ตอนที่ 995 เมื่อนั้นเธอจะได้รู้ว่าฉัน ..ไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถมาทำให้ขุ่นเคืองได้!

หัว อี้อู่ โกรธมาก หลินฟาน พูดว่าอะไรนะ? นี่เขาบอกว่าฉันล้ำเส้นมากจนเกินไป?

เมื่อ หัว อี้อู่ ได้ยินคำพูดเช่นนี้เขาก็ได้รู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก หลินฟาน กำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร?

ความขัดแย้งในทางฝั่งของพวกเขา ได้ดึงดูดความสนใจของคนกลุ่มเล็กๆ โดยรอบๆ และเมื่อได้ยิน หลินฟาน กล่าวว่า หัว อี้อู่ ดูจะล้ำเส้นมากจนเกินไป ผู้คนเหล่านี้จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา และมองดู หลินฟาน อย่างดูถูกเล็กน้อย…

ก็ไม่รู้ว่าคนๆ นี้เป็นใคร แต่เขาถึงกลับกล้าพูดแบบนี้กับ หัว อี้อู่? นับได้ว่าพูดจาใหญ่โต และไร้ซึ่งยางอายจริงๆ ใครในที่นี่ไม่รู้ว่า หัว อี้อู่ เป็นเนื้อสดๆ ทั้งในตอนนี้เขาก็ได้ขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของวงการบันเทิงในปัจจุบัน และการกล่าวอะไรออกไปเช่นนี้ มันยังนับได้ว่าเป็นอะไร?

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ต้องพูดถึงทุนที่อยู่เบื้องหลังของ หัว อี้อู่ นั่นก็คือ เชอร์รี่ เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของวงการบันเทิง.. ความแข็งแกร่งของ เชอร์รี่ เอนเตอร์เทนเมนท์ นั้น ..จะทำให้ หัว อี้อู่ เกิดปัญหาขึ้นมาได้ยังไง?

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินจากมุมไหน หลินฟาน คนนี้ เขาก็เพียงแค่พูดจาผายลมออกมาเท่านั้น และนั่นมันก็ทําให้คนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

สําหรับสายตาเหล่านี้ หลินฟาน ขี้เกียจจะสนใจ เพราะพวกเขาจะถูกตบหน้าในอีกไม่ช้า.. และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่จําเป็นที่จะต้องไปสนใจว่าตอนนี้พวกเขากำลังคิดเห็นเช่นไร

“เสี่ยวเยว่ เราไปกันเถอะ” หลินฟาน ได้หันกลับไปกล่าวกับ หนิง เสี่ยวเยว่ และวางแผนที่จะจากไป

“หยุดเลย ฉันถามอะไรคุณออกไป แล้วทำไมคุณถึงยังไม่ตอบ!” หัว อี้อู่ ได้ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธแต่เขาก็พยายามระงับเสียง นั่นเพราะหากไม่ใช่ในพื้นที่สาธารณะเช่นนี้ และเมื่อพิจารณาถึงผลกระทบที่ไม่ดี หัว อี้อู่ ก็คงได้ตะโกนเสียงดังออกไปด้วยความโกรธกว่านี้ ไปแล้ว..

หลินฟาน พูดว่า : “คุณต้องการให้ผมตอบอะไรคุณ?”

หัว อี้อู่ พูดว่า : “คุณบอกว่าฉัน ดูล้ำเส้นจนเกินไป ทำไมคุณถึงได้พูดแบบนี้?”

หลินฟาน ได้พูดตอบไปว่า : “ผมได้พูดแบบนั้นออกไป แล้วคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือคุณจะคิดเห็นอย่างไรมันก็แล้วแต่คุณ!”

หัว อี้อู่ ได้ยิ้ม พร้อมกับได้หัวเราะออกไปด้วยความโกรธ : “ไร้สาระจริงๆ คุณมันช่างไร้สาระจริงๆ! ฉันอาจจะบอกคุณได้ว่าฉันมีภาพยนตร์ที่มีการทุ่มทุนสร้างมหาศาลที่จะเข้าฉายในเร็วๆ นี้ ทั้งฉันยังเป็นดาราชายอันดับหนึ่ง และตามการคาดการณ์ของอุตสาหกรรม ภาพยนตร์เรื่องนี้ของฉัน มันจะต้องเริ่มต้นอย่างน้อย 3 พันล้านหยวน ในเวลานั้นฉันก็จะก้าวขึ้นไปอีกขั้น และกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้า! นอกจากนี้ ฉันอาจเปิดเผยให้คุณได้ทราบว่าฉัน กําลังจะเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์หรูชั้นนําระดับนานาชาติ บอกได้เลยว่าแบรนด์นี้ เป็นฉันคนแรกที่ได้เป็นแบรนด์พรีเซนเตอร์ในประเทศจีน แล้วคุณล่ะ.. มันไปมีสิทธิอะไรจะมาพูดกับฉันแบบนี้?”

ภาพยนตร์ที่มีการทุ่มทุนสร้าง และตามคาดการณ์เอาไว้.. มันจะสามารถสร้างรายได้ทะลุ 3 พันล้าน!

พรีเซนเตอร์แบรนด์หรูชั้นนำระดับสากล!

แค่ฟังดูแล้ว.. มันก็ยอดเยี่ยมมาก!

ทั้งนี้ ..คนรอบข้างบางคนก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้

“ภาพยนตร์เรื่องนี้.. ดูเหมือนว่าจะเป็น ไซอิ๋ว (Journey to the West) ทั้งผู้กํากับที่ได้ถ่ายทำยังเป็นบุคคลชั้นนําของประเทศ ทั้งยังมีการทุ่มทุนสร้างไปหลายร้อยล้านแล้ว!”

“แบรนด์หรูที่เขาพูดถึง หรือว่าจะเป็น หลุยส์วิตตอง (LOUIS VUITTON) งั้นเขาก็ช่างน่าทึ่งมากจริงๆ”

“ตามจริง หัว อี้อู่ ก็เก่งมากๆ ทั้งเขายังติดกระแสอย่างมาก!”

ทุกคนต่างหันมาสนใจ หัว อี้อู่ ทั้งยังกล่าวคำชื่นชมต่างๆ มากมาย มันบ่งบอกได้ทันทีว่าในขณะนี้นั้น หัว อี้อู่ ถือได้ว่าร้อนแรงเป็นอย่างมาก..

หลินฟาน ได้ยิ้มขึ้นมา แล้วพูดว่า : “โอ้.. มันก็ใช่ แต่ว่า ..น่าเสียดายจริงๆ”

หัว อี้อู่ ได้ขมวดคิ้ว : “คุณกำลังจะพูดถึงเรื่องบ้าอะไรอีก แล้ว.. น่าเสียดาย มันน่าเสียดายอะไร?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุ่มทุนลงทุนมหาศาลจริงๆ ทางทีมงาน และนักแสดงคงจะทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทั้งยังมีความคาดหวังเอาไว้สูงมาก แต่น่าเสียดายที่มันต้องเกิดปัญหาให้ติดขัด..”

หัว อี้อู่ ได้พูดอย่างโกรธเคืองออกไปว่า : “คุณมันตาไม่ดีหรือยังไง! หรือในสายตาของคุณมองไม่เห็นใครดีเลย? แล้วตัวคุณล่ะ เป็นคนในวงการ? ไหนลองบอกฉันมาทีว่าคุณอยู่สังกัดบริษัทไหน ฉันรับประกันได้เลยว่าคุณจะไม่สามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้อีกในอนาคต!”

หลินฟาน กล่าวว่า : “ขอโทษนะ ..ผม ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง”

หัว อี้อู่ กล่าวว่า : “นั่นมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณมันกล้าที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่! คุณไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่ หนิง เสี่ยวเยว่ เป็น หรือนี่คุณไม่กลัวว่าคำพูดของคุณมันจะเป็นการไปทำร้ายเธอ?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “กลัว ให้เธอกลัวอะไร? คุณหัว อี้อู่ คุณคิดว่าตัวคุณเองสามารถใช้มือข้างเดียวปกคลุมท้องฟ้าเหนือวงการบันเทิงได้งั้นเหรอ?”

หัว อี้อู่ กล่าวว่า : “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณ มันไปเอาความกล้ามาจากไหน คุณอาจจะไม่รู้หรอกล่ะมั้งว่าเบื้องหลังของฉันคือบริษัทใด?”

หลินฟาน พูดว่า : “โอ้.. ต้องขอโทษที่ผมรู้ คือ เชอร์รี่ เอนเตอร์เทนเมนท์ เจ้านายของคุณก็คือ เว่ย เจี้ยนเซิง ลูกชายของ เว่ย เทียนเฉิง ชายผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงหนาน แล้วมันทำไมกัน?”

หัว อี้อู่ ได้หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ เขาเองยังคิดว่า หลินฟาน ไม่รู้ แต่ปรากฎว่า หลินฟาน กลับรู้ว่าเขา.. มาจาก เชอร์รี่ เอนเตอร์เทนเมนท์ ทั้งยังรู้ด้วยว่าเจ้านายของเขาคือ เว่ย เจี้ยนเซิง แต่เขากลับยังกล้าดี และหยิ่งผยองขนาดนี้ได้ยังไง แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้มันสมองตายไปแล้วใช่ไหม?

