ตอนที่ 41: หนูอยากอยู่กับพี่!
ตอนที่ 41: หนูอยากอยู่กับพี่!
พื้นที่ระหว่างห้องโถงต้อนรับกับสถานที่ประเมินมียานอวกาศเดินทางพลุกพล่านอยู่อย่างมากมาย ซึ่งในปัจจุบันเซี่ยเฟยกับเซียวรั่วหยูกำลังเดินไปขึ้นเครื่องด้วยกันขณะที่ครอบครัวของเด็กสาวกำลังโบกมืออำลาอยู่ด้านหลัง
เมื่อพิจารณาจากท่าทางของเด็กสาวแล้วมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังรู้สึกตื่นเต้นมากและเนื่องมาจากว่าเธอไม่มีแหวนมิติเธอจึงจำเป็นที่จะต้องแบกกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่และใครก็ตามที่อยู่ด้านหลังก็คงจะเห็นกระเป๋าที่แกว่งไปแกว่งมาอย่างไม่มั่นคง
“เอามานี่มา เดี๋ยวฉันช่วยถือให้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าสะพายขนาดใหญ่เอามาไว้ในมือ
กระเป๋าสะพายใบนี้มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมแต่มันก็เป็นน้ำหนักที่ไม่มีผลต่อเซี่ยเฟยเลย เพราะการเลื่อนระดับความสามารถไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความเร็วให้กับเขาเท่านั้น แต่มันยังช่วยทำให้เขามีความแข็งแกร่งเหนือกว่าคนธรรมดาโดยทั่วไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเซียวรั่วหยูก็เพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้นและการที่เด็กสาวอายุ 12 ปีสามารถแบกกระเป๋าเป้ขนาดใหญ่ได้ขนาดนี้ก็ไม่ต่างไปจากเรื่องที่เป็นปาฏิหาริย์ ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็กำลังเดินทางไปเข้าร่วมการประเมินที่มีความเสี่ยงถึงชีวิต ทั้ง ๆ ที่เด็กสาวในวัยนี้สมควรที่จะอยู่บ้านเล่นเกมหรือไม่ก็ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูงในวัยเดียวกัน
“ขอบคุณค่ะ!” เซียวรั่วหยูกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มหวานพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
เมื่อได้รับคำขอบคุณเซี่ยเฟยก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเก็บกระเป๋าสัมภาระเอาไว้ในแหวนมิติของเขา
“เอ๊ะ?” เซียวรั่วหยูอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจขณะที่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ต่อมาเธอก็เดินไปตบ ๆ ร่างกายของเซี่ยเฟยราวกับว่าเธอเป็นเด็กขี้สงสัยที่อยากรู้ว่าเซี่ยเฟยเอากระเป๋าของเธอไปซ่อนเอาไว้ที่ไหนกันแน่
“พี่ชายเล่นมายากลหรอ?” เซียวรั่วหยูกล่าวถามพร้อมกับเอียงศีรษะไปด้านข้างด้วยความสงสัย
“พวกเราไปกันเถอะ เธอหากระเป๋าไม่เจอหรอกเพราะฉันส่งมันไปไว้อีกโลกหนึ่งแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับจับมือของเซียวรั่วหยูอย่างเบามือ
“จริงหรอ!? พี่ชายส่งมันไปที่ไหน? ที่นั่นมีลิงไหม? แล้วมีแพนด้ายักษ์หรือเปล่า?” เซียวรั่วหยูอุทานพร้อมกับเริ่มถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไม่หยุดพัก
หลังจากเดินไปสักพักเซี่ยเฟยและเซียวรั่วหยูก็ยื่นนาฬิกาไปให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบว่าพวกเขาคือผู้สมัครเข้าร่วมการประเมินก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเดินขึ้นไปบนยาน
เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นกับยานอวกาศลำนี้มากซึ่งเธอก็มองไปยังทุกทิศทางตลอดเวลาราวกับว่าเธอได้พบของเล่นใหม่
ยานอวกาศลำนี้เป็นยานอวกาศโดยสารประมาณ 700-800 ที่นั่ง แต่ในปัจจุบันก็มีผู้โดยสารอยู่เพียงแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น
เมื่อยานอวกาศเริ่มบินออกไปเซียวรั่วหยูก็รีบวิ่งมาตรงหน้าต่างและโบกมือลาครอบครัวของเธอ
ไม่นานหลังจากนั้นพื้นที่ของแผนกต้อนรับก็กลายเป็นเพียงแค่จุดสีขาวเล็ก ๆ บนพื้น เซียวรั่วหยูจึงกลับมานั่งยังที่นั่งของตัวเองพร้อมกับโยนของขวัญที่เธอพึ่งได้รับมาลงบนพื้นราวกับว่าเธอไม่ได้สนใจพวกมันเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันดวงตาของเด็กสาวก็จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับเผยอารมณ์แห่งความเหงาที่ไม่ควรจะปรากฏขึ้นในเด็กวัยเดียวกันกับเธอ
“ของขวัญที่ครอบครัวเธอเอามาให้ค่อนข้างจะเป็นของขวัญที่พิเศษมากเลยนะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เด็กคนอื่นคงจะได้ของขวัญเป็นตุ๊กตาหรือไม่ก็วิดีโอเกม ของพวกนี้เป็นของขวัญที่หนูได้รับมาตั้งแต่เด็ก แต่หนูไม่เคยชอบของขวัญพวกนี้เลย คุณพ่อกับคุณย่าคงจะต้องอกแตกตายแน่ ๆ ถ้าหนูบอกว่าหนูไม่ชอบของขวัญพวกนี้และพวกเขาก็คงจะรู้สึกผิดหวังกับทายาทคนเดียวของตระกูล” เซียวรั่วหยูกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ดูน่าสงสารขณะที่เธอได้จ้องมองไปยังเซี่ยเฟย
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็พอจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวคนนี้ได้บ้างแล้ว ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าการที่เซียวรั่วหยูได้มาเข้าร่วมการประเมินไม่ใช่ความปรารถนาของเธอ แต่มันเป็นความปรารถนาของตระกูล
“เธอเคยคิดบ้างไหมว่าความสุขของเธออาจจะมีความสำคัญมากกว่าความปรารถนาของตระกูล? เธอควรจะอยู่เพื่อตัวเธอเองไม่ใช่อยู่เพื่อใครคนอื่น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วลากผ่านผมสั้น ๆ ของเด็กสาว
“แบบนั้นมันไม่ถูก! คุณพ่อสอนมาว่าการเป็นมนุษย์หมายถึงการกตัญญูต่อตระกูลและนั่นก็เป็นเหตุผลที่หนูไม่สามารถทำให้ตระกูลของหนูผิดหวังได้” เซียวรั่วหยูกล่าวพร้อมกับโบกมือไปมาอย่างแรง
มันมีคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่เต็มใจจะแบกรับความคาดหวังของคนอื่นเอาไว้ แต่มันก็มีผู้คนอีกมากมายที่เต็มใจจะแทงข้างหลังคนในครอบครัวเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องราวพวกนี้ให้เซียวรั่วหยูฟังยังไง ว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์มีความซับซ้อนเกินกว่าที่เธอถูกสอนเอาไว้มาก ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้ในขณะนี้จึงมีเพียงแค่การยักไหล่อย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
—--
เมื่อเวลาผ่านไปยานอวกาศก็ลงจอดตรงบริเวณที่ไหนสักแห่งซึ่งมันก็มียานอวกาศขนาดมหึมาจำนวน 4 ลำจอดอยู่ตรงบริเวณเนินเขาแถวนี้แล้ว
ยานอวกาศทั้งสี่ลำนี้ดูคล้ายกับจะเป็นยานรบ โดยตัวยานมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดใหญ่ที่มีเครื่องยนต์ไอพ่นติดตั้งอยู่ด้านหลัง ขณะเดียวกันตัวยานก็มีโครงสร้างเป็นสีดำทองที่ถูกประดับตกแต่งเอาไว้ด้วยรอยขีดข่วนอย่างมากมาย ซึ่งรอยขีดข่วนเหล่านี้น่าจะเป็นรอยแผลที่พวกมันได้ชนเข้ากับเศษหินในอวกาศ
ตัวยานอวกาศทั้งสี่มีขนาดความสูงขึ้นไปหลายร้อยเมตรและมีความยาวออกไปด้านหลังเกินกว่า 1 กิโลเมตร มันจึงทำให้ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้ายานอวกาศดูไม่ต่างไปจากมดตัวเล็ก ๆ
“พี่ชายดูนั่นสิ ยานอวกาศพวกนี้โคตรเท่เลย!” เซียวรั่วหยูกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“อืม… สักวันนึงฉันจะต้องเป็นเจ้าของยานอวกาศพวกนี้ให้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างอาจหาญ
“ถ้าพี่ชายมียานอวกาศแล้วช่วยพาหนูไปด้วยนะ” เด็กสาวกล่าว
“ได้สิ”
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอขับมันด้วยได้ไหม”
“ไม่ได้”
เซียวรั่วหยูอ้าปากค้างพร้อมกับทำหน้างอเมื่อเธอได้รับการปฏิเสธจากเซี่ยเฟยกลับมาในทันที
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้กดปุ่มนำทางบนนาฬิกา เขาก็นำเซียวรั่วหยูมุ่งหน้าตรงไปยังยานอวกาศลำหนึ่ง
ห้องโถงทางเดินภายในยานอวกาศค่อนข้างที่จะคับแคบและดูเหมือนกับว่ามันจะสามารถรองรับผู้คนให้เดินผ่านไปผ่านมาได้เพียงแค่ 3 คนเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่ทั้งสองได้เดินผ่านทางเลี้ยวหลายสิบครั้งพร้อมกับเดินขึ้นลิฟต์ไปสามครั้งในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็เดินทางมาจนถึงห้องโดยสารที่อยู่ในชั้นที่ 2
หากไม่ใช่เพราะระบบนำทางแล้วล่ะก็เส้นทางอันซับซ้อนเหล่านี้ก็คงจะทำให้ผู้คนสามารถหลงทางอยู่ในยานอวกาศได้เป็นวัน ๆ
เนื่องมาจากเซี่ยเฟยและเซียวรั่วหยูได้ลงทะเบียนในเวลาใกล้ ๆ กันมันจึงทำให้ห้องพักของพวกเขาทั้งสองค่อนข้างที่จะอยู่ใกล้กันมาก
เมื่อเซี่ยเฟยพาเซียวรั่วหยูเปิดประตูห้องพักมันก็ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเตียงในห้องพักมีเพียงสองเตียงแต่เตียงหนึ่งถูกครอบครองโดยชายหนุ่มผู้มีรูปร่างอันกำยำและมีกลิ่นเท้าที่เหม็นจนทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาเพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องส้วม
ดูเหมือนว่ากลิ่นเท้าจะไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของมนุษย์บนโลกเพียงเท่านั้น เพราะแม้แต่มนุษย์ต่างดาวก็มีปัญหาเรื่องกลิ่นเท้าไม่แตกต่างกัน
แม้ว่ามันจะมีใครเปิดประตูห้องเข้ามาแต่ชายคนนั้นก็ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมอง เขายังคงนอนส่งเสียงกรนของเขาต่อไป
“หนูไม่อยู่ห้องนี้แน่ ๆ! ผู้ชายคนนั้นตัวเหม็นมาก” เซียวรั่วหยูเอานิ้วบีบจมูกขณะที่รีบออกมาจากห้องพักอย่างว่องไว
เซี่ยเฟยก็รู้สึกไม่สบายใจที่จะให้เซียวรั่วหยูเข้าพักกับชายคนนั้นด้วยเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะมีอายุเพียงแค่ 12 ปีแต่เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงอยู่ดี
“เจ้าหน้าที่ที่ดูแลจัดการห้องพักจะทำงานชุ่ยเกินไปแล้ว พวกเขาปล่อยให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เข้าพักกับผู้ใหญ่แบบนั้นได้ยังไง”
ในระหว่างนั้นมันก็มีพนักงานจากสมาพันธ์จัสทิสบังเอิญเดินมาใกล้ ๆ พอดี ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงรีบเดินเข้าไปเพื่อขอคำอธิบาย
เมื่อพนักงานคนนั้นได้เปิดประตูเข้าไปในห้องของเซียวรั่วหยู เขาก็รีบปิดประตูลงอย่างฉับพลันซึ่งมันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาก็คงจะถูกโจมตีจากกลิ่นเท้าของชายที่อยู่ในห้องเช่นกัน
“ฉันรับเรื่องเอาไว้ให้แล้ว หลังจากนี้ฉันจะรีบประสานงานจัดห้องพักใหม่ให้ผู้สมัครโดยเร็วที่สุด” พนักงานกล่าว
“ให้เซียวรั่วหยูพักกับผู้หญิงด้วยกันได้ไหม เธอคงจะไม่สบายใจถ้าหากจะต้องไปพักกับพวกผู้ชาย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่เอา! หนูอยากอยู่กับพี่เฟย” เซียวรั่วหยูกล่าวขัดขึ้นมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับคว้าแขนของเซี่ยเฟยเอาไว้และส่ายหัวไปมา
***************
คุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