ตอนที่แล้วตอนที่ 49: โกรธจัด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 51: พวกบ้าการต่อสู้

ตอนที่ 50: คนใน?


ตอนที่ 50: คนใน?

เซี่ยเฟยใช้ความเร็วสูงสุดมุ่งหน้าตรงไปในกองหญ้าสูงใหญ่ จากนั้นเขาก็ใช้วิชาพรางจิตขณะใช้วัชพืชเป็นที่กำบัง ในเวลาเดียวกันเขาก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้าไปใกล้ผู้สมัครทั้งเจ็ดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

“เซี่ยเฟยอย่าพึ่งใจร้อน” อันธกล่าวเตือนอย่างกังวลเพราะด้วยความโกรธที่เซี่ยเฟยได้แสดงออกมา เขาก็กลัวว่าชายหนุ่มจะทำอะไรที่ขาดสติ

“ใจร้อน? ไม่ต้องห่วงฉันคิดว่าตอนนี้ฉันใจเย็นที่สุดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป

เมื่อได้ยินคำตอบอันธก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหัวก่อนที่จะกลับเข้าไปในสร้อยหินมัวร์โดยไม่พูดอะไรอีก

ในเวลาเพียงแค่ไม่นานเซี่ยเฟยก็สามารถเข้าใกล้ผู้สมัครทั้งเจ็ดได้สำเร็จแล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าผู้สมัครเหล่านี้กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องอะไรบางอย่าง

เซียวหยงได้ใช้เงินในการจ้างลูกน้องทั้งหกคนนี้เป็นจำนวนมาก โดยทหารรับจ้างแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีอายุ ดังนั้นความปรารถนาที่จะเป็นจัสทิสของเหล่าผู้ว่าจ้างจึงเป็นเพียงแค่ความฝันอันไร้สาระ

นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาติดตามเซียวหยงมาเพียงเพราะหวังว่าพวกเขาจะได้รับเงินก้อนโตเพื่อใช้ชีวิตในช่วงเกษียณ

เดิมทีกลุ่มของพวกเขามีสมาชิกอยู่มากกว่า 30 คนแต่หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด เหล่าทหารรับจ้างก็เหลือรอดอยู่เพียงแค่ 6 คนเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการประเมินในครั้งนี้เป็นการประเมินที่โหดร้ายมากเพียงใด

ชายผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างเป็นชายผิวคล้ำที่มีอายุประมาณ 50 ปี บนใบหน้าของเขามีรอยแผลบาดลึกอันน่าสะพรึงกลัวและบนมือขวาขนาดใหญ่ของเขาก็ไม่มีนิ้วก้อยเหลืออยู่แล้วคล้ายกับว่ามันพึ่งถูกตัดไปเมื่อไม่นานมานี้

ปัจจุบันชายผิวคล้ำกำลังกระซิบคุยกับชายที่มีเคราแพะก่อนที่เขาจะหันไปทางเซียวหยงและกล่าวถามออกมาว่า

“คุณไปเอาข้อมูลมาจากไหน? พวกเราเดินทางมามากกว่า 500 กิโลเมตร แต่พวกเราไม่เห็นแม้กระทั่งผีสักตัว คุณคงจะถูกหลอกแล้วล่ะ”

‘ข้อมูล? มันอาจจะเป็นข้อมูลของฉันกับเสี่ยวหยู?!' เซี่ยเฟยคิดในใจพร้อมกับกำหมัดแน่นแต่เขาก็ต้องอดทนเพื่อแอบฟังบทสนทนาต่อไป

เซียวหยงเติบโตขึ้นมาในตระกูลขนาดใหญ่ ดังนั้นชายผิวคล้ำตัวใหญ่จึงไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันเขาก็ยังไม่กล้าที่จะหาเรื่องชายคนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องกล่าวตอบออกไปว่า

“หัวหน้าแบล็คข้อมูลที่ฉันได้รับมาเชื่อถือได้แน่นอน ฉันสามารถรับประกันในเรื่องนี้ได้เลย”

หลังกล่าวจบเซียวหยงก็ชี้ไปที่ศพบนพื้น จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า

“ลองดูศพของชายคนนี้สิ เขาเพิ่งจะเสียชีวิตได้ไม่นานและมันก็ดูเหมือนกับว่าศพของเขาจะถูกปล้นไปจนหมดแล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำมีเพียงแค่เดินหน้าต่อไปและอีกไม่นานพวกเราจะต้องพบกับเป้าหมายอย่างแน่นอน”

เมื่อชายผิวคล้ำได้ตรวจสอบซากศพเขาก็พบว่าเลือดที่ไหลออกมาจากคอของศพยังไม่แห้งสนิท ซึ่งมันเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าร่าง ๆ นี้เพิ่งจะเสียชีวิตไปจริง ๆ

เมื่อสำรวจเหตุการณ์ในปัจจุบันชายผู้มีเคราแพะก็เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างชายร่างคล้ำอีกครั้งก่อนที่ทั้งสองคนจะกระซิบกระซาบกันเบา ๆ

ในระหว่างบทสนทนาหัวหน้าแบล็คก็พยักหน้าซ้ำ ๆ และเมื่อพิจารณาจากท่าทีของเขาแล้วชายเคราแพะคนนี้ก็คงจะเป็นสมองของเหล่าทหารรับจ้าง

“พวกเราจะเดินทางต่อตามที่คุณว่า แต่คุณต้องจ่ายค่าจ้างให้กับพวกเราเพิ่ม” ชายร่างคล้ำกล่าวหลังจากที่เขาได้ฟังชายเคราแพะกล่าวจนจบ

‘ไอ้แก่เจ้าเล่!’ เซียวหยงสบถขึ้นมาภายในใจแต่เขายังคงแสร้งทำเป็นยิ้มและกล่าวตอบกลับไปว่า

“หัวหน้าแบล็คคุณเป็นถึงคนดังในลอมบาร์ด คำพูดของคุณสมควรจะหนักแน่นดั่งขุนเขา แล้วคุณจะมากลับคำพูดในนาทีสุดท้ายได้ยังไง”

“ฉันไม่ใช่พวกกลับกลอก! แต่ครั้งนี้.. ครั้งนี้…”

เมื่อเห็นว่าชายผิวคล้ำเริ่มคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ ชายเคราแพะก็รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าและกล่าวออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“การทดสอบในครั้งนี้ทำให้สหายของพวกเราเสียชีวิตมากจนเกินไป เงินที่คุณว่าจ้างพวกเราในตอนแรกไม่เพียงพอต่อค่าชดเชยที่พวกเราจะต้องเอาไปจ่ายให้กับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาด้วยซ้ำ”

“พวกเราเพิ่งจะเข้าร่วมการประเมินมาเพียงแค่ 5 วันแต่สหายของพวกเราเสียชีวิตไปแล้ว 26 คน ไม่ว่าจะมองยังไงงานนี้ก็เป็นงานที่ยากเกินกว่าที่คุณได้พูดคุยกับพวกเราเอาไว้ตั้งแต่แรก”

“ใช่แล้ว! ถ้าพวกเรารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้พวกเราคงไม่รับงานตั้งแต่แรก!!”

“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของคุณ! คุณเป็นคนรับปากพวกเราเองว่าคุณมีคนในคอยสนับสนุนอยู่ ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นการประเมินในระดับวิกฤตแต่พวกเราก็จะไม่พบเจอกับอันตราย”

“คุณลองมองดูทีมของพวกเราในตอนนี้สิสหายของพวกเราได้เสียชีวิตไป 26 คนแล้ว ส่วนข้อมูลวงในที่คุณกล่าวอ้างมาก็ดูไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่นิดเดียว”

เหล่าทหารรับจ้างคนอื่น ๆ เริ่มส่งเสียงตะโกนขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเช่นเดียวกัน

เมื่อเซียวหยงเริ่มเห็นทหารรับจ้างตะโกนขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เขาก็รีบพูดออกไปให้ทุกคนใจเย็นว่า

“ทุกคนใจเย็น ๆ พวกคุณก็รู้นี่ว่าฉันเป็นใคร พวกคุณคิดว่าฉันกำลังหลอกพวกคุณอยู่จริง ๆ อย่างนั้นหรอ…เอาแบบนี้เป็นยังไง หากใครรอดชีวิตกลับไปได้ฉันจะให้เงินเพิ่มอีก 500,000 สตาร์คอยน์”

อันที่จริงเซียวหยงกำลังสาปแช่งพวกทหารรับจ้างอยู่ในใจ เพราะสิ่งที่พวกเขาพูดออกมาไม่มีอะไรต่างไปจากการแสดงละคร ท้ายที่สุดยิ่งสมาชิกภายในทีมทหารรับจ้างเสียชีวิตมากเท่าไหร่ส่วนแบ่งที่พวกเขาจะได้รับก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนที่มากขึ้นเท่านั้น ส่วนค่าชดเชยที่พวกเขาได้กล่าวถึงมันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่ไร้สาระ

อย่างไรก็ตามเซียวหยงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องยอมรับเงื่อนไขของคนพวกนี้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับไปจากการประเมินครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย

“ฮึ! พวกเราทั้ง 32 คนต่างก็เดินทางมาที่นี่พร้อม ๆ กันแต่คุณกลับจะให้ค่าจ้างเฉพาะผู้ที่รอดชีวิตกลับไปอย่างนั้นหรอ?!” ชายเคราแพะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเยาะเย้ย

คำพูดของชายเคราแพะทำให้เซียวหยงต้องคร่ำครวญกับชะตากรรมที่เขาต้องพบเจอ เพราะถ้าหากว่าเขาต้องจ่ายเงิน 500,000 สตาร์คอยน์ให้กับทหารรับจ้างทั้ง 32 คนมันก็หมายความว่าเขาต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนถึง 16 ล้านสตาร์คอยน์ ซึ่งมันเป็นจำนวนที่ทำให้เขาสามารถเที่ยวผู้หญิงไปได้นานหลายเดือน!!

ท้ายที่สุดเซียวหยงก็ทำได้เพียงแต่กัดฟันยอมรับเงื่อนไขของทหารรับจ้างเหล่านี้ไป เพราะมันไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าชีวิตของเขาเองและเขาสามารถคิดเข้าข้างตัวเองได้ว่า เงินที่เขาได้จ่ายออกไปในครั้งนี้เป็นเงินที่ซื้อความปลอดภัยให้กับตัวเอง

หลังการเจรจาจบลงไปได้ด้วยดีเหล่าทหารรับจ้างก็ไม่ได้แสดงสีหน้าแห่งความกังวลออกมาอีกต่อไปและพวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางเพื่อค้นหาเป้าหมายต่อ

จากบทสนทนาเซี่ยเฟยก็รู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวของเซียวรั่วหยู เพราะพวกเขาดูอ่อนแอมากจนเกินไปและพวกเขาก็คงจะไม่สามารถฝ่าอเมทิสต์การ์ดของเด็กสาวไปได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น

'ข้อมูลวงใน? พวกเขาได้รับข้อมูลอะไรมากันแน่?'

เซี่ยเฟยพยายามคิดไตร่ตรองถึงสถานการณ์ทั้งหมดพร้อมกับสะกดรอยตามคนเหล่านี้ไป เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เงื่อนงำใด ๆ เล็ดลอดสายตาไปได้เป็นอันขาด

—--

เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นมาจนถึงช่วงกลางคืนเซียวหยงและทหารรับจ้างทั้งหกก็ตั้งแคมป์พักผ่อนตรงบริเวณบึงน้ำโดยมีเซี่ยเฟยคอยเฝ้ามองอยู่ไม่ไกล

บึงน้ำแห่งนี้ได้ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 1,000 ตารางเมตรและมีความลึกลงไปไม่ถึง 1 เมตร โดยบริเวณรอบ ๆ บึงเต็มไปด้วยต้นพุทราที่คดเคี้ยว ส่วนภายในบึงก็เต็มไปด้วยแอ่งน้ำตื้นและโคลนตมซึ่งน่าจะเกิดขึ้นมาจากน้ำขังในช่วงฤดูฝน

ชายผิวคล้ำเลือกต้นพุทราต้นหนึ่งสำหรับการตั้งแคมป์พร้อมกับมอบหมายให้ทหารรับจ้าง 4 คนคอยลาดตระเวน ทำให้เหลือเพียงแค่เขา, เซียวหยงและชายเคราแพะที่กำลังนั่งพักผ่อน

เมื่อชายผิวคล้ำเอื้อมมือไปถอดรองเท้าบูทของเขาออกมา กลิ่นเหม็นที่ลอยตลบอบอวลไปในอากาศก็ทำให้เซียวหยงผู้ซึ่งถูกตามใจมาทั้งชีวิตขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน วันพรุ่งนี้พวกเราค่อยออกเดินทางต่อ” ชายผิวคล้ำกล่าวก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงไปนอนโดยไม่พูดอะไรอีก

