ตอนที่ 56: ผลไม้วิญญาณ
ตอนที่ 56: ผลไม้วิญญาณ
โครงสร้างร่างกายของมนุษย์ต่างดาวส่วนใหญ่ไม่ต่างไปจากโครงสร้างร่างกายของมนุษย์บนโลก อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเฟยได้เห็นสิ่งของที่วางกองกันอยู่บนเตียง เขาก็เริ่มคิดว่าพวกมนุษย์ต่างดาวอาจจะไม่มีหนังผู้ใหญ่ดูก็ได้
“นี่เขาพกของพวกนี้ไปในการประเมินจริง ๆ หรอเนี่ย?” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับส่ายหัวไปมา
เนื่องจากว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์เกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ เขาจึงเก็บของทั้งหมดนี้เข้าไปในแหวนมิติโดยเหลือเอาไว้เพียงแต่ของที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์เท่านั้น
“สุดยอดสเปรย์ขยายขนาดไร้จำกัด” เซี่ยเฟยอ่านชื่ออุปกรณ์ภายในมือ
“ฉันอยากจะยกนิ้วให้คนตั้งชื่อของพวกนี้จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่พวกมันไม่มีประโยชน์” เซี่ยเฟยกล่าวกับตัวเองพร้อมกับเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปภายในแหวน
หลังจากเก็บของกลับไปในแหวนมิติบ้างแล้ว ของส่วนใหญ่ที่เหลือก็เป็นของประเภทยาสมุนไพร ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าเซียวหยงจะรักตัวเองมากกว่างานอดิเรก
ในบรรดาของทั้งหมดมีผลเนตรนาคาอยู่มากกว่า 100 ผลและมีผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายเมล็ดบัวอยู่มากกว่า 200 ผลโดยอันธได้บอกว่าผลไม้ชนิดนี้มีชื่อว่าผลน้ำค้างขาว
ผลน้ำค้างขาวเป็นผลไม้ที่สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางกายภาพของผู้บริโภคขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่มันดีไม่เท่าผลเนตรนาคาที่มีผลช่วยขับไล่พิษและความหนาวเย็นได้ ทำให้ผลไม้ชนิดนี้มีราคาถูกกว่าผลเนตรนาคาอยู่เล็กน้อย
นอกจากนี้ยังมีผลไม้ที่มีชื่อว่าผลทองทมิฬจำนวน 46 ผลโดยมันเป็นผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายผลเนตรนาคา แต่ตัวผลเป็นสีดำและมีเมล็ดสีทองขนาดประมาณเท่าเมล็ดงา
ผลทองทมิฬให้ผลลัพธ์คล้ายกับผลเนตรนาคารุ่นอัพเกรดและมันก็เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณคล้ายกับการกินผลเนตรนาคาเข้าไปถึง 10 ผล มันจึงทำให้ราคาของผลทองทมิฬสูงถึงผลละ 800,000 สตาร์คอยน์และผลทองทมิฬ 46 ผลนี้ก็มีมูลค่ารวมกัน 36.8 ล้านสตาร์คอยน์!
“อย่างน้อยเขาก็ยังพกของดี ๆ ติดตัวอยู่บ้าง” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะเก็บผลไม้ทั้งสามชนิดเข้าไปในแหวน
การเก็บผลไม้เหล่านี้จำเป็นที่จะต้องเก็บเอาไว้ในกล่องชนิดพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ผลไม้เน่าและสูญเสียความชื้นในตัวของผลไม้ออกไป โดยกล่องเก็บรักษานี้เขาได้ซื้อมันมาในราคา 50,000 สตาร์คอยน์
“ลูกซัดเขียว 32 ผลนี้สามารถเอาไปใช้รักษาบาดแผลได้ สรรพคุณของมันสามารถหยุดอาการเลือดไหลได้อย่างรวดเร็วและสามารถรักษาแผลโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ราคาตลาดของพวกมันอยู่ที่ประมาณ 20,000 สตาร์คอยน์ต่อผล” อันธกล่าวอธิบาย
“นี่ก็ของดีเหมือนกันสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเก็บผลไม้เข้าไปภายในกล่องก่อนที่จะดูของในส่วนที่เหลือต่อไป
ของในส่วนที่เหลือเป็นของส่วนตัวของเซียวหยง เช่น หนังสือเดินทางซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยได้กวาดสายตามองผ่าน ๆ เขาก็โยนมันทิ้งไว้ที่ด้านข้าง
“หือ?” เซี่ยเฟยอุทานเมื่อเขาได้พบกับขวดแปลก ๆ ท่ามกลางของใช้ส่วนตัว
ขวดปริศนานี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนักโดยผิวของขวดเป็นผิวตัดจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้มันดูคล้ายกับเพชรที่ส่องแสงระยิบระยับ
แต่ที่น่าแปลกคือมันได้มีปลาทองขนาดเท่านิ้วหัวแม่มืออยู่ภายในขวด โดยมันเป็นปลาที่มีเกล็ดสีทอง, มีดวงตาสีแดงราวกับทับทิม, ปากของมันเปิดอ้าอยู่เล็กน้อยทำให้เขาสามารถสังเกตเห็นฟันอันแหลมคมที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าหากว่าปลาตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่เขาก็สันนิษฐานได้ว่ามันจะต้องเป็นหนึ่งในสัตว์ที่มีนิสัยดุร้ายอย่างแน่นอน
“อันธนี่มันตัวอะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างสงสัย
“นี่มัน ‘วิญญานหลวน’ มันเป็นยาที่ล้ำค่ามาก” อันธอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเขาก็อธิบายต่อไปว่า
“ต้นหลวนหลิงจะเติบโตขึ้นมาบนดาวเคราะห์ที่มีแสงสว่างตลอดเวลาและดูดซับพลังงานจากดาวฤกษ์เข้าไปเป็นจำนวนมาก โดยความร้อนที่มันดูดซับเข้าไปจะถูกแปลงเป็นพลังงานตลอดเวลา จากการประมาณการของฉันผลหลวนหลิงผลนี้น่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 1,000 ปี”
“เดี๋ยวก่อนนะ! นายเรียกมันว่า ‘ผล’ อย่าบอกนะว่าปลาตัวนี้มันเป็นผลไม้!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างตกตะลึง
เมื่อเขาพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอก ผลไม้ชนิดนี้มันก็มีรูปร่างเหมือนกับปลาชัด ๆ แล้วใครจะไปรู้ว่าในอวกาศจะมีผลไม้รูปร่างแปลกประหลาดแบบนี้อยู่ด้วย
“ใช่มันคือผลไม้ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก มันก็คือผลไม้วิญญานของต้นหลวนหลิง” อันธกล่าวตอบก่อนที่เขาจะอธิบายต่อไปว่า
“ต้นหลวนหลิงสามารถเติบโตสูงขึ้นไปได้มากกว่า 100 เมตรและสามารถแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปได้อย่างกว้างขวาง โดยปกติต้นหลวนหลิงจะต้องใช้เวลาในการเติบโตนานกว่า 3,000 ปีจึงจะเริ่มให้ผลและกว่าที่ผลจะเติบโตจนมีขนาดใหญ่มากขนาดนี้ก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานานกว่า 1,000 ปี ดังนั้นผลของต้นหลวนหลิงทุกผลจึงล้วนแล้วแต่หายากและมีค่ามาก”
“ก่อนหน้านี้ฉันกำลังกังวลอยู่เลยว่ามันอาจจะไม่มีวัตถุดิบที่จะช่วยพัฒนาระดับความสามารถของนาย แต่ตอนนี้นายได้รับผลหลวนหลิงมาไว้ในมือแล้วทันทีที่ผลตกค้างของน้ำยาในร่างกายของนายหมดไป นายสามารถเอาผลหลวนหลิงมาทำน้ำยาเพิ่มระดับความสามารถของนายได้” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า
“ก่อนหน้านี้ฉันถูกบังคับให้ต้องใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพต่ำ ทำให้ระดับความสามารถของนายพัฒนาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า แต่ด้วยผลของต้นหลวนหลิงผลนี้ ฉันก็กล้ารับประกันเลยว่าการดื่มน้ำยาครั้งต่อไปจะทำให้ระดับความสามารถของนายพุ่งทยานขึ้นไปบนฟากฟ้า”
“ถ้าสรรพคุณมันดีขนาดนั้นแสดงว่ามันเป็นผลไม้ที่แพงมากเลยใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถามขณะที่ถือผลวิญญาณหลวนเอาไว้อย่างระมัดระวัง
“วิญญาณหลวนผลนี้น่าจะมีราคาประมาณ 1,800 ล้านได้ละมั้ง”
เมื่อได้ยินราคาเซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุขโดยนิ้วของเขายังคงลูบไล้บนผิวขวดอย่างเพลิดเพลิน
หลังความรู้สึกยินดีเซี่ยเฟยก็เริ่มคำนวณถึงผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากการประเมินในครั้งนี้ โดยผลผลิตแรกที่เขาสามารถเก็บเกี่ยวได้คือแหวนมิติ 3 วงและสร้อยข้อมือมิติอีกหนึ่งเส้น
แหวนมิติมาตรฐานจะมีขนาดพื้นที่มิติ 1 ลูกบาศก์เมตร ในขณะที่แหวนมิติที่มีขนาดพื้นที่น้อยกว่าก็จะมีราคาที่ลดหลั่นกันลงไป
ราคาของแหวนมิติมาตรฐานอยู่ที่ 200 ล้านสตาร์คอยน์แต่ราคาของแหวนมิติที่มีพื้นที่ 0.9 ลูกบาศก์เมตรจะมีราคาลดลงมาเหลือเพียงแค่ 80 ล้านสตาร์คอยน์เท่านั้น ในขณะที่ราคาของแหวนมิติที่มีพื้นที่ 0.8 ลูกบาศก์เมตรจะมีราคาลดลงมาเหลือ 55 ล้านสตาร์คอยน์
ขณะเดียวกันพื้นที่มิติของแหวนทั้งสามวงที่เซี่ยเฟยได้รับมาคือ 3 ลูกบาศก์เมตร, 1 ลูกบาศก์เมตรและ 0.5 ลูกบาศก์เมตร ส่วนสร้อยข้อมือมิติมีขนาดเพียง 0.3 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
เมื่อตีมูลค่าตลาดของแหวนมิติทั้งสามวงแล้วแหวนมิติขนาด 3 ลูกบาศก์เมตรมีมูลค่าอยู่ที่ 1,300 ล้านสตาร์คอยน์, แหวนมิติขนาด 1 ลูกบาศก์เมตรมีราคาอยู่ที่ 200 ล้านสตาร์คอยน์, แหวนมิติขนาด 0.5 ลูกบาศก์เมตรมีราคาอยู่ที่ 10 ล้านสตาร์คอยน์และสร้อยข้อมือขนาด 0.3 ลูกบาศก์เมตรมีราคาอยู่ที่ 1 ล้านสตาร์คอยน์
มันอาจจะกล่าวได้ว่ามูลค่ารวมของแหวนมิติและสร้อยข้อมือมิติที่เขาเก็บเกี่ยวกลับมาได้มีมูลค่าประมาณ 1,511 ล้านสตาร์คอยน์!!
นอกจากนี้มันยังมีอุปกรณ์สำหรับการเอาชีวิตรอดและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอยู่อีกมากกว่า 10 ชุด ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชุดมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านสตาร์คอยน์ ทำให้มูลค่าของทั้งหมดมีมูลค่ารวมกันเกือบ 1,800 ล้านสตาร์คอยน์!!
บัญชีของเซี่ยเฟยเคยมีเงินมากที่สุดเพียงแค่ 480 ล้านสตาร์คอยน์เท่านั้น แต่ถ้าหากว่าเขาได้ขายของทั้งหมดนี้ออกไปบัญชีธนาคารของเขาก็จะมีเงินฝากจำนวน 10 หลักเป็นครั้งแรก
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเงินในบัญชีไม่ใช่เงินสกุลแอลไลคอยน์ของสหพันธ์โลก แต่มันคือเงินสกุลสตาร์คอยน์ซึ่งเป็นเงินสกุลสากลที่ใช้ไปทั่วทั้งจักรวาล!!!
อย่างไรก็ตามการคำนวนในครั้งนี้เขาก็ไม่ได้รวมผลไม้ต่าง ๆ และผลวิญญาณหลวนเข้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นการเก็บเกี่ยวในครั้งนี้อาจจะมีมูลค่ามากเกินกว่า 3,000 ล้านสตาร์คอยน์!!!!
เมื่อฝันเห็นเงินวางกองอยู่ตรงหน้าเซี่ยเฟยก็นึกถึงโมเดลยานรบที่เขาเคยเห็นในร้านค้าเสมือน
ของมันต้องมี!
“รอก่อนเถอะ! เมื่อไหร่ก็ตามที่ระดับความสามารถของฉันถึงระดับสตาร์ฟิลด์ ฉันจะต้องซื้อมันมาเป็นของฉันให้ได้!!”
—--
การฝึกฝนในวันที่ 3 ยังคงเป็นเหมือนเดิมแต่หลังจากที่เซี่ยเฟยได้เห็นทรัพยากรที่เขาได้รับกลับมาความกระตือรือร้นในการฝึกฝนของเขาก็มากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อวาน
ท้ายที่สุดการมีเงินก็เหมือนกับใบเบิกทางที่จะช่วยให้เขามีความก้าวหน้าในอนาคต เพราะไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบสำหรับการปรุงยา, ยานอวกาศสุดเท่หรือชุดอาวุธอุปกรณ์ต่างก็ล้วนแล้วแต่จำเป็นจะต้องใช้เงิน
หากใครต้องการที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองนอกเหนือจากการพึ่งพาโชคเพื่อพบกับโอกาสและการพยายามฝึกฝนอย่างหนักแล้ว ใครคนนั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีเงินทุนคอยสนับสนุน ซึ่งหลักการเรื่องนี้ก็เป็นหลักการที่สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นบนดาวโลกหรือในจักรวาลก็ตาม
ในช่วงเช้าของวันที่ 4 มันก็มีเสียงหญิงสาวอันไร้อารมณ์จากระบบอัตโนมัติดังขึ้นมาอีกครั้ง
“การประเมินในรอบที่ 2 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนกลับไปรวมตัวยังจุดนัดพบ”
เมื่อได้ยินเสียงประกาศเซี่ยเฟยก็เริ่มเก็บอุปกรณ์พร้อมกับสะบัดแขนขวาอย่างแรงเพื่อให้มั่นใจว่าเชสซิ่งไลท์ได้ถูกติดตั้งเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ 3 ครั้งก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังจุดนัดพบด้วยแววตาอันแน่วแน่
บริเวณจุดนัดพบมียานอวกาศลำสีดำขนาดใหญ่ 4 ลำจอดเรียงกันและมียานอวกาศทรงกลมซึ่งเป็นยานอวกาศชนิดพิเศษสำหรับการประเมินในรอบที่ 2 จอดอยู่ตรงกันข้ามกับยานอวกาศทั้งสี่ลำนี้
ยานอวกาศชนิดพิเศษเป็นยานอวกาศสีขาวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 2 กิโลเมตรและตรงบริเวณด้านข้างของยานก็มีหน้าต่างทรงกลมติดอยู่เป็นจำนวนมากคล้ายกับดวงตาที่กำลังจ้องมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ
ผู้สมัครที่ตกรอบส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้านของตัวเองแล้ว เหลือผู้สมัครที่ตกรอบรอรับชมการแข่งขันอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น มันจึงทำให้ฝูงชนดูเบาบางลงไปมากกว่าเดิม
ผู้สมัครที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 มีจำนวนเพียงแค่ 723 คนแทนที่จะเป็น 1,000 คนนั่นก็เพราะว่าผู้สมัครบางคนได้ถือครองแผ่นป้ายสำหรับการผ่านบททดสอบมากกว่า 1 แผ่น ยกตัวอย่างเช่น เซี่ยเฟยที่มี 2 แผ่นและเฉินตงที่มีแผ่นป้ายอยู่หลายสิบแผ่น
นอกจากนี้มันยังมีผู้ได้รับแผ่นป้ายบางส่วนที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าร่วมการประเมินในรอบที่ 2 ได้
บริเวณโดยรอบยานอวกาศทรงกลมมีเจ้าหน้าที่ของสมาพันธ์จัสทิสยืนเรียงเป็นแถวยาวคล้ายกำแพงมนุษย์ โดยพวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่สวมใส่ชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มและจำนวนของเจ้าหน้าที่ก็ดูเหมือนจะมีมากกว่าจำนวนเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลการประเมินในรอบแรก คล้ายกับทางสมาพันธ์ยกระดับความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อเซี่ยเฟยก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดเลื่อนร่างของเขาก็ค่อย ๆ ถูกส่งเข้าไปในยานอวกาศที่ทั่วทั้งยานถูกประดับเอาไว้ด้วยแสงไฟ ทำให้เขารู้สึกราวกับกำลังถูกส่งไปยังทุ่งหิมะขาว
ลานประลองบนชั้นที่ 1 ของยานอวกาศมีทั้งหมด 9 สนาม โดยแบ่งออกเป็นแนวนอน 3 สนาม, แนวตั้ง 3 สนามและมันก็ยังมีลานประลองขึ้นไปอีก 3 ชั้นทำให้โดยรวมแล้วลานประลองสำหรับการประเมินในครั้งนี้มีทั้งหมด 27 สนาม
ลานประลองแต่ละแห่งมีขนาดความยาว 100 เมตร, ความกว้าง 100 เมตรและสูงขึ้นมา 1 เมตร โดยพื้นของลานประลองถูกทำขึ้นมาจากโลหะผสมไทเทเนียมทำให้พื้นสนามไม่สามารถถูกทำลายได้ง่าย ๆ
นอกจากนี้บนลานประลองแต่ละแห่งยังมีสนามพลังโปร่งใสครอบเอาไว้อีกหนึ่งชั้นทำให้ไม่ว่าใครที่เข้าไปในลานประลองแล้วไม่สามารถที่จะหลบหนีออกมาได้เว้นแต่ว่าการต่อสู้จะจบลง
หากใครได้มองขึ้นไปยังบริเวณด้านบนจะได้พบกับกล้องความละเอียดสูงถูกติดตั้งเอาไว้รอบ ๆ เพื่อให้สามารถรับชมการต่อสู้จากทุกสนามได้ทั่วทุกมุมมอง
สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดการประเมินรอบที่ 2 ได้ถูกขายให้กับสถานีโทรทัศน์ในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ทั้งหมด 6 สถานี ซึ่งในอดีตการถ่ายทอดสดจะมีตั้งแต่การประเมินในรอบแรก แต่ในคราวนี้การถ่ายทอดสดมีเฉพาะการประเมินในรอบที่ 2 และการประเมินในรอบที่ 3 เท่านั้น
การประเมินของสมาพันธ์จัสทิสถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ มันจึงสามารถดึงดูดผู้รับชมได้เป็นจำนวนมากและค่าธรรมเนียมในการออกอากาศแต่ละครั้งจะถูกขายออกไปในราคาที่สูงเสียดฟ้า
วิธีการนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีทำกำไรของสมาพันธ์ เพราะท้ายที่สุดสมาพันธ์จัสทิสก็ไม่ใช่องค์กรเพื่อการกุศล พวกเขาจึงต้องพยายามหาทางที่จะนำมาซึ่งรายได้เพื่อนำไปพัฒนาสมาพันธ์ต่อไป
การประลองของเซี่ยเฟยถูกจัดเอาไว้ที่ลานหมายเลข 21 บนชั้นที่ 3 ซึ่งเขาก็เดินตามเจ้าหน้าที่เพื่อขึ้นลิฟต์ไปยังลานประลอง
ชายหนุ่มจุดบุหรี่และชำเลืองมองไปยังพื้นที่บริเวณโดยรอบและเขาก็มองเห็นชายร่างสูงกำลังเดินเข้ามาแต่ไกล โดยชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากเฉินตงผู้คลั่งไคล้การต่อสู้!
“นายเป็นคู่ต่อสู้ของฉันในนัดแรกใช่ไหม?” เฉินตงกล่าวกับเซี่ยเฟยพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ แต่เมื่อพิจารณาจากความตื่นเต้นในแววตาของชายหนุ่มร่างสูงคนนี้แล้วมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าเขาอยากจะเริ่มต่อสู้กับเซี่ยเฟยตั้งแต่วินาทีนี้เลย
“ฉันชื่อเฉินตงมาจากอาณาจักรเหมันต์ เมื่อพวกเราต้องต่อสู้กันขอให้นายอย่าได้ออมมือ!” เฉินตงกล่าวแนะนำตัว
“ไม่มีปัญหา” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไปพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อเซี่ยเฟยเหลือบสายตาไปด้านข้างเขาก็พบว่าเย่เสี่ยวหานยืนอยู่บนชั้นนี้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเขาได้หันหน้ามองไปตรง ๆ เย่เสี่ยวหานกลับจงใจหันศีรษะไปด้านข้างคล้ายกับเธอกลัวที่จะสบตากับเขา
ในตอนนี้จำนวนคนในห้องประลองค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ชาวภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ก็เริ่มเปิดทีวีของพวกเขาด้วยเช่นกัน โดยพวกเขาคาดว่าจะได้เห็นการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ไปพร้อม ๆ กับการนั่งสังสรรค์กับครอบครัว
ค่ารับชมการประเมินระดับวิกฤตของสมาพันธ์จัสทิสอยู่ที่ชั่วโมงละ 10 สตาร์คอยน์ซึ่งมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ แต่คนเหล่านี้ก็ยังคงเต็มใจจ่ายเงินออกไปเพื่อให้ได้รับชมการประลอง
ในสถานการณ์ปกติมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้เชี่ยวชาญ ยิ่งไปกว่านั้นการประเมินในครั้งนี้ยังเป็นการประเมินในระดับวิกฤตที่จะมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตและความตาย
ท้ายที่สุดการรับชมกีฬาประเภทต่อสู้ต่าง ๆ ก็ไม่สามารถนำมาเทียบกับการประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพันได้และความตื่นเต้นที่พวกเขาจะได้รับกลับไปย่อมเหนือกว่าการดูกีฬาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
—--
ห่างออกไปหลายปีแสงเด็กสาวผู้มีอายุประมาณ 13 ปีก็กำลังนั่งประหม่าอยู่ในห้องนอน โดยในปัจจุบันเธอกำลังกอดกระต่ายสีชมพูไว้ในอ้อมแขนขณะที่ดวงตาได้จับจ้องมองไปยังหน้าจอที่มีภาพของเซี่ยเฟยกำลังพูดคุยอยู่กับเฉินตง
นิสัยเสียของแอวริลคือเธอชอบฉีกสิ่งของต่าง ๆ ในระหว่างที่เธอรู้สึกประหม่าและในคราวนี้เธอก็กำลังฉีกหูตุ๊กตากระต่ายตัวน้อยภายในมือ อย่างไรก็ตามภายในหัวเธอก็กำลังคิดว่าหูของกระต่ายตัวนี้มันยังสั้นมากเกินไป
ก็อก! ก็อก! ก็อก!
“คุณหนูได้เวลาเรียนวิชาศิลปะแล้วค่ะ”
“ไม่เอา! หนูอยากดูเซี่ยเฟยสู้ก่อน!!” แอวริลกล่าวตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
คำตอบของเด็กสาวทำให้แม่บ้านชราที่อยู่นอกประตูรู้สึกตกใจเล็กน้อยและเธอก็ทำการขมวดคิ้วพร้อมกับพูดพึมพำกับตัวเองขึ้นมาว่า
“เซี่ยเฟย? เซี่ยเฟยคือใคร?”
—--
“ผมเซียวไห่ลี่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการการประเมินของสมาพันธ์จัสทิสในครั้งนี้ ผมขอประกาศกติกาของการประลองในรอบที่ 2 ให้พวกคุณได้รับทราบโดยทั่วกัน” เซียวไห่ลี่ประกาศออกมาด้วยรอยยิ้มขณะที่ดวงไฟทั้ง 10 ดวงได้สาดส่องมาที่เขาเป็นจุดเดียว จากนั้นเขาก็กล่าวอธิบายต่อไปว่า
“บนลานประลองแต่ละสนามจะถูกติดตั้งม่านพลังงานเอาไว้และม่านพลังงานจะไม่ถูกเปิดจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียชีวิตหรือมีการประกาศยอมแพ้”
“การประลองในรอบนี้ไม่มีระยะเวลาจำกัด นอกเหนือจากอาวุธร้อนแล้วทุกคนสามารถใช้อาวุธได้ทุกประเภท หากใครฝ่าฝืนจะถูกปรับแพ้ในทันทีและการประเมินในรอบนี้จะคัดผู้เข้าแข่งขันไปยังการประเมินในรอบที่ 3 เพียงแค่ 18 คน”
(อาวุธร้อน คือ อาวุธที่ต้องใช้ความร้อนในการใช้งาน เช่น ปืน ดาบเลเซอร์ เป็นต้น)
ในระหว่างที่เซียวไห่ลี่กำลังประกาศกฎกติกาเซี่ยเฟยที่กำลังนึกถึงชื่อของเซียวหยงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“เซียวไห่ลี่? เซียวหยง?”
ขณะเดียวกันเฉินตงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่สามารถเก็บระงับอารมณ์ของตัวเองได้ เขาจึงรีบกระโดดขึ้นไปบนลานประลองพร้อมกับกวักมือเรียกเซี่ยเฟย
“เลิกฟังเรื่องไร้สาระแล้วมาสู้กันดีกว่า!”
คำพูดของเฉินตงดึงสติของเซี่ยเฟยกลับคืนมา เขาจึงโยนก้นบุหรี่ลงบนพื้นพร้อมกับใช้เท้ากระทืบดับบุหรี่ลงไป จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังเฉินตงด้วยความตื่นเต้นและตอบรับกลับไปเบา ๆ ว่า
“จัดไป!!”
***************
เอาแล้ว!! ตอนหน้าจะสู้กันแล้ว!!!
ลองเดากันซิว่าใครจะชนะ?