ตอนที่ 42: จุดเริ่มต้นของการประเมิน
ตอนที่ 42: จุดเริ่มต้นของการประเมิน
เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงกลางคืนเซียวรั่วหยูก็สามารถที่จะนอนหลับได้อย่างสบายใจ ขณะที่เซี่ยเฟยยังคงนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง
หลังจากนอนไม่หลับเป็นเวลานาน ชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาสวมใส่ชุดต่อสู้และมุ่งหน้าออกไปจากห้องเพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ สถานที่จัดการประเมิน
บริเวณด้านนอกมีกลุ่มผู้สมัครเป็นจำนวนมากออกมาอยู่นอกยานเช่นเดียวกัน โดยผู้สมัครบางกลุ่มก็กำลังพูดคุยกันขณะที่ผู้สมัครบางกลุ่มก็กำลังทำการฝึกซ้อมเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้
จากสถานการณ์ในปัจจุบันมันก็ดูเหมือนกับว่าเซี่ยเฟยไม่ใช่ผู้สมัครคนเดียวที่รู้สึกตื่นเต้น หลังจากที่ชายหนุ่มสำรวจสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวของเขาแล้วเขาก็ทำการออกวิ่งไปไกลกว่า 100 กิโลเมตรและมุ่งหน้าตรงไปยังเนินเขาอันเงียบสงบที่ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น
เมื่อเซี่ยเฟยได้พบกับสถานที่อันเงียบสงบแล้ว เขาก็ทำการฝึกฝนวิชาเล่ห์สังหารภายใต้แสงจันทร์ แต่ในทันใดนั้นเขาก็ยินเสียงเพลงดังขึ้นมาจากเชิงเขาที่อยู่ไม่ไกล
บทเพลงที่ดังอยู่นั้นบางครั้งก็มีเสียงแหลมสูงคล้ายกับภูเขา บางครั้งก็รู้สึกลื่นไหลราวกับแม่น้ำ บางครั้งก็รู้สึกนุ่มนวลราวกับปุยเมฆและในบางครั้งก็รู้สึกแผ่วเบาคล้ายกับสายลมที่พัดพาไป
เสียงเพลงนี้ดูคล้ายกับเสียงที่ดังมาจากขลุ่ยแต่เนื้อเสียงของดนตรีมีความหนักแน่นกว่าเสียงของขลุ่ยมากและเมื่อเขาได้สัมผัสกับท่วงทำนอง มันก็ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกเคลิบเคลิ้มขึ้นมาไม่ได้
เซี่ยเฟยเลือกที่จะนั่งลงไปบนพื้นและจุดบุหรี่ขึ้นมาคาบเอาไว้ในปากขณะที่เขานั่งฟังเสียงดนตรีที่ลอยมาตามสายลม เมื่อเสียงดนตรีได้จบลงเขาก็ทำการปรบมือเพื่อให้เกียรติแก่ผู้แสดง
“ใครอยู่ตรงนั้น?!” เสียงหญิงสาวดังขึ้นมาอย่างเย็นชาซึ่งเซี่ยเฟยก็รู้สึกค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้ เพียงแต่ว่าเขายังไม่สามารถที่จะนึกได้ว่าเขาเคยได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้มาจากที่ไหน
“ไม่มีใครอยู่ซักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไปในทันทีแต่เขาก็ต้องรู้สึกเสียใจที่เขาได้ตอบไปแบบนั้นเพราะถ้าหากว่ามันไม่มีใครอยู่แล้วมันจะมีเสียงตอบกลับไปได้ยังไง
ฟับ!
