บทที่ 15: บ้านถูกทำลาย
“ไอ้หมีอ้วนเอ๊ย ข้าไม่ยอมให้เจ้าเอาเหยื่อของข้าไปหรอกนะ!”
ในขณะนั้นหลงจงกับหลงหลิงเอ๋อปรี่เข้าไปกอดขาทั้ง 2 ข้างของผู้บุกรุกเอาไว้
“เจ้ามัวทำอะไรอยู่ กะอีแค่เด็กเหลือขอพวกนี้ก็ยังจัดการไม่ได้อีกรึ?” สงฮวารู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นว่าสามีของตนยังนำเหยื่อออกมาไม่ได้สักที
เห็นได้ชัดว่าสงจวงกำลังรู้สึกเสียหน้าที่ถูกภรรยาต่อว่าเช่นนั้น
ทันใดนั้น กล้ามเนื้อในร่างกายเขาก็ปูดขึ้น ต่อมาเขายกหลงอวี้ที่กำลังกอดแขนของเขาขึ้นมา ก่อนจะลากขาทั้ง 2 ที่มีหลงหลิงเอ๋อกับหลงจงเกาะแน่น
แต่เด็กทั้ง 3 ไม่มีใครยอมปล่อยมือเลยแม้แต่คนเดียว
ก่อนหน้านี้ตอนที่ผู้หญิงสารเลวคนนั้นรู้ว่าโหวเสี่ยวเตียวขโมยเหยื่อไป นางก็รู้สึกโกรธเคืองมากแล้ว ถ้านางกลับมาแล้วพบว่าพวกเขาทำเหยื่อหายอีก นางจะต้องฆ่าพวกเขาทิ้งแน่ ๆ
"ไอ้สวะไร้ประโยชน์พวกนี้นี่ มา! ข้าเอง!" พอสงฮวาเห็นว่าสงจวงยังถูกเจ้าเด็กเหลือขอเกาะไว้แน่น นางจึงสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย
จากนั้นนางก็พุ่งเข้าไปแกะมือของหลงหลิงเอ๋อกับหลงจงออก
"อึก…"
ตอนนี้เด็กทั้ง 2 ตัวสั่นด้วยความเจ็บปวด แต่พวกเขาก็ยังกอดขาของผู้บุกรุกไม่ยอมปล่อย
นั่นยิ่งทำให้สงฮวาโมโหมากขึ้น นางจึงปล่อยมือแล้วหันไปคว้าก้อนหินก้อนใหญ่ขึ้นมาจากบนพื้น ก่อนจะโยนมันเข้าใส่บ้านซอมซ่อ
โครม!
“ไอ้พวกเด็กเหลือขอ! พวกเจ้าจะไม่ยอมปล่อยใช่ไหม? งั้นข้าจะพังบ้านให้ราบเป็นหน้ากลองซะ มาดูกันว่าพวกเจ้าจะทำอะไรได้!”
ในช่วงเวลาปกติ เพียงแค่ลมพัดแรง ๆ เหล่าพี่น้องก็กลัวว่าบ้านของตนเองจะถล่มลงมาแล้ว แต่หลังจากที่มันถูกก้อนหินก้อนใหญ่กระแทกแบบนี้ ไม่นานตามผนังบ้านก็มีรูปรากฏขึ้น
“อีอ้วน หยุดนะ! ห้ามพังบ้านเรา หยุดดด!”
ดวงตาของหลงหลิงเอ๋อเบิกกว้าง นางรีบลุกขึ้นจากพื้นวิ่งไปขวางก้อนหินอีกก้อนที่กำลังลอยมาอย่างลนลาน
โชคดีที่หลงจงหูตาไวมากพอ เขาจึงเข้าไปผลักน้องสาวให้หลบก้อนหินได้ทันเวลา
ตึง!