“คุณนี่มันน่ารำคาญมากจริงๆ ฉันจะขอพูดตรงนี้ไว้ว่า หลังจากนี้ให้ หนิง เสี่ยวเยว่ ตามมาขอโทษฉัน และถ้าคุณปฏิเสธที่จะตอบตกลงล่ะก็ คุณก็เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย!” หัว อี้อู่ ได้กล่าวออกไป ในตอนนี้เขาโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว

แต่ หลินฟาน กลับรู้สึกขบขันอยู่ในใจ เขาแค่ต้องการให้ หัว อี้อู่ สูญเสียความสงบของตนเองไป ผู้ชายคนนี้ก็มักที่จะแสร้งทำเป็นอ่อนโยน และใจดี ต่อหน้าผู้คน แต่กลับเขาที่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นอีกด้านที่แท้จริงของชายคนนี้นั้น.. ทั้งยังไงขยะชิ้นนี้ก็ใกล้ได้เวลาที่จะต้องถูกกำจัดทิ้ง เขาเองก็แค่ขอเล่นสนุกกับอีกฝ่ายเหมือนลิง สักเล็กน้อย.. ก็คงไม่เป็นอะไรไป

“อืมม.. แล้วนี่ เสี่ยวเยว่ ทำอะไรผิด ทำไมเธอถึงต้องตามไปขอโทษคุณ?” หลินฟาน ได้ถาม

หัว อี้อู่ กล่าวว่า : “ฉันเป็นฝ่ายเข้าไปเริ่มคุยกับเธอก่อน แต่ทัศนคติแบบนี้ของเธอ มันสมควรงั้นหรือ? ทั้งนี้มันยังเป็นการเสียมารยาทมาก แล้วนี่คุณคิดว่าเธอไม่สมควรที่จะมาขอโทษฉัน?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมกลับไม่คิดว่าทัศนคติของ เสี่ยวเยว่ จะมีปัญหาอะไรหรอกนะ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่ว่าจะคุ้นเคยอะไรกับคุณ ตัวคุณก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ได้รีบวิ่งเข้ามาคุยกับเธอ การที่เธอได้พูดตอบรับกับคุณมันก็ถือได้ว่าเธอ.. ได้รักษามารยาทแล้ว แล้วนี่มันยังไม่พออีกเหรอ? หรือว่าคุณได้คิดว่าทัศนคติเช่นนี้ของเธอ ไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคาดหวังเอาไว้ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คุณเองก็คงจริงจังกับตัวเองมากจนเกินไปแล้วล่ะมั้ง?”

หัว อี้อู่ ได้กัดฟัน : “โอเค จําสิ่งที่คุณพูดในวันนี้เอาไว้ให้ดี หนิง เสี่ยวเยว่ คุณคิดเอาเองว่าจะเลือกเชื่อฟังผู้ชายคนนี้ หรือคิดอยากที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่า คุณต้องมาขอโทษผมในภายหลัง..ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ฮึ่ม!”

หนิงเสี่ยวเยว่ ได้พูดไปว่า : “ฉันคิดว่ามันไม่จําเป็น.. ส่วนตัวแล้วฉันก็ไม่ได้คิดที่จะรุกรานคุณเลย ทั้งนี้ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าทัศนคติของฉันมีปัญหาอะไรจริงๆ ฉันเองก็ได้บอกคุณไปแล้วว่าฉันกําลังรอใครบางคนอยู่ แต่คุณก็กลับไม่เชื่อเอง”

หัว อี้อู่ โกรธมากจนแทบที่จะกระโดดขึ้นมา ผู้ช่วยของเขาที่ได้เห็นก็รีบเข้ามารั้งตัวเขาไว้ และกล่าวเตือนด้วยเสียงเบาๆ ไปว่า : “หยุด.. ทุกคนกำลังมองดูอยู่ คุณสมควรให้ความสนใจกับภาพลักษณ์”

หัว อี้อู่ จึงได้ใจเย็นลง และรีบจัดแต่งเสื้อผ้า จากนั้นเขาก็ได้แสร้งสร้างรอยยิ้มขึ้นมา : “ได้ ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ เกรงว่าเราเองก็คงไม่มีอะไรจะพูดแม้แต่เพียงครึ่งคำ งั้นเราก็ไม่จําเป็นต้องพูดอะไรแล้ว พวกคุณเชิญก็ตามสบายเถอะ”

หลินฟาน จึงได้หันกลับไปพูดกับ หนิง เสี่ยวเยว่ ว่า : “ไปกันเถอะ เสี่ยวเยว่ ผมจะพาคุณกลับไปเข้าร่วมกิจกรรม”

หลังจาก หลินฟาน และหนิง เสี่ยวเยว่ จากไปแล้ว

หัว อี้อู่ ก็ได้มองไปที่แผ่นหลังของพวกเขา เขาเองในตอนนี้ได้โกรธจัดมาก จนเขาได้กัดฟัน และกำหมัดจนแน่น : “มันไม่มีเหตุผลเลย! ฉัน หัว อี้อู่ คนนี้ เคยโกรธขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ในบริษัท แม้แต่ คุณเว่ย ก็ยังต้องสุภาพกับฉัน ทั้งยังต้องเกรงใจฉัน.. แต่นี่มันอะไร? ไอ้คนผู้นี่ มันกลับกล้าดียังไงที่ไม่คิดแม้แต่จะเคารพฉัน!”

ผู้ช่วย ได้กล่าวขึ้นว่า : “เมื่อกี้ ฉันเห็นว่า หนิง เสี่ยวเยว่ ดูจะเชื่อฟังเขามาก แต่ดูจากการแต่งตัวของเขาแล้ว เขาดูไม่เหมือนคนรวยจริงๆ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กัน?”

หัว อี้อู่ กล่าวว่า : “ในเมื่อพวกเขากล้าที่จะปฏิบัติกับฉันเช่นนี้ ทั้งไม่คิดเอาจริงเอาจังอะไรกับฉัน งั้นได้.. ฉันจะทำให้พวกนั้นมันได้รู้ถึงความสามารถของฉัน ช่วยฉันหากิจกรรมที่ หนิง เสี่ยวเยว่ จะมีการแสดงต่อไป ฉันต้องการทำให้เธอสูญเสียทุกอย่าง และเมื่อนั้นเธอจะได้รู้ว่าฉัน ..ไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถมาทำให้ขุ่นเคืองได้!”

ผู้ช่วย ได้พูดว่า : “โอเค.. ได้”

“พี่เวย มาแล้ว!”

ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด แต่มันกลับได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนภายในงานไปได้ในทันที ที่แท้ หลิว จินเวย ก็ได้ก้าวเข้าสู่งานแล้ว

ทุกคนได้เห็น หลิว จินเวย ก็ต่างได้พากันปรบมือทันที เสียงปรบมือได้ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องจัดงานเลี้ยง..

เมื่อนั้น ผู้ช่วยของเขา ก็ได้กล่าวว่า : “อู่น้อย ฉันว่าตอนนี้ คุณสมควรแวะเข้าไปทักทาย พี่เวย ก่อนเถอะ”

หัว อี้อู่ ได้พยักหน้า แม้ว่าเขาจะเป็นศิลปินของ เว่ย เจี้ยนเซิง แต่ หลิว จินเวย คนนี้ก็เป็นงูเจ้าถิ่น ในหางโจว และไม่ว่ายังไง.. เขายังต้องเอาใจอีกฝ่าย

หลังจาก หลิว จินเวย ได้เข้ามาในงาน เขาก็ได้โบกมือ และหัวเราะ พร้อมทั้งกล่าวทักทายทุกคนภายในงาน : “สวัสดีทุกคน ขอบคุณทุกคนที่ได้มาร่วมงาน.. นายหลิว คนนี้ ซาบซึ้งใจมากจริงๆ”

ทุกคนต่างก็พากันเข้าไปทักทาย และจับมือกับ หลิว จินเวย

ในที่สุด.. ก็ถึงคราวของ หัว อี้อู่ เมื่อนั้น หัว อี้อู่ ก็ได้เดินก้าวขึ้นไป และกล่าวด้วยความเคารพว่า : “สวัสดีครับ พี่เวย”

หลิว จินเวย ก็ได้มองไปที่ หัว อี้อู่ จากนั้นเขาก็ได้พูดด้วยรอยยิ้มไปว่า : “คุณคือ หัว อี้อู่?”

หัว อี้อู่ กล่าวว่า : “ใช่ครับ ผมขอให้ พี่เวย มีโชคลาภดุจทะเลบูรพา อายุยืนยาวเหมือนภูเขาทักษิณ”

หลิว จินเวย กล่าวว่า : “ขอบคุณมากๆ แต่เอ๊ะ เสี่ยวหัว ..ทำไมกัน อะไรทำให้คุณดูเหมือนไม่มีความสุข แล้วนี่คนของฉันได้ต้อนรับคุณไม่ดีงั้นหรือ?”

หัว อี้อู่ ดูกระวนกระวาย และได้รีบพูดขึ้นว่า : “ไม่ใช่ครับ พอดีผมเพิ่งได้ไปเจอกับใครบางคนเข้า ..เมื่อครู่นี้”

หลิว จินเวย ก็ได้พูดขึ้นทันทีว่า : “แล้วนี่มันเป็นใครกัน.. ที่กล้ามาทําให้คุณเกิดความไม่พอใจขึ้น ..ในงานเลี้ยงวันเกิดของฉัน?”