ตอนที่ 6: ฝึกฝนครั้งแรก
ตอนที่ 6: ฝึกฝนครั้งแรก
ภายในจักรวาลมีผู้ที่หลงรักบทกวีอยู่อย่างมากมายและฟอรั่มกวีนิพนธ์ก็เป็นสถานที่ชุมนุมของคนเหล่านี้
โลกได้ตั้งอยู่ในภูมิภาคดาวที่มีชื่อว่าเอ็นดาโร่และดาวบลูซีที่เซี่ยเฟยได้ถูกจับนำไปขังคุกก็อยู่ในภูมิภาคดาวแห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เซี่ยเฟยได้อ่านบทกวีภายในฟอรั่มเหล่านี้แล้วเขาก็ทำได้เพียงแต่เหลือบตามองบน
บทกวีของมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ต่างก็อยู่ในระดับที่เลวร้ายมากพอ ๆ กันกับบทกวีของอันธและถึงแม้ว่ามันจะมีคนที่ให้ความสนใจกับบทกวีเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวมัวแต่ไปค้นคว้าเทคโนโลยีอะไรอยู่มันจึงทำให้เรื่องบทกวีของพวกเขาล้าหลังมากขนาดนี้
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ได้ทำการเปิดบัญชีกับธนาคารในเครือข่ายเอ็นดาโร่ ซึ่งการลงทะเบียนเปิดบัญชีระหว่างดวงดาวนี้เป็นการลงทะเบียนแบบฟรี ๆ แต่ผู้ที่ทำการลงทะเบียนจะต้องมีระดับความสามารถขั้นต่ำอยู่ที่ระดับสตาร์ไลท์เสียก่อน
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้รับบัตรประจำตัวข้อมูลของเขาก็ถูกบันทึกเอาไว้ภายในพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นเขาจึงสามารถเปิดบัญชีระหว่างดวงดาวได้อย่างราบรื่นโดยไม่ประสบพบเจอกับปัญหาใด ๆ
เมื่อได้รับบัญชีขั้นตอนต่อไปก็คือการโพสต์บทกวีและทำการขายบทกวีเหล่านี้ให้กับคนที่ชื่นชอบพวกมัน
ภายในเว็บไซต์กวีนิพนธ์ของเอ็นดาโร่มีระบบการทำธุรกรรมแบบอัตโนมัติอยู่แล้ว ดังนั้นผู้เขียนบทกวีจึงสามารถที่จะโพสต์บทกวีของตนลงบนเว็บไซต์ ส่วนผู้ที่ชื่นชอบบทกวีก็สามารถใช้สตาร์คอยน์ในการซื้อบทกวีพวกนี้เพื่อไปอ่านต่อได้
การทำธุรกรรมของเว็บไซต์แห่งนี้คือผู้อ่านจะสามารถอ่านบทกวีครึ่งบทแรกได้ฟรี ๆ ส่วนบทกวีในครึ่งหลังจะเป็นสิ่งที่ต้องชำระเงินเพื่อขอสิทธิ์ในการเข้าถึง
สำหรับผู้ชื่นชอบบทกวีแล้วการได้อ่านบทกวีไปเพียงแค่ครึ่งเดียวถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดมากและถ้าหากว่าใครรู้สึกชื่นชอบบทกวีบทนั้นจริง ๆ พวกเขาก็จะทำการซื้อบทกวีในส่วนที่เหลืออย่างไม่ลังเล
ขณะเดียวกันกฎหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์ของพันธมิตรมนุษย์ก็จะให้ความคุ้มครองเฉพาะผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นซึ่งมันก็ไม่ได้รวมถึงผลงานของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงสามารถนำบทกวีของบรรพบุรุษมาขายภายในเว็บไซต์แห่งนี้ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
อารยธรรมของสหพันธ์โลกอยู่ในระดับที่ต่ำมากจนทำให้พวกเขาแทบที่จะไม่สามารถทำการแลกเปลี่ยนทรัพยากรบนโลกกับมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ได้ เพราะโลหะที่มีค่าบนโลกมนุษย์ก็ไม่ต่างไปจากเศษขยะในสายตาของมนุษย์ต่างดาว ดังนั้นการพยายามทำธุรกรรมกับมนุษย์ต่างดาวจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่เหนือเกินกว่าจินตนาการสำหรับมนุษย์บนโลกไปไกล
แน่นอนว่ารัฐบาลกลางก็ยังไม่สามารถที่จะเข้ามาทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะถ้าหากว่าพวกเขาไม่มีสตาร์คอยน์พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำการค้ากับอารยธรรมอื่น ๆ ในจักรวาลได้ ดังนั้นหากว่าพวกเขาต้องการที่จะได้รับเทคโนโลยีที่สูงขึ้นพวกเขาก็ทำได้เพียงแต่รอคอยการสนับสนุนประจำปีจากพันธมิตรมนุษย์เท่านั้น
น่าเสียดายที่เงินทุนสนับสนุนจากพันธมิตรมนุษย์ในแต่ละปีมีจำนวนน้อยมากอย่างน่าสังเวชและมันก็เป็นจำนวนที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยกลับได้เลือกใช้วิธีทางลัดในการขายวัฒนธรรมของโลกออกไป ซึ่งการเคลื่อนไหวของเขาในครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่แม้แต่รัฐบาลกลางเองก็ยังคิดไม่ถึง
ในการมาเยี่ยมชมเว็บไซต์กวีนิพนธ์ครั้งแรกเซี่ยเฟยตัดสินใจที่จะทำการลงบทกวีไปทั้งสิ้น 13 บท ซึ่งบทกวีแต่ละบทจะสามารถอ่านครึ่งแรกได้ฟรี ๆ แต่ถ้าหากว่าใครต้องการจะอ่านครึ่งหลังก็จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงิน โดยเซี่ยเฟยได้คิดราคาสำหรับการอ่านบทกวีครึ่งหลังอยู่ที่ 1 สตาร์คอยน์เท่านั้น
“นายตั้งราคาบทกวีพวกนี้แค่เหรียญเดียวเนี่ยนะ! ไม่ว่าฉันจะมองยังไงบทกวีที่ยอดเยี่ยมพวกนี้ก็สมควรจะมีราคา 200-300 สตาร์คอยน์” อันธบ่นอย่างไม่พอใจ
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจที่จะรับฟังคำแนะนำจากอันธมากนัก เพราะสำหรับมนุษย์โลกแล้วราคาที่เขาตั้งย่อมไม่ใช่ราคาที่ต่ำเกินไปอย่างแน่นอน
สหพันธ์โลกกำลังขาดแคลนสตาร์คอยน์อย่างหนัก จนทำให้รัฐบาลกลางตั้งราคารับซื้อสตาร์คอยน์เหล่านี้อยู่ที่เหรียญละ 10,000 แอลไลคอยน์เลยทีเดียว
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ใช้คอมพิวเตอร์ AI ไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 59 นาที เขาก็ปิดคอมพิวเตอร์ลงอย่างตรงเวลา ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องและใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระค่าธรรมเนียม
“ที่นี่อาจจะเป็นร้านอินเตอร์เน็ตที่แพงที่สุดในโลกแล้วก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวเหน็บแนมภายในใจ
—--
ในเช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยเฟยแบกกระเป๋าเดินเข้าไปภายในหุบเขาทางทิศตะวันตกของเมืองปักกิ่งตามคำแนะนำของอันธ โดยวิญญาณตนนี้ได้บอกเขาว่าวิชาเงาจันทร์จำเป็นที่จะต้องทำการฝึกฝนท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงเลือกสถานที่แห่งนี้
หุบเขาทางทิศตะวันตกตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสองลูกและมันก็เป็นสถานที่ที่ห่างไกลผู้คน มันจึงทำให้ภายในหุบเขาเต็มไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเดินป่าอย่างแท้จริง
“ที่นี่มันเปลี่ยวเกินไปหรือเปล่า ทำไมพวกเราถึงไม่เข้าไปฝึกฝนในมิติจินตภาพของนายล่ะ ในนั้นมันก็มีสภาพแวดล้อมไม่ด้อยไปกว่าสถานที่แห่งนี้เลยนิ” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ที่นั่นเป็นแค่มิติจินตภาพมันจึงทำให้ผลลัพธ์ของการฝึกฝนภายในสถานที่แห่งนั้นไม่อาจเทียบกับสถานที่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ยิ่งไปกว่านั้นนายยังพึ่งเริ่มต้นทำการฝึกฝนและมันก็เป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างรากฐาน ดังนั้นการฝึกฝนภายในโลกแห่งความเป็นจริงจึงเป็นเรื่องที่ดีกว่า” อันธกล่าวอธิบายพร้อมกับส่ายหัวช้า ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากที่เขาได้วางกระเป๋าลงบนพื้นแล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งไขว่ห้างบนหินปูนขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ กับลำธารเล็ก ๆ
“อย่านั่งไขว้ขา ให้นั่งในท่าที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด จำเอาไว้ว่าแก่นแท้ของการฝึกฝนวิชาการลอบสังหารคือการกลมกลืนไปกับธรรมชาติ นายจะต้องทำการผสานตัวเองเข้าไปกับโขดหินและต้นหญ้าที่อยู่รายล้อมเพื่อให้เป้าหมายตรวจจับตัวตนของนายไม่ได้และเมื่อนายพบโอกาสอันเหมาะสม นายก็จะต้องทำการระเบิดพลังออกมาเพื่อสร้างความเสียหายให้ได้มากที่สุด!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายเซี่ยเฟยก็นอนหงายลงไปบนหินปูนแต่เนื่องมาจากว่าในตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิและอากาศภายในหุบเขาก็ค่อนข้างเย็นมันจึงทำให้ความเย็นยะเยือกได้แทรกซึมผ่านผิวหนังของเขาเข้าไป
“อย่ากลัวความหนาวเย็น มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกทางกายเท่านั้น นายจะต้องลืมทุกอย่างแม้กระทั่งว่านายเป็นใคร, พยายามควบคุมลมหายใจและทำตามสิ่งที่ฉันได้สอนเอาไว้ เมื่อไหร่ก็ตามที่นายได้บรรลุสภาวะไร้ตัวตน ไม่ว่าจะเป็นความเย็นหรือความร้อนมันก็ไม่มีความแตกต่างกัน” อันธให้คำแนะนำในระหว่างการฝึกฝน
เมื่อได้รับคำแนะนำเซี่ยเฟยก็ทำตามคำของอันธอย่างเคร่งครัดและเมื่อเขาเริ่มทำการควบคุมลมหายใจทั่วทั้งร่างของเขาก็เริ่มมีพลังงานอันแปลกประหลาดไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณของเขา
ทันใดนั้นเสียงในสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวของเขาก็ค่อย ๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นลงมาตามสายลม, เสียงของสายน้ำที่กำลังไหลไปตามลำธาร, เสียงของสัตว์น้อยใหญ่ที่กำลังทำกิจวัตรประจำวันอยู่ภายในป่าหรือแม้กระทั่งเสียงของปลาที่แหวกว่ายอยู่ภายในน้ำ
ปัจจุบันเขารู้สึกราวกับร่างกายของตัวเองเบาเหมือนกับขนนกและมันก็พร้อมที่จะปลิวไปตามสายลมคล้ายกับว่ามันเป็นเพียงแค่ใบไม้
ในเวลาต่อมาเซี่ยเฟยก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันอบอุ่นที่ปรากฏขึ้นมาราวกับฝูงผีเสื้ออันว่องไว แต่ยิ่งเซี่ยเฟยพยายามตามไขว่คว้าพวกมันมากเท่าไหร่พลังงานเหล่านี้กลับยิ่งวิ่งหนีออกไปไกลมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“อย่าพึ่งคิดที่จะทำการควบคุมพวกมัน ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา สิ่งที่นายจำเป็นจะต้องทำคือเคลื่อนไหวให้สอดคล้องพวกมันไปและไม่ว่าพวกมันจะเคลื่อนที่ไปทางไหนนายก็จะต้องเคลื่อนที่ไปทางนั้น” อันธกล่าวให้คำแนะนำ
เมื่อเซี่ยเฟยได้ทำตามคำแนะนำของอันธเขาก็เริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับพลังงานที่ปรากฏขึ้นมามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วมันก็ให้ความแตกต่างจากความรู้สึกในก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปเซี่ยเฟยก็ดำดิ่งลงไปในห้วงสมาธิมากขึ้น ในตอนนี้มันได้มีพลังงานไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่องและมันก็ทำให้เขาสามารถได้ยินเสียงของสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวได้ชัดเจนกว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและเซี่ยเฟยก็ไม่เคยรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติเช่นนี้มาก่อน
“เอาล่ะพวกเรากลับกันเถอะ” เสียงของอันธดังสะท้อนขึ้นมาภายในจิตใจของเซี่ยเฟยซึ่งมันก็ทำให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย
ปัจจุบันบนท้องฟ้าได้มีฝนตกลงมาปรอย ๆ และมันก็ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปทั่วทั้งตัว แต่ถึงกระนั้นเขากลับไม่ได้สัมผัสถึงสายฝนที่ตกลงมาในก่อนหน้านี้เลย
“ฉันต้องยอมรับว่าสำหรับมือใหม่นายค่อนข้างจะทำได้ดีเลยทีเดียว ถ้าหากว่านายยังสามารถพัฒนาในอัตรานี้ต่อไปนายย่อมจะต้องกลายเป็นนักฆ่าที่น่าเกรงขามในอนาคตได้อย่างแน่นอน” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ
“นี่ฉันฝึกมานานแค่ไหนแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวถามเมื่อรู้สึกได้ถึงความหิวโหยภายในท้องที่กำลังกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“3 วัน” อันธกล่าวตอบ
"3 วัน!" เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงเพราะถึงแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านพ้นไปถึงสามวันแต่เขากลับรู้สึกราวกับว่าเวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
“ไปเก็บของ พวกเราจะกลับกันแล้ว ตอนนี้นายสามารถควบคุมวิชาเบื้องต้นและกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมได้สำเร็จ สำหรับการฝึกในขั้นต่อไปมันก็จำเป็นที่จะต้องใช้สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากกว่านี้” อันธกล่าวออกมา แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้คร่ำครวญภายในใจของตัวเอง
‘ให้ตายเถอะ เวลามันเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 3 วันแต่เขากลับสามารถกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมได้แล้ว ย้อนกลับไปในตอนที่ฉันเริ่มต้นฝึกฝนใหม่ ๆ ฉันจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนวิชาขั้นนี้ถึง 3 เดือนเต็ม ๆ นี่ฉันควรจะบอกเขาดีไหมว่าเขาสามารถฝึกฝนวิชาเงาจันทร์ขั้นแรกได้สำเร็จแล้ว?’
‘ช่างหัวมันแล้วกัน ถ้าหากว่าฉันบอกเขาออกไปเขาก็คงจะหยิ่งทะนงในความสามารถของตัวเอง ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นความลับต่อไปดีกว่า’
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบอาหารออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับทำการกินอาหารพวกนี้เข้าไปด้วยความหิวโหย โดยในระหว่างนั้นอันธก็ทำได้เพียงแต่เฝ้าดูพร้อมกับน้ำลายไหลเท่านั้น เพราะในปัจจุบันเขาเป็นเพียงแค่วิญญาณเขาจึงไม่สามารถที่จะกินอาหารพวกนี้ได้
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่พวกเขาได้ทำการฝึกฝนอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าในตอนนี้เว็บไซต์กวีนิพนธ์กำลังได้รับความนิยมมากแค่ไหน
***************
ใครมันจะไปคิดว่ามนุษย์ต่างดาวจะชอบบทกวีซะงั้น ว่าแต่..ทุกคนคิดว่ากวีที่พี่เฟยลงขายจะผลิตเงินได้มากแค่ไหน? หลักหมื่น..หลักแสน..หลักล้าน…หรือสิบล้าน??