บทที่ 5: วันนี้นางโดนผีสิง!
แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะใจวายร้ายเหล่านี้
หูเจียวเจียวถอนหายใจแล้วยืนขึ้นเพื่อนำหนังสัตว์ที่เหลืออีก 3 ผืนไปยื่นให้ตรงหน้าลูก ๆ คนอื่น "พวกเจ้าจะเปลี่ยนกันเองหรือจะให้แม่เปลี่ยนให้ดี?"
จากนั้นเธอก็พูดต่ออีกประโยค
"ถ้าพวกเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพวกเจ้าจะได้กินข้าว ถ้าไม่เปลี่ยนก็ไม่ได้กิน"
หญิงสาวรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ไม้อ่อนกับเด็กพวกนี้ และเธอต้องเข้มงวดในเวลาที่เธอควรเข้มงวดด้วย
แต่เด็กทั้ง 3 ยังไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับตัว
หูเจียวเจียวเองก็ทำเป็นไม่สนใจพวกเขาแล้วเดินไปข้างเตาเพื่อผึ่งเสื้อผ้าเปียกให้แห้ง จากนั้นเธอก็หยิบถ้วยออกมาใส่ข้าว 6 ใบและอีก 6 ใบใส่หมูตุ๋นหอม ๆ ลงไป
กลิ่นหอมของหมูตุ๋นที่เคี่ยวจนเข้มข้นทำให้เด็กที่หิวโหยท้องร้องเสียงดัง และน้ำลายของพวกเขาแทบจะไหลออกมาจากมุมปาก
เนื่องจากคำพูดของหลงจงซึ่งเป็นพี่ชายคนที่ 3 หลงหลิงเอ๋อจึงไม่กล้าเข้าใกล้ผู้เป็นแม่อยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ทางด้านน้องคนสุดท้องอย่างหลงเหยารีบคลานไปตามกลิ่นของอาหารโดยสัญชาตญาณ
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นเช่นนั้น เธอก็หยิบถ้วยหมูตุ๋นขึ้นมาแล้วใช้ตะเกียบคีบหมูตุ๋นยื่นไปที่ปากของหลงเหยา
“เหยาเอ๋อ อยากกินไหม?”
เจ้ามังกรน้อยกะพริบตาสีแดงราวกับพยายามจะแยกแยะว่าเนื้อนั้นกินได้หรือไม่ แต่สุดท้ายความหิวก็อยู่เหนือกว่าเหตุผลทั้งหมด เขาจึงเปิดปากงับหมูตุ๋นที่ถูกส่งมาทันที
ร่างมังกรของเขายาวประมาณ 1 ช่วงแขนเท่านั้น และเนื่องจากการขาดสารอาหารมานาน เขาจึงแทบจะไม่โตขึ้นเลย อีกทั้งเขายังเป็นลูกที่หูเจียวเจียวคนเดิมเกลียดที่สุดด้วย
หลังจากที่มังกรตัวเล็กงับหมูตุ๋นมาหนึ่งคำ เขาก็กลืนลงท้องแบบไม่ต้องเคี้ยวเลย
จากนั้นหลงเหยาก็เปิดปากอีกครั้งทันทีในขณะที่เขามองหูเจียวเจียวด้วยดวงตาสีทับทิมราวกับกำลังรออาหารคำต่อไป
หญิงสาวไม่คาดคิดมาก่อนว่าลูกของตัวร้ายที่โหดเหี้ยมที่สุดในนิยายเล่มนี้คือคนที่ว่าง่ายที่สุด
ถัดมา เธอคีบหมูตุ๋นอีกชิ้นขึ้นมาป้อนให้เจ้าตัวเล็กด้วยอารมณ์ที่เบิกบานพลางเอ่ยเตือนเบา ๆ ว่า "เหยาเอ๋อ ค่อย ๆ กินนะ ยังมีให้กินอีกเยอะเลย!"
ทว่าหลงเหยาไม่ฟังคำเตือนของเธอเลยสักนิด เขางับหมูตุ๋นแล้วกลืนลงท้องอย่างตะกละตะกลามทันที
เขาเต็มใจเข้าหาฉันเพราะสัญชาตญาณความหิว ไม่ใช่เพราะเขาเชื่อในตัวหูเจียวเจียว
เมื่อภูตจิ้งจอกคิดได้เช่นนั้น เปลือกตาของเธอก็กระตุก
เอิ่ม... งั้นก็กินไปเถอะ กินไปเยอะ ๆ เลยนะ เดี๋ยวเด็กมันก็ชินเองแหละ…
พอหลงหลิงเอ๋อเห็นว่าน้องชายคนสุดท้องกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย และหูเจียวเจียวก็อ่อนโยนมาก ดูจากท่าทางแล้วนางไม่ได้ตั้งใจจะทุบตีใครเลย เด็กสาวจึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่อย่างเขินอาย
จากนั้นสาวน้อยเลื่อนสายตามองไปที่ตะเกียบในมือของแม่ด้วยสีหน้ามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง
นั่นคืออะไรน่ะ?
ในเวลาเดียวกันก็มีของบางสิ่งเย็น ๆ ถูกยัดเข้ามาในมือของนาง
หลงหลิงเอ๋อก้มหน้าลงมองของในมือทันที ของสิ่งนี้ดูแปลกตามาก มันมีรูปร่างเป็นแท่งยาว ๆ ที่ตรงปลายโค้งมนและแบน
เมื่อเด็กสาวเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นคนเป็นแม่ยิ้มให้ตนอย่างอ่อนโยน "หลิงเอ๋อ นี่คือ ‘ช้อน’ เจ้าใช้มันตักข้าวกินแบบนี้นะ"
ในระหว่างที่หูเจียวเจียวพูด เธอหยิบช้อนขึ้นมาและทำการสาธิตวิธีใช้ให้เด็กสาวดูโดยใช้ช้อนตักหมูตุ๋นก่อนจะขยับไปที่ปากของเจ้าตัวเล็ก
หลงหลิงเอ๋ออ้าปากโดยไม่รู้ตัวแล้วรับอาหารไว้ในปาก ทันใดนั้นต่อมรับรสของนางก็ได้ลิ้มรสชาติของหมูสามชั้นที่นุ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสทันที พร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยแสงแห่งความสุข
เนื้อนี้อร่อยมาก!
จากนั้นสาวน้อยก็คว้าถ้วยหมูตุ๋นมาถือทันทีแล้วใช้ช้อนตักอาหารกินด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น เด็กหนุ่มอีก 3 คนที่อยู่ไม่ไกลก็เริ่มเลียปากตนเอง
หูเจียวเจียวเห็นปฏิกิริยานั้นก็แอบอมยิ้ม แต่แทนที่เธอจะหันไปมองพวกเขา เธอกลับหยิบถ้วยข้าวอีกใบมาวางตรงหน้าหลงหลิงเอ๋อ "เอ้านี่ ถ้าพวกพี่ ๆ ไม่กิน มันจะเป็นของหลิงเอ๋อและเหยาเอ๋อทั้งหมดเลย"
ภูตทุกคนชอบกินเนื้อและหญิงสาวไม่รู้ว่าลูก ๆ จะชินกับการกินเนื้อเพียงอย่างเดียวหรือไม่ แต่เธอไม่สามารถกินแค่เนื้อได้จริง ๆ เธอจำเป็นต้องกินอาหารหลักอย่างอื่นด้วย เธอจึงต้องลองหุงข้าวให้เด็ก ๆ กินดูก่อน
บัดนี้หลงหลิงเอ๋อที่ได้ลิ้มรสอาหารมื้อนี้ลืมความกลัวไปจนหมดสิ้น ก่อนที่นางจะตักข้าวหนึ่งช้อนเต็มแล้วส่งเข้าปากไป
ทันใดนั้นดวงตากลมโตก็สว่างไสวขึ้นทันที
หวาน…นุ่ม…เห็นชัด ๆ ว่ามันไม่ใช่เนื้อ แต่มันหอมกว่าเนื้ออีก!
"อร่อยมากเลยท่านแม่ อาหารที่ท่านทำอร่อยจริง ๆ..."
หลงหลิงเอ๋อชื่นชมอาหารแปลกตาตรงหน้าแล้วก็กินมันอย่างเอร็ดอร่อย
ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วว่านางจะโดนทุบตีหรืออะไรก็ตาม การที่นางได้กินอิ่มขนาดนี้มันคุ้มค่าที่จะยอมเสี่ยงตายแล้ว
“ดูเหมือนว่านางจะเปลี่ยนไปจริง ๆ…” หลงเซียวแอบกระซิบกับพี่น้องอีก 2 คน
แม้ว่าเขาจะตาบอด แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าหูเจียวเจียวกับหลงหลิงเอ๋อเข้ากันได้ดีมาก
นางไม่ดุเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หลังจากที่หลงจงได้ยินคำพูดของพี่ชายคนรอง ใบหน้าของเขาก็ยิ่งบูดบึ้งมากขึ้น เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “มันต้องเป็นอุบายของนางแน่ ๆ ข้าไม่เชื่อว่านางจะใจดีขึ้น”
ทันทีที่พูดจบ ท้องของเขาก็ร้องโครกครากประหนึ่งว่ามันประท้วงเจ้าของร่างว่ามันทนไม่ไหวแล้ว
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของหลงอวี้เปลี่ยนเป็นจริงจัง และเขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว "เปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนเถอะ แล้วมาดูกันว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่"
กลิ่นอาหารที่โชยมามันช่างเย้ายวนมากจนเหล่าเด็กน้อยที่ผอมโซทนไม่ไหวจริง ๆ
ไม่นานลูกชายทั้ง 3 ก็ถอดเสื้อผ้าที่เปียกออก แล้วผูกหนังสัตว์ไว้รอบเอวเหมือนเป็นกระโปรง จากนั้นแต่ละคนก็หยิบถ้วยหมูตุ๋นไปนั่งกินข้างน้องสาว
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นไปผึ่งเสื้อผ้าที่เปียกของเด็กหนุ่มทั้ง 3 ไว้ข้างเตา เสร็จแล้วเธอก็กลับมากินข้าวเย็นต่อ
กับข้าวมื้อเย็นนี้แต่ละคนจะได้กินหมูสามชั้น 5 ชิ้นพร้อมกับข้าวร้อน ๆ ถ้วยใหญ่ 1 ถ้วย หญิงสาวที่ลากสังขารเดินตามหาบ้านมาทั้งวันกินจนเกลี้ยงถ้วย ส่วนทางด้านลูกทั้ง 5 ของเธอนั้นเลียถ้วยจนไม่เหลือแม้แต่น้ำมันสักหยด
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเสร็จ ผู้เป็นแม่ก็เสิร์ฟน้ำข้าวอีกถ้วยให้พวกเขาล้างปาก
ขณะนั้นเด็กน้อยทั้ง 5 คนเดินเรียงแถวมารับน้ำข้าวไปอย่างว่าง่าย โดยที่น้ำข้าวของหลงเหยาถูกวางลงบนพื้นตรงนั้นเลย ส่วนหลงเซียวซึ่งตาบอดเดินมารับอาหารเป็นคนสุดท้าย ทว่าเมื่อถึงคิวของเด็กหนุ่ม เขากลับเผลอทำถ้วยหล่นเพราะเขามองไม่เห็น
เพล้ง!!
น้ำข้าวหกกระจายเต็มพื้น และภาชนะก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ทันใดนั้นใบหน้าของหลงเซียวก็ซีดเผือดลง ดวงตาที่ว่างเปล่าของเขามองตรงไปข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก และเขารีบพูดขอโทษอย่างกระวนกระวาย "ข้าขอโทษๆๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ตีข้าคนเดียวก็พอ อย่าตีคนอื่น..."
เจ้าของร่างเดิมนั้นเกลียดลูกของตัวเองมาก ตราบใดที่ลูกคนใดคนหนึ่งทำผิด ทุกคนจะถูกแม่ใจยักษ์เฆี่ยนตีอย่างโหดร้ายทารุณ
ในขณะเดียวกัน เด็กอีก 4 คนที่เหลือก็มองไปที่หูเจียวเจียวอย่างกระสับกระส่ายเช่นกัน ราวกับว่าตราบใดที่ผู้หญิงคนนั้นแสดงปฏิกิริยาว่าต้องการจะตีใครสักคน พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้กับนางได้ทุกเมื่อ
หูเจียวเจียวมองไปที่เศษกระเบื้องบนพื้น นางไม่ได้โกรธแต่อย่างใดและก้าวไปคว้ามือของลูกชายคนรองไว้
“มือโดนลวกไหม มือเจ้าแดง ๆ นะ นี่! ทำไมเจ้าไม่ร้องเลยล่ะ เห็นไหมว่ามือตัวเองแดงมากเลย!”
เนื่องจากหลงเซียวมองไม่เห็น เขาจึงไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก ผิวของเขาจึงขาวซีด และตอนนี้มือสวย ๆ คู่นั้นก็กลายเป็นสีแดงก่ำซึ่งสังเกตเห็นได้ชัดเจนมาก
เพียงแค่จิ้งจอกสาวมองไปที่บาดแผลของลูกชาย มันก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ
ต่อมา เธอดึงเขาไปที่ถังน้ำก่อนจะจับมือบอบบางจุ่มลงในน้ำ
ตัวหลงเซียวนั้นมีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนคนทั่วไป แต่ความเจ็บปวดนี้ไม่เจ็บเท่ากับตอนที่โดนผู้เป็นแม่ทุบตี
เมื่อผิวหนังได้สัมผัสกับความเย็น อาการปวดแสบปวดร้อนของเขาก็บรรเทาลงมาก
วินาทีนั้น หลงเซียวรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ
นาง... นางไม่ได้ดุด่าหรือตีข้าเลย นางกลับเป็นห่วงว่าข้าจะเจ็บซะงั้น นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!
จากนั้นเขาก็ตกอยู่ในภวังค์ตลอดเวลา จนกระทั่งหูเจียวเจียวเอามือของเขาออกจากน้ำ
พอได้สติเด็กหนุ่มก็รีบขอโทษอีกครั้ง "ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรทำอาหารหก มันเป็นความผิดของข้าเอง..."
"ไม่เป็นไร มันก็แค่ถ้วยใบหนึ่ง ร่างกายลูกสำคัญกว่า" หูเจียวเจียวยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางเป่ามือของเด็กหนุ่มเบา ๆ และถามว่า "ยังเจ็บอยู่ไหม?"
หลงเซียวยังคงมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะส่ายหัวตอบว่า “ไม่ มันไม่เจ็บแล้ว”
“ดีแล้ว ถ้าไม่เจ็บแล้ว เดี๋ยวแม่จะตักน้ำข้าวมาให้อีกถ้วย”
หูเจียวเจียวลูบหัวของหนุ่มน้อย จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นไปตักน้ำข้าวอีกชาม ครั้งนี้เธอรอให้มันเย็นลงเล็กน้อยก่อนจะส่งให้เขา
อีกด้านหนึ่ง เด็กคนอื่น ๆ ที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดรู้สึกยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
วันนี้นางต้องถูกผีเข้าสิงแน่ ๆ!
นอกจากผู้หญิงคนนั้นจะตัดหนังสัตว์ที่นางหวงแหนที่สุดเอามาแจกจ่ายให้กับพวกเขาแล้ว นางยังทำอาหารแสนอร่อยมากมายให้พวกเขาด้วย แม้ว่าหลงเซียวจะทำอาหารหก นางก็ยังคงอ่อนโยนกับเขาเหมือนเดิม
นี่ยังเป็นนางมารร้ายคนนั้นอยู่ใช่ไหม?
หลังจากที่ทุกคนกินจนอิ่มแล้ว หูเจียวเจียวก็ปล่อยให้เด็ก ๆ เข้าไปในบ้านเพื่อพักผ่อน จากนั้นเธอก็ถือหม้อ, ชาม, ตะเกียบและช้อนมุ่งหน้าไปที่แม่น้ำ
เมื่อนางกลับมาจากล้างจาน นางก็พบว่าภายในห้องว่างเปล่า
ลูก ๆ หายไปไหนกันหมด!!
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ลูกหาย!! คลาดสายตาไม่ได้เลย เจียวเจียวไปตามหาลูกด่วน!