บทที่ 28: ลู่เมี่ยนเอ๋อเข้าใจเธอผิด
ขณะนี้ดวงตาสีดำแวววาวของหลงหลิงเอ๋อที่เปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์นั้นแตกต่างไปจากท่าทางก้าวร้าวที่คอยแผ่รังสีอำมหิตอยู่ตลอดเวลาที่หูเจียวเจียวเห็นในความฝันของเธอ
หากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่ามือที่จับชายกระโปรงของผู้เป็นแม่กำลังสั่นอยู่เล็กน้อย
ท่าทางของสาวน้อยคนนี้บ่งบอกได้ว่านางต้องรวบรวมความกล้ามากมายแค่ไหนกว่าที่จะทำเช่นนี้ได้
ในยามที่สบสายตากันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของหูเจียวเจียวก็พองโตราวกับว่ามีปุยเมฆที่อ่อนโยนคอยห่อหุ้มไว้รอบ ๆ พลันในใจของเธอก็รู้สึกอยากจะดูแลเจ้าตัวเล็กคนนี้ให้ดีที่สุด
พอหญิงสาวเปิดปากพูด เสียงที่เธอเปล่งออกมาก็เบาลงโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมแม่ต้องเกลียดหลิงเอ๋อด้วยล่ะ แม่ไม่ได้โกรธเจ้าหรอกนะ”
จากนั้นเธอยื่นมือไปจับมือหลงหลิงเอ๋อ ก่อนจะเดินไปหาพวกหลงอวี้และพิสูจน์ด้วยการกระทำของตนว่าจะไม่กดขี่ข่มเหงพวกเขาเหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งเธอจะไม่ทุบตีลูกของตัวเองอย่างไร้เหตุผลด้วย
แต่ในทุกย่างก้าวของผู้เป็นแม่ทำให้เด็ก ๆ ที่เหลือเม้มริมฝีปาก พร้อมกับที่ความระแวดระวังในใจแต่ละคนจางลงโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เห็นหลงจงไม่พูดหักหน้าหูเจียวเจียว หรือเขาอาจจะไม่อยากให้คนอื่นมายุ่งเรื่องครอบครัวของตนเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนนอก
ในเวลาเดียวกัน หลงหลิงเอ๋อจับมือของแม่จิ้งจอกเดินกลับมาหาพี่น้องด้วยมือเล็ก ๆ และสีหน้าของนางก็เปี่ยมสุข "ข้ารู้สึกดีใจที่ท่านแม่ไม่โกรธ"
น้ำเสียงที่แสดงออกมานี้จริงใจมากซึ่งไม่เหมือนกับเสียงเอาอกเอาใจเพื่อความอยู่รอดแบบแต่ก่อน มันเปลี่ยนไปเป็นความสุขที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจของเด็กสาว
หูเจียวเจียวเองก็ได้รับรังสีที่แผ่ออกมา ทำให้เธอรู้สึกปีติยินดีไปด้วย จากนั้นเธอก็หันไปขอบคุณหญิงสาวตรงหน้าอย่างสุภาพ "ลู่เมี่ยนเอ๋อ ขอบคุณที่เจ้าเมตตาเด็กพวกนี้ ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องแอบนำอาหารมาให้เด็ก ๆ แล้วก็ได้ เพราะลูกของข้าไม่ได้อดอยากเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
เธอจำได้ว่าลูก ๆ จะกลายเป็นตัวร้ายที่ทำสิ่งชั่วร้ายทุกรูปแบบ และพวกเขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับลู่เมี่ยนเอ๋อในฐานะนางเอก และเป็นเพราะเหล่าเด็กน้อยคิดถึงมิตรภาพของหญิงสาวที่หยิบยื่นให้ตนในสมัยเด็ก พวกเขาจึงไม่มีใครกล้าลงมือฆ่านาง
แต่ต่อมาเด็กพวกนี้ถูกอิงหยวนผู้เป็นพระเอกตัดหัวไปทีละคนเพราะเหตุนี้ และชะตากรรมของพวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าแม่ที่เป็นเจ้าของร่างเดิมเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหูเจียวเจียวนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในนิยาย เธอก็ไม่ต้องการให้เด็ก ๆ มีปฏิสัมพันธ์กับลู่เมี่ยนเอ๋อมากนัก
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ ปีศาจ ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวทั้งนั้น
เธอยังหวังอย่างเห็นแก่ตัวว่าลูก ๆ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและอยู่รอดปลอดภัย เพื่อที่ในอนาคตพวกเขาจะได้ไม่ไปทำร้ายลู่เมี่ยนเอ๋อกับอิงหยวน
พอนางเอกของเรื่องได้ยินคำพูดของนางร้าย นางก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนที่ร่องรอยของความโกรธจะเอ่อล้นออกมาจากแก้มของหญิงสาวผู้ไร้เดียงสา
"หูเจียวเจียว เจ้ากำลังพยายามจะทำอะไร... เด็กพวกนี้ผอมลงมากแล้ว ถ้าเจ้าไม่ให้อาหารพวกเขากินก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมเจ้าถึงห้ามไม่ให้คนอื่นให้อาหารพวกเขา มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
ใบหน้าที่บอบบางและอ่อนแอของนางแดงก่ำด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง แม้ภายใต้ความโกรธ เสียงของนางก็ยังฟังดูนุ่มนวล ส่งผลให้คำกล่าวหาที่นางพูดออกมาดูไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่
"หา? ไม่ ข้า..." หูเจียวเจียวผงะกับคำพูดของอีกฝ่าย
เมื่อเธอมองดูรูปร่างหน้าตาที่ดูน่าทะนุถนอมของลู่เมี่ยนเอ๋อ เธอก็บอกได้เลยว่านางคู่ควรกับการเป็นนางเอกของเรื่องจริง ๆ ถึงแม้ว่านางจะกำลังโกรธ แต่ด้วยภาพลักษณ์นี้ทำให้นางดูน่าสงสารไปเสียอย่างนั้น
ไม่น่าแปลกใจที่อิงหยวนจะคลั่งรักหญิงสาวคนนี้มาก
ในฐานะนางเอกของเรื่อง ลู่เมี่ยนเอ๋อมีประสบการณ์ชีวิตที่น่าสังเวช การตายที่น่าสลดใจของพ่อผู้ให้กำเนิดของนาง ทำให้ครอบครัวตกระกำลำบาก ตลอดเวลาที่เติบโตขึ้นมา ลู่เมี่ยนเอ๋อมักจะถูกผู้อื่นรังแกอยู่เสมอ แต่เนื่องด้วยนางเป็นคนที่อ่อนโยน ในหนังสือบรรยายว่าอิงหยวนตกหลุมรักนางจนโงหัวไม่ขึ้น อีกทั้งเขายังพยายามทุกวิถีทางเพื่อดูแลนางให้ดีที่สุด
แต่หูเจียวเจียวไม่ใช่ผู้ชาย ดังนั้นรูปลักษณ์แบบนี้มันทำอะไรเธอไม่ได้
หญิงสาวกำลังจะอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้ชัดเจน แต่ทันใดนั้นเสียงของหลงจงก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
“นี่ พวกเราจะกลับกันได้หรือยัง ผู้หญิงพวกนี้พูดมากเสียจริง”
เมื่อหูเจียวเจียวหันกลับไปมองทางต้นเสียง เธอก็เห็นว่าเด็ก ๆ เดินกลับบ้านกันแล้ว ส่วนหลงลิงเอ๋อก็กำลังพยายามดึงมือเธอให้เดินไปกับนาง
อย่างไรก็ตาม จิ้งจอกสาวไม่ได้ตั้งใจที่จะผูกมิตรกับลู่เมี่ยนเอ๋ออยู่แล้ว ดังนั้นการแก้ไขความเข้าใจผิดของลูก ๆ จึงสำคัญกว่า!
หูเจียวเจียวเลยไม่สนใจหญิงสาวอีกคนแล้วรีบเดินตามลูกน้อยกลับบ้าน
พอแม่จิ้งจอกกับครอบครัวเดินออกไป ลู่เมี่ยนเอ๋อก็ตามอีกฝ่ายไม่ทัน และทำได้เพียงเฝ้าดูร่างของเหล่าเด็กตัวเล็กหายไปจากสายตาอย่างเป็นกังวล
"เมี่ยนเอ๋อ!"
จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นจากข้างหลังหญิงสาว นางจึงหันกลับไปก่อนจะเห็นว่ามีนกอินทรีสีดำกำลังบินลงมาจากท้องฟ้า ในชั่วพริบตา มันก็กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ทั้งแข็งแรงและทรงพลัง
“อาหยวน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
เมื่อลู่เมี่ยนเอ๋อเห็นคนที่มาเยือนก็ยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ
อิงหยวนเดินไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่คมคายของเขา "ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่"
ลู่เมี่ยนเอ๋อกำลังจะเข้าใกล้ แต่ทันใดนั้นดวงตาของนางก็แข็งค้าง ก่อนจะหันหน้าหนีไปอย่างเขินอาย
"อาหยวน สวมเสื้อผ้าก่อน มันคงจะดูไม่ดีถ้ามีใครมาเห็นเข้า..."
ตามปกติแล้ว ภูตเพศเดียวกันมักจะไม่สวมเสื้อผ้าเวลาที่อยู่ต่อหน้ากัน แต่ในตอนที่พบกับเพศตรงข้าม พวกเขาถึงจะใช้หนังสัตว์ปกปิดส่วนสำคัญ
“เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว จากนี้ไปเจ้าสามารถมองดูร่างกายของข้าได้เต็มที่ แล้วตอนนี้ที่นี่ก็มีเพียงเรา 2 คน เจ้าจะสวมเสื้อผ้าไปทำไม?”
อิงหยวนหัวเราะเบา ๆ พลางกระเซ้าเย้าแหย่หญิงสาวที่กำลังเขินอายจนหน้าแดงก่ำ
“อาหยวน!” ลู่เมียนเอ๋อเอ็ดอีกฝ่ายแล้วก็ทำท่ากระทืบเท้าขัดใจ
อินทรีหนุ่มจึงเปลี่ยนไปพูดแทะโลมว่า "เอาล่ะ ๆ ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้วก็ได้ ข้าไม่ได้เอาเสื้อผ้าติดตัวมาด้วย งั้นพวกเรากลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปสวมเสื้อผ้าที่บ้าน ตกลงไหม?"
เวลาต่อมา ลู่เมี่ยนเอ๋อนั่งบนหลังของสามีที่แปลงร่างด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวลงเล็กน้อยเพราะนางกลัวความสูงจึงทำได้เพียงแต่กอดร่างแปลงของชายหนุ่มไว้แน่น
ในขณะเดียวกัน กรงเล็บของอิงหยวนยังคว้าเนื้อที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะเคยถามขึ้นมาอย่างสงสัยว่า "เมี่ยนเอ๋อ เจ้าเอาอาหารมาให้เด็กพวกนั้นอีกแล้วหรือ ทำไมวันนี้พวกเขาไม่กินล่ะ?"
เนื่องจากสถานการณ์ที่บ้านของลู่เมี่ยนเอ๋อก็ไม่ต่างจากพวกหลงอวี้ นางมักจะถูกภูตคนอื่นรังแก และไม่ได้รับส่วนแบ่งอาหารที่เพียงพอหรือมีเสื้อผ้าอบอุ่นไว้สวมใส่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องคอยสนับสนุนภรรยาสาวโดยการนำเหยื่อมาส่งให้นางทุกวัน และด้วยความเห็นใจ นางจึงแบ่งเนื้อพวกนี้ให้กับลูก ๆ ของหูเจียวเจียว
อิงหยวนรู้เรื่องการแบ่งเนื้อนี้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะเกลียดหูเจียวเจียว แต่เขาก็ไม่ห้ามลู่เมี่ยนเอ๋อทำในสิ่งที่นางอยากทำ
เมื่อหญิงสาวคิดว่าทำไมวันนี้เด็ก ๆ ถึงไม่กินเนื้อ นางก็ถอนหายใจด้วยท่าทางเป็นกังวล
นางอธิบายเสียงเบาว่า “หูเจียวเจียวมาพบเข้าก็เลยพาเด็ก ๆ กลับไป”
“หูเจียวเจียวอีกแล้ว หญิงชั่วนั่นรังแกเจ้าอีกแล้วหรือ?”
ดวงตานกอินทรีของอิงหยวนเต็มไปด้วยความรังเกียจยามที่ได้ยินชื่อของหูเจียวเจียว
"เปล่า ข้าแค่สงสารเด็กพวกนั้น พวกเขาคงต้องทนหิวอีกแล้ว..." ลู่เมี่ยนเอ๋อส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
พอชายหนุ่มได้ยินเสียงของคนรัก หัวใจของเขาก็อ่อนลงเพราะเห็นว่านางกำลังเสียใจ เขาจึงรีบปลอบใจนาง
“เมี่ยนเอ๋อ เจ้าน่ะใจดีเกินไป เจ้าเด็กเหลือขอพวกนั้นมีพ่อแม่ หากพวกเขาอดตาย เจ้าก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วย เจ้าไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”
ไม่นานเสียงของทั้ง 2 ก็ค่อย ๆ หายไปตามสายลม...
...
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวและเด็กทั้ง 5 ก็กลับมาถึงบ้านพอดี
เธอกำลังจะนำรองเท้าที่ทำขึ้นมาใหม่ให้ลูก ๆ ลอง แต่เธอก็นึกขึ้นได้ว่ามีเพียงหลงเหยาเท่านั้นที่ไม่มีรองเท้าใส่ ดังนั้นเธอจึงแอบหยิบห่อปลาแห้งออกมาจากมิติแล้วแกะถุงเทลงในชามกระเบื้องสีขาวเพื่อเป็นของปลอบใจให้มังกรตัวน้อย
ตอนนี้เหล่าเด็กน้อย 5 คนล้วนเท่าเทียมกัน เธอไม่ควรเอาอกเอาใจใครมากกว่าคนอื่น แล้วเธอก็ไม่อยากให้หลงเหยารู้สึกว่าตนกำลังลำเอียงด้วยจึงทำเช่นนี้
“ลูกเอ๋ย มานี่สิ แม่มีอะไรจะให้พวกเจ้า”
เมื่อเจ้าตัวเล็กทั้งหลายได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ก็เดินเรียงกันมาที่ประตู พลางมองดูของแปลกประหลาดที่อยู่ในมือของเธออย่างอยากรู้อยากเห็น
“ท่านแม่ นี่คืออะไร?” หลงหลิงเอ๋อแสดงท่าทีสนใจของแปลกใหม่ออกนอกหน้า
“นี่คือรองเท้า มันมีเอาไว้ใส่เท้า มันจะช่วยปกป้องเท้าของพวกเจ้าไม่ให้ได้รับบาดเจ็บเวลาเดินไปไหนมาไหนข้างนอก” หูเจียวอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ภูตที่โตเต็มวัยสามารถเดินทางในร่างสัตว์ได้ แต่ลูกภูตยังไม่สามารถควบคุมการแปลงร่างได้อย่างชำนาญ จึงทำให้พวกเขามักจะมีบาดแผลที่ฝ่าเท้า บางคนโชคร้ายถึงขั้นติดเชื้อจนตาย
คำอธิบายนั้นลูกทั้ง 5 ฟังไม่เข้าใจกันเลยสักคน แม้แต่หลงหลิงเอ๋อก็ยังทำหน้านิ่งไปสักพัก
"หลิงเอ๋อ มานี่สิ แม่จะช่วยใส่ให้ มาลองดูว่ามันพอดีไหม" หูเจียวเจียวย่อตัวลงช่วยเด็กสาวใส่รองเท้า
เท้าเล็ก ๆ ของนางมีขนาดเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่เท่านั้น และหญิงสาวได้ประเมินขนาดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่มันก็ยังหลวมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกับการเดินมากนัก
“ท่านแม่ พอใส่รองเท้าแล้วข้ารู้สึกแปลก ๆ แต่มันก็นุ่มสบายมาก...”
หลงหลิงเอ๋อลองสวมรองเท้าคู่ใหม่แล้วเดินไปรอบบ้านด้วยสีหน้าร่าเริงสดใส