ตอนที่ 55: ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
ตอนที่ 55: ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากพักผ่อนตลอดทั้งคืนร่างกายของเซี่ยเฟยก็ฟื้นตัวกลับมามากกว่า 90% ซึ่งมันเป็นอัตราการฟื้นฟูที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วมันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมามีพละกำลังอีกครั้ง
หลังทานอาหารเช้าเซี่ยเฟยก็มุ่งหน้าตรงไปยังทิศตะวันตกประมาณ 200 กิโลเมตรและเริ่มทำการฝึกฝนต่อทันที
ในปัจจุบันชายหนุ่มกำลังวิ่งวนรอบก้อนหินก้อนหนึ่งที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตรและมีขนาดความสูงขึ้นไปมากกว่า 5 เมตรโดยคิดว่าก้อนหินก้อนนี้เป็นศัตรู
ทันใดนั้นร่างของเซี่ยเฟยก็ไปปรากฏตัวทางฝั่งทิศตะวันตกของก้อนหินพร้อมกับคมดาบที่พุ่งออกไปอย่างแรง แต่ก่อนที่ใบดาบจะกระทบกับเป้าหมายมันกลับเปลี่ยนทิศทางไปจู่โจมทางฝั่งทิศเหนือแทน!
ปรับเปลี่ยนทิศทางการจู่โจมอย่างฉับพลัน!
หากมีการแสดงภาพสโลโมชั่นทุกคนจะได้เห็นว่าเซี่ยเฟยบิดกล้ามเนื้อพร้อมกับเปลี่ยนวิธีการเคลื่อนตัวของฝ่าเท้าเพื่อเบี่ยงเบนทิศทางการจู่โจมให้เปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิม
เป้ง!
การตกกระทบของใบดาบก่อให้เกิดประกายไฟพร้อมกับรอยบาดลึกที่ถูกทิ้งเอาไว้บนก้อนหิน
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะสามารถเปลี่ยนทิศทางการจู่โจมอย่างฉับพลันได้สำเร็จ แต่ร่างของเขาก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรงพร้อมกับฝุ่นผงที่พัดกระจายออกไปโดยรอบ
“ท่าทางตอนนายจู่โจมยังไม่ค่อยมั่นคงและตำแหน่งการจู่โจมยังเบี่ยงเบนออกไปอีก 2 เซนติเมตร ความผิดพลาดของนายในครั้งนี้คือนายบิดดาบช้าเกินไป” อันธกล่าวหลังจากที่เขาเดินไปสำรวจร่องรอยการโจมตีบนก้อนหิน
“เคล็ดลับของการฟันไม่จำเป็นจะต้องใช้เพียงแค่กำลังอย่างเดียวเท่านั้นแต่มันยังจำเป็นที่จะต้องมีความแม่นยำอยู่อีกด้วย หากนายต้องการจะเป็นนักฆ่าที่แข็งแกร่งนายต้องบังคับอาวุธตัวเองให้มีความแม่นยำพอ ๆ กับหมอที่ควบคุมมีดผ่าตัด ซึ่งรอยแผลที่เกิดจากการจู่โจมสมควรที่จะต้องพอดีกับอาวุธ นายลองสอดใบดาบเข้าไปในร่องนั่นสิแล้วนายจะเข้าใจสิ่งที่ฉันบอกเอง”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับลุกขึ้นมาจากพื้น จากนั้นเขาก็สอดใบดาบของเชสซิ่งไลท์เข้าไปในร่องลึกบนหินและผลลัพธ์ที่ตามมามันก็คล้ายกับว่าเขาได้เก็บดาบเข้าไปในฝักที่มีขนาดใหญ่เกินไป
“ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนการจู่โจมนายจะเริ่มเสียการทรงตัวและทำให้การจู่โจมผิดเพี้ยนตำแหน่งไป วิธีแก้ปัญหาคือนายจะต้องหาจุดสมดุลย์ในระหว่างการเคลื่อนไหวให้ได้ แต่การหาจุดสมดุลย์จำเป็นที่จะต้องใช้ประสบการณ์”
“จุดสมดุลย์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนจำเป็นจะต้องก้าวเท้าออกไปด้านหน้าเพื่อบิดตัว ในขณะที่บางคนต้องใช้แรงบิดเพียงแค่เล็กน้อยเพื่อหาจุดสมดุลย์ของตัวเองเท่านั้น ดังนั้นวิธีการหาจุดสมดุลย์ให้เร็วที่สุดคือนายจะต้องทำการฝึกฝนต่อไปเรื่อบๆ เพราะมันไม่มีใครสามารถให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้” อันธถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเซี่ยเฟยด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
“เทคนิคเล่ห์กายาเป็นเทคนิคที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวอันน่าเหลือเชื่อทำให้ในบางครั้งร่างกายจะถูกบิดไปมาและในบางครั้งร่างกายก็ถูกบิดจนเหมือนกับกลายเป็นเกลียวคลื่น”
“เทคนิคนี้จำเป็นที่จะต้องอาศัยประสบการณ์, ความแข็งแกร่ง, ความยืดหยุ่นและความสมดุลย์ของร่างกายทำงานสอดคล้องประสานกันเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติและการเคลื่อนไหวผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวก็จะนำไปซึ่งความผิดพลาดในการจู่โจมได้เลย”
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรตอบรับกลับไปโดยสายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังก้อนหินราวกับว่าเขากำลังติดพันกับการต่อสู้และไม่กล้าหย่อนยานแม้ว่าศัตรูจะมีหน้าตาเป็นหินก็ตาม
เร่งความเร็ว..เปลี่ยนท่า..แทง..ล้ม..
เร่งอีกครั้ง..เปลี่ยนท่าอีกครั้ง..แทงอีกครั้ง..ล้มอีกครั้ง..
เร่งต่อ..เปลี่ยนท่าต่อ..แทงต่อ..ล้มต่อ..
เซี่ยเฟยล้มลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เขาก็ยังคงลุกขึ้นมาอีกครั้งโดยเขายังคงพยายามอย่างต่อเนื่องซ้ำ ๆ คล้ายกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย
ระหว่างการฝึกฝนชายหนุ่มบังเอิญล้มลงไปโดนหินแหลมจนทำให้เลือดสีแดงหลั่งไหลออกมา แต่เขากลับเลือกที่จะคว้าผงดินจากพื้นกดลงไปบนบาดแผลเพื่อให้เลือดหยุดไหล จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและเริ่มทำการฝึกฝนอีกครั้งโดยไม่มีการหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย
ทุกครั้งที่ผิวหนังของเขามีเลือดออกมันจะจบลงด้วยการถูกผงดินมาอุดแผล แต่เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกเจ็บปวดชายหนุ่มจะใช้ฝ่ามือทุบร่างกายบริเวณนั้นให้รู้สึกเจ็บจนชา!
บ้าคลั่ง!
การฝึกซ้อมที่บ้าระห่ำ!
ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงพระอาทิตย์ตกดินเซี่ยเฟยไม่เคยหยุดฝึกซ้อมเลยซักนิดเดียว แม้กระทั่งเวลาอาหารเขาก็ยังคงกินไปพร้อมกับจินตนาการถึงการเคลื่อนไหวภายในหัว
ทุก ๆ 2 ชั่วโมงเซี่ยเฟยจะต้องกินอาหารกระป๋อง 12 กระป๋องและดื่มน้ำ 6 ขวดเพื่อฟื้นฟูพละกำลังของเขากลับคืนมา ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ก็เป็นกระบวนการในการสนับสนุนให้ชายหนุ่มสามารถฝึกฝนได้อย่างบ้าคลั่ง
ในเวลาเดียวกันมันก็มีร่าง ๆ หนึ่งจ้องมองเซี่ยเฟยอยู่ไกล ๆ โดยหญิงสาวผู้มีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบคนนี้ได้สวมใส่เครื่องแบบของจัสทิสอย่างครบครัน
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ล้มลงซ้ำ ๆ แต่ก็ยังลุกขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า เย่เสี่ยวหานก็รู้สึกแปลก ๆ ภายในใจและถึงแม้ว่าโดยปกติเธอจะมีนิสัยที่เย็นชาแต่เธอก็รู้สึกประทับใจในความดื้อรั้นของเซี่ยเฟย
หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในที่สุดแสงสว่างก็หายไปเซี่ยเฟยจึงยอมหยุดฝึกฝนก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องพัก
อีกสองวันจะเป็นวันที่เขาต้องประลองกับเฉินตงแล้วและถึงแม้ว่าเขาจะต้องการทำการฝึกฝนต่อไป แต่เขาก็ต้องเตือนตัวเองว่าเขาต้องรักษาสมรรถภาพทางร่างกายของตัวเองเอาไว้ก่อน
เย่เสี่ยวหานรู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาเซี่ยเฟยและถึงแม้ว่าใบหน้าอันเย็นชาของเธอจะยังคงอยู่แต่ในแววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความชื่นชม
“คุณมีธุระอะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามเมื่อทั้งสองได้เดินเข้ามาใกล้กัน
พวกเขารักษาระยะห่างในระหว่างการเดินประมาณ 5-6 เมตร และเนื่องมาจากว่าในเวลานี้เซี่ยเฟยต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาจึงช้ามาก
“ฉันได้ตรวจสอบเรื่องของเซียวรั่วหยูแล้ว แต่โชคไม่ดีที่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้ ฉันต้องขอโทษเรื่องการหายตัวไปของเธอด้วย” เย่เสี่ยวหานกล่าวออกมาอย่างไม่ราบรื่นมากนัก
คำขอโทษไม่ใช่สิ่งที่เธอคุ้นเคยเลย ซึ่งในความเป็นจริงเธอจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเธอเอ่ยคำขอโทษครั้งล่าสุดออกมาเมื่อไหร่ เพราะตั้งแต่เธอยังเด็กเธอก็ถูกฝึกฝนให้ปฏิบัติตัวคล้ายกับเครื่องจักรที่ไม่สามารถดำเนินการผิดพลาดได้อย่างเด็ดขาด
“เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องขอโทษผมหรอกและถึงแม้ว่าคุณจะอยากขอโทษจริง ๆ คุณก็ควรเก็บคำนี้ไปบอกกับครอบครัวของเซียวรั่วหยูแทน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า
“อันที่จริงวันนั้นคุณได้ทำตามหน้าที่ของคุณแล้ว แต่มันเป็นผมเองต่างหากที่มุทะลุเกินไปหน่อย”
คำพูดของเซี่ยเฟยทำให้เย่เสี่ยวหานรู้สึกประหลาดมากโดยความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่กระทบต่อจิตใจและมันก็ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังสูญเสียตัวตนของตัวเอง
“ฉันเสร็จธุระแล้วขอตัวก่อนนะ” เย่เสี่ยวหานพยายามตีตัวออกห่างจากเซี่ยเฟยเพื่อจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง แต่ก่อนที่เธอจะจากไปเธอก็หันไปบอกกับเซี่ยเฟยว่า
“คู่ต่อสู้ในรอบที่ 2 ของคุณแข็งแกร่งมาก คุณควรจะหาข้อมูลของเขาเอาไว้ให้ดี ๆ”
‘ผู้หญิงคนนั้นน่าสนใจจริง ๆ น่าเสียดายที่เธอแก่กว่าเซี่ยเฟยไปหน่อย’ อันธคิดกับตัวเองขณะมองไปยังแผ่นหลังของเย่เสี่ยวหานที่กำลังวิ่งจากไป
—--
หลังทานอาหารเย็นและอาบน้ำจนเสร็จเซี่ยเฟยก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงพร้อมกับเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาว
ในระบบอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาวมีฟังก์ชั่นสำหรับการค้นหาข้อมูลโดยอัตโนมัติซึ่งราคาของฟังก์ชั่นนี้มีราคาเพียงแค่ 10 สตาร์คอยน์เท่านั้น
เซี่ยเฟยได้สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำการค้นหาเอาไว้เรียบร้อยแล้วและมันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องทำการตรวจสอบข้อมูลเสียที
เมื่อชายหนุ่มคลิกดูสรุปข้อมูลของเฉินตงฟังก์ชั่นค้นหาอัตโนมัติก็กรองข้อมูลที่เป็นประโยชน์และไม่ซ้ำซ้อนเอาไว้ให้กับเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องประมวลผลข้อมูลที่มีจำนวนมากจนเกินไป
หลังจากอ่านข้อมูลโดยละเอียดภาพของชายผู้บ้าคลั่งการต่อสู้ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในจิตใจของเซี่ยเฟยอย่างชัดเจน
ปัจจุบันเฉินตงอายุ 19 ปี, มีพลังพิเศษในการควบคุมน้ำแข็ง, มีระดับความสามารถอยู่ที่ระดับสตาร์ฟิลด์ขั้นสูง, เป็นสมาชิกของอาณาจักรเหมันต์ซึ่งเป็น 1 ใน 7 อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่และที่สำคัญคืออาณาจักรดาวแห่งนี้ยังมีระดับอารยธรรมสูงถึงระดับ 3 จนทำให้พวกเขาเป็นกองกำลังที่สำคัญของภูมิภาคดาวอีกด้วย
ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในอาณาจักรและสมาชิกส่วนใหญ่ในตระกูลต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้รับใช้กองทัพของอาณาจักร มันจึงทำให้ตระกูลของพวกเขาเป็นตระกูลทหารที่มีชื่อเสียง
ปู่ของเฉินตงดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ในขณะที่พ่อของเขาเป็นนายพลและแม่ของเขาก็เป็นแพทย์ทหารที่เก่งกาจ
ด้วยการเติบโตขึ้นมาในตระกูลของทหารนี่เองเฉินตงจึงได้รับการศึกษาด้านการทหารตั้งแต่เด็กและตัวตนของเขาก็เป็นที่เคารพของกองกำลังในกองทัพ
เพียงแค่ตัดสินจากประวัติเซี่ยเฟยก็สามารถบอกได้เลยว่าคู่ประลองของเขาเป็นตัวตนที่มีความเก่งกาจ นอกจากนี้ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครเฉินตงก็ไม่เคยรู้สึกกลัวที่จะท้าทาย ซึ่งทุกคนที่รู้จักชายหนุ่มคนนี้ต่างก็รับรู้ถึงความบ้าการต่อสู้ของเขาเป็นอย่างดี
ใน 2 สัปดาห์แรกหลังจากเข้าไปในโรงเรียนสอนการต่อสู้เฉินตงได้รับบาดเจ็บจากการท้าประลองกับอาจารย์จนกระดูกแขนซ้ายและกระดูกซี่โครงของเขาหัก แต่หลังจากที่เขารักษาอาการบาดเจ็บจนเสร็จ เขาก็กลับไปท้าทายเพื่อทำการประลองใหม่อีกครั้ง
ในครั้งที่ 2 คู่ต่อสู้ของเฉินตงได้จู่โจมจนทำให้ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม แต่เฉินตงก็ยังไม่ยอมแพ้และกลับไปท้าทายอีกครั้งใน 1 เดือนต่อมา
นิสัยอันบ้าระห่ำของเฉินตงทำให้อาจารย์ในโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ต้องเข้าไปขอร้องพ่อของเฉินตงเป็นการส่วนตัว ก่อนที่ในอีกไม่นานชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้การต่อสู้จะถูกขับไล่ออกไปจากโรงเรียน
ในข้อมูลมีประวัติที่บ้าคลั่งของเฉินตงอยู่อย่างมากมายโดยเขาเป็นเหมือนกับคนบ้าที่ต้องการจะต่อสู้อยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้มากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งต้องการท้าทายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
แม้ว่าเฉินตงจะทำการท้าประลองต่อสู้กับผู้อื่นอยู่เสมอแต่มันก็ไม่มีประวัติว่าเขาเคยทำการสังหารคู่ต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียวราวกับว่าคนบ้าคนนี้ต้องการที่จะต่อสู้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะทำการสังหารคู่ต่อสู้ของเขาเลย
ข้อมูลของเฉินตงทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วและหลังจากที่ชายหนุ่มปิดคอมพิวเตอร์ลงไป เขาก็หยิบแหวนมิติสีเขียวมรกตจากโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาเล่นในมือ
ในเวลาต่อมาเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจที่จะเทของทุกอย่างในแหวนลงไปบนเตียง แต่หลังจากที่เขาได้เห็นของเหล่านี้มันก็ถึงกับทำให้เขาพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ของพวกนี้มัน…”
***************
ของในแหวนคนรวยมันก็ต้องเป็นของดีใช่ไหมล่ะ! หรือว่า..พี่เฟยจะรวยแล้ว!!