เมื่อกี้ก้อนหินที่มีน้ำหนักหลาย 10 กิโลกรัมกำลังลอยอยู่เหนือหัวของนาง หากเขาเข้าไปช่วยเด็กสาวช้ากว่านี้แม้เสี้ยวอึดใจเดียว หัวของเจ้าตัวเล็กคงจะถูกก้อนหินทับจนแหลกไปแล้ว
“หลิงเอ๋อ เจ้าอยากตายหรือไง!” คนเป็นพี่ชายตะคอกด้วยความโกรธ
“แต่บ้านเรา… ต่อไปเราจะไม่มีบ้านให้อยู่อีกแล้ว… ฮือๆๆๆ”
พอสาวน้อยถูกตำหนิ น้ำตาที่คอยกลั้นเอาไว้ก็ร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย
“จะร้องไห้ทำไม ก่อนหน้านี้ผู้หญิงสารเลวคนนั้นไม่ยอมให้เราเข้าไปนอนในบ้านด้วยซ้ำ ไม่มีบ้านแล้วจะยังไงล่ะ” หลงจงกัดฟันพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนที่เขาจะยื่นมือเข้าไปเช็ดน้ำตาของน้องสาวแบบลวก ๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่มืออีกข้างหนึ่งก็กำหมัดแน่นจนเล็บจมเข้าไปในเนื้อ
เดิมทีพี่น้องทั้ง 5 มีสภาพไม่ต่างจากลูกหมาจรจัด พวกเขาไม่มีแม้แต่บ้านให้กลับไป แล้วหลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรเหลืออีก...
ในเวลาเดียวกัน หลงอวี้ก็ถูกสงจวงโยนทิ้งลงกับพื้นอย่างแรง
"พี่ใหญ่..." ทางด้านหลงเซียวรีบคลำทางไปตามเสียงนั้นทันที
ในสถานการณ์ครั้งนี้ ไม่ว่าเด็กทั้ง 5 คนจะพยายามขัดขืนแค่ไหน แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงเฝ้าดูคน 2 คนทำลายบ้านของตัวเองและฉกเหยื่อไปอย่างหน้าด้าน ๆ
ขณะเดียวกัน หูเจียวเจียวกำลังเดินกลับบ้าน
ในเวลานั้นเธอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของสงฮวาและเสียงร้องของลูก ๆ ดังมาจากในบ้าน
เธอจึงตกใจแล้วรีบวิ่งกลับไปอย่างร้อนรน
ทันทีที่หญิงสาวกลับไปถึง เธอเห็นสงฮวากำลังทำลายบ้านด้วยก้อนหิน และชายแปลกหน้ากำลังแบกเหยื่อที่เคยวางอยู่กลางลานบ้านไว้
ตอนนี้ตัวบ้านพังไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกทั้งในห้องก็มีสภาพยับเยิน
เมื่อแม่จิ้งจอกมองสำรวจตัวเด็ก ๆ ก็เห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวแต่ละคนมีแต่ฝุ่นเพราะถูกผลักล้มลงกับพื้น
ทางด้านหลงหลิงเอ๋อ นางร้องไห้จนตาบวมในขณะที่กำลังจับมือของหลงจงไว้แน่น
ส่วนเด็กคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีสภาพดีไปกว่านาง สภาพของทุกคนเป็นเหมือนกับลูกหมาที่ถูกไล่ต้อนจนมุม สายตาของพวกเขานั้นเหมือนคนที่พร้อมจะสู้จนตัวตาย
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นฉากสะเทือนใจนี้ ความโกรธของเธอก็พุ่งสูงจนทะลุปรอท เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีควันกำลังออกจากหู
"หยุดนะ!"
ผู้เป็นแม่รีบไปหาลูกก่อนเป็นอย่างแรก "พวกเจ้าเจ็บมากไหม?"
พอเธอได้เห็นสภาพบ้านที่พังทลายไปครึ่งหลัง เธอก็กลัวว่าจะมีเศษหินเศษไม้ตกเข้าใส่เด็ก ๆ จนได้รับบาดเจ็บ
เมื่อได้ยินเสียงของแม่ใจมาร เด็กทั้ง 5 ก็พากันเงียบลง
มีเพียงดวงตาของหลงหลิงเอ๋อเท่านั้นที่เป็นสีแดงก่ำ นางกำลังกัดริมฝีปากสะอื้นไห้ "ท่านแม่ พวกเราไม่เป็นไร แต่พวกมันจะฉกเหยื่อที่ท่านพ่อล่ามาให้เราไป แล้วก็ทุบบ้านของเราด้วย..."
แม้ว่าเด็กพวกนี้ไม่เคยรู้สึกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของตนเองจริง ๆ แต่บ้านที่ทรุดโทรมนี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาโหยหามากที่สุด
ปัจจุบันบ้านไม้ถูกถล่มจนพังเสียหายไปเกินครึ่ง ส่งผลให้ดวงใจน้อย ๆ ของเด็ก 5 คนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่ต่างจากบ้านหลังนี้เลย
“ไม่เป็นไร แม่อยู่นี่แล้ว หลิงเอ๋อไม่ต้องกลัวนะ บ้านเราสร้างใหม่ได้เสมอ...”
หูเจียวเจียวแอบโกรธตัวเองในใจ
แต่เธอก็ยังคงปลอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “แม่จะไม่ปล่อยให้พวกมันมาแย่งเหยื่อของเราไป แม่จะปกป้องลูกเอง ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครหน้าไหนมารังแกเราได้ทั้งนั้น!”
เมื่อหลงหลิงเอ๋อฟังคำพูดของแม่จิ้งจอก นางดูเหมือนจะค่อย ๆ สบายใจขึ้น และเสียงสะอื้นก็เบาบางลงเรื่อย ๆ
ระหว่างนั้นสาวน้อยแอบเงยหน้าขึ้นมองคนให้คำมั่นสัญญาอย่างระมัดระวัง
นางจะ... ปกป้องพวกเราจริง ๆ หรือ?
ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับข้ามาก่อน…ไม่มีใครเคยปกป้องพวกเราเลยสักคน…
แม้แต่ท่านพ่อก็เพียงแค่บอกลูก ๆ ว่า ยามที่พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะสามารถปกป้องตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะถูกรังแกอยู่ร่ำไป
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลงหลิงเอ๋อมองลึกเข้าไปในดวงตาที่แน่วแน่ของผู้เป็นแม่ แล้วนางก็ไม่สงสัยอะไรอีก
ทางด้านสงฮวาเมื่อได้ยินเสียงของผู้มาใหม่ นางก็หันหน้ามามอง พอเห็นว่าเป็นหูเจียวเจียว นางก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“หูเจียวเจียว ข้าคิดว่าเจ้าจะหดหัวอยู่ในกระดองเสียอีก ทำไมตอนนี้ถึงกล้าออกมาแล้วล่ะ?”
“ต่อให้เจ้าก้มลงกราบข้ามันก็ไร้ประโยชน์ เหยื่อพวกนี้เป็นของข้าแล้ว ใครใช้ให้เจ้ามากระชากผมข้าจนหลุดล่ะ คิดเสียว่าเหยื่อพวกนี้เป็นของชดเชยก็แล้วกัน”
สงฮวากล่าวพลางปัดฝุ่นในมือก่อนจะคว้าขาข้างหนึ่งของจิ้งจอกขาวขึ้นมาและมองเยาะเย้ยหูเจียวเจียว
"สงจวง กลับกันเถอะ"
ขณะนี้สามีของนางแบกวัวตัวใหญ่ไว้บนหลัง แล้วก็ลากเหยื่อที่เหลืออีก 2 ตัวเดินออกไปนอกลานบ้านอย่างเชื่อฟัง
"หยุด! พวกเจ้าคิดจะเดินออกจากบ้านข้าไปง่าย ๆ หลังจากที่เข้ามารื้อบ้านจนพังงั้นรึ?"
หูเจียวเจียวพูดพร้อมกับยืนขึ้น บัดนี้ดวงตาที่คมดุจดั่งเหยี่ยวของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
“ท่านแม่...” หลงหลิงเอ๋อดึงเสื้อของแม่ด้วยมือเล็ก ๆ ก่อนจะเรียกเธอด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเล็กน้อย
หญิงชั่วคนนี้จะสู้ผู้บุกรุกทั้ง 2 คนไหวหรือเปล่า?
