ตอนที่ 52: ทำสาวร้องไห้
ตอนที่ 52: ทำสาวร้องไห้
“ผู้สมัครทุกคนโปรดทราบ! ขณะนี้การคัดเลือกในรอบแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้ผู้สมัครทุกคนเดินทางกลับไปยังค่ายพักเพื่อรายงานตัวทันที หากใครลงมือหลังจากนี้จะถูกตัดสิทธิ์จากการประเมิน ส่วนใครได้รับบาดเจ็บให้กดที่ปุ่มสีเหลืองที่นาฬิกาแล้วรอทีมแพทย์เข้าไปรักษา”
จู่ ๆ มันก็มีเสียงประกาศดังขึ้นมาจากนาฬิกาสีขาวบนมือของเซี่ยเฟย ซึ่งหลังจากที่เสียงประกาศได้สิ้นสุดลง ชายหนุ่มก็วิ่งตรงไปยังค่ายพักตามพิกัดจากนาฬิกา
เซี่ยเฟยเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีจากการหายตัวไปของเซียวรั่วหยู แต่เขาต้องพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้คิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ตอนนี้สิ่งที่เขาพอจะทำได้มีเพียงแค่ฝากความหวังเอาไว้กับสมาพันธ์จัสทิส เพราะท้ายที่สุดโอกาสที่เขาจะออกค้นหาเซียวรั่วหยูเพียงแค่ลำพังก็มีโอกาสพบเจอน้อยมากจนเกินไป
ระหว่างทางเซี่ยเฟยรักษาความเร็วเอาไว้ที่ 180 เมตรต่อวินาที ซึ่งหลังจากที่เขาได้เดินทางต่อเนื่องไปประมาณ 30 นาทีเขาก็พบกับยานอวกาศลำสีดำขนาดใหญ่จำนวน 4 ลำที่จอดเป็นแถวเรียงกันอยู่บนลานโล่ง
เมื่อเวลาผ่านไปผู้สมัครก็เดินทางมาจนถึงค่ายพักมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยผู้สมัครส่วนใหญ่ต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงบาดเจ็บหนัก ส่วนใบหน้าของพวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เลอะไปด้วยเศษฝุ่น
หลังจากผ่านวันเวลาอันเลวร้ายทุกคนก็ไม่ได้มีสีหน้าอันตื่นเต้นเหมือนกับตอนเริ่มต้นการประเมินอีกต่อไป แต่พวกเขาต่างก็โหยหาห้องอาบน้ำและอาหารกลางวันอันแสนอร่อย
ทั่วทั้งลานมีเจ้าหน้าที่จากสมาพันธ์จัสทิสคอยให้บริการเป็นจำนวนหลายพันคน ซึ่งตลอดเวลาการลงทะเบียนก็มักที่จะมีผู้สมัครที่ทะเลาะกันเรื่องการแบ่งแผ่นป้ายเป็นครั้งคราวและแน่นอนว่าพวกเขาย่อมถูกสั่งสอนจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ที่สุด
เซี่ยเฟยเหลือบสายตามองไปยังเหล่าบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการก่อนที่เขาจะสะดุดตากับเย่เสี่ยวหานผู้ซึ่งเป็นจัสทิสที่ลงทะเบียนให้กับเขาและเซียวรั่วหยู
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณพอจะจำเด็กผู้หญิงที่เดินทางมาพร้อมกับผมได้ไหม” เซี่ยเฟยหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่เสี่ยวหานและกล่าวถามออกไปอย่างเร่งรีบ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้รับคำถามแต่เย่เสี่ยวหานก็ยังคงสแกนนาฬิกาบนข้อมือของเซี่ยเฟยด้วยสีหน้าอันไร้อารมณ์ ก่อนที่เธอจะกล่าวถามออกไปว่า
“คุณต้องการหมอไหม?”
“ผมไม่ได้รับบาดเจ็บแต่เด็กผู้หญิงที่มาพร้อมกับผมกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าจะให้พูดลงลึกมากไปกว่านั้นผมคิดว่าเธอน่าจะถูกลักพาตัว” เซี่ยเฟยตะโกนออกไปเสียงดัง
แน่นอนว่าการกระทำของเซี่ยเฟยดูเป็นการกระทำที่ไร้มารยาท มันจึงทำให้เหล่าบรรดาเพื่อนร่วมงานและนักเรียนของเย่เสี่ยวหานได้จ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“คุณได้รับแผ่นป้ายกลับมาไหม?” เย่เสี่ยวหานยังคงกล่าวถามต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์
หลังหญิงสาวกล่าวจบเซี่ยเฟยก็ทำการหยิบแผ่นป้ายออกมาจากแหวนมิติและมอบให้กับเย่เสี่ยวหาน ซึ่งในความเป็นจริงเขายังมีแผ่นป้ายเก็บเอาไว้ในสร้อยข้อมืออีกแผ่น แต่มันเป็นแผ่นป้ายที่เขาตั้งใจจะมอบให้กับเซียวรั่วหยู
“ผู้สมัครหมายเลข 70563 ยืนยันเข้าสู่การประเมินรอบต่อไป” เย่เสี่ยวหานกล่าวยืนยันการผ่านเข้ารอบก่อนที่เธอจะหันไปมองหาผู้สมัครคนอื่นคล้ายกับจะเป็นการบอกนัย ๆ ว่าเธอไม่ต้องการจะสนทนาอีกต่อไปแล้ว
“ผมมีเรื่องสำคัญที่จะบอกกับคุณ”
“เรื่องอะไร?”
