ตอนที่แล้วบทที่ 5: วันนี้นางโดนผีสิง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7: กระชากหนังหัวของนางออก 

บทที่ 6: ใครมันกล้าแตะต้องลูกของข้า! 


หูเจียวเจียวเดินตามหาเด็ก ๆ ไปทั่วอย่างกระวนกระวาย และในที่สุดเธอก็เห็นร่างเล็กขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้หลังบ้าน

ภายใต้แสงจันทร์อันเย็นยะเยือก เด็กน้อยตัวผอมโซน่าสมเพชกำลังขดตัวกอดกันกลมเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ภาพนั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกกังวลอยู่พักหนึ่ง

“พวกเจ้ามานอนอยู่ที่นี่ทำไม กลับบ้านไปนอนในห้องกับแม่เถอะ”

เมื่อลูก ๆ ได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ พวกเขาก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจและมองดูเจ้าของเสียงด้วยท่าทางหวาดกลัว

ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่!?

คิดไว้ไม่มีผิด การที่นางแค่ให้อาหารอร่อย ๆ กับเรา ที่จริงมันเป็นกับดัก ตอนนี้เรากำลังจะถูกจับไปขังแล้วถูกทุบตีอีกใช่ไหม?

เมื่อหูเจียวเจียวเห็นดวงตาที่ตื่นตระหนกของลูก ๆ เธอก็พอจะเดาออกว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่

เจ้าของร่างเดิมดูถูกลูกของตนว่าเป็นสวะไร้ค่า แล้วนับประสาอะไรกับการให้เด็ก ๆ เข้าไปนอนในบ้าน เด็กน้อยผู้น่าสงสารไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไปเหยียบในบ้านแม้แต่ปลายเล็บ มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง

เด็กพวกนี้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กกำพร้า ไม่สิ เลวร้ายยิ่งกว่าเด็กกำพร้าเสียอีก!

หูเจียวเจียวรู้สึกหดหู่อยู่ในใจ พอเธอเห็นว่าอีกฝ่ายกลัวตัวเองแค่ไหน ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดเบา ๆ ว่า "แม่แค่อยากให้พวกเจ้ากลับไปนอนในบ้าน ข้างนอกมันหนาวนะ เดี๋ยวพวกเจ้าจะไม่สบายเอา"

แม้ว่าภูตจะแข็งแรงแต่พวกเด็ก ๆ ขาดสารอาหารมานานจนร่างกายผ่ายผอมกว่าคนอื่นมาก แล้วนี่ก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง พวกเขาต้องป่วยแน่นอนถ้ายังออกมานอนข้างนอกตอนกลางคืนแบบนี้อยู่ตลอด

ครั้งนี้จิ้งจอกสาวไม่สามารถโน้มน้าวเหล่าเด็กน้อยได้อีก

ต่อมา หลงอวี้ยืนขึ้นต่อหน้าพี่น้องที่อายุน้อยกว่าราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขามและปฏิเสธเธอทันที "เราจะนอนที่นี่ ท่านกลับไปเถอะ"

หนุ่มน้อยคนนี้เพิ่งกินอาหารของเธอไปก็หันมาเนรคุณกันแล้วหรือ?

หูเจียวเจียวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามล่อพวกหลงอวี้ด้วยอาหารอีกครั้ง

"หลิงเอ๋อมานี่มะ กลับไปนอนกับแม่ แล้วพรุ่งนี้เช้าแม่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้ากิน"

ในเมื่อหญิงสาวไม่สามารถสื่อสารกับหลงเหยาได้ ดังนั้นนางจึงทำได้แค่พุ่งเป้าไปที่หลงหลิงเอ๋อเท่านั้น

"จริงหรือ?" เมื่อเด็กสาวคิดถึงเนื้อแสนอร่อยที่เพิ่งได้กินไป นางก็อดเลียริมฝีปากไม่ได้

พรุ่งนี้นางจะได้กินเนื้ออร่อย ๆ แบบนั้นอีกใช่ไหม?

“จริงสิ แม่ไม่หลอกเจ้าแน่นอน ขอแค่เจ้าเชื่อฟังแม่ แม่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้ากินทุกวันเลย” หูเจียวเจียวพยายามพูดหว่านล้อมอย่างอดทน

ได้กินเนื้อทุกวันด้วย!

แล้วพวกเราจะไม่หิวอีกต่อไป!

ความคิดเหล่านี้ทำให้ดวงตาสีเข้มขนาดเล็กของหลงหลิงเอ๋อเป็นประกายทันที

“แล้วท่านแม่ยังจะตีเราอีกไหม?”

“แม่จะไม่ตีพวกเจ้าอีก ก่อนหน้านี้แม่ไม่ดีเอง ต่อจากนี้แม่จะไม่ตีลูกอีกแล้ว แม่สัญญา!” ผู้เป็นแม่ตอบอย่างมั่นใจ

“ถ้าอย่างนั้นท่านก็สาบานต่อหน้าเทพอสูร!” หลงหลิงเอ๋อฉลาดที่สุดในบรรดาลูกทั้ง 5 จึงคิดวิธีต่อรองกับอีกฝ่าย

โดยทั่วไปแล้วเผ่าภูตไม่กล้าสาบานกับเทพอสูร หากใครผิดต่อคำสาบาน เทพอสูรจากสวรรค์จะลงโทษคนคนนั้น

ซึ่งหูเจียวเจียวก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และเธอยังคงตกลงตามคำขอของเด็กสาวโดยไม่มีเงื่อนไข เธอยกมือขวาขึ้นอย่างใจเย็นก่อนจะชู 4 นิ้วที่เป็นสัญลักษณ์ของคำสัตย์สาบาน

“ตกลง แม่ขอสาบานกับเทพอสูรว่าแม่จะไม่ทุบตีพวกเจ้าอีก มิฉะนั้น แม่จะต้องตายภายใน 3 วัน 7 วัน”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากผู้เป็นแม่ ดวงตาของเหล่าเด็กน้อยที่ได้ยินก็สว่างขึ้น

นางกล้าสาบานจริง ๆ!

เยี่ยมมาก ถ้านางกล้าตีพวกเราอีก นางต้องตายแน่!

"พี่ใหญ่ เราลองเชื่อใจนางสักครั้งเถอะ" หลงหลิงเอ๋อสะกิดแขนของหลงอวี้ด้วยมือเล็ก ๆ พลางกระซิบพูดคุยกัน

เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับพี่น้องทั้ง 5 คือการถูกแม่เฆี่ยนตีอย่างทารุณ แต่ถ้าอีกฝ่ายผิดคำสาบาน นางจะถูกเทพอสูรลงโทษจนตายทันที การลองเชื่อเรื่องนี้เพื่อแลกกับอาหารทุกวันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากในความคิดของเด็ก ๆ

เมื่อหลงอวี้มองหน้าน้องชายกับน้องสาวที่ผอมแห้งของเขา ในที่สุดเขาก็พยักหน้ารับเงียบ ๆ

จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันไปมองหูเจียวเจียวก่อนจะพูดว่า "ก็ได้ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ"

พอหญิงสาวได้ยินว่าเด็ก ๆ ตกลงที่จะกลับไปนอนบ้าน เธอก็รู้สึกมีความสุขมาก ดูเหมือนว่าเด็กพวกนั้นเต็มใจเชื่อตนเองแล้ว

ยามที่ภูตจิ้งจอกเดินเข้ามาใกล้ เหล่าลูกน้อยก็ยืนเกร็งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ทันที

ในเวลาต่อมา หูเจียวเจียวก้มลงอุ้มหลงเหยาที่กำลังขดตัวอยู่บนกองฟางขึ้นมาก่อนจะมุ่งตรงไปที่บ้าน

"กลับบ้านไปนอนกันเถอะ"

หลงเหยาที่มีรูปร่างเป็นมังกรสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ เขาจึงมุดตัวเข้าไปซุกในอ้อมกอดของอีกคนเพื่อหาท่านอนที่สะดวกสบายแล้วก็ผล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน

ทางด้านเด็ก ๆ ที่เหลือเฝ้าดูแผ่นหลังของแม่ใจยักษ์ไปอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่านางไม่มีทีท่าว่าจะหันหลังกลับ พวกเขาจึงตามนางไป

ปัจจุบันหนังสัตว์ชิ้นสุดท้ายถูกหูเจียวเจียวตัดไปทำผ้าเช็ดตัวแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงเตียงที่ทำจากหญ้าตั้งอยู่ในบ้าน

หญิงสาวจึงปล่อยให้เด็กทั้ง 5 นอนบนเตียงหญ้าที่เคยเป็นของตัวเอง จากนั้นเธอก็เดินไปที่ลานบ้านเพื่อนำหญ้าแห้งอีกกองหนึ่งมาปูไว้ที่ประตู

นั่นทำให้เด็กตัวเล็ก ๆ มองดูคนเป็นแม่ที่กำลังหลับอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าประหลาดใจ

หญิงชั่วคนนั้นปล่อยให้พวกเรานอนบนเตียงของนางจริงหรือ?

“พี่ใหญ่ วันนี้นางเสียสติไปแล้วหรือเปล่า นางให้เรานอนบนเตียงของนางเนี่ยนะ...”

“ไม่รู้สิ อย่าเพิ่งไว้ใจนางกันล่ะ รอดูไปก่อน”

“ใช่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นคือสุนัขจิ้งจอก แล้วสุนัขจิ้งจอกก็เจ้าเล่ห์ที่สุด เจ้าจะไว้ใจนางไม่ได้!”

"แต่พี่สาม ท่านก็เป็นจิ้งจอกเหมือนกัน..."

“ยังไงนางก็เป็นคนเลวอยู่วันยันค่ำ นางสมควรตาย”

เมื่อลูก ๆ เห็นว่าหูเจียวเจียวไม่ขยับตัว พวกเขาก็คิดว่าเธอหลับไปแล้วจึงจับกลุ่มคุยกันด้วยเสียงกระซิบที่แผ่วเบา

ทว่าจิ้งจอกสาวที่ยังหลับไม่สนิทได้ยินเสียงลูกพึมพำทุกคำ เธอจึงลอบเผยรอยยิ้มช่วยไม่ได้ออกมา

ช่างเถอะ ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ

ตอนนี้เธอเป็นคนที่มีนิ้วทองอย่างมิติเก็บของนับไม่ถ้วนที่มีของเติมเต็มอยู่ตลอด เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะใจเด็กตัวจ้อยพวกนี้ได้!

หญิงสาวตัดสินใจแล้ว ก่อนที่วายร้ายตัวพ่อจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน เธอจะทำให้เด็ก ๆ มาเป็นพวกของเธอก่อน แม้ว่าเธอจะไม่สามารถหยุดสามีตัวร้ายให้กลายเป็นมารได้ แต่เธอก็คงจะไม่ตายอนาถเกินไป

ยามนี้การสนทนาที่น่ารักของลูก ๆ เป็นเหมือนเพลงกล่อมเด็ก ไม่นานหูเจียวเจียวที่เจอเรื่องวุ่นวายมาทั้งวั้นก็ผล็อยหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้น

จู่ ๆ ภูตจิ้งจอกก็ถูกปลุกด้วยเสียงของแตกเหมือนมีคนเข้ามาทำลายข้าวของ

ทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากนอกประตู

"ไอ้สารเลว เจ้ากล้ามากนะที่มารังแกสงชิวของข้า วันนี้ข้าต้องสั่งสอนพวกเจ้าให้สำนึก!"

“ไอ้เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่บังอาจมาทำร้ายสงชิว ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ ไอ้เด็กเวร!”

หูเจียวเจียวขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

ใครมาเอะอะโวยวายอะไรหน้าบ้าน?

หญิงสาวคิดพลางผุดลุกขึ้นจากที่นอน แต่เธอไม่พบลูก ๆ ในบ้านเลยจึงส่งผลให้ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจเธอทันที

เมื่อหญิงสาวออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอก เธอก็เห็นว่าหลงหลิงเอ๋อถูกหญิงอ้วนคนหนึ่งกระชากผมของนางอยู่

ในขณะเดียวกัน หางของหลงเหยาก็ถูกผู้หญิงคนนั้นใช้เท้าบดขยี้ ทำให้ร่างมังกรดิ้นอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด

ส่วนเด็กผู้ชายอีก 3 คนที่เหลือก็เข้าไปทุบตีผู้บุกรุกอย่างโกรธแค้น แต่แขนขาเล็ก ๆ นั้นทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย เพียงแค่นางสะบัดตัวเบา ๆ พวกเขาก็พากันกระเด็นไปคลุกขี้เถ้าที่อยู่บนพื้นแล้ว

อีกทั้งฟืนที่กองไว้อย่างประณีตตรงลานหน้าบ้านก็ถูกนางผลักลงมาจนกระจัดกระจายไปทั่วพื้น

แม้แต่รั้วไม้ก็ยังถูกเตะล้มกลายเป็นช่องโหว่กว้าง

ทันใดนั้น ความโกรธของหูเจียวเจียวก็พุ่งถึงขีดสุด

“อีอ้วน! หยุดนะ! เจ้ากล้าแตะต้องลูกของข้างั้นเรอะ!”

หญิงสาวก้าวไปตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา พลางกระชากผมของผู้หญิงคนนั้นด้วยมือทั้ง 2 ข้างแล้วเหวี่ยงนางไปข้างหลังอย่างแรง

หูเจียวเจียวเป็นผู้หญิงของเผ่าจิ้งจอก เธอจึงไม่แข็งแรงนัก แต่หากเป็นการโจมตีอย่างกะทันหันมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แรงกระชากนั้นทำให้หนังศีรษะของสตรีที่ถูกทำร้ายแทบจะหลุดติดมือภูตจิ้งจอกมา

"โอ๊ย! เจ็บ! ปล่อยนะอีชั่ว! ปล่อยข้านะ..."

ขณะนี้ใบหน้าของหญิงร่างท้วมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีอมเขียวเพราะความเจ็บปวด พร้อมกันนั้นนางก็โบกมือไปมาในอากาศเพื่อพยายามข่วนใบหน้าของหูเจียวเจียว

จิ้งจอกสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังนางก็คอยหลบหลีกมือที่พุ่งเข้ามา จากนั้นเธอดึงผมของอีกฝ่ายแรงขึ้นแล้วดึงมันลงกับพื้นอย่างไร้ความปรานี

ในขณะที่เธอกระชากผมศัตรู เธอก็พูดกับนางเสียงลอดไรฟันว่า "ถ้าเจ้ากล้ามาแตะต้องลูกของข้าอีกล่ะก็ ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ อีอ้วน! ไอ้เด็กเหลือขอนั่นก็สารเลว พวกเจ้ามันเลวกันทั้งครอบครัว!"

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด