ตอนที่ 43: ดักปล้น
ตอนที่ 43: ดักปล้น
เซี่ยเฟยรักษาความเร็วของเขาเอาไว้ที่ 100 เมตรต่อวินาทีขณะที่เอนตัวไปข้างหน้าประมาณ 10 องศา ซึ่งท่านี้เป็นท่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการวิ่งในระยะไกลเนื่องมาจากมันช่วยลดปริมาณพลังงานที่ต้องใช้ในการวิ่ง
พื้นที่เงาฝนที่เซี่ยเฟยกำลังมุ่งหน้าไปเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่และเนื่องมาจากพื้นที่บริเวณนี้ตกอยู่ในความแห้งแล้งมาเป็นเวลานานพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาจึงแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วมันก็มีแม้กระทั่งเม็ดทรายสะสมอยู่ในบริเวณนี้เป็นจำนวนมากอีกด้วย
เมื่อเซี่ยเฟยวิ่งผ่านไปเม็ดทรายบนพื้นก็ถูกดีดขึ้นมาในอากาศ แต่โชคดีที่พื้นที่เงาฝนมีลมแรงตลอดทั้งปี มันจึงทำให้เศษฝุ่นเศษทรายพัดมากลบรอยเท้าของเขาด้วยความรวดเร็ว
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เซี่ยเฟยก็รู้สึกราวกับว่าขาของเขาได้ถูกถ่วงเอาไว้ด้วยแท่งตะกั่วและมันก็ทำให้การหายใจของเขาเร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมันเป็นสัญญาณว่าเขาได้มาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว
พื้นที่ด้านหน้าของเขาในตอนนี้เป็นรอยแตกลึกลงไปในพื้นดินประมาณ 1 เมตรและมีขนาดความกว้างประมาณ 50-60 เมตร ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีพุ่มไม้อันเหี่ยวแห้งและต้นหญ้าเติบโตตรงบริเวณรอยแยกอย่างมากมาย ทำให้รอยแยกถูกปกปิดเอาไว้เป็นอย่างดี
เซี่ยเฟยหยุดคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะอุ้มเซียวรั่วหยูกระโดดลงไปในรอยแยกนั้น หลังจากที่เขาได้วางเด็กสาวลงไว้ข้าง ๆ และเช็ดเหงื่อที่เปียกโชกไปทั่วทั้งใบหน้า เขาก็หยิบขวดน้ำออกมาจากแหวนมิติ 2 ขวดโดยยื่นน้ำขวดหนึ่งไปให้กับเด็กสาว
การวิ่งติดต่อกันเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่งทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตของเซี่ยเฟยมาจนถึงจุดสูงสุดฝ ดังนั้นเขาจึงไม่ควรดื่มกินเข้าไปในทันที แต่ความกระหายและความหิวทำให้เขาเลือกที่จะเมินเฉยสิ่งที่ควรจะทำพวกนั้นไป
จากนั้นเซี่ยเฟยก็นำเนื้อกระป๋องออกมา 5 กระป๋องพร้อมกับกล่องนมขนาดใหญ่ 2 กล่องและแอปเปิ้ล 2 ลูก ก่อนที่เขาจะกัดกินอาหารเหล่านี้เข้าไปราวกับว่าเขากำลังเป็นสิงโตที่หิวโหย
ขณะเดียวกันเซียวรั่วหยูก็ขี่หลังเซี่ยเฟยมาตลอดการเดินทางและแทบที่จะไม่ได้ใช้แรงในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เลย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกหิวกระหายมากนัก เธอจึงกินแอปเปิ้ลเข้าไป 2-3 คำพร้อมกับดื่มนมเข้าไป 2-3 อึกก่อนที่เธอจะรู้สึกอิ่ม
“ดื่มนมเข้าไปอีกนิดสิ” เซี่ยเฟยกล่าวขณะที่เขากัดกินเนื้อชิ้นใหญ่
อย่างไรก็ตามเด็กสาวก็ทำเพียงแค่ส่ายหัวกลับมาเป็นคำตอบขณะที่เธอยังคงมองไปยังเซี่ยเฟยอย่างไม่กระพริบตาและถึงแม้ว่าการกินของชายหนุ่มคนนี้จะดูไม่สุภาพ แต่เซียวรั่วหยูก็รู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูกและเธอยังแอบหัวเราะเบา ๆ กับความหิวกระหายของผู้ชายคนนี้
เมื่อเซี่ยเฟยจัดการอาหารในส่วนของเขาจนเสร็จ เขาก็หยิบนมที่เซียวรั่วหยูกินเหลือเทลงไปในปากของเขาจนหมด ก่อนที่จะใช้แขนเสื้อเช็ดปากเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาได้กินมื้ออาหารนี้จนพอแล้ว
“สภาพอากาศแถวนี้ร้อนเกินไป ดังนั้นพวกเราจึงควรกินนมให้หมดกล่องไม่อย่างนั้นมันจะบูด” เซี่ยเฟยกล่าวอธิบาย
หลังจากเซี่ยเฟยคำนวณอาหารที่เหลืออยู่ภายในแหวนมิติเขาก็คิดว่าปริมาณอาหารน่าจะเพียงพอให้พวกเขาสามารถอยู่รอดไปได้อีก 7 วัน
แต่เนื่องมาจากสภาพแวดล้อมอันรกร้างของพื้นที่บริเวณนี้มันจึงทำให้การหาน้ำและอาหารเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ถ้าหากว่าเสบียงเกิดหมดขึ้นมา มันย่อมก่อให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตของเขาด้วยเช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้เซี่ยเฟยจึงตั้งใจสำรองอาหารฉุกเฉินเอาไว้ 2 วันและกินอาหารให้อิ่มเพียงแค่ครึ่งเดียว ไม่อย่างนั้นด้วยอาหารที่เขาได้เตรียมเอาไว้ มันคงไม่พอที่จะให้เขาดื่มกินเป็นเวลาถึงสามวันด้วยซ้ำ
ภายในแหวนมิติของเซี่ยเฟยยังมีวัตถุดิบทางยาที่ช่วยเติมเต็มความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาได้ แต่เนื่องมาจากว่าการแข่งขันในครั้งนี้เป็นเพียงรอบแรกของการประเมิน ชายหนุ่มจึงตั้งใจที่จะเก็บวัตถุดิบทางยาเอาไว้ใช้ในช่วงเวลาที่สำคัญ
หลังจากกินเสร็จเซี่ยเฟยก็เอนตัวนอนลงไปบนพื้นโดยไม่สนใจเศษฝุ่นเศษดินเลยแม้แต่น้อย โดยเขาตั้งใจที่จะนอนพักผ่อนเพื่อให้อาหารที่เขาเพิ่งกินเข้าไปย่อยจนกลายเป็นพลังงานให้เขาโดยเร็วที่สุด
ความสามารถในการย่อยอาหารและดูดซับพลังงานของเซี่ยเฟยค่อนข้างที่จะน่ากลัว ในความเป็นจริงถึงแม้ว่าเขาจะกินก้อนหินเข้าไปจริง ๆ เขาก็ยังสงสัยว่าร่างกายของเขาอาจจะสามารถดูดซับแคลเซียมทั้งหมดที่มีอยู่ในก้อนหินออกมาได้
“ทำไมพวกเราถึงไม่ไปทางทิศตะวันออกล่ะ พวกเราจำเป็นจะต้องได้แผ่นป้ายนะไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบที่ 2” เซียวรั่วหยูกล่าวถาม
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบบุหรี่ของเขาขึ้นมาและเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมอันแห้งแล้งมันจึงทำให้บุหรี่ของเขาแห้งกว่าสภาพของมันโดยทั่วไปและด้วยรสชาติอันเข้มข้นของบุหรี่ในสภาพแวดล้อมอันแห้งแล้งเช่นนี้นี่เอง มันจึงทำให้ลำคอของชายหนุ่มค่อนข้างที่จะรู้สึกแห้งและก่อให้เกิดอาการคัน
“การแข่งขันรอบนี้มีผู้สมัครอยู่ประมาณ 100,000 คน เธอลองคิดดูสิว่าถ้าหากว่าผู้สมัครทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเพื่อแย่งชิงแผ่นป้ายเพียงแค่ 1,000 ชิ้นมันจะเกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยเฟยถามกลับพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมา
“พวกเขาก็คงจะสู้กันจนตายไปข้างนึง” เซียวรั่วหยูกล่าวตอบพร้อมกับย่นหน้าผากลงมาเล็กน้อย
“งั้นฉันถามหน่อยว่าถ้าเธอบังเอิญได้แผ่นป้ายมาอยู่ในมือ แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป” เซี่ยเฟยกล่าวถามอีกครั้ง
“หนูก็ต้องรีบวิ่งหนีสิ! ถ้าคนพวกนั้นเห็นว่าหนูถือแผ่นป้ายเอาไว้ พวกเขาจะต้องวิ่งไล่ตามหนูมาแน่นอน” เซียวรั่วหยูกล่าวตอบพร้อมกับใช้มือดึงแก้มของเธอ
“ถูกต้อง! สิ่งแรกที่ผู้สมัครทุกคนจะทำหลังจากที่พวกเขาได้แผ่นป้ายคือการรีบวิ่งออกจากสนามรบโดยเร็วที่สุด จากนั้นพวกเขาก็จะมองหาสถานที่หลบซ่อนอันปลอดภัยเพื่อรอจนกว่าการแข่งขันในรอบแรกจะจบลงและนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปหาแผ่นป้ายแต่มุ่งหน้ามาที่นี่แทน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับลุกขึ้นใช้นิ้วลูบจมูกเล็ก ๆ ของเซียวรั่วหยูอย่างเบามือ
“พี่เฟย! พี่เป็นคนที่สุดยอดจริง ๆ! ที่แท้พี่ก็ตั้งใจที่จะมาดักรอที่นี่เพื่อปล้นชิงแผ่นป้ายจากคนอื่น!!” เซียวรั่วหยูกล่าวขึ้นมาด้วยดวงตาอันเปล่งประกาย
“ตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วสินะ แทนที่พวกเราจะต้องไปต่อสู้กับคนนับแสนคน ทำไมพวกเราถึงไม่รออยู่ที่นี่ให้แผ่นป้ายวิ่งเข้ามาหาพวกเราแทนล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลูบหัวของเซียวรั่วหยู
ในการแข่งขันครั้งนี้เขาไม่ใช่คนที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด ดังนั้นการพยายามเข้าไปนัวกับผู้สมัครเป็นจำนวนนับแสนคนย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเขาอย่างแน่นอน
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงวางแผนหลีกเลี่ยงสนามรบหลักและมุ่งหน้าตรงมายังสถานที่แห่งนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาตั้งใจที่จะดักปล้นผู้สมัครที่เหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งหนีออกมาจากสนามรบหลัก
“ถ้าหากพวกเราจะดักปล้นแผ่นป้ายแล้วทำไมพวกเราถึงไม่มุ่งหน้าไปทางใต้ล่ะ พื้นที่ทางใต้เต็มไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ การซ่อนตัวในพื้นที่บริเวณนั้นมันไม่ง่ายกว่าที่นี่หรอ?”
“อีกอย่างพื้นที่ทะเลทรายทางตอนเหนือก็น่าสนใจด้วยเหมือนกัน เพราะเนินทรายแต่ละแห่งก็มีระดับความสูงที่แตกต่างกันไป มันจึงทำให้การซ่อนตัวอยู่ที่นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายดายกว่า”
“สภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ของพวกเราตอนนี้เป็นพื้นที่เปิดกว้างมากจนเกินไปและการกวาดสายตามองเพียงแค่ครั้งเดียว มันก็อาจจะมีคนสังเกตเห็นพวกเราได้แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลก็ตาม”
เซียวรั่วหยูสามารถมองเห็นปัญหาทั้งหมดได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยเฟยค่อนข้างที่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
“ในบรรดาผู้สมัครกว่า 100,000 คนมันก็คงจะมีคนคิดจะใช้แผนการเหมือนพวกเราอยู่บ้าง ถ้าหากว่าพวกเรามุ่งหน้าขึ้นเหนือหรือลงใต้พวกเราก็จะไปพบกับกลุ่มผู้สมัครคนอื่น ๆ และในเวลานั้นพวกเราก็คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะได้อีกแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไปอย่างใจเย็น
“หนูเข้าใจแล้วพี่เฟย..ว่าแต่ทำไมพวกเราถึงต้องวิ่งออกมาไกลขนาดนี้ ถ้าหากว่ามันไม่มีคนมาที่นี่แล้วพวกเราจะทำยังไง” เซียวรั่วหยูกล่าวถามโดยในปัจจุบันเธอกำลังจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
“เธอคิดว่าเธอจะหนีไปซ่อนตัวไกลแค่ไหนถ้าหากว่าเธอได้รับแผ่นป้าย?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“แน่นอนว่าหนูก็คงอยากจะหนีไปให้ไกลที่สุดเพราะว่าหนูไม่อยากถูกจับได้” เซียวรั่วหยูกล่าวตอบ
ทันใดนั้นเด็กสาวตัวน้อยก็ตระหนักได้ในทันทีว่าเธอเพิ่งพูดอะไรออกไป ดังนั้นเธอจึงอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า
“ใช่แล้ว! พวกที่ได้แผ่นป้ายต้องรีบมุ่งหน้าหนีออกไปให้ไกลที่สุด ดังนั้นที่ที่พวกเราอยู่จะต้องมีใครหนีผ่านมาทางนี้แน่ ๆ!”
เมื่อเซี่ยเฟยพักผ่อนจนเสร็จเขาก็กระโดดออกมาจากรอยแยกและเริ่มวางกับดักเอาไว้รอบ ๆ พื้นที่ โดยเขาได้ทำการขุดหลุมเล็ก ๆ และทำการฝังกลไกเอาไว้ นอกจากนี้เขายังได้โยนอุปกรณ์บางอย่างเอาไปไว้ในพุ่มไม้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
หลังจากเวลาผ่านไปพื้นที่บริเวณโดยรอบจากรอยแยกที่เซี่ยเฟยได้หยุดพักกว่า 50 ตารางกิโลเมตรก็ถูกฝังเอาไว้ด้วยกลไกอย่างมากมาย โดยตำแหน่งของอุปกรณ์แต่ละชิ้นถูกเซี่ยเฟยคำนวณเอาไว้อย่างพิถีพิถันราวกับว่าเขาเป็นนักล่าผู้มากประสบการณ์
เซี่ยเฟยใช้เวลาค่อนข้างนานในการระบุแผนที่ของกับดักที่เขาได้วางเอาไว้ ก่อนที่เขาจะได้กลับไปซ่อนตัวยังรอยแยกอีกครั้ง
ปัจจุบันเซียวรั่วหยูนอนหลับไปแล้วโดยริมฝีปากของเธอค่อนข้างซีดจางและมีรอยแตกขึ้นมาให้เห็นบ้างเนื่องมาจากความแห้งแล้งของพื้นที่ แต่เมื่อเซี่ยเฟยได้เดินทางกลับมาเธอก็รีบขยี้ตาและลุกขึ้นมานั่งส่งยิ้มหวานให้กับชายหนุ่ม
เซี่ยเฟยดึงขวดน้ำออกมาจากแหวนมิติและมอบมันให้กับเซียวรั่วหยู แต่เขาไม่ได้เลือกที่จะดื่มน้ำเข้าไปเพราะเขาต้องการจะเก็บน้ำพวกนี้เอาไว้ในสถานการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ
“เซียวรั่วหยู ฉันขอใช้พิษที่ย่าเธอให้มาจะได้ไหม” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ได้สิคะ แต่พิษของคุณย่ารุนแรงมากพี่ต้องระวังมันให้ดี ๆ นะ” เซียวรั่วหยูพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด จากนั้นเธอก็กล่าวถามออกไปว่า
“พี่ตั้งใจจะเอาพวกมันไปทำอะไรอย่างนั้นหรอ”
เซี่ยเฟยเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าอันมืดครึ้มซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าลมพายุกำลังจะพัดผ่านเข้ามาแล้ว
“ฉันต้องการจะเตรียมของขวัญให้กับพวกเขาสักหน่อยและของขวัญชิ้นนี้ก็จะสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นถ้าหากว่ามันเกิดฝนตกหนัก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
แต่ในทันใดนั้น!
แซ่ก! แซ่ก! แซ่ก! แซ่ก!
ทั้งสองคนก็ยินเสียงเหมือนกับตัวอะไรซักอย่างกำลังวิ่งรอบ ๆ ตัวของพวกเขาจากทุกทิศทาง ซึ่งเสียงเหล่านี้ก็เข้าใกล้พวกเขาเข้ามาเรื่อย ๆ!
“ชิบหายแล้ว!” เมื่อเซี่ยเฟยสำรวจสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวของเขาอีกครั้ง มันก็มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
***************
ชิบหายแล้ว!!! ตัวอะไรว้าาาา!!!!