ตอนที่ 4: ระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐาน
ตอนที่ 4: ระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐาน
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังนั่งอยู่ภายในห้องชั้นบนสุดของสำนักงานจัดการพลเมืองและกำลังนั่งดื่มกาแฟด้วยท่าทางสบาย ๆ
ห้องแห่งนี้คือห้องทำงานของโพดอสกี้และเซี่ยเฟยก็กำลังรอใบรับรองของเขาอยู่
เมื่อเซี่ยเฟยได้คิดว่าเขาจะได้รับเงินรางวัลