บทที่ 11: อย่าขายหลิงเอ๋อให้กับภูตเร่ร่อน!
ปัจจุบันหลงเหยาเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ว่าหูเจียวเจียวตื่นขึ้นมาแล้ว
เจ้าตัวเล็กยังคงมานะเลียแผลให้แม่ต่อไป
เมื่อหญิงสาวมองไปที่มังกรตัวน้อย เธอก็รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ ปรากฏว่าหลงเหยาที่อายุน้อยที่สุดรู้จักดูแลคนอื่นเป็นด้วย
ทว่าในหัวของหลงเหยานั้น…
ซู้ด~ แผล่บ ๆ! เลือดรสชาติเหมือนเนื้อ อร่อยจัง~
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวยกมือขึ้นแตะหัวเล็ก ๆ ของลูกชายคนสุดท้องด้วยความโล่งใจ
โชคดีที่ภูตมีร่างกายแข็งแกร่ง แม้ว่าเธอจะมีอาการบาดเจ็บ แต่มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมากนัก พอได้รู้ว่าในมิติไม่มียารักษาเลย เธอก็ถึงกับไปไม่เป็น และหญิงสาวไม่รู้จักสมุนไพรท้องถิ่นด้วย เธอจึงทำได้แค่รอให้แผลหายไปเอง
เมื่อจิ้งจอกสาวนึกถึงฝันร้ายเมื่อครู่นี้ เธอก็ไม่อยากอยู่รอความตายเฉย ๆ เธอเลยลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินออกไปที่ลานบ้าน
เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังทำโจ๊กเนื้อหมูไม่ติดมันไว้ก่อนที่เธอจะหมดสติ เด็ก ๆ น่าจะกินข้าวกันหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องออกมาทำความสะอาดหม้อกับเครื่องใช้ในครัวต่าง ๆ
แต่หลังจากที่หูเจียวเจียวออกมาข้างนอก ภาพตรงหน้ากลับทำให้เธอต้องตะลึง
ปรากฏว่าโจ๊กที่ต้มจนเต็มหม้อไม่พร่องลงเลยสักนิด ด้วยระยะเวลาที่ผ่านไปนาน น้ำในหม้อจึงระเหยออกไปหมดจนเหลือแค่ข้าวเหนียว ๆ ติดหม้อ
พอเธอแงนมองท้องฟ้าก็เห็นว่าดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือศีรษะแล้ว
เช้าวันใหม่ผ่านไป ลูก ๆ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหญิงสาวหันหน้าไปมองที่ประตู เธอเห็นเด็ก 4 คนยืนอยู่ในห้องพลางมองมาที่ตนด้วยสายตาระแวดระวัง
“ทำไมพวกเจ้าไม่กินข้าวที่แม่ทำให้ล่ะ?” ผู้เป็นแม่เกาหัวแล้วเอ่ยถามเสียงเบา
“ท่านไม่ได้บอกให้พวกเรากิน” หลงอวี้ยังคงมีสีหน้าจริงจัง
พวกเขาจะไม่ยอมทำอะไรที่คิดว่าอีกฝ่ายจะนำไปใช้เป็นเหตุผลในการเฆี่ยนตีพวกเขาได้
คำตอบนั้นทำให้คนที่ได้ยินชะงักไปชั่วขณะ
หูเจียวเจียวเมื่อก่อนแม้แต่การทำอาหารให้ลูกกินยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง แค่เด็กน้อยไปแตะต้องอาหารของนาง พวกเขาก็ถูกซ้อมปางตายแล้ว ผลที่ตามมาก็คือ ตอนนี้ลูกแต่ละคนไม่กล้าแตะต้องสิ่งของของแม่โดยไม่ได้รับอนุญาตเลย
“ที่ผ่านมาแม่ไม่ดีเอง ต่อจากนี้ไปพวกเจ้ากินข้าวที่แม่ทำได้ทั้งหมดเลยนะ พวกเจ้ากินได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาตจากแม่อีก” หญิงสาวกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ
ทางด้านลูกทั้ง 5 คนเม้มปากไม่พูดอะไรกันสักคำ ขณะที่ในใจของพวกเขายังสับสนว่าควรจะเชื่อคำพูดของผู้เป็นแม่ดีหรือไม่
แม่จิ้งจอกที่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจแล้วหันหลังไปเติมน้ำลงในหม้อก่อนจะจุดไฟเพื่ออุ่นโจ๊กใหม่
"เด็ก ๆ มากินข้าวกันเถอะ" พอสิ้นเสียงของเธอ ร่างสีดำก็พุ่งออกจากประตูอย่างรวดเร็ว
หูเจียวเจียวเห็นอะไรแว้บ ๆ ผ่านไปจึงหันไปมองแล้วพบว่ามังกรสีดำมาปรากฏตัวต่อหน้าตนพร้อมกับคาบชามกระเบื้องไว้ในปาก
"เหยาเอ๋อ เจ้าบินได้!" ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
เนื่องจากในนิยายบรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดของเหล่าตัวร้ายไว้ไม่มากนัก บวกกับเธอมักจะเห็นว่าหลงเหยาคลานไปมากับพื้นตลอด เธอจึงคิดเสมอว่าลูกชายคนเล็กคนนี้คลานได้อย่างเดียวเท่านั้น!
ในเวลาเดียวกัน เจ้ามังกรน้อยกะพริบตาสีแดงปริบ ๆ ก่อนจะยกปลายหางสีดำชี้ไปที่ชามกระเบื้องสีขาวด้วยท่าทางใจร้อน
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาบินไม่ได้ แต่เขาไม่มีแรงบินเพราะไม่ได้กินข้าวเสียมากกว่า
พอได้กินอิ่มแล้วพละกำลังของเขาก็กลับมาเองตามธรรมชาติ
หูเจียวเจียวมองดูหลงเหยาที่อ้อนวอนขออาหาร ท่าทางของเขาตอนนี้ดูไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ เลยสักนิด เขาน่ารักมากจนนางกลั้นหัวเราะไม่ไหว
“ได้เลย แม่จะตักโจ๊กให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
ลองจิตนาการดูว่าชามกระเบื้องสีขาวใหญ่กว่าหัวของหลงเหยา แล้วเจ้าตัวก็คาบมันไว้ในปาก ภาพนั้นจะน่าเอ็นดูขนาดไหน
หูเจียวเจียวตักโจ๊กหมูใส่ชามจนเต็มแล้ววางลงบนพื้น จากนั้นมังกรสีดำก็พุ่งเข้าใส่ชามพร้อมกับฝังหัวเล็ก ๆ ของเขาลงในนั้น
เมื่อเด็กคนอื่นในห้องเห็นการกระทำของน้องชายคนสุดท้อง พวกเขาก็พากันเดินออกมาจากบ้าน
หลังจากที่เด็ก ๆ ได้กินอาหารมื้อแรกของวัน ทุกคนต่างก็คิดว่าโจ๊กหมูที่แม่ทำอร่อยมาก ประกอบกับกลิ่นหอมสดชื่นทำให้พวกเขากินหมดชามอย่างรวดเร็ว
พอหลงหลิงเอ๋อกินหมดถ้วยแรก นางก็ถือถ้วยเปล่าพลางจ้องมองโจ๊กในหม้อพร้อมกับเลียริมฝีปากเบา ๆ แต่นางไม่กล้าขอเพิ่มอีก
“ถ้าอยากเติมก็บอกแม่ได้เลย แม่มีให้กินเต็มที่ ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้พวกเจ้าต้องอดตายแน่”
หูเจียวเจียวเติมโจ๊กหมูให้ลูก ๆ ทีละคนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ขณะนี้นอกจากหลงเหยาแล้ว เด็กอีก 4 คนแสดงสีหน้าซับซ้อนมองแม่จิ้งจอกนิ่ง
ผู้หญิงสารเลวคนนั้นทำตัวแปลกมาก!
นางไม่รู้วิธีการล่าสัตว์ด้วยซ้ำ แล้วนางจะช่วยไม่ให้พวกเขาอดตายได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ร่องรอยของความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเหล่าเด็กน้อย
“ท่านกำลังพยายามจะทำอะไรกับพวกเรากันแน่? ถ้ามีแผนการอะไรก็บอกมาตรง ๆ เถอะ อย่าอ้อมค้อม!” หลงจงจ้องไปที่คนเป็นแม่อย่างโกรธเคือง แล้วมือซีดบางก็เอื้อมไปจับชามกระเบื้องไว้แน่น
“ท่านยังอยากขายหลิงเอ๋อให้กับภูตเร่ร่อนอีกหรือ?” หลงอวี้ถามพร้อมกับจ้องนางมารร้ายนิ่ง
เมื่อหลงหลิงเอ๋อได้ยินเช่นนี้ นางก็มองหูเจียวเจียวด้วยสายตาหวาดกลัว
“ท่านแม่ อย่าขายข้าเลย ข้าทำงานได้… ข้าเก็บผลไม้ให้ท่านกินได้ด้วยนะ...” เด็กสาวรีบพูดเพราะนางกลัวว่านี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของตน
"หืม? ขายให้ภูตเร่ร่อน?"
หูเจียวเจียวกำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ บรรยากาศยามนี้ถึงแย่ลง
เธอแค่อยากให้ลูกกินเยอะกว่านี้ เธอพูดอะไรผิดไปอีกแล้วหรือ?
ในนิยายเรื่องนี้ เจ้าของร่างเดิมเป็นเพียงตัวประกอบ ผู้เขียนจึงไม่ได้เปลืองหมึกมาบรรยายถึงนางสักเท่าไหร่ ส่งผลให้หญิงสาวไม่รู้ว่าหูเจียวเจียวคนเดิมทำอะไรกับลูกตัวเองไปบ้างก่อนที่เธอจะทะลุมิติมาอยู่ที่นี่
ขณะที่เธอกำลังสงสัย หลงจงผู้มีแผลเป็นครึ่งใบหน้าก็ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ทันที เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะโยนถ้วยลงกับพื้น
เพล้ง!
“ข้าคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นกับดัก!”
“อย่ามาใช้อาหารล่อพวกเรานะ ข้าจะไม่กินอาหารของท่านอีก ถ้าท่านกล้าขายหลิงเอ๋อให้กับภูตเร่ร่อน ข้าจะฆ่าท่าน!” ดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองผู้หญิงตรงหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
ในขณะเดียวกัน เด็กคนอื่น ๆ ก็มองหูเจียวเจียวด้วยสายตาดุร้าย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะทำอะไรที่ไม่น่าให้อภัยลงไป
นั่นทำให้หัวใจของหญิงสาวกระตุกวูบ เธอรีบอธิบายอย่างร้อนรนว่า "หลิงเอ๋อเป็นลูกของแม่ แม่จะขายนางให้กับภูตเร่ร่อนได้ยังไง!"
"ข้าได้ยินที่ท่านแม่พูดหมดแล้ว ท่านต้องการแลกหลิงเอ๋อกับหนังสัตว์และเนื้อของภูตเร่ร่อน" หลงอวี้ลูกชายคนโตเปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดของตัวเอง
หากเด็กหนุ่มไม่ได้แอบติดตามนางไปเมื่อ 2-3 วันก่อน เขากับน้อง ๆ คงถูกหลอกแล้ว
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นท่าทางไม่เชื่อของลูก เธอก็อยากจะร้องไห้ ทว่าไม่มีน้ำตาไหลลงมาสักหยด
ยัยคนเก่านี่มันสมควรตายจริง ๆ!
ภูตเร่ร่อนล้วนเป็นพวกนิสัยเสียที่ชอบทรมานและฆ่าผู้หญิง ความจริงแล้วนางต้องการขายลูกสาวให้กับอีกฝ่ายเพื่อแลกหนังสัตว์กับเนื้อเพียงไม่กี่ชิ้น
ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายอย่างอดทน "อันที่จริง แม่ซ่อนอาหารไว้นานแล้ว เราจะมีเนื้อกินกันไปอีกนานเลย พวกเจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะอดตายนะ แล้วแม่ก็ไม่มีทางขายพวกเจ้าเพื่อแลกกับปากท้องของคนที่เหลือด้วย"
เหล่าเด็กน้อยที่ได้ยินเช่นนี้ก็คลายสายตาที่ระแวดระวังลงเล็กน้อย
“จริงหรือ?” พี่ชายคนโตขมวดคิ้วถาม “แล้วทำไมท่านไม่เอามาให้พวกเรากินตั้งแต่ก่อนหน้านี้ล่ะ?”
"ใช่!" หูเจียวเจียวพยักหน้าอย่างจริงจัง "แม่เคยทำตัวโง่เขลาและทำไม่ดีต่อพวกเจ้า แต่ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าแม่คิดผิด แม่จะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น"
เด็ก ๆ ฉลาดมาก นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความผิดพลาดในอดีตจึงตอบรับไปอย่างนั้น
แน่นอนว่าพอลูกทั้ง 5 ได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าของพวกเขากลับมึนงงเล็กน้อย
นางยอมรับผิด?
งั้นต่อจากนี้ไปนางจะทำดีกับพวกเรามากขึ้น…ใช่ไหม?
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าในที่สุดเหล่าเด็กน้อยก็ไม่สงสัยอะไรอีก เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องยากมากจริง ๆ
"เอาเถอะ มากินข้าวกันต่อเร็วเข้า เดี๋ยวข้าวเย็นแล้วจะกินไม่อร่อยเอา" หูเจียวเจียวเผยรอยยิ้มอ่อนโยนพลางยื่นโจ๊กหมูให้หลงจงอีกชามหนึ่ง
จากนั้นเธอพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกว่า "ของพวกนี้ท่านยายกับท่านลุงก็ส่งมาให้ ถ้าทำตกอีก ของดี ๆ จะเสียเปล่านะ"
หลังจากที่จิ้งจอกสาวพูดจบ ไม่ว่าเด็กพวกนี้จะมีสีหน้าอย่างไร เธอก็ก้มลงไปเก็บกวาดโจ๊กที่หกลงบนพื้น
ขณะนั้นน้อง ๆ ที่อายุน้อยกว่ามองไปที่พี่ใหญ่ พอเขาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต พวกเขาจึงกินโจ๊กต่อไปอย่างเงียบ ๆ
มีเพียงหลงเซียวเท่านั้นที่ถือชามกระเบื้องสีขาวพลางใช้นิ้วมือลูบมันเบา ๆ เพื่อสัมผัสสิ่งของแปลกประหลาดที่อยู่ปลายนิ้ว
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของเด็กหนุ่มนั้นซับซ้อนและกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง...
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หลงเหยาทำเราช็อตฟีลมากนะ นึกว่าช่วยแม่เลียแผล ที่ไหนได้ น้องอร่อย 5555555