เหตุการณ์ในปัจจุบันอาจจะทำให้เซียวหยงรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยคำคัดค้านอะไรออกมา เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนายจ้างแต่จริง ๆ แล้วเขากลับไม่ได้มีอำนาจในการสั่งการอะไรเลย

ชายหนุ่มทำได้เพียงแต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่เขาจะหยิบขวดน้ำออกมาจากแหวนมิติเพื่อล้างหน้าและหยิบผ้าห่มขนสัตว์สุดหรูออกมาพันรอบตัว ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นาน เขาก็เดินทางไปยังดินแดนแห่งความฝัน

การที่คนกลุ่มนี้รอดชีวิตมาได้จนถึงปัจจุบันมันก็แสดงว่าพวกเขามีความสามารถมากพอสมควร ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงไม่ได้รีบร้อนทำการเคลื่อนไหวใด ๆ และอดทนรอคอยจนถึงช่วงเวลาที่ทุกคนนอนหลับพักผ่อน

เวลาได้ผ่านพ้นไปในชั่วพริบตาโดยปัจจุบันเป็นเวลาประมาณตี 3 แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่มักจะหลับลึกและเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจู่โจมมากที่สุด

พื้นที่ในบริเวณนี้มีจุดที่ใช้ในการหลบซ่อนได้น้อยมาก ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงจำเป็นที่จะต้องลงมืออย่างเด็ดขาดและรวดเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่ามันมีใครตกใจตื่นขึ้นมา เขาจะถูกสมาชิกภายในทีมส่วนที่เหลือค้นพบในทันที

เซี่ยเฟยย่อตัวของเขาลงพร้อมกับค่อย ๆ ย่องไปบนพื้น วิธีการนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่เงียบเชียบมากที่สุด เขาจึงไม่ได้รีบใช้ความเร็วของเขาออกมา

เพียงแค่พริบตาชายหนุ่มก็เข้าใกล้ด้านหลังทหารรับจ้างคนแรกได้อย่างรวดเร็ว โดยชายคนนี้เอนกายพิงกองดินและนอนหลับอย่างสบาย ในขณะที่ภายในอ้อมแขนของเขายังคงถืออาวุธแปลก ๆ เอาไว้

เซี่ยเฟยเอื้อมมือซ้ายออกไปปิดปากของเหยื่อขณะที่ใช้มือขวาแทงเชสซิ่งไลท์เข้าไปในลำคอ ซึ่งการจู่โจมในครั้งนี้ได้กรีดตัดผ่านหลอดลมและหลอดเลือดแดงของอีกฝ่ายโดยตรง ทำให้เป้าหมายไม่มีโอกาสในการตอบโต้ใด ๆ เลย

ทหารรับจ้างผู้โชคร้ายได้ดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหยุดส่งเสียงในอีกชั่วครู่ต่อมา

เมื่อวางศพลงกับพื้นเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ตรงไปยังเหยื่อรายที่ 2 โดยในปัจจุบันเทคนิคการลอบสังหารของชายหนุ่มมีความแยบยลกว่าเดิมเป็นอย่างมาก มันจึงทำให้เขาไม่เพียงแต่จะสามารถปลิดชีพของเป้าหมายได้อย่างแม่นยำเท่านั้นแต่เขายังสามารถสังหารเป้าหมายโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ ขึ้นมาอีกด้วย

บริเวณลำคอมีหลอดเลือดอยู่มากมายและตราบใดก็ตามที่โลหิตถูกทำให้หลั่งไหลออกมาในปริมาณมาก มันก็เป็นการยากที่เหยื่อจะส่งเสียงใดใดออกมา

ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็สามารถที่จะลงมือได้อย่างว่องไวและเฉียบขาด มันจึงไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่เขาได้ทิ้งเอาไว้บนตัวของเหยื่อเลย ซึ่งเทคนิคที่เขาได้ใช้อยู่ในขณะนี้ถือได้ว่าเป็นเทคนิคการสังหารที่ไร้ร่องรอยอย่างแท้จริง