“อย่ากลัวไปเลย รอให้แม่สั่งสอนเจ้าพวกนั้นให้เสร็จก่อน” หญิงสาวก้มศีรษะลงแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนให้สาวน้อย
ขณะเดียวกัน สงฮวาไม่ได้คาดคิดว่าหูเจียวเจียวจะขวางตนเองไว้
ในอดีต เพียงแค่นางพาสามีมาด้วย ยัยจิ้งจอกนี่ก็จะกลัวจนหัวหดไม่กล้าต่อปากต่อคำเลยสักนิด
"ข้ารื้อบ้านเจ้าแล้วมันผิดตรงไหน? แล้วยังไงล่ะ เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ถ้าแน่จริงก็มารื้อบ้านข้าคืนสิ!"
สงฮวายังคงรู้สึกมั่นใจในชัยชนะมากจึงไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่ายมากนัก
ทันใดนั้นก็มีแสงสีดำสว่างวาบในดวงตาของหูเจียวเจียว
นั่นเป็นความคิดที่ดีทีเดียว!
แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
“วางเหยื่อลงแล้วกลับไปซะ” จิ้งจอกสาวจ้องไปยังวัวที่พาดอยู่บนหลังของสงจวง
แม้ว่าในมิติของเธอจะไม่ขาดแคลนอาหาร แต่เธอก็ไม่อยากให้ยัยหมีตัวใหญ่นี่ได้ใจเกินไป
ถึงแม้ว่าเธอกับลูก ๆ จะกินเนื้อพวกนี้ไม่หมดแล้วปล่อยให้มันเน่าเสีย แต่เธอก็ไม่อยากให้ผู้หญิงพรรค์นี้ได้กินมันอยู่ดี
“หูเจียวเจียว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถ้าเจ้าอยากให้ข้าอยู่ ข้าก็จะอยู่ แต่ถ้าแน่จริงก็เข้ามาแย่งไปให้ได้สิ สวะเอ๊ย”
สงฮวาหัวเราะเยาะออกมาเสียงดังพลางทำสีหน้าดูถูกอีกฝ่าย
"ถ้าพวกเจ้าอยากได้ก็เชิญเอาไปได้เลย..." ดวงตาของหูเจียวเจียวเปลี่ยนเป็นเย็นชา และเธอก็แอบหยิบมีดทำครัวออกมาจากมิติแล้วซ่อนมันไว้ด้านหลังเงียบ ๆ
"ไป พวกเรากลับบ้านไปกินข้าวกันดีกว่า"
สงฮวาโบกมือโดยไม่สนใจคำพูดของคู่กรณี จากนั้นทั้งคู่ก็หันหลังกลับตั้งท่าจะเดินออกไป
เมื่อเหล่าเด็กน้อยได้ยินเสียงที่นุ่มนวลไม่น่ากลัวของหูเจียวเจียวก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงนางมากขึ้น
พวกเขาหลงลืมไปชั่วขณะว่าที่ผ่านมานางมันขี้ขลาดแค่ไหน ในยามที่เป็นฝ่ายถูกรังแก นางไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด
หลงหลิงเอ๋อเงยหน้าขึ้นอย่างผิดหวัง ก่อนหน้านี้เธอเชื่อเข้าไปได้อย่างไรว่าผู้หญิงสารเลวคนนั้นจะสามารถเอาเหยื่อกลับคืนมาได้...
แค่นางทำอาหารให้กินแค่ไม่กี่มื้อก็หลงงมงายไปเชื่อน้ำคำของนางแล้วหรือ
แล้วตัวนางจะไปกล้ามีเรื่องกับสงฮวาเพื่อแย่งเหยื่อคืนมาได้อย่างไร?
ในตอนนั้นเอง หูเจียวเจียวที่เห็นว่าผู้บุกรุกทั้ง 2 หันหลังกลับไปแล้ว เธอก็รีบพุ่งออกไปพร้อมกับถือมีดทำครัวไว้ในมือขวา ก่อนจะกระชากผมของสงฮวาด้วยมือซ้ายทันทีเมื่ออีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว
เสี้ยวอึดใจถัดมา แสงเย็นวูบวาบและปลายแหลมของมีดก็จ่ออยู่ที่คอของนาง
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: รู้จักเจียวเจียวคนนี้น้อยไปซะแล้ว แม่หมีจะได้กลับบ้านครบ 32 ไหมนะ หึ ๆ (หัวเราะแบบชั่วร้าย)