ตอนที่แล้วตอนที่ 45: ไข่โลหะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 47: จักจั่นทองคำ

ตอนที่ 46: เครื่องจักรสังหาร


ตอนที่ 46: เครื่องจักรสังหาร

เมื่อไข่โลหะได้ร่วงกระทบลงกับพื้นมันก็เริ่มส่องแสงเปล่งประกายออกมา

“นี่พวกแกกล้าใช้เครื่องจักรสังหารอย่างนั้นหรอ! เครื่องจักรพวกนี้มันผิดกฎนะ! ต่อให้พวกแกฆ่าฉันได้แต่พวกแกก็จะถูกตัดสิทธิ์ด้วยเหมือนกัน” ชายครึ่งสัตว์ประหลาดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย

“ผิดกฎ? ตอนนี้มันไม่มีใครเห็น แล้วใครมันจะไปรู้ว่าฉันทำผิดกฎ ฉันคิดว่าแกควรจะดีใจนะที่พวกเราจะต้องเสียสละเครื่องจักรสังหารอันล้ำค่าเพื่อฆ่าแก!” ชายผู้ใช้ดาบกล่าวออกไปโดยไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

“เครื่องจักรสังหาร?” เซี่ยเฟยอุทานเพราะเขาไม่คิดว่าไข่โลหะที่แปลกประหลาดฟองนั้นจะเป็นอาวุธ

“อันธ เครื่องจักรสังหารที่พวกเขาพูดถึงมันคืออะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความงุนงง

“เมื่อนานมาแล้วมีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองได้ผลิตหุ่นยนต์ขึ้นมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปพวกหุ่นยนต์ก็เริ่มก่อกบฏและทำลายอารยธรรมโบราณจนสิ้นซาก ก่อนที่พวกมันจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”

“พันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวในยุคปัจจุบันเป็นลูกหลานของมนุษย์ที่รอดตายมาจากยุคนั้น แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมในพันธมิตรจึงตั้งกฎห้ามผลิตหุ่นยนต์ขึ้นมาอย่างเด็ดขาด”

“เครื่องจักรสังหารเป็นหุ่นยนต์ชนิดหนึ่งที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อกำจัดเป้าหมาย แต่พวกมันเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นเพียงแค่เศษเหล็ก” อันธกล่าวอธิบาย

“หุ่นยนต์! ถ้าหุ่นยนต์เป็นของต้องห้ามแล้วพวกเขามีหุ่นยนต์ในครอบครองได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความสงสัย

“ฮึฮึ มันมีอะไรในจักรวาลนี้ที่เป็นข้อห้ามที่แท้จริงบ้าง ไม่งั้นมันจะมีตลาดมืดเอาไว้ทำไม ในความเป็นจริงมันยังมีคนคอยขุดซากปรักหักพังโบราณออกมาขายในตลาดมืดอยู่เสมอและเนื่องมาจากเครื่องจักรสังหารเป็นเครื่องจักรประเภทใช้ได้ครั้งเดียวราคาของมันจึงอยู่เพียงแค่ประมาณ 50 ล้านเท่านั้น” อันธกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า

“ปกติแล้วคนมักจะใช้เครื่องจักรสังหารพวกนี้แบบลับ ๆ แต่คนพวกนี้กลับกล้าที่จะใช้พวกมันในการประเมินของสมาพันธ์จัสทิสอย่างเปิดเผย นี่พวกเขาไม่รู้จริง ๆ หรือยังไงว่าทางสมาพันธ์คอยจับตาดูผู้เข้าแข่งขันอยู่ตลอดเวลา”

ทันใดนั้นเองชายครึ่งสัตว์ประหลาดก็พุ่งจู่โจมเข้าหาอีกฝ่ายในทันทีและเนื่องมาจากเขาไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงความตายได้ เขาจึงตั้งใจที่จะลากอีกฝ่ายลงนรกไปพร้อมกับเขาด้วย

ในเวลาเดียวกันชายผู้ใช้ดาบก็คาดเดาสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงถอยกลับพร้อมกับตวัดดาบยาวภายในมือออกไปอย่างดุเดือด

ทั่วทั้งร่างกายของชายครึ่งสัตว์ประหลาดได้ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวการจู่โจมจากชายผู้ใช้ดาบเลยแม้แต่น้อย

ในความเป็นจริงเขาไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหลีกการจู่โจมจากดาบยาวพวกนี้เลย เพราะความคิดในหัวของเขาตอนนี้คือการทำยังไงก็เพื่อรั้งอีกฝ่ายไปลงนรกพร้อมกับเขาด้วย

ชายผู้ใช้ดาบเป็นผู้ใช้พลังสายความแข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความเร็วในการเคลื่อนที่มากมายนัก นอกจากนี้เขายังมีอาการบาดเจ็บตรงบริเวณขามันจึงทำให้เขามีปัญหาในระหว่างที่เขากำลังพยายามทำการหลบหนี

ในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นหญิงสาวที่เดินทางมาพร้อมกับชายผู้ใช้ดาบเริ่มมีอาการกระวนกระวาย ซึ่งหลังจากที่เธอใช้เวลาในการตัดสินใจเพียงแค่ไม่นาน เธอก็พุ่งตัวไปยังร่างของชายครึ่งสัตว์ประหลาดด้วยความรวดเร็ว

พลั่ก!

หญิงสาวคนนั้นใช้ไหล่ของเธอกระแทกไปยังด้านหลังของชายผู้ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนา ด้วยการจู่โจมในครั้งนี้เป็นทั้งการจู่โจมแบบทีเผลอและเป็นการจู่โจมที่มีความรุนแรงมากมันจึงทำให้ร่างของชายครึ่งสัตว์ประหลาดพุ่งถลาไปด้านหน้าก่อนที่จะล้มตัวลง

ในเวลาเดียวกันหลังจากการจู่โจมสภาพของหญิงสาวคนนั้นก็ไม่ได้ดีกว่ากันไปซักเท่าไหร่นัก เพราะร่างของเธอกระเด็นออกไปไกลนับ 10 เมตรพร้อมกับเลือดสด ๆ ที่พุ่งออกมาจากปากของเธอ

การใช้ร่างกายอันบอบบางในการพุ่งเข้าจู่โจมศัตรูด้วยความเร็วสูงไม่ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ฉลาดมากนัก เพราะยิ่งความเร็วในการเคลื่อนที่ของผู้จู่โจมมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่พวกเขาก็จะต้องเผชิญกับแรงสะท้อนจากการโจมตีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

เซี่ยเฟยสามารถตระหนักได้ในทันทีว่าเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เขาจะทำการสังหารหญิงสาวคนนั้นแล้วและถ้าหากว่าเขาสามารถจัดการกับผู้ใช้พลังสายความเร็วได้ การจัดการกับศัตรูอีกสองคนก็จะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องกล้วย ๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเฟยได้เหลือบสายตามองไปยังไข่โลหะเขาก็ตัดสินใจที่จะอยู่นิ่ง ๆ เอาไว้ก่อน เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่รู้ว่าหลักการทำงานของเครื่องจักรสังหารเป็นยังไงและถ้าหากว่าเครื่องจักรชิ้นนี้ได้มุ่งเป้ามาที่เขา มันก็คงจะทำให้เขาต้องประสบพบกับปัญหาที่ยุ่งยาก

แผละ!

แต่หลังจากที่เซี่ยเฟยได้รอต่อไปอีกเพียงแค่ไม่นานไข่โลหะก็ส่งเสียงร้องพร้อมกับแตกออกเป็นสองส่วน ก่อนที่มันจะมีหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือบินออกมาจากไข่โลหะนี้

ร่างของหุ่นยนต์ที่ฟักออกมาจากไข่ดูคล้ายกับหุ่นยนต์ที่มักจะเห็นในภาพยนตร์ไซไฟ โดยร่างโลหะของมันประกอบขึ้นมาจากชิ้นส่วนโลหะสีเงิน, ดวงตาของมันเป็นดวงตาเลเซอร์สีแดง 1 คู่และแขนทั้ง 2 ข้างของมันก็ถูกออกแบบมาให้ดูคล้ายกับใบมีดผ่าตัด

เจ้าหุ่นยนต์ตัวน้อยยืนอยู่นิ่ง ๆ ตรงจุดที่มันเพิ่งฟักออกมาจากไข่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับดวงตาสีแดงอันน่ากลัว จากนั้นมันก็ทำการกวัดแกว่งคมมีดทั้งสองของมันและมุ่งเป้าตรงไปยังชายครึ่งสัตว์ประหลาด

ฟุบ!

ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเครื่องจักรสังหารรวดเร็วมาก มันจึงทำให้ร่างของหุ่นยนต์ตัวนี้ไปปรากฏด้านหลังชายครึ่งสัตว์ประหลาดในชั่วพริบตา

ปัจจุบันชายครึ่งสัตว์ประหลาดกำลังพยายามใช้แขนทั้งสองมาป้องกันด้านหน้าอย่างสุดความสามารถโดยไม่รู้เลยว่าความตายได้เคลื่อนที่มาอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว

ไม่กี่วินาทีต่อมาหุ่นยนต์ตัวน้อยก็แทงมีดในมือของมันเข้าใส่ดวงตาของชายครึ่งสัตว์ประหลาดอย่างแม่นยำ จนทำให้เลือดของชายหนุ่มไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว

ไม่น่าเชื่อเลยว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะสามารถค้นหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้ในทันทีและมันยังหาช่องทางในการโจมตีได้อย่างเลือดเย็น

ถึงแม้ว่าดวงตาของชายหนุ่มจะถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยเกล็ดหนา แต่การป้องกันตรงบริเวณดวงตาก็ยังอ่อนแอกว่าส่วนอื่น ๆ ในร่างกายของเขามาก

ฉึก! ฉึก! ฉึก! …

หุ่นยนต์ตัวเล็กยังคงแทงมีดในมือของมันออกไปอย่างเลือดเย็น ในขณะที่ชายครึ่งสัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องอันน่าเวทนาออกมาอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าเสียงร้องโหยหวนของชายครึ่งสัตว์ประหลาดจะหยุดไปเป็นเวลาหลายนาทีแล้ว แต่หุ่นยนต์ตัวน้อยตัวนี้ก็ยังคงแทงต่อไปไม่หยุดเหมือนกับคนบ้าจนทำให้สภาพหัวของชายครึ่งสัตว์ประหลาดเป็นรูโบ๋จนเห็นทะลุเข้าไปถึงสมอง

หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปอีกหลายนาทีในที่สุดการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ตัวนี้ก็หยุดลง โดยในปัจจุบันทั่วทั้งร่างของมันได้เต็มไปด้วยเลือดสด ๆ ก่อนที่แสงสีแดงในตาของมันจะดับลงไป

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจและในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมชายครึ่งสัตว์ประหลาดถึงรู้สึกตื่นตระหนกนักหลังจากที่เขาได้เห็นไข่โลหะชิ้นนี้

ตุบ!

หลังจากแสงในตาของหุ่นยนต์ตัวเล็กได้ดับลงไปแล้วร่างของมันก็หยุดทำงานและล้มลงไปกับพื้นโดยไม่มีสัญญาณว่ามันจะทำการเคลื่อนไหวอีกต่อไป

“ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตฉันไว้” ชายผู้ใช้ดาบกล่าวออกมาหลังจากที่เขาเดินกะเผลกไปหาหญิงสาวผู้ใช้ความเร็ว

“พี่เถา พวกเราเป็นคนรักกันนะ พี่ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันแบบนั้นก็ได้” หญิงสาวกล่าวตอบกลับพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามชายหนุ่มผู้ซึ่งรอดชีวิตกลับได้มองซ้ายมองขวาก่อนที่เขาจะดึงดาบออกมาและแทงไปยังหัวใจของหญิงสาวด้วยความรวดเร็ว

ฉึก!

“ทำไม…?” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเพราะเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่เธอไว้ใจจะเป็นคนลงมือปลิดชีพเธอด้วยมือของเขาเอง

“เราได้แผ่นป้ายมาเพียงแค่ชิ้นเดียวและฉันก็ไม่มีทางกลับไปที่นรกนั่นอีกเป็นครั้งที่ 2 นอกจากนี้พวกเรายังได้ละเมิดกฎของสมาพันธ์และวิธีการเก็บความลับที่ดีที่สุดคือการฆ่าปิดปากทุกคนที่รู้เรื่องนี้” ชายหนุ่มกล่าวออกมาอย่างเฉยเมย

ฉากตรงหน้าทำให้เซี่ยเฟยค่อนข้างที่จะรู้สึกหดหู่ใจ เขาจึงตัดสินใจเดินออกมาจากที่ซ่อนด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

“นั่นใคร!” ชายผู้ใช้พลังสายความแข็งแกร่งรีบยกดาบยาวของเขาขึ้นมาพร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปด้วยความหงุดหงิด

ฉั่วะ!

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้ต้องการที่จะสนทนากับชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมกับทำการปาดเชสซิ่งไลท์ไปที่คอของศัตรู

แต่ไหนแต่ไรผู้ใช้พลังสายความเร็วก็ถือได้ว่าเป็นหายนะสำหรับผู้ใช้พลังสายความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ดังนั้นก่อนที่ชายผู้ใช้ดาบจะได้ส่งเสียงอะไรออกมาร่างอันไร้วิญญาณของเขาก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้น

“คนอย่างแกไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่หรอก” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างเย็นชา

หลังจากกล่าวจบเซี่ยเฟยก็เช็ดเลือดที่ติดอยู่บนเชสซิ่งไลท์กับเสื้อผ้าของชายคนนั้น ในเวลาเดียวกันเขาก็เริ่มเก็บรวบรวมสินทรัพย์จากอีกฝ่าย

ถ้าหากว่าหญิงสาวผู้ใช้ความเร็วสามารถที่จะซื้อเครื่องจักรสังหารมูลค่า 50 ล้านสตาร์คอยน์ได้ นั่นก็แสดงว่าของที่เก็บเอาไว้ในแหวนมิติของเธอย่อมไม่ธรรมดา นอกจากนี้มันยังมีของจากชายครึ่งสัตว์ประหลาดคนนั้นด้วย

แปะ! แปะ! แปะ! แปะ!

“พี่เฟย ตอนพี่ฆ่าคนโคตรเท่เลย!” ทันใดนั้นมันก็มีเสียงชมของเด็กสาวดังขึ้นมาจากด้านหลัง เมื่อเขาได้หันหลังกลับไปเขาก็พบกับเซียวรั่วหยูที่แอบตามมาดูและกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มกว้าง

“เสี่ยวหยูเธอมาที่นี่ทำไม มันอันตรายนะ!” เซี่ยเฟยรีบกล่าวออกไปอย่างกระทันหัน

“หนูก็อยากปกป้องพี่บ้าง ทำไมพี่ต้องดุหนูด้วย” เซียวรั่วหยูกล่าวตอบพร้อมกับใบหน้าที่มุ่ยลงไปเล็กน้อย

“ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะทำไมฉันจะต้องให้เด็กอย่างเธอมาปกป้องฉันด้วย รอเธอโตกว่านี้อีกหน่อยดีไหม แล้วพวกเราค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง” เมื่อเซี่ยเฟยได้เห็นสีหน้าของเด็กสาวมันก็ทำให้เขาอดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

“พี่ไม่เชื่อหนูหรอ! พลังพิเศษของหนูคืออเมทิสต์การ์ดเลยนะ” เซียวรั่วหยูกล่าวพร้อมกับยกแขนทั้งสองของเธอขึ้นมาและทำท่าต่อสู้

“อเมทิสต์การ์ด?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความอยากรู้

ท้ายที่สุดเขายังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับพลังพิเศษต่าง ๆ มากนัก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้ว่าพลังอเมทิสต์การ์ดที่เซียวรั่วหยูเพิ่งกล่าวมาคืออะไร

“เซี่ยเฟยหนอเซี่ยเฟย.. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนายมันหายไปไหนหมด นายลองคิดดูนะว่าทำไมครอบครัวของเด็กสาวคนนี้ถึงปล่อยให้เธอมาเข้าร่วมการทดสอบในระดับวิกฤตได้ นอกเสียจากว่าพวกเขาจะมั่นใจว่าเธอจะไม่เสียชีวิตในการแข่งขัน ทำไมนายถึงไม่ลองถามเธอดูล่ะว่าพลังพิเศษของเธอมันทำอะไรได้” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ฉันไม่อยากรู้ความสามารถพิเศษของเธอหรอกเพราะถ้าหากว่าฉันรู้ว่าความสามารถของเสี่ยวหยูคืออะไร ฉันก็จะเอามันมารวมไว้ในแผนการของฉันด้วย แต่ในสายตาของฉันเธอยังเป็นเพียงแค่เด็กและเราก็ไม่ควรเอาเด็กมายุ่งกับเรื่องการฆ่าฟัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเม้มริมฝีปาก

“อ๋อ! ที่แท้เรื่องนี้มันก็คือจุดอ่อนของนายนี่เอง!” อันธอุทานพร้อมกับใช้มือตบขาหลังจากได้ยินคำตอบของเซี่ยเฟย

“ปกติแล้วนายจะจัดการกับปัญหาเรื่องต่าง ๆ อย่างชาญฉลาด แต่ถ้าหากว่ามันมีเด็กอยู่ในการคุ้มครองของนายมันก็ดูเหมือนกับว่านิสัยของนายจะเปลี่ยนไปจากเดิมในทันที ท้ายที่สุดในตอนนี้นายก็กำลังพยายามทำตัวเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนั้นโดยที่นายไม่ได้ถามความสมัครใจของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ”

“อันที่จริงการที่นายทำแบบนี้มันก็ไม่ผิดเพราะทุกคนต่างก็ปรารถนาอยากจะมีสิ่งที่ต้องปกป้องตามสัญชาตญาณอยู่แล้ว เพียงแต่ความต้องการในการปกป้องของนายมันมากกว่าคนอื่นก็เท่านั้นเอง” อันธอธิบายสิ่งที่เขาพึ่งคิดวิเคราะห์ออกมา

คำอธิบายของอันธทำให้เซี่ยเฟยสูญเสียคำพูดเพราะสิ่งที่วิญญาณนักฆ่าได้พูดออกมานั้นมันเป็นปมที่มีอยู่ในใจของเขามาตั้งแต่เด็ก

“ยอดนักรบที่มีสัญชาตญาณอันแรงกล้ากลับมีคติในการปกป้องเด็กตัวเล็ก ๆ เอาล่ะ! ดูเหมือนว่าฉันจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องนี้แล้ว ฉันขอตัวกลับไปแต่งบทกวีต่อแล้วนะ” อันธกล่าว

“เดี๋ยวก่อน! อเมทิสต์การ์ดของเสี่ยวหยูมันดีไหม” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับหยุดอันธเอาไว้ก่อน

“ดีไหม? มันไม่ใช่แค่ดีนะ แต่มันเป็นพลังที่โคตรดี!!” อันธกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างลึกลับ

***************

เอ๊าะ อ๊อย … ที่แท้นักฆ่าผู้เลือดเย็นกลับเป็นพวกรักเด็กหรอเนี่ย

ปล. เรื่องนี้ไม่โลลิ

ปล.1 ตอนนี้ตัวละครยังเด็ก ให้เวลาพวกเขาเติบโตบ้าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด