บทที่ 6: ใครมันกล้าแตะต้องลูกของข้า!
หูเจียวเจียวเดินตามหาเด็ก ๆ ไปทั่วอย่างกระวนกระวาย และในที่สุดเธอก็เห็นร่างเล็กขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้หลังบ้าน
ภายใต้แสงจันทร์อันเย็นยะเยือก เด็กน้อยตัวผอมโซน่าสมเพชกำลังขดตัวกอดกันกลมเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ภาพนั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกกังวลอยู่พักหนึ่ง
“พวกเจ้ามานอนอยู่ที่นี่ทำไม กลับบ้านไปนอนในห้องกับแม่เถอะ”
เมื่อลูก ๆ ได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ พวกเขาก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจและมองดูเจ้าของเสียงด้วยท่าทางหวาดกลัว
ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่!?
คิดไว้ไม่มีผิด การที่นางแค่ให้อาหารอร่อย ๆ กับเรา ที่จริงมันเป็นกับดัก ตอนนี้เรากำลังจะถูกจับไปขังแล้วถูกทุบตีอีกใช่ไหม?
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นดวงตาที่ตื่นตระหนกของลูก ๆ เธอก็พอจะเดาออกว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
เจ้าของร่างเดิมดูถูกลูกของตนว่าเป็นสวะไร้ค่า แล้วนับประสาอะไรกับการให้เด็ก ๆ เข้าไปนอนในบ้าน เด็กน้อยผู้น่าสงสารไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไปเหยียบในบ้านแม้แต่ปลายเล็บ มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง
เด็กพวกนี้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กกำพร้า ไม่สิ เลวร้ายยิ่งกว่าเด็กกำพร้าเสียอีก!
หูเจียวเจียวรู้สึกหดหู่อยู่ในใจ พอเธอเห็นว่าอีกฝ่ายกลัวตัวเองแค่ไหน ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดเบา ๆ ว่า "แม่แค่อยากให้พวกเจ้ากลับไปนอนในบ้าน ข้างนอกมันหนาวนะ เดี๋ยวพวกเจ้าจะไม่สบายเอา"
แม้ว่าภูตจะแข็งแรงแต่พวกเด็ก ๆ ขาดสารอาหารมานานจนร่างกายผ่ายผอมกว่าคนอื่นมาก แล้วนี่ก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง พวกเขาต้องป่วยแน่นอนถ้ายังออกมานอนข้างนอกตอนกลางคืนแบบนี้อยู่ตลอด
ครั้งนี้จิ้งจอกสาวไม่สามารถโน้มน้าวเหล่าเด็กน้อยได้อีก
ต่อมา หลงอวี้ยืนขึ้นต่อหน้าพี่น้องที่อายุน้อยกว่าราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขามและปฏิเสธเธอทันที "เราจะนอนที่นี่ ท่านกลับไปเถอะ"
หนุ่มน้อยคนนี้เพิ่งกินอาหารของเธอไปก็หันมาเนรคุณกันแล้วหรือ?
หูเจียวเจียวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามล่อพวกหลงอวี้ด้วยอาหารอีกครั้ง
"หลิงเอ๋อมานี่มะ กลับไปนอนกับแม่ แล้วพรุ่งนี้เช้าแม่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้ากิน"
ในเมื่อหญิงสาวไม่สามารถสื่อสารกับหลงเหยาได้ ดังนั้นนางจึงทำได้แค่พุ่งเป้าไปที่หลงหลิงเอ๋อเท่านั้น
"จริงหรือ?" เมื่อเด็กสาวคิดถึงเนื้อแสนอร่อยที่เพิ่งได้กินไป นางก็อดเลียริมฝีปากไม่ได้
พรุ่งนี้นางจะได้กินเนื้ออร่อย ๆ แบบนั้นอีกใช่ไหม?
“จริงสิ แม่ไม่หลอกเจ้าแน่นอน ขอแค่เจ้าเชื่อฟังแม่ แม่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้ากินทุกวันเลย” หูเจียวเจียวพยายามพูดหว่านล้อมอย่างอดทน
ได้กินเนื้อทุกวันด้วย!
แล้วพวกเราจะไม่หิวอีกต่อไป!
ความคิดเหล่านี้ทำให้ดวงตาสีเข้มขนาดเล็กของหลงหลิงเอ๋อเป็นประกายทันที
“แล้วท่านแม่ยังจะตีเราอีกไหม?”
“แม่จะไม่ตีพวกเจ้าอีก ก่อนหน้านี้แม่ไม่ดีเอง ต่อจากนี้แม่จะไม่ตีลูกอีกแล้ว แม่สัญญา!” ผู้เป็นแม่ตอบอย่างมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็สาบานต่อหน้าเทพอสูร!” หลงหลิงเอ๋อฉลาดที่สุดในบรรดาลูกทั้ง 5 จึงคิดวิธีต่อรองกับอีกฝ่าย
โดยทั่วไปแล้วเผ่าภูตไม่กล้าสาบานกับเทพอสูร หากใครผิดต่อคำสาบาน เทพอสูรจากสวรรค์จะลงโทษคนคนนั้น
ซึ่งหูเจียวเจียวก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และเธอยังคงตกลงตามคำขอของเด็กสาวโดยไม่มีเงื่อนไข เธอยกมือขวาขึ้นอย่างใจเย็นก่อนจะชู 4 นิ้วที่เป็นสัญลักษณ์ของคำสัตย์สาบาน
“ตกลง แม่ขอสาบานกับเทพอสูรว่าแม่จะไม่ทุบตีพวกเจ้าอีก มิฉะนั้น แม่จะต้องตายภายใน 3 วัน 7 วัน”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากผู้เป็นแม่ ดวงตาของเหล่าเด็กน้อยที่ได้ยินก็สว่างขึ้น
นางกล้าสาบานจริง ๆ!
เยี่ยมมาก ถ้านางกล้าตีพวกเราอีก นางต้องตายแน่!
"พี่ใหญ่ เราลองเชื่อใจนางสักครั้งเถอะ" หลงหลิงเอ๋อสะกิดแขนของหลงอวี้ด้วยมือเล็ก ๆ พลางกระซิบพูดคุยกัน
เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับพี่น้องทั้ง 5 คือการถูกแม่เฆี่ยนตีอย่างทารุณ แต่ถ้าอีกฝ่ายผิดคำสาบาน นางจะถูกเทพอสูรลงโทษจนตายทันที การลองเชื่อเรื่องนี้เพื่อแลกกับอาหารทุกวันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากในความคิดของเด็ก ๆ
เมื่อหลงอวี้มองหน้าน้องชายกับน้องสาวที่ผอมแห้งของเขา ในที่สุดเขาก็พยักหน้ารับเงียบ ๆ
จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันไปมองหูเจียวเจียวก่อนจะพูดว่า "ก็ได้ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ"
พอหญิงสาวได้ยินว่าเด็ก ๆ ตกลงที่จะกลับไปนอนบ้าน เธอก็รู้สึกมีความสุขมาก ดูเหมือนว่าเด็กพวกนั้นเต็มใจเชื่อตนเองแล้ว
ยามที่ภูตจิ้งจอกเดินเข้ามาใกล้ เหล่าลูกน้อยก็ยืนเกร็งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ทันที
ในเวลาต่อมา หูเจียวเจียวก้มลงอุ้มหลงเหยาที่กำลังขดตัวอยู่บนกองฟางขึ้นมาก่อนจะมุ่งตรงไปที่บ้าน
"กลับบ้านไปนอนกันเถอะ"
หลงเหยาที่มีรูปร่างเป็นมังกรสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ เขาจึงมุดตัวเข้าไปซุกในอ้อมกอดของอีกคนเพื่อหาท่านอนที่สะดวกสบายแล้วก็ผล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน
ทางด้านเด็ก ๆ ที่เหลือเฝ้าดูแผ่นหลังของแม่ใจยักษ์ไปอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่านางไม่มีทีท่าว่าจะหันหลังกลับ พวกเขาจึงตามนางไป
ปัจจุบันหนังสัตว์ชิ้นสุดท้ายถูกหูเจียวเจียวตัดไปทำผ้าเช็ดตัวแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงเตียงที่ทำจากหญ้าตั้งอยู่ในบ้าน
หญิงสาวจึงปล่อยให้เด็กทั้ง 5 นอนบนเตียงหญ้าที่เคยเป็นของตัวเอง จากนั้นเธอก็เดินไปที่ลานบ้านเพื่อนำหญ้าแห้งอีกกองหนึ่งมาปูไว้ที่ประตู
นั่นทำให้เด็กตัวเล็ก ๆ มองดูคนเป็นแม่ที่กำลังหลับอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าประหลาดใจ
หญิงชั่วคนนั้นปล่อยให้พวกเรานอนบนเตียงของนางจริงหรือ?
“พี่ใหญ่ วันนี้นางเสียสติไปแล้วหรือเปล่า นางให้เรานอนบนเตียงของนางเนี่ยนะ...”
“ไม่รู้สิ อย่าเพิ่งไว้ใจนางกันล่ะ รอดูไปก่อน”
“ใช่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นคือสุนัขจิ้งจอก แล้วสุนัขจิ้งจอกก็เจ้าเล่ห์ที่สุด เจ้าจะไว้ใจนางไม่ได้!”
"แต่พี่สาม ท่านก็เป็นจิ้งจอกเหมือนกัน..."
“ยังไงนางก็เป็นคนเลวอยู่วันยันค่ำ นางสมควรตาย”
เมื่อลูก ๆ เห็นว่าหูเจียวเจียวไม่ขยับตัว พวกเขาก็คิดว่าเธอหลับไปแล้วจึงจับกลุ่มคุยกันด้วยเสียงกระซิบที่แผ่วเบา
ทว่าจิ้งจอกสาวที่ยังหลับไม่สนิทได้ยินเสียงลูกพึมพำทุกคำ เธอจึงลอบเผยรอยยิ้มช่วยไม่ได้ออกมา
ช่างเถอะ ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ
ตอนนี้เธอเป็นคนที่มีนิ้วทองอย่างมิติเก็บของนับไม่ถ้วนที่มีของเติมเต็มอยู่ตลอด เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะใจเด็กตัวจ้อยพวกนี้ได้!
หญิงสาวตัดสินใจแล้ว ก่อนที่วายร้ายตัวพ่อจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน เธอจะทำให้เด็ก ๆ มาเป็นพวกของเธอก่อน แม้ว่าเธอจะไม่สามารถหยุดสามีตัวร้ายให้กลายเป็นมารได้ แต่เธอก็คงจะไม่ตายอนาถเกินไป
ยามนี้การสนทนาที่น่ารักของลูก ๆ เป็นเหมือนเพลงกล่อมเด็ก ไม่นานหูเจียวเจียวที่เจอเรื่องวุ่นวายมาทั้งวั้นก็ผล็อยหลับไป
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
จู่ ๆ ภูตจิ้งจอกก็ถูกปลุกด้วยเสียงของแตกเหมือนมีคนเข้ามาทำลายข้าวของ
ทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากนอกประตู
"ไอ้สารเลว เจ้ากล้ามากนะที่มารังแกสงชิวของข้า วันนี้ข้าต้องสั่งสอนพวกเจ้าให้สำนึก!"
“ไอ้เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่บังอาจมาทำร้ายสงชิว ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ ไอ้เด็กเวร!”
หูเจียวเจียวขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
ใครมาเอะอะโวยวายอะไรหน้าบ้าน?
หญิงสาวคิดพลางผุดลุกขึ้นจากที่นอน แต่เธอไม่พบลูก ๆ ในบ้านเลยจึงส่งผลให้ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจเธอทันที
เมื่อหญิงสาวออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอก เธอก็เห็นว่าหลงหลิงเอ๋อถูกหญิงอ้วนคนหนึ่งกระชากผมของนางอยู่
ในขณะเดียวกัน หางของหลงเหยาก็ถูกผู้หญิงคนนั้นใช้เท้าบดขยี้ ทำให้ร่างมังกรดิ้นอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
ส่วนเด็กผู้ชายอีก 3 คนที่เหลือก็เข้าไปทุบตีผู้บุกรุกอย่างโกรธแค้น แต่แขนขาเล็ก ๆ นั้นทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย เพียงแค่นางสะบัดตัวเบา ๆ พวกเขาก็พากันกระเด็นไปคลุกขี้เถ้าที่อยู่บนพื้นแล้ว
อีกทั้งฟืนที่กองไว้อย่างประณีตตรงลานหน้าบ้านก็ถูกนางผลักลงมาจนกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
แม้แต่รั้วไม้ก็ยังถูกเตะล้มกลายเป็นช่องโหว่กว้าง
ทันใดนั้น ความโกรธของหูเจียวเจียวก็พุ่งถึงขีดสุด
“อีอ้วน! หยุดนะ! เจ้ากล้าแตะต้องลูกของข้างั้นเรอะ!”
หญิงสาวก้าวไปตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา พลางกระชากผมของผู้หญิงคนนั้นด้วยมือทั้ง 2 ข้างแล้วเหวี่ยงนางไปข้างหลังอย่างแรง
หูเจียวเจียวเป็นผู้หญิงของเผ่าจิ้งจอก เธอจึงไม่แข็งแรงนัก แต่หากเป็นการโจมตีอย่างกะทันหันมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แรงกระชากนั้นทำให้หนังศีรษะของสตรีที่ถูกทำร้ายแทบจะหลุดติดมือภูตจิ้งจอกมา
"โอ๊ย! เจ็บ! ปล่อยนะอีชั่ว! ปล่อยข้านะ..."
ขณะนี้ใบหน้าของหญิงร่างท้วมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีอมเขียวเพราะความเจ็บปวด พร้อมกันนั้นนางก็โบกมือไปมาในอากาศเพื่อพยายามข่วนใบหน้าของหูเจียวเจียว
จิ้งจอกสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังนางก็คอยหลบหลีกมือที่พุ่งเข้ามา จากนั้นเธอดึงผมของอีกฝ่ายแรงขึ้นแล้วดึงมันลงกับพื้นอย่างไร้ความปรานี
ในขณะที่เธอกระชากผมศัตรู เธอก็พูดกับนางเสียงลอดไรฟันว่า "ถ้าเจ้ากล้ามาแตะต้องลูกของข้าอีกล่ะก็ ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ อีอ้วน! ไอ้เด็กเหลือขอนั่นก็สารเลว พวกเจ้ามันเลวกันทั้งครอบครัว!"