เซี่ยเฟยเล่าเหตุการณ์การหายตัวไปของเซียวรั่วหยูให้กับเย่เสี่ยวหานฟังโดยเขาพยายามรักษาน้ำเสียงให้สงบที่สุด
“มันเป็นเรื่องปกติที่ในระหว่างการประเมินจะมีใครตายหรือหายตัวไป พวกคุณได้ลงนามในสัญญาก่อนเข้าร่วมการประเมินแล้ว เนื้อหาในสัญญาระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าทางสมาพันธ์จะไม่รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในระหว่างการประเมิน” เย่เสี่ยวหานกล่าวอย่างใจเย็น
ดวงตาของเซี่ยเฟยยังคงจับจ้องมองไปยังดวงตาของหญิงสาวและด้วยเหตุผลอันแปลกประหลาด เย่เสี่ยวหานกลับรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของเธอก็ยังคงไร้อารมณ์อยู่เหมือนเดิม
“เชื่อผมเถอะเหตุการณ์ครั้งนี้มันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็อธิบายต่อไปว่า
“เหตุผลอย่างแรกความเร็วของคนที่ลักพาตัวเซียวรั่วหยูไปมีมากกว่า 4,700 เมตรต่อวินาที แต่ถ้าหากคิดคำนวณว่าในระหว่างหลบหนีเขากำลังแบกเซียวรั่วหยูอยู่ความเร็วสูงสุดที่แท้จริงของเขาก็สมควรที่จะเกิน 5,000 เมตรต่อวินาที”
“คนที่มีความเร็วสูงมากขนาดนี้ควรจะเป็นคนที่มีพลังพิเศษในระดับสตาร์ริเวอร์ ซึ่งมันเกินกว่าข้อกำหนดของผู้สมัครในการประเมิน หรือจะบอกว่าคนที่ลงมือไม่ใช่ผู้สมัครในการประเมินครั้งนี้ก็ได้”
“เหตุผลอย่างที่ 2 คือผู้ลงมือไม่ได้สนใจแผ่นป้ายสำหรับการประเมินในรอบต่อไปเลย จุดประสงค์ในการเคลื่อนไหวของเขามีเพียงแค่การลักพาตัวเซียวรั่วหยู ดังนั้นไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ไม่สมควรที่จะเป็นผู้สมัคร”
“เหตุผลอย่างที่ 3 คือผมได้สะกดรอยตามรอยเท้าของเขาไปแล้วแต่รอยเท้าของเขาหายไปทางทิศตะวันตก ถ้าคุณบอกว่าเขาเป็นผู้สมัครทำไมจู่ ๆ เขาถึงออกจากพื้นที่การประเมินก่อนที่การประเมินจะสิ้นสุดลง?”
“เหตุผลอย่างที่ 4 คือพลังพิเศษของเซียวรั่วหยูคืออเมทิสต์การ์ด คุณก็น่าจะรู้ดีว่าพลังพิเศษนี้เป็นพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากขนาดไหน ผมมั่นใจได้เลยว่าแม้แต่ผู้สมัครที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่สามารถจะทำลายอเมทิสต์การ์ดได้ง่าย ๆ แล้วมันจะมีผู้สมัครคนไหนสามารถลักพาตัวเซียวรั่วหยูไปได้ง่าย ๆ แบบนั้น”
“จากเหตุผลทั้งสี่ข้อ ผมสามารถสรุปออกมาได้เพียงแค่ว่าคนที่ลักพาตัวเซียวรั่วหยูไปไม่ใช่ผู้สมัครในการประเมินครั้งนี้แน่นอน เพราะเขาคนนั้นเป็นคนนอกและเขายังเป็นผู้มีพลังพิเศษที่มีระดับความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าระดับสตาร์ริเวอร์!”
ยิ่งเซี่ยเฟยพูดออกไปมากเท่าไหร่เขายิ่งไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงของตัวเองได้มากเท่านั้น มันจึงทำให้ผู้คนนับร้อยที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เริ่มหันมาฟังข้อสันนิษฐานของเขา
เมื่อเย่เสี่ยวหานได้ฟังการวิเคราะห์ของเซี่ยเฟยเธอก็พยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนที่เธอจะได้กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงอันไร้อารมณ์ว่า
“เรื่องนี้เป็นเพียงแค่การสันนิษฐานของคุณเท่านั้นและไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้ เว้นแต่ว่าคุณจะมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่ามีคนนอกแอบเข้ามาลักพาตัวเพื่อนของคุณไป ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่สามารถที่จะรับคำร้องของคุณได้เช่นกัน”
คำตอบของเย่เสี่ยวหานย่อมทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงพยายามสูดลมหายใจเข้าไปเพื่อระงับอารมณ์
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามเรื่องการติดตามข้อมูลในระหว่างการประเมินได้ไหม”
เย่เสี่ยวหานส่ายหัวพร้อมกับกล่าวตอบกลับไปว่า
“ขออภัยด้วย คุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลพวกนั้น เอาล่ะพวกเราจะประกาศผลการประเมินในรอบแรกก่อนเวลาเที่ยงตรง หากเพื่อนของคุณยังอยู่บนดาวดวงนี้ พวกเราจะนำตัวเธอกลับมาที่ค่ายพักไม่ว่าจะเป็นหรือจะตายแล้วก็ตาม”
“แล้วผมจะตรวจสอบผลการประเมินได้ยังไง”
“ก่อนเวลาเที่ยงตรงจะมีการประกาศผ่านเว็บไซต์ของสมาพันธ์”
“ผมยอมรับว่าคุณเป็นผู้หญิงที่สวยมากแต่คุณรู้ไหมว่าคุณขาดอะไรไป” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า จากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับกล่าวขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“คุณขาดความเป็นมนุษย์”
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่ได้ส่งเสียงดังแต่คำพูดประโยคนั้นกลับสั่นสะท้านในใจของเย่เสี่ยวหานอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกันคำพูดของเซี่ยเฟยก็ทำให้เจ้าหน้าที่บางคนแอบส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แต่หลังจากที่พวกเขาถูกจ้องโดยเย่เสี่ยวหานพวกเขาก็แยกย้ายกันไปคนละทางและไม่กล้าที่จะนินทาโฉมงามน้ำแข็งอีกต่อไป
“ฉันขาดความเป็นมนุษย์ไปจริง ๆ หรอ?” เย่เสี่ยวหานตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองขณะที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเซี่ยเฟยที่กำลังเดินจากไป
—--
หลังจากอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเซี่ยเฟยก็จุดบุหรี่และนั่งลงไปบนเตียง
เตียงข้าง ๆ ของเขายังคงมีกลิ่นของเซียวรั่วหยูติดอยู่ ซึ่งมันเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเด็กสาวและมันก็คงจะเป็นกลิ่นน้ำหอมที่เขาไม่มีวันลืม
แม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับ แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงรักษาความสงบของเขาเอาไว้ เพราะถึงแม้เขาจะแสดงความโกรธออกมา มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เนื่องจากสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแต่พยายามฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเองกลับคืนมา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประเมินในอีกสามวัน
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเซี่ยเฟยก็มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารซึ่งหลังจากที่เขารับประทานอาหารจนอิ่มแล้วเขาก็กลับมานอนพักที่ห้องโดยตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ตอนเที่ยงตรงเพื่อที่จะได้ลุกขึ้นมาตรวจผลการประเมินโดยเร็วที่สุด
ทันทีที่หัวถึงหมอนชายหนุ่มก็ส่งเสียงกรนออกมาในทันทีซึ่งมันเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่าการอดนอนเป็นเวลา 7 วันทำให้เขาเหนื่อยล้ามากแค่ไหน
ในระหว่างการนอนหลับเซี่ยเฟยก็เข้าสู่โลกแห่งความฝันโดยในปัจจุบันเขากำลังเดินอยู่บนถนนที่พลุกพล่านและมีเด็กสาวร่างผอมบางในชุดสีขาวปรากฏตัวขึ้นตรงข้ามกับเขา
เด็กสาวคนนี้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกค่อนข้างที่จะคุ้นเคย เขาจึงเอื้อมมือออกไปโดยหวังที่จะหยิกแก้มของเด็กสาวคนนี้เบา ๆ แต่โชคไม่ดีที่จู่ ๆ พื้นที่บริเวณโดยรอบก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดและถึงแม้ว่าเขาจะพยายามหาแหล่งกำเนิดแสงบนร่างกายอย่างเร่งรีบ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่สามารถส่องแสงสว่างขึ้นมาได้เลย
ภายใต้ความมืดมิดร่างเด็กสาวในชุดขาวได้ค่อย ๆ เคลื่อนที่ห่างจากเขาออกไป ซึ่งเซี่ยเฟยก็ทำได้เพียงแต่เฝ้าดูร่างของเธอเท่านั้นแต่ไม่สามารถที่จะไขว่คว้าร่างของเธอเอาไว้ได้เลย
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็ยินเสียงนาฬิกาปลุกซึ่งมันก็ทำให้เขาตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
ชายหนุ่มรีบมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำและล้างหน้าด้วยน้ำเย็น โดยในระหว่างนั้นเขาก็พบว่าภาพที่สะท้อนในกระจกดูผอมบางกว่าเดิมเล็กน้อยและผิวของเขาก็ดูเหมือนกับจะมีสีเข้มขึ้นมากกว่าเดิม
เมื่อกลับเข้ามาภายในห้องเซี่ยเฟยก็สวมใส่แว่นตาเสมือนจริงและทำการเชื่อมต่อเข้าไปในอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาว โดยเขาต้องการที่จะทำการตรวจสอบรายชื่อที่ประกาศออกมาจากสมาพันธ์จัสทิส
หากว่าทางสมาพันธ์ยังไม่สามารถหาเซียวรั่วหยูเจอ เขาก็คงจะไม่สามารถจะทำอะไรได้เหมือนกัน
ความแข็งแกร่งของสมาพันธ์จัสทิสเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับไปทั่วทั้งจักรวาล ดังนั้นหากพวกเขาได้ระบุว่าเซียวรั่วหยูหายตัวไป มันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะตามหาเด็กสาวได้แล้วจริง ๆ
หลังจากเข้าไปบนเว็บไซต์ของสมาพันธ์จัสทิสสาขาภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ เซี่ยเฟยก็พบกับรายชื่อของผู้สมัครนับแสนคน
รายชื่อของผู้สมัครมีความยาวเป็นอย่างมากโดยแต่ละชื่อจะถูกทำเครื่องหมายด้วยสถานะที่แตกต่างกันออกไป เช่น เครื่องหมายเข้าสู่รอบที่ 2, เครื่องหมายตกรอบและเครื่องหมายที่ระบุว่าผู้สมัครได้รับบาดเจ็บ
บนรายชื่อของผู้สมัครที่ได้รับบาดเจ็บต่างก็ล้วนแล้วแต่มีรูปปัจจุบันของผู้สมัครติดเอาไว้เพื่อให้ครอบครัวของผู้สมัครสามารถทำการตรวจสอบญาติพี่น้องของตัวเองได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าทางสมาพันธ์จัสทิสค่อนข้างที่จะมีความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก
เซี่ยเฟยพยายามมองหาชื่อของเซียวรั่วหยูอย่างตั้งใจ แต่ในทันใดนั้นมันก็มีสัญญาณวิดีโอเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
บนหน้าจอที่เพิ่งปรากฏเป็นภาพของแอวริลกำลังนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ ซึ่งห้องแห่งนี้ถูกตกแต่งไปด้วยสีชมพูแม้แต่ผ้าปูที่นอน, ผ้าห่มหรือตุ๊กตาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสีชมพูทั้งหมด
“นายถึงกับซื้อบัญชีไม่ระบุตัวตนในตลาดมืดเพื่อหนีฉันเลยหรอ?” แอวริลพูดขึ้นมาอย่างน่าสงสาร
“ไสหัวไปซะ!” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อเขาถูกขัดจังหวะด้วยคำถามที่ไร้สาระ
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เด็กสาวรู้สึกตกตะลึงเพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่เธอใช้ความพยายามในการตามหาเซี่ยเฟยแต่สิ่งที่เธอได้รับตอบแทนกลับมากลับกลายเป็นคำด่า
ไม่กี่วินาทีต่อมาเด็กสาวในชุดสีชมพูก็ก้มหน้าลงพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างกำชุดของเธอเอาไว้แน่น จากนั้นหยดน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา ส่วนในจิตใจก็ยุ่งเหยิงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอารมณ์
“เฮ้เซี่ยเฟย! ก่อนหน้านี้นายก็พึ่งเสียเด็กผู้หญิงคนนึงไป แล้วตอนนี้นายก็เพิ่งทำเด็กผู้หญิงอีกคนร้องไห้ ฉันว่าช่วงนี้นายโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ” อันธกล่าวออกมาอย่างตกตะลึง
***************
แหมะ! สาวคนเก่าเพิ่งหายตัวไป สาวคนใหม่ก็โทรมาหาเลยนะ!!
ปล.เรื่องนี้ไม่โลลิจริงๆ