึงรีบจุดไฟ ล้างข้าว หั่นเนื้อหมูและต้มโจ๊ก
เนื่องจากเผ่าภูตกินจุมาก ประกอบกับหญิงสาวต้องเลี้ยงภูต 6 คนในมื้อเดียว เธอจึงต้องทำงานมือเป็นระวิงจนไม่ได้หยุดพัก
เวลานี้เด็กตัวผอมโซ 2-3 คนกำลังยืนหลบมุมพลางมองแม่จิ้งจอกด้วยความสงสัย
หญิงชั่วคนนั้นยอมทำงานบ้านเองจริงหรือ?
เมื่อก่อนนางจะนอนอยู่ในบ้านคอยสั่งให้ลูก ๆ ทำงานแล้วก็หาอาหารมาให้ตนกิน นางไม่เคยเป็นฝ่ายทำอาหารกินเองเลยด้วยซ้ำ
แต่พอหลงหลิงเอ๋อได้เห็นหูเจียวเจียวหั่นเนื้อด้วยวัตถุสีเงินที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน นางก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย "ท่านแม่ ให้ข้าช่วยอะไรไหม?"
แน่นอนว่าลูกสาวก็ยังเป็นคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยแม่เสมอ!
ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนี้ยังคงรักเธออยู่บ้าง
"เอาเถอะ ถ้างั้นหลิงเอ๋อช่วยเติมฟืนให้แม่หน่อยได้ไหม?" หูเจียวเจียวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เธอรู้สึกว่าความเหนื่อยที่สั่งสมไว้หายไปจนสิ้น
ใบหน้าที่ใจดีของแม่นั้นทำให้หลงหลิงเอ๋อเผยรอยยิ้มเขินอาย ก่อนจะนั่งลงหน้าเตาเพื่อใส่ฟืนเข้าไป
ขณะเดียวกัน ดวงตาสีเข้มเล็ก ๆ 2 ดวงกลอกไปมาในมุมที่หูเจียวเจียวมองไม่เห็น นางคิดกับตัวเองว่า
วันนี้มีเนื้อไม่ติดมันแค่ 2 ชิ้น หญิงชั่วคนนี้เอาเนื้อไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ อีก นางคงไม่อยากให้พวกเรากินมันแน่ ๆ เลย
ตอนนี้เด็กสาวมาคอยอยู่ใกล้ ๆ อีกฝ่ายเพราะถ้าแม่ใจยักษ์แอบวางยาพวกนางเมื่อไหร่ นางก็จะสังเกตเห็นได้ทันที