การลงมือของเซี่ยเฟยทำให้อันธแอบพยักหน้าอย่างยินดีและถึงแม้ว่าเขาจะเคยลอบสังหารจัสทิสมาก่อน แต่เมื่อพูดถึงความสามารถในการลอบสังหารแล้วเขาก็ยังไม่สามารถลงมือได้อย่างแยบยลเหมือนกับเซี่ยเฟยได้

ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนเซี่ยเฟยก็สามารถที่จะใช้ทั้งวิชาพรางจิตและเล่ห์สังหารได้อย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งความเร็วในการฝึกฝนของชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นสิ่งที่อันธไม่เคยเห็นจากใครมาก่อน

แม้ว่าวิชาการลอบสังหารอาจจะเป็นวิชาที่ดูเหมือนไม่ซับซ้อนเพราะพวกมันเป็นท่าทางที่ดูเหมือนกับการเคลื่อนไหวอย่างเรียบง่ายไม่โดดเด่น แต่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่ดูธรรมดา ๆ กลับจำเป็นที่จะต้องใช้ความแม่นยำที่สูงมากและมันก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาประสบการณ์ของผู้ใช้เพื่อจู่โจมเป้าหมายให้ถึงแก่ชีวิต

นอกจากความชำนาญแล้วนักฆ่ายังจำเป็นที่จะต้องมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะคนที่ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ในระหว่างการสังหารเป้าหมายได้ย่อมไม่สามารถจะพัฒนาจนกลายเป็นนักฆ่าที่โดดเด่น

ย้อนกลับไปในตอนที่เซี่ยเฟยทำการสังหารเหยื่อครั้งแรกบนเครื่องบิน แม้ว่าในตอนนั้นชายหนุ่มจะมีความรู้สึกหวาดกลัวภายในใจ แต่เขาก็รู้จักวิธีที่จะสะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกภายในส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและการกระทำ

หากได้มองมายังเหตุการณ์ในวันนี้ เซี่ยเฟยก็พิสูจน์อีกครั้งว่าเขาสามารถสงบสติอารมณ์หลังจากสูญเสียเซียวรั่วหยูได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ และเขายังสะกดรอยตามทหารรับจ้างกลุ่มนี้มาอย่างอดทน นอกจากนี้เขายังรอช่วงเวลาสังหารอย่างใจเย็น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แม้แต่นักฆ่าที่มีประสบการณ์ก็ยังยากที่จะเลียนแบบได้

ในตอนนี้ทหารรับจ้างที่ถูกส่งออกมาลาดตระเวนทั้งสี่คนได้เสียชีวิตภายใต้เชสซิ่งไลท์ของเซี่ยเฟยด้วยความรวดเร็วและนักฆ่าหนุ่มยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังเหยื่อรายต่อไปโดยเขาค่อย ๆ ก้าวเท้าลงไปในบึงน้ำอย่างใจเย็น

เป้าหมายต่อไปของเขาคือชายผิวคล้ำซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มคนเหล่านี้ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่เขาได้แอบติดตามมาตลอดทั้งวัน เขาก็สามารถบอกได้เลยว่าชายผิวคล้ำไม่ได้มีความฉลาดกว่าคนอื่นมากนัก

การที่ชายคนนี้สามารถกลายเป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างได้ มันก็หมายความว่าเขาเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด

หากคิดที่จะกำจัดศัตรูก็สมควรที่จะต้องจัดการกับคนที่แข็งแกร่งที่สุดก่อน!

เมื่อเซี่ยเฟยเดินทางมาจนถึงเหยื่อเขาก็เตรียมที่จะใช้แขนซ้ายเพื่อปิดปากแต่จู่ ๆ ชายผิวคล้ำก็ส่งเสียงพึมพำอะไรออกมาบางอย่าง ก่อนที่เขาจะส่งเสียงกรนต่อไป

เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรง แต่เขาก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อรู้สึกตัว

หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปช่วงสั้น ๆ เซี่ยเฟยก็ใช้แขนซ้ายปิดปากชายผิวคล้ำเบา ๆ ก่อนที่เชสซิ่งไลท์จะก่อให้เกิดเส้นแสงสีฟ้าอันสวยงามพุ่งเข้าไปที่ลำคอของเหยื่อ

ฉึก!

แม้ว่าการนอนละเมอของชายผิวคล้ำจะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังคงลงมือได้อย่างหมดจดโดยไม่ได้รู้สึกลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว!

***************

ในที่สุดพี่เฟยก็ได้โชว์ของที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาสักที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด