ตอนที่ 49: โกรธจัด
ตอนที่ 49: โกรธจัด
ปัจจุบันมันได้มีผลึกสีม่วงรูปหกเหลี่ยมกำลังลอยรอบ ๆ ตัวของเซี่ยเฟยอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยผลึกเหล่านี้ไม่ได้ลอยอย่างเชื่องช้าหรือรวดเร็วจนเกินไปราวกับว่าพวกมันกำลังจงใจปกป้องชายหนุ่มคนนี้อยู่
ผลึกแต่ละชิ้นมีขนาดเพียงแค่ประมาณหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น โดยพวกมันได้เปล่งแสงสีม่วงออกมาอย่างลึกลับและตรงบริเวณขอบของพวกมันก็มีความคมอย่างน่าเหลือเชื่อ จนทำให้ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคมผลึกเหล่านี้จะได้รับบาดเจ็บกลับไป
นี่คือพลังพิเศษของเซียวรั่วหยู
อเมทิสต์การ์ด!
อเมทิสต์การ์ดถือได้ว่าเป็นพลังพิเศษที่มีความสามารถในการป้องกันที่โดดเด่นมากเมื่อเทียบกับพลังพิเศษทั้งหมด เพราะผลึกเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะสามารถป้องกันการจู่โจมจากศัตรูได้โดยอัตโนมัติเท่านั้นแต่พวกมันยังสามารถใช้ในการทำร้ายศัตรูได้อีกด้วย ที่สำคัญกว่านั้นคือเซียวรั่วหยูสามารถกำหนดจำนวนของผลึกให้ปกป้องเพื่อนร่วมทีมของเธอได้
หากทีมใดมีผู้ใช้พลังพิเศษสายป้องกันระดับสูงเช่นนี้อยู่ในทีม มันก็จะช่วยให้ความสามารถในการต่อสู้ของทีมเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะเดียวกันเหตุผลหลักที่ทำให้เซียวไห่ลี่และทีม 13 ถูกเรียกว่าทีมอัจฉริยะนั่นก็เพราะว่าภายในทีมของพวกเขาก็มีผู้ใช้พลังพิเศษสายป้องกันระดับสูงอย่างเควรอซอยู่ในทีม
แม้ว่าโดยปกติเควรอซจะชอบทำตัวไร้สาระ แต่เขาก็เป็นผู้ครอบครองพลังพิเศษที่หาได้ยากที่มีชื่อว่า ควิคแซนด์ดีเฟน!
เมื่อพลังพิเศษสายการป้องกันของเควรอซมาจับคู่กับผู้ใช้ความเร็วที่โดดเด่นอย่างโบซิงวาและผู้ใช้พลังพิเศษสายธรรมชาติอย่างเซียวไห่ลี่ มันก็ทำให้พวกเขาได้กลายเป็นทีมที่มีชื่อเสียงไปทั้งทั่วภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่!
ในความเป็นจริงพลังไฟของเซียวไห่ลี่หรือพลังความเร็วของโบซิงวาอาจจะสามารถนำคนอื่นมาทดแทนกันได้ แต่ไม่มีใครสามารถเข้ามาแทนที่เควรอซได้อย่างแน่นอน เพราะผู้ที่ครอบครองพลังพิเศษที่โดดเด่นด้านการป้องกันเป็นตัวตนที่หาได้ยากแม้ว่าจะมองหาไปทั่วทั้งจักรวาลแล้วก็ตาม
ภายใต้ฝ่าเท้าของเซี่ยเฟยขณะนี้เป็นร่างของชายวัย 30 ปีที่มีหนวดเครารกรุงรังและมีรูปร่างค่อนข้างที่จะอวบอ้วน แต่ในปัจจุบันภายในดวงตาของเขากลับกำลังจับจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและแสดงสีหน้าออกมาอย่างไม่เต็มใจ
เขาอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเพื่อแย่งชิงแผ่นป้ายมาอย่างยากลำบาก แต่เขากลับตกหลุมพรางและเสียชีวิตในระหว่างที่เขากำลังทำการหลบหนี
เซี่ยเฟยเตะซากศพขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้เท้าแต่เนื่องมาจากชายคนนี้เสียชีวิตไปแล้วมันจึงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับมา
“เมื่อกี้นี้อันตรายมากเลยนะ ดูเหมือนพลังพิเศษของเขาจะชนะทางพลังพิเศษสายความเร็วของนาย โชคดีที่เขาไม่ได้มีระดับพลังสูงมากนัก ไม่อย่างนั้นนายก็คงจะได้พบเจอกับคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากถึงแม้ว่าจะมีอเมทิสต์การ์ดคอยปกป้องอยู่ 4 ชิ้นก็ตาม” อันธแสดงความคิดเห็นหลังจากเซี่ยเฟยได้สังหารเหยื่อรายล่าสุด
ปัจจุบันเซียวรั่วหยูมีพลังอยู่ในระดับสตาร์เบสขั้นพื้นฐานเธอจึงสามารถเรียกอเมทิสต์การ์ดออกมาได้ทั้งหมด 4 ชิ้น
อย่างไรก็ตามเซียวรั่วหยูมีอายุเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้นและมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้คืออัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก นอกจากนี้เธอยังไม่เคยดื่มน้ำยาใด ๆ และมีพลังอยู่ในระดับปัจจุบันผ่านการฝึกฝนด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับความคิดเห็นของอันธเท่านั้น
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้เขาถึงรู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีและเขาก็รู้สึกคล้ายกับมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับหน้าอกของเขาอยู่ตลอดเวลา
ความรู้สึกอันแปลกประหลาดถึงกับทำให้เขาสูญเสียสมาธิในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่เขาไม่สามารถรักษาสมาธิในระหว่างการต่อสู้เอาไว้ได้
โชคดีที่เขามีอเมทิสต์การ์ดของเซียวรั่วหยูคอยปกป้องเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นการต่อสู้ในครั้งนี้ก็คงจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
เซี่ยเฟยก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเหมือนกันว่าการที่เขาช่วยดูแลเซียวรั่วหยูในก่อนหน้านี้จะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสให้เขาผ่านไปสู่รอบต่อไปได้ง่ายมากขึ้นและเนื่องมาจากว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ล้วนแล้วแต่ปกป้องกันและกัน มันจึงทำให้ความไว้ใจของทั้งสองอยู่ในระดับที่สูงมาก
ขณะเดียวกันโดยปกติผู้ใช้พลังพิเศษสายป้องกันจะไม่ได้ให้การป้องกันทั้งหมดกับคนอื่น แต่จะเก็บการป้องกันบางส่วนเอาไว้สำหรับตัวเอง แต่ทว่าเซียวรั่วหยูกลับมอบอเมทิสต์การ์ดทั้งหมดให้กับเซี่ยเฟยคล้ายกับว่าเธอได้ฝากชีวิตเอาไว้กับชายหนุ่ม ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากปราศจากความไว้วางใจโดยสมบูรณ์
“ทีมของนายยังขาดความดุดันอยู่เล็กน้อย ท้ายที่สุดความเร็วของนายก็ยังมีข้อจำกัดในด้านการโจมตี ส่วนพลังพิเศษของเซียวรั่วหยูก็เป็นพลังพิเศษที่เน้นไปที่การป้องกัน ถ้าหากว่านายสามารถหาเพื่อนร่วมทีมที่มีพลังพิเศษสายโจมตีโดยเฉพาะ ฉันกล้ารับประกันได้เลยว่าทีมของนายจะสามารถจัดการกับผู้สมัครนับแสนคนได้โดยไม่ลำบากอะไร” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
การได้รับผู้ใช้พลังพิเศษสายป้องกันมาเข้าร่วมทีมในครั้งนี้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ แต่อันธก็เริ่มเสนอเรื่องในอนาคตให้กับทั้งสอง
ชิ้ง!
เซี่ยเฟยเก็บใบมีดของเชสซิ่งไลท์กลับไปก่อนที่เขาจะเริ่มทำการเก็บเกี่ยวสินสงครามจากซากศพ
สร้อยข้อมือที่อยู่บนร่างของชายคนนี้ทั้งสวยงามและมีความปราณีตเป็นอย่างมาก นอกจากนี้มันยังมีหินมิติสีดำฝังอยู่บนสร้อยข้อมืออีกด้วย มันจึงทำให้สร้อยข้อมือชิ้นนี้ดูคล้ายกับเครื่องประดับของผู้หญิง
การค้นพบในปัจจุบันทำให้เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะออกมาแห้ง ๆ เพราะเขาไม่ได้คาดคิดว่าชายผู้มีใบหน้าอันดุร้ายจะได้เลือกสวมใส่สร้อยข้อมือที่สวยงามเช่นนี้
เซี่ยเฟยใช้นิ้วปัดสร้อยข้อมือเบา ๆ เพื่อดึงแผ่นป้ายออกมาจากพื้นที่มิติ แต่หลังจากที่เขาได้ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นำแผ่นป้ายกลับเข้าไปในมิติของสร้อยข้อมืออีกครั้ง
พื้นที่มิติภายในสร้อยข้อมือมีขนาดเพียงแค่ประมาณ 0.3 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้นซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก นอกจากนี้สร้อยข้อมือยังดูเหมือนกับถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องประดับของหญิงสาว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะมอบมันเป็นของขวัญให้กับเซียวรั่วหยู
แต่ในทันใดนั้นเองผลึกคริสตัลทั้งสี่ที่ลอยอยู่รอบ ๆ ตัวของเขาก็หายไปอย่างฉับพลัน พร้อมกับเครื่องตรวจจับของเขาที่สั่นขึ้นมาเกือบจะในทันที
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมากและเมื่อเขาได้นำเครื่องตรวจจับขึ้นมาดู เขาก็เห็นจุดเรืองแสงจำนวน 7 จุดกำลังเคลื่อนตัวมาจากทิศตะวันออกและมีจุดเรืองแสงจำนวน 2 จุดที่กำลังเคลื่อนที่ออกไปทางทิศตะวันตก
จุดเรืองแสง 7 จุดที่มุ่งหน้ามาจากทิศตะวันออกควรจะเป็นผู้เข้าแข่งขันที่เคลื่อนที่ผ่านมา ในขณะที่จุดเรืองแสงที่เหลืออีกสองจุดสมควรจะเป็นตำแหน่งของเซียวรั่วหยู!
เซี่ยเฟยใช้เวลาในการคิดและตัดสินใจเพียงแค่ 0.01 วินาทีก่อนที่เขาจะรีบมุ่งหน้าตรงไปยังทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูงสุด
‘เซียวรั่วหยูถูกลักพาตัวไปอย่างนั้นหรอ?!’
เมื่อชายหนุ่มได้เคลื่อนที่ผ่านพุ่มไม้ที่เซียวรั่วหยูได้ใช้ในการหลบซ่อนตัว เขาก็เห็นเพียงใบไม้ที่กำลังแกว่งไกวไปตามสายลม แต่ร่างของเด็กสาวที่เคยอยู่ตรงนี้ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โธ่เว้ย!” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความโกรธก่อนที่ดวงตาของเขาจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่ใบหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยวไปอย่างน่ากลัว
“คนพวกนั้นจะต้องรู้ตำแหน่งของพวกเราตั้งแต่แรกแน่ ๆ พวกมันถึงได้ดึงความสนใจของฉันไปทางทิศตะวันออกแล้วส่งคนอ้อมมาจับเซียวรั่วหยูเป็นตัวประกัน”
เมื่อเซี่ยเฟยคิดถึงความเป็นไปได้มันก็ทำให้เขารู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น เพราะเขาไม่ได้คาดคิดว่าคนพวกนี้จะกล้าใช้เด็กสาวเป็นตัวประกันจริง ๆ
คนที่ลักพาตัวเซียวรั่วหยูไปมีความเร็วในการเคลื่อนที่ที่สูงมาก เพราะเขาได้ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเคลื่อนที่ออกไปจากเครื่องตรวจจับของเซี่ยเฟย
เครื่องตรวจจับที่เซี่ยเฟยได้ใช้อยู่นี้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 50 กิโลเมตรหรือมันก็อาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าผู้ลักพาตัวน่าจะเป็นผู้ใช้ความเร็วที่สามารถเคลื่อนที่ได้มากกว่า 1,000 เมตรต่อวินาที!
คนที่มีความเร็วสูงมากขนาดนี้สามารถที่จะสังหารเซี่ยเฟยได้อย่างง่ายดาย แล้วทำไมเขาถึงต้องจับเซียวรั่วหยูเป็นตัวประกัน ไม่จู่โจมเซี่ยเฟยในทันที?
เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอารมณ์เสียมาก เพราะด้วยความเร็วที่อีกฝ่ายได้ครอบครองมันก็ถือได้ว่าเป็นฝันร้ายของเขาอย่างแน่นอน
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยสรุปทุกสถานการณ์ที่อาจจะเป็นไปได้ เท้าของเขาก็ยังคงวิ่งไม่หยุด โดยในปัจจุบันเขาสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วเกือบจะถึง 400 เมตรต่อวินาที
อย่างไรก็ตามยิ่งเขาวิ่งด้วยความเร็วมากเท่าไหร่ อัตราการบริโภคพลังงานก็ยิ่งสูงมากขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 5 นาที ขาทั้งสองข้างของเซี่ยเฟยก็อ่อนล้าจนเขาไม่สามารถขยับมันได้อีกต่อไป จนทำให้เขาต้องทรุดตัวลงไปนั่งพักบนดินทราย
ปัก!
เซี่ยเฟยทุบมือขวาลงไปบนพื้นอย่างรุนแรงและทำให้เม็ดทรายกระเด็นขึ้นไปในอากาศจากแรงกระแทก
หากเป็นไปได้เขาก็ต้องการที่จะวิ่งต่อไปเพราะเขาไม่สามารถปล่อยให้เซียวรั่วหยูถูกลักพาตัวไปใต้จมูกของเขาได้จริง ๆ
“อ๊าก!!!”
เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยในตอนนี้ความโกรธของเขาคล้ายกับระเบิดที่พร้อมจะถูกจุดชนวนขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ใช้กำปั้นทุบหัวของตัวเองหลายครั้งก่อนที่เขาจะบังคับให้ตัวเองสงบลง
‘ใจเย็น ๆ ฉันต้องตั้งสติเอาไว้ ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะพลาดจุดน่าสงสัยที่น่าจะเป็นไปได้’ เซี่ยเฟยเตือนตัวเองภายในใจ
กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายของเขายังคงสั่นสะท้านจากความเหนื่อยล้า แต่ความคิดในสมองของเขากลับมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
‘เอาละ! การที่เครื่องตรวจจับยังส่งสัญญาณก็หมายความว่าเซียวรั่วหยูยังมีชีวิตอยู่ แต่ใครเป็นคนลักพาตัวเธอไป? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยซักนิด ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะแย่งชิงแผ่นป้าย เขาก็ควรจะต้องสังหารเซียวรั่วหยูไปแล้ว เขาจะเสียเวลาเอาตัวเธอไปด้วยทำไม?’
ฟุบ!
เซี่ยเฟยลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่เขาจากมา
ความหวังเดียวที่เขาเหลืออยู่ในตอนนี้คือการจัดการกับผู้เข้าแข่งขันทั้งเจ็ดคนที่เครื่องตรวจจับสามารถตรวจจับได้พร้อมกับช่วงเวลาที่เซียวรั่วหยูถูกลักพาตัวไป
ถึงแม้ว่าโอกาสที่เขาจะได้รับข้อมูลของเซียวรั่วหยูจะน้อย แต่เซี่ยเฟยก็จะไม่ยอมแพ้แม้จะมีโอกาสเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม
ภายในใจของเซี่ยเฟยได้สั่งสมความเดือดดาลเอาไว้จนเกือบจะทำให้เขาคลั่งและเขาก็ต้องการเลือดสด ๆ เพื่อระบาย!
—--
ณ สำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์จัสทิสเขตภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่
ปัจจุบันเครื่องสื่อสารสีเหลืองบนโต๊ะของโรเบิร์ตกำลังส่งเสียงดังซึ่งมันก็ทำให้ชายชราย่นหน้าผากขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เครื่องสื่อสารเครื่องนี้เป็นเครื่องสื่อสารที่มีเอาไว้ใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้นและมันก็จะไม่ส่งเสียงใด ๆ เว้นแต่ว่ามันจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
เมื่อโรเบิร์ตรับสายมันก็มีหน้าจอแสดงผลฉายขึ้นไปในอากาศ โดยที่ภาพบนหน้าจอคือใบหน้าของ ‘ฌอน’ ผู้ซึ่งเป็นรองหัวหน้าคณะกรรมการการประเมินของสมาพันธ์จัสทิสระดับวิกฤตในครั้งนี้
แม้ว่าฉากหน้าเซียวไห่ลี่จะเป็นผู้รับผิดชอบการประเมิน แต่ในความเป็นจริงเขายังเด็กมากจนเกินไปแล้วมันก็มีความลับของสมาพันธ์อีกหลายอย่างที่เขายังไม่รู้ มันจึงเป็นเหตุผลที่โรเบิร์ตได้มอบหมายให้ฌอนผู้ซึ่งเขาไว้วางใจทำหน้าที่คอยควบคุมการประเมินครั้งนี้อย่างลับ ๆ
สีหน้าของฌอนบนหน้าจอดูไม่ดีนักและเขาก็กล่าวรายงานขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าว่า
“ครั้งนี้โดนไป 12 คนครับ คนที่มีอายุมากที่สุดมีอายุ 17 ปี ส่วนคนที่มีอายุน้อยที่สุดยังมีอายุไม่ถึง 12 ปีด้วยซ้ำ”
“เมื่อไหร่?” โรเบิร์ตกล่าวถาม
“เมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้วครับ จู่ ๆ ผู้สมัครทั้ง 12 คนก็หายตัวไปพร้อม ๆ กัน จากการคำนวณของผมอีกฝ่ายจะต้องใช้ยานสเตลท์เพื่อหลีกเลี่ยงแนวป้องกันก่อนที่จะลักพาตัวผู้สมัครแล้วหลบหนีไป” ฌอนกล่าว
“ยานสเตลท์? พวกมันเป็นใครกันแน่?” โรเบิร์ตกล่าวพึมพำขณะเอนหลังพิงเก้าอี้และใช้มือข้างหนึ่งนวดขมับของตัวเอง
“คราวนี้พวกมันลงมือเร็วเกินไปจนพวกเราไม่สามารถใช้มาตรการการตอบโต้ใด ๆ ได้เลย ผมคิดว่าพวกมันน่าจะรู้ตำแหน่งของเป้าหมายดีอยู่แล้วและพวกมันก็เลือกแต่เป้าหมายที่มีอายุน้อยและมีพลังพิเศษที่โดดเด่น”
“เรื่องนี้แปลกมากที่พวกมันสามารถหาตำแหน่งของผู้สมัครทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ผมกำลังสงสัยว่า…” จู่จู่เสียงของฌอนก็หยุดลงอย่างกระทันหันคล้ายกับเขากำลังลังเลที่จะพูดจนจบประโยค
“นายกำลังสงสัยอะไร” โรเบิร์ตถาม
“ผมกำลังสงสัยว่ามันอาจจะมีหนอนอยู่ในสมาพันธ์” ฌอนกระซิบพร้อมกับพูดข้อสันนิษฐานของตัวเองออกไปอย่างระมัดระวัง
ข้อสันนิษฐานของฌอนในครั้งนี้ทำให้ดวงตาของโรเบิร์ตเบิกกว้าง จากนั้นชายชราก็ใช้มือขวาทุบโต๊ะพร้อมกับกล่าวออกไปด้วยสีหน้าอันจริงจังว่า
“เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ ฉันจะรีบเดินทางไปเดี๋ยวนี้!”
***************
เอาแล้ว!! เรื่องใหญ่แล้ว!!!
พี่เฟยพึ่งจะรวมทีมได้แป๊บเดียวสมาชิกภายในทีมก็โดนลักพาตัวไปแล้วเรอะ!!