ทันใดนั้นมันก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของเซี่ยเฟย โดยความเร็วของเธอคนนี้ไม่ควรที่จะน้อยกว่า 1,000 เมตรต่อวินาที ซึ่งมันก็มีโอกาสสูงมากที่เธอจะเป็นผู้ใช้พลังสายความเร็ว
หญิงสาวผมบลอนด์คนนี้ได้ใส่ชุดยูนิฟอร์มของจัสทิสและรูปร่างของเธอภายใต้แสงจันทร์ก็ค่อนข้างจะดูน่าดึงดูดมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรียวขายาวคู่นั้นที่ชายหนุ่มสาบานได้เลยว่าไม่ว่าบุรุษคนไหนที่มีโอกาสได้พบเห็นก็คงอยากที่จะสัมผัส
เมื่อเซี่ยเฟยได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผมบลอนด์คนนี้เขาก็สามารถจดจำได้ในทันทีว่าเธอคือเย่เสี่ยวหาน ผู้ซึ่งพาเขาไปพบกับเซียวรั่วหยูในก่อนหน้านี้นั่นเอง
“คุณนี่เอง… ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมดาวโลกถึงถูกประเมินว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีระดับอารยธรรมเพียงแค่ 0.5 คุณไม่รู้หรือยังไงว่าการแอบฟังใครสักคนเล่นขลุ่ยท้องฟ้าเป็นเรื่องที่เสียมารยาท” เย่เสี่ยวหานกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนต้องหลีกห่างเธอออกไปหลายร้อยเมตร
“ผมสาบานว่าผมไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบฟังแต่เสียงมันแว่วเข้ามาในหูของผมพอดี” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาและปัดฝุ่นภายในมือ
อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เสี่ยวหานได้สังเกตเห็นชุดวินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์ที่เซี่ยเฟยได้สวมใส่ เธอก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้นมันก็เริ่มมีน้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเธอ
ในระหว่างนี้เธอก็ก้าวเท้าไปด้านหน้า 2 ก้าวอย่างไม่รู้ตัวและเมื่อเธอได้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเซี่ยเฟยเธอก็ลูบไล้ชุดวินด์ชาโดว์อย่างเบามือ
“เอ่อ…”
ขณะเดียวกันสถานการณ์นี้ก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอึดอัดมาก แต่สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่การยืนอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้หญิงสาวลูบมือผ่านร่างกายของเขาอย่างไร้ปรานี
แม้ว่าการสัมผัสร่างกายของชายหญิงในยุคสมัยนี้จะไม่ได้เคร่งครัดเหมือนกับในสมัยก่อน แต่เซี่ยเฟยก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวยังจู่โจมในระหว่างที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ดังนั้นเมื่อร่างกายของชายหนุ่มเริ่มมีเลือดลมสูบฉีดมันก็ทำให้เขาเริ่มไม่สามารถจะยืนอยู่นิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็พยายามรวบรวมสติและใช้วิชาพลางจิตเพื่อทำให้เลือดลมภายในร่างกายของเขาได้สงบลง
เมื่อฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายที่เริ่มจู่โจมก่อนเซี่ยเฟยก็เริ่มไตร่ตรองว่าเขาควรจะตอบสนองอีกฝ่ายกลับไปหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือทั้งสองออกไปโดยมีจุดมุ่งหมายที่สะโพกอันโค้งมนของเย่เสี่ยวหาน
ฟุบ!
อย่างไรก็ตามหลังจากเย่เสี่ยวหานได้สัมผัสถึงการเคลื่อนไหวอันผิดปกติของเซี่ยเฟย เธอก็รีบถอยกลับไปเหมือนกับกระต่ายที่ตื่นตกใจและปล่อยให้ชายหนุ่มยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ที่เดิม
“คืนนี้พระจันทร์สวยดีเนอะ” เซี่ยเฟยกล่าวแก้เขินพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า
ขณะเดียวกันแม้ว่าเย่เสี่ยวหานจะรู้สึกโกรธเคืองแต่เธอก็เริ่มตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเธอได้เผลอตัวไปลูบไล้ร่างกายของอีกฝ่ายก่อนและในฐานะที่เซี่ยเฟยเป็นผู้ชายมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะไม่เข้าใจผิดไปถึงเรื่องนั้น
นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังควบคุมตัวเองไม่ให้ทำอะไรเกินเลย ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ชายนิสัยไม่ดี แต่มันเป็นตัวของเธอเองที่ทำตัวรุ่มร่ามกับอีกฝ่ายก่อน
เมื่อหญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าเธอเผลอทำอะไรลงไปมันก็ทำให้แก้มทั้งสองข้างของเธอกลายเป็นสีแดงระเรื่อราวกับดอกพีชอันงดงาม 2 ดอก
“คุณได้ชุดต่อสู้นั้นมาจากไหน?” เย่เสี่ยวหานกล่าวถามอย่างจริงจัง
“ผมก็ซื้อมันมาน่ะสิ คุณคงไม่คิดว่าผมไปขโมยมันมาใช่ไหม?”
“แต่คุณเป็นเพียงแค่พลเมืองที่มาจากดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 0.5 คุณจะมีปัญญาไปซื้อชุดต่อสู้ราคาแพงขนาดนี้ได้ยังไง” เย่เสี่ยวหานกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
คำถามของหญิงสาวถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกและมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการที่เขาจะต้องอธิบายความร่ำรวยของตัวเองออกไป
เขาควรจะต้องตอบว่าเขาขายบทกวีเพื่อหาเงินมาดีไหม? แต่อย่าลืมว่าลิขสิทธิ์ของบทกวีพวกนั้นไม่ใช่ของเขา ด้วยเหตุนี้การพยายามเก็บรายละเอียดเรื่องพวกนี้เอาไว้ก็คงจะเป็นผลดีกับตัวเขาเองมากกว่า
หรือเขาจะบอกออกไปว่าเขาได้เงินส่วนใหญ่มาจากการสำรวจแอตแลนติสดี?
แต่เรื่องนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเหมือนกัน เพราะใครจะไปรู้ บางทีชาวแอตแลนติสอาจจะมีโจทก์เก่าเป็นผู้ทรงอำนาจในจักรวาลก็ได้ ดังนั้นถ้าหากว่าเขาได้เปิดเผยเรื่องของแอตแลนติสออกไปมันก็อาจจะเป็นการเอาภัยเข้ามาหาตัว
“ผมมาจากดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 0.5 แล้วยังไง? ใครเป็นคนกำหนดว่าคนที่มาจากดาวโลกจะต้องเป็นคนจน? ผมซื้อชุดต่อสู้ชุดนี้มาจากงานประมูลของร้านมาสเตอร์พีชเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากว่าคุณไม่เชื่อก็เชิญคุณไปตรวจสอบเรื่องนี้ได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไปโดยพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องแหล่งที่มาของเงิน
งานประมูลของร้านมาสเตอร์พีชค่อนข้างจะเป็นงานประมูลที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ ดังนั้นเย่เสี่ยวหานจึงรู้จักงานประมูลที่เซี่ยเฟยได้กล่าวอ้างขึ้นมาเช่นเดียวกันและเมื่อเธอได้พิจารณาจากความสงบของชายหนุ่ม เธอก็ต้องยอมรับว่าเซี่ยเฟยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยจากดาวเคราะห์ที่ล้าหลังจริง ๆ
“ชุดต่อสู้ชุดนั้นเป็นชุดต่อสู้ที่มีค่ามาก ฉันขอเตือนให้คุณระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี” เย่เสี่ยวหานมองไปยังชุดต่อสู้ของเซี่ยเฟยอย่างโหยหา ก่อนที่เธอจะหันหลังและเคลื่อนที่จากไปโดยไม่สนใจที่จะสนทนาอีกเลย
“โถ่เว้ย! นี่ฉันถูกลวนลามแล้วโดนทิ้งเอาไว้แบบนี้จริง ๆ หรอ?!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมาอย่าหงุดหงิด
บนท้องฟ้าเริ่มมีเมฆสีดำล่องลอยมาบดบังแสงจันทร์และเนื่องมาจากเซี่ยเฟยได้ถูกเย่เสี่ยวหานกลั่นแกล้งอย่างไม่มีเหตุผล ชายหนุ่มจึงไม่มีอารมณ์ที่จะทำการฝึกฝนอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงได้มุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของตนเองทันที
เมื่อเซี่ยเฟยได้จากไปมันก็มีร่าง ๆ หนึ่งค่อย ๆ เดินออกมาจากมุมมืดของตีนเขา ซึ่งชายคนนี้ได้ซ่อนตัวเอาไว้ตลอดเวลาแล้วเขาก็รับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเย่เสี่ยวหานกับเซี่ยเฟยทั้งหมด
ชายผู้หล่อเหลาคนนี้มีอายุประมาณ 24 ปีแต่ในปัจจุบันเขากลับแสดงสีหน้าออกมาอย่างน่าเกลียดพร้อมกับส่งเสียงสบถอย่างหยาบคายออกมาไม่หยุด
ตูม!
ชายปริศนาต่อยกระแทกเนินเขาบริเวณนั้นอย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดหลุมที่มีขนาดความลึกลงไปมากกว่า 1 เมตรและทำให้มีเศษฝุ่นเศษหินกระจัดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ
—--
ในช่วงเช้าตรู่ก่อนที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้ามาอย่างเต็มที่
“ผู้สมัครเข้าร่วมการประเมินทุกคนโปรดทราบ ขอให้ทุกคนออกมารวมตัวกันด้านนอกภายใน 30 นาที การประเมินในครั้งนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว” เสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่ไร้อารมณ์ดังขึ้นมาจากในระยะไกล ซึ่งเซี่ยเฟยก็มีความรู้สึกว่าเสียงอิเล็กทรอนิกส์นี้ให้ความรู้สึกเยือกเย็นเหมือนกับน้ำเสียงของเย่เสี่ยวหาน
เซี่ยเฟยพยายามสะบัดหัวเรียกสติพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แต่เมื่อเขาคิดอะไรบางอย่างได้เขาก็รีบซุกตัวลงไปในผ้าห่มอีกครั้ง
ปกติเขามีนิสัยชอบนอนถอดเสื้อผ้าและถึงแม้ว่าในช่วงเวลาปกติเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหา แต่มันก็อย่าลืมว่าในวันนี้เขาได้พักอยู่กับเซียวรั่วหยู
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 40 นาทีชายหนุ่มก็จูงมือเด็กสาวออกมาเข้าร่วมกลุ่มกับฝูงชน ซึ่งเซี่ยเฟยได้ใช้เวลาในการล้างหน้าแปรงฟันเพียงแค่ประมาณ 2-3 นาที ส่วนช่วงเวลาที่เหลือคือช่วงเวลาทำธุระส่วนตัวของเด็กสาว
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มทำตัวไม่ถูกเช่นเดียวกัน เพราะท้ายที่สุดถึงแม้เขาจะพอรู้มาบ้างว่าพวกผู้หญิงมักจะใช้เวลาในการจัดการธุระส่วนตัวนานกว่าผู้ชาย แต่ใครมันจะไปคิดว่าเด็กสาวอายุเพียงแค่ 12 ปีกลับใช้เวลาในการจัดการธุระส่วนตัวไม่ต่างไปจากผู้หญิงพวกนั้น!
ตั้งแต่ตื่นนอนเซียวรั่วหยูได้ใช้ตั้งแต่โฟมล้างหน้า, มอยเจอร์ไรเซอร์, ครีมกันแดดและครีมต่าง ๆ อีกมากมายที่เขาไม่รู้จักราวกับว่าเธอกำลังเปิดนิทรรศการผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในระหว่างที่เธอกำลังแต่งตัว
แม้ว่าในปัจจุบันเด็กสาวจะยังมีอายุเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้นแต่ร่างกายของเธอก็กำลังพัฒนาเข้าสู่ช่วงเจริญพันธุ์แล้ว ประกอบกับความจริงที่เธอมีใบหน้าอันสวยงามเป็นทุนเดิม เธอก็คงจะเติบโตขึ้นมาจนกลายเป็นหญิงงามล่มเมืองในอนาคต
เมื่อเซี่ยเฟยสังเกตสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวเขาก็ตระหนักว่ายานอวกาศได้เคลื่อนที่ออกมาจากฐานเดิมแล้วและได้มาหยุดอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง
บริเวณทางทิศตะวันออกมีเนินเขาสุดลูกหูลูกตา แต่ทางทิศเหนือกลับเป็นทะเลทรายอันแห้งแล้งสุดลูกหูลูกตาด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนทางทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ราบเรียบที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ในขณะที่ทางทิศใต้เต็มไปด้วยก้อนหินก้อนใหญ่กระจัดกระจายกันอย่างมากมาย
จากการประมาณคร่าว ๆ จำนวนผู้สมัครเข้าร่วมการประเมินในครั้งนี้มีอยู่ประมาณ 100,000 คน โดยผู้สมัครส่วนใหญ่ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มและเมื่อพิจารณาจากท่าทางของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่เดินทางมาจากดาวเคราะห์ดวงเดียวกัน
จำนวนกลุ่มของผู้สมัครที่ใหญ่ที่สุดมีสมาชิกอยู่เกือบ ๆ 1,000 คน ขณะที่กลุ่มที่เล็กที่สุดมีสมาชิกเพียงแค่ 3-5 คนและทุกคนต่างก็หยิบจับอาวุธทุกประเภท
แน่นอนว่าในบรรดากลุ่มของผู้สมัครทั้งหมดย่อมไม่มีกลุ่มใดที่ประกอบไปด้วยวัยรุ่นตอนต้น 2 คนอย่างกลุ่มของเซี่ยเฟยเลย
สถานการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพราะกลุ่มของเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบกลุ่มอื่น ๆ อย่างชัดเจนและถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะหลุดรอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปให้ได้ เขาก็จำเป็นที่จะต้องออกหาผู้สมัครที่ยังไม่มีกลุ่มคนอื่น ๆ
แต่ในทันใดนั้นเองชายหนุ่มผู้ซึ่งมีอายุประมาณ 24 ปีก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นมาจากยานอวกาศ
“เอาล่ะทุกคนช่วยตั้งสติกันหน่อย ฉันชื่อเซียวไห่ลี่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการการประเมินในครั้งนี้ ฉันจะขอแจ้งให้ทุกคนได้รู้เกี่ยวกับเรื่องกฎของการประเมินในรอบแรก” เซียวไห่ลี่ประกาศออกไปเสียงดังซึ่งมันก็ทำให้ผู้สมัครทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมองเขาในทันที
หลังจากเซียวไห่ลี่ได้เว้นช่วงห่างพักหายใจไปหลายวินาทีเขาก็ประกาศต่อไปว่า
“ในรอบแรกพวกเราจะทำการคัดคนออกไปประมาณ 99%”
&฿/&-@&&;@:@!!!!
ทันทีที่เซียวไห่ลี่พูดจบเหล่าฝูงชนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างอื้ออึง เพราะท้ายที่สุดการที่การประเมินในรอบแรกคัดคนออกไปประมาณ 99% แบบนี้ มันย่อมทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจ
ขณะเดียวกันเซียวไห่ลี่ก็รู้สึกสนุกกับความตื่นตระหนกของเหล่าบรรดาผู้สมัครอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะได้ส่งเสียงประกาศออกไปอีกครั้งหนึ่งว่า
“บนเนินเขาทางทิศตะวันออกมีแผ่นป้ายของสมาพันธ์อยู่ทั้งสิ้น 1,000 ชิ้น หากใครได้ถือครองแผ่นป้ายเหล่านี้ในวันที่ 7 พวกคุณก็จะได้เข้าแข่งขันรอบที่ 2 ในอีก 10 วันต่อมา โดยสนามรบของการแข่งขันในรอบแรกคือพื้นที่บริเวณ 3 ล้านตารางกิโลเมตรรอบ ๆ ตัวของทุกคน!”
“นาฬิกาพิเศษบนข้อมือของพวกคุณได้ระบุขอบเขตของการแข่งขันในรอบแรกเอาไว้หมดแล้ว ถ้าหากว่าใครเคลื่อนที่ออกนอกพื้นที่ที่กำหนดไว้พวกคุณจะถูกตัดสิทธิ์ในทันที!”
“ทุกคนสามารถใช้วิธีการใดก็ในการได้รับแผ่นป้ายของการแข่งขันในรอบนี้มา แต่ทุกคนจงจำเอาไว้ว่ามันมีเฉพาะผู้ที่ถือแผ่นป้ายในวันที่ 7 เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการประเมินในรอบที่ 2!”
“เอาล่ะในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการการประเมินในครั้งนี้ ฉันขอประกาศเริ่มการประเมินอย่างเป็นทางการ!!”
ทันทีที่เซียวไห่ลี่กล่าวจบพื้นดินก็เริ่มมีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมกับยานอวกาศขนาดใหญ่ทั้งสี่ที่เริ่มลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ลมพายุที่เกิดจากการเอาเครื่องขึ้นทำให้ผู้สมัครทั้งหมดที่อยู่บนพื้นดินไม่สามารถที่จะยืนอยู่นิ่ง ๆ ได้ พวกเขาทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องใช้แขนมาปิดตาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฝุ่นทรายมาทำร้ายร่างกายของพวกเขา
เมื่อสถานการณ์เริ่มสงบลงผู้สมัครหลายหมื่นคนก็ตระหนักได้ว่าการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรีบมุ่งหน้าตรงไปยังทิศตะวันออกด้วยความรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มผู้สมัครที่แข็งแกร่งก็เริ่มจู่โจมเข้าใส่กลุ่มผู้สมัครที่อ่อนแอ เพราะท้ายที่สุดผู้สมัครทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรู ดังนั้นการสังหารผู้สมัครคนอื่นเพิ่มขึ้นหนึ่งคนก็ถือว่าเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้ารอบของพวกเขา
การสังหารเริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วทำให้ในไม่กี่นาทีต่อมาพื้นที่บริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยซากศพอย่างมากมาย!!
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยกับเซียวรั่วหยูก็ไม่ได้อยู่ท่ามกลางทุ่งสังหารแห่งนี้แล้ว เพราะทันทีที่เซียวไห่ลี่พูดถึงกติกา เซี่ยเฟยก็สามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงได้ใช้ความโกลาหลในช่วงที่ยานอวกาศลอยขึ้นเหนือพื้นดินเคลื่อนที่ออกไปจากพื้นที่บริเวณนี้ก่อนที่ผู้สมัครคนอื่นจะรู้ตัว
การประมวลผลและการตัดสินใจเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็วของเซี่ยเฟยสามารถดึงดูดความชื่นชมของคณะกรรมการได้เป็นจำนวนมาก เพราะท้ายที่สุดผู้ที่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ก็มีอยู่ไม่มากนักและถึงแม้ว่ามันจะมีคนวิเคราะห์สถานการณ์ได้อยู่บ้างแต่มันก็มีคนที่เคลื่อนไหวทันทีอยู่เพียงแค่ไม่กี่คน
ด้วยการประมวลผลอันรวดเร็วของเซี่ยเฟยนี่เองมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทันทีที่การสังหารได้เริ่มต้นขึ้น ชายหนุ่มกับเด็กสาวก็อยู่ห่างจากทุ่งสังหารไปหลายสิบกิโลเมตรแล้ว
ปัจจุบันเซี่ยเฟยได้แบกเซียวรั่วหยูที่ถูกพันด้วยเสื้อคลุมหนาเอาไว้บนหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กสาวได้รับบาดเจ็บจากลมกรรโชกที่พัดผ่านเข้ามา โดยเขาได้รักษาความเร็วเอาไว้ที่ 100 เมตรต่อวินาทีซึ่งมันเป็นความเร็วที่เขาสามารถวิ่งติดต่อกันได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง
“พี่เฟยแผ่นป้ายสำหรับการผ่านเข้ารอบอยู่ทางทิศตะวันออกไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมพวกเราถึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกล่ะ” เซียวรั่วหยูผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้เสื้อคลุมกล่าวถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ทิศตะวันออก? มันมีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละที่จะมุ่งหน้าเข้าไปในสนามรบแบบนั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเหลือบสายตามองไปยังเนินเขาทางทิศตะวันออกด้วยรอยยิ้ม
***************
แผ่นป้ายผ่านด่านอยู่ทางตะวันออกแต่พี่แกมุ่งหน้าไปทางตะวันตก? พี่แกคิดว่าแผ่นป้ายผ่านด่านมันจะลอยมาหาพี่แกหรือยังไง!!