บทที่ 26: ทำรองเท้าให้ลูก ๆ
ขณะนี้หลงจงกับหลงหลิงเอ๋อมองไปที่ประตูอย่างประหม่า
ทันใดนั้นก็มีเงาดำพุ่งเข้ามาพันรอบตัวพวกเขา
"เสี่ยวเหยากลับมาแล้วหรือ ทำไมตัวเจ้ามีกลิ่นแปลก ๆ..."
หลงเซียวที่ได้ยินการเคลื่อนไหวระบุได้อย่างรวดเร็วว่าคนที่เข้ามาคือหลงเหยา
แต่เขากลับได้กลิ่นบางอย่างผิดปกติเพิ่มเข้ามา...
"ก็วันนี้เจ้าห้า….ปล่อยของไปจนหมดไส้หมดพุง" หลงหลิงเอ๋อบีบจมูกด้วยมือข้างหนึ่งโดยที่อีกข้างจับร่างมังกรของน้องชายแล้วลากเขาออกจากประตู "เสี่ยวเหยา เจ้าตัวเหม็นมาก รีบไปล้างตัวเร็วเข้า ไม่งั้นวันนี้แม่ไม่ให้กินเนื้อนะ..."
"แค่ก ๆ ..." พี่ชายคนรองที่ตามองไม่เห็นซึ่งกำลังสูดดมกลิ่นในอากาศอย่างระมัดระวัง จู่ ๆ ก็เหมือนจะสำลักอากาศจนไอออกมา
ในเวลาเดียวกัน หลงอวี้ที่กำลังเดินเข้าประตูมาก็ยกมือขึ้นปิดจมูกทันที
เมื่อหลงหลิงเอ๋อเห็นว่าไม่มีใครตามพี่ใหญ่มาข้างหลัง นางจึงคิดจะถามเขาว่าทำไมแม่ไม่กลับมาด้วย ทว่าจู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงของหูเจียวเจียวดังมาจากนอกประตู "ลูกเอ๋ย แม่กลับมาแล้ว ลุงรองก็มาด้วย มาทักทายกันเร็ว"
ลุงรอง!
เขาคือลุงจิ้งจอกหน้าตาดีที่มักจะมาส่งอาหารให้แม่ใจร้าย แต่กลับปล่อยให้พวกเขานั่งดูด้วยความหิวโหยเท่านั้น!
พอเด็กทั้ง 5 คนได้รู้ว่าผู้มาเยือนเป็นใครก็ขมวดคิ้วพร้อมกัน
พวกเขาไม่ประทับใจอะไรในตัวของหูชิงเกา ไม่สิ! ต้องบอกว่าพวกเขาไม่มีความประทับใจที่ดีต่อครอบครัวของหญิงชั่วคนนั้นเลยแม้แต่คนเดียว
นั่นจึงทำให้ 5 พี่น้องเลือกที่จะหลบอยู่ในบ้านไม้โดยไม่ออกไปทักทายแขกตามมารยาท
เมื่อครู่ที่ผ่านมาหูเจียวเจียวเร่งฝีเท้าเดินกลับบ้าน พอเธอใกล้ถึงบ้านก็บังเอิญเห็นหลงอวี้กำลังเดินเข้าบ้านไปพอดี เธอรู้ทันทีว่าพวกเขาไม่อยากออกมาพบหน้าคนในครอบครัวของเจ้าของร่างเดิม เธอจึงพาหูชิงเกาไปดูเนื้อที่ลานบ้านแทน
"เหยื่อพวกนี้…ไอ้สวะไร้ประโยชน์หลงโม่จับมาเองหรือ?"
หูชิงเกาตกใจจนต้องอ้าปากค้างหลังจากที่เขาเห็นเนื้อสัตว์ที่แขวนอยู่ตรงลานบ้าน
เมื่อวานตอนที่พ่อแม่ของเขากลับมาก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง แต่ตัวเขากับน้องอีก 2 คนไม่เชื่อ ชายหนุ่มไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงด้วยซ้ำ
“พี่รอง หลงโม่ไม่ใช่สวะไร้ประโยชน์ ต่อจากนี้ไปท่านอย่าพูดถึงเขาแบบนี้อีกเลย”
หูเจียวเจียวเอ่ยแก้คำพูดของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าจริงจัง
ถ้อยคำว่าร้ายพวกนี้เธอไม่อยากให้ตัวร้ายในนิยายมาได้ยินเลย ไม่อย่างนั้นตัวเธอเองนั่นแหละที่จะต้องตายอย่างอนาถ
“ก็ได้ พี่รองจะไม่เรียกเขาแบบนั้นอีก”
หูชิงเกาผู้คลั่งไคล้น้องสาวของตัวเองตอบรับอย่างไม่มีเงื่อนไขก่อนจะถามอีกครั้งว่า "แล้วทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงส่งเหยื่อกลับมาน้อยนักล่ะ เขาจงใจรังแกเจ้าหรือเปล่า?"
“ไม่ พี่รอง ก่อนหน้านี้เขาก็ส่งเหยื่อกลับมาตามปกตินั่นแหละ แต่ว่าของทั้งหมดถูกคนในเผ่าแอบขโมยไป ข้าเองก็เพิ่งจับได้เมื่อวานนี้ พวกเขาเลยเอามาคืน”
จากนั้นหญิงสาวก็เล่าเหตุการณ์ให้หูชิงเกาฟังว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นตามความจริง
หลังจากที่คนเป็นพี่ชายได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นทันที
“ใครกัน ใครมันกล้าขโมยเหยื่อของเจ้าไป พี่จะไปหักขาของพวกมัน!”
ทันใดนั้นชายหนุ่มรูปหล่อก็กลายร่างเป็นชายชราขี้บ่นเป็นหมีกินผึ้ง
หูเจียวเจียวเห็นอย่างนั้นก็รีบดึงเขากลับมาด้วยรอยยิ้ม "พี่รอง ทุกอย่างเรียบร้อยดี ต่อจากนี้ไปพวกเขาคงไม่กล้าทำอีกแล้ว"
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้สำหรับหญิงสาวก็คือเธอจะต้องดูแลลูก ๆ และครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมไม่ให้ประสบกับภัยพินาศ เธอไม่อยากสร้างปัญหาเพราะความยุ่งเหยิงที่หูเจียวเจียวคนเก่าทิ้งไว้ ในอนาคตถ้ามีใครกล้ามารังแกเธออีก เธอคงไม่ยอมอยู่เฉยกล้ำกลืนความโกรธเหมือนที่ร่างเดิมเคยทำแน่นอน
อีกทั้งอนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เธอไม่สามารถไปกะเกณฑ์คนอื่นได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมพี่ชายคนรองให้ใจเย็นลงเท่านั้น
เวลาต่อมา หูชิงเกาเองก็ยืนกรานที่จะให้เธอเก็บไก่ฟ้าทั้ง 3 ตัวไว้กิน
ระหว่างที่ไก่ฟ้าร้องเสียงดัง ลูกทั้ง 5 คนที่ได้ยินเสียงก็โผล่หัวออกมาจากบ้านไม้ ในขณะที่หลงจงจ้องไปยังไก่ฟ้าตาไม่กะพริบ
หูเจียวเจียวเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของลูกชายคนที่ 3
แล้วจู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างออก
ถึงอย่างไรเสีย หลงจงก็เป็นสุนัขจิ้งจอกเพียงคนเดียวในบรรดาลูก ๆ ทั้ง 5 คน และสุนัขจิ้งจอก... ดูเหมือนจะชอบกินไก่
ภาพนั้นทำให้จิ้งจอกสาวกลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว เธอจึงรับไก่ฟ้าที่พี่ชายคนรองมอบให้แลกกับเนื้อชิ้นใหญ่ โดยบอกกับอีกฝ่ายว่าหากเขาไม่รับเนื้อชิ้นนี้กลับไป เธอก็จะไม่รับไก่ฟ้าไว้เช่นกัน
เมื่อหูชิงเการู้ว่าน้องสาวสุดที่รักไม่ได้ขาดแคลนอาหาร เขาก็หมดห่วงจึงรับเนื้อชิ้นใหญ่นั้นกลับไป
นี่เป็นเนื้อสัตว์ที่น้องเล็กให้ข้า ถ้าพี่น้องอีก 3 คนรู้เข้าพวกเขาจะต้องอิจฉาข้ามากแน่ ๆ!
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะขอตัวกลับ เขาก็สังเกตเห็นหนังสัตว์หลายชิ้นที่ห้อยอยู่ด้านหลังเนื้อ
เขาจึงเอ่ยปากถามด้วยความลังเล “น้องเล็ก เจ้าเอาหนังสัตว์มาห้อยไว้ทำไม กำลังทำอะไรอยู่หรือ?”
หูเจียวเจียวชำเลืองมองตามสายตาอีกฝ่ายไป หนังสัตว์พวกนี้เธอเพิ่งทำความสะอาดมันไปเมื่อวาน
“อ๋อ ข้าจะตากมันให้แห้งก่อนแล้วค่อยเอาไปทำเสื้อผ้าให้ลูก ๆ”
เมื่อวานนี้หญิงสาวลอกหนังสัตว์ออกมาได้ทั้งหมด 6 แผ่น เนื่องจากความไม่ชำนาญจึงทำให้หนังของจิ้งจอกขาวได้รับความเสียหาย ส่วนที่เหลือทั้งหมดยังถือว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
แต่หนังสัตว์ที่ได้มาก็เพียงพอที่จะตัดเย็บเสื้อผ้าให้เด็ก ๆ ได้เพราะว่าตัวของลูกน้อยทั้งหลายมีขนาดเล็ก
เมื่อหูชิงเกาได้ยินเช่นนั้นก็ทำท่าทางแปลก ๆ
“น้องเล็ก...ถ้าเราจะเอาหนังสัตว์ไปใช้ตัดเย็บเสื้อผ้า เราจะเอามันมาตากแดดแบบนี้ไม่ได้ พอหนังสัตว์โดนแดด มันก็จะแข็งแล้วใส่ยาก” เขาอธิบายติดตลกเล็กน้อย
หูเจียวเจียวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ในขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งค้าง "อย่างนั้นหรือ..."
จากนั้นเธอก็ตรงไปสัมผัสหนังสัตว์อย่างรีบร้อน และพบว่ามันแข็งอย่างที่พี่ชายพูด มันไม่เหมือนชุดหนังสัตว์นุ่ม ๆ ที่เธอสวมใส่เลยสักนิด
คิ้วที่เรียวสวยของจิ้งจอกสาวขมวดมุ่น แล้วสีหน้าของเธอก็ดูเศร้าหมองลง ถ้าเธอรู้ตัวเร็วกว่านี้ เธอจะไปถามคนในเผ่าเกี่ยวกับวิธีการฟอกหนังสัตว์...
ก่อนหน้านี้หญิงสาวคิดเพียงว่าแค่นำมันไปซักแล้วเอามาตากให้แห้งก็สามารถใช้ได้เลย
เมื่อหูชิงเกาเห็นว่าใบหน้าของหูเจียวเจียวดูไม่สู้ดีนัก เขาจึงรีบปลอบโยนอีกฝ่ายว่า "ไม่เป็นไรสาวน้อย นี่เป็นหนังสัตว์เพียงไม่กี่แผ่น ในเมื่อมันพังไปแล้วก็ช่างมันเถอะ เจ้าอยากได้หนังสัตว์แบบไหน พี่รองคนนี้จะหามาส่งให้เจ้าถึงมือเลย!”
“ขอบคุณพี่รอง ท่านไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น เอาเป็นว่าครั้งหน้าพี่รองช่วยมาสอนข้าฟอกหนังสัตว์ด้วยดีกว่า!”
หญิวสาวส่ายหัวปฏิเสธ เพราะเธอไม่อยากงอมืองอเท้ารอรับของจากคนอื่นเหมือนเจ้าของร่างเดิม
เนื่องจากเธอทำผิดพลาดไป ดังนั้นเธอจะจดจำบทเรียนในครั้งนี้และเรียนรู้มัน
"ตกลง!" หูชิงเกาพยักหน้าซ้ำ ๆ ตอบรับคำขอของผู้เป็นน้องสาว
พอหูเจียวเจียวส่งพี่ชายคนรองออกไปจากบ้านเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินมาสัมผัสหนังแข็ง ๆ อีกครั้งอย่างเหม่อลอย
น่าเสียดายจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหนังสัตว์เหล่านี้จะใช้ทำเสื้อผ้าไม่ได้ แต่มันยังสามารถนำมาใช้เย็บรองเท้าได้ 3-4 คู่ เท่าที่เธอสังเกต เธอพบว่าภูตที่นี่ไม่มีรองเท้าใส่กัน ซึ่งตัวเธอเองกับลูก ๆ ก็เดินเท้าเปล่า
แต่ถ้าจะให้พูดตามตรง เธอไม่ชินกับการไม่สวมรองเท้าเวลาเดินเลย
หลังจากวางแผนในใจแล้ว แม่จิ้งจอกก็ลงมือทำทันที เธอใช้เวลาว่างที่ลูก ๆ ออกไปเล่นข้างนอกโดยการเข้าไปในมิติเพื่อหาเข็มกับด้าย แล้วนำออกมาทำรองเท้าหนังตามความทรงจำในวัยเด็กที่เธอเคยเห็นคุณยายของตนเย็บรองเท้าใส่เองตอนอยู่ในหมู่บ้านแถบชนบท
นอกจากงานเย็บปักถักร้อยแล้ว เธอยังต้องหาผ้ามาบุไว้ข้างในเพิ่มด้วย ดังนั้นหูเจียวเจียวจึงตัดสินใจใช้ผ้าที่หนากว่ามาทำพื้นรองเท้าข้างใน แล้วหุ้มด้วยหนังสัตว์ไว้ด้านนอกอีกที ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผู้สวมใส่รองเท้ารู้สึกสบาย เวลาเดินไปไหนมาไหนจะได้ไม่เจ็บเท้าแล้วยังให้ความอบอุ่นได้อีกด้วย
อาจเป็นเพราะร่างเดิมไม่เคยทำงานหนักมาก่อน เท้าของเธอจึงเรียวสวยไร้ที่ติไม่ต่างจากมนุษย์ผู้หญิงในสมัยโบราณที่วัน ๆ อยู่แต่ในบ้าน บวกกับภูตมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่า การทำรองเท้าจึงเป็นเรื่องง่ายมาก
จิ้งจอกสาวใช้เวลาไม่นาน แล้วในที่สุดรองเท้าเล็ก ๆ 4 คู่ก็เสร็จเรียบร้อย
เนื่องด้วยหลงเหยายังไม่ได้แปลงร่างเป็นมนุษย์และเธอไม่รู้ขนาดเท้าของเขา เพราะฉะนั้นหญิงสาวเลยไม่ได้เย็บรองเท้าให้เขา
หูเจียวเจียวมองไปที่รองเท้าขนาดเล็กและมีเอกลักษณ์ 4 คู่ในมือของตัวเองอย่างพึงพอใจ
ฝีเข็มที่เย็บรองเท้าทั้ง 4 คู่นี้ค่อนข้างประณีต แต่เนื่องจากวัสดุธรรมดาที่เธอใช้ รูปลักษณ์ภายนอกของมันจึงดูเรียบง่าย แต่ในแง่ของการใช้งานถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด
จากนั้นเธอก็เริ่มทำรองเท้าของตัวเองบ้างหลังจากที่เธอทำรองเท้าของเด็ก ๆ เสร็จแล้ว
ยามที่หญิงสาวเพ่งสมาธิทำงานเย็บปักถักร้อยมานาน เธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าจนผล็อยหลับพิงแท่นหินในลานบ้านก่อนที่รองเท้าของเธอจะเสร็จ
…
เมื่อหูเจียวเจียวลืมตาขึ้นอีกครั้งก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา
เธอรีบเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนจะพบว่าพระอาทิตย์เฉียงไปทางทิศตะวันตกเล็กน้อย บัดนี้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวราวกับแอปเปิ้ลต้มสุก
ในขณะเดียวกัน มือของหญิงสาวชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
ถัดมา จิ้งจอกสาวใช้มือตบแก้มของตัวเองโดยใช้สัมผัสที่เย็นเฉียบปลุกตัวเองให้มีสติกลับคืนมา
เธอกำลังฝันร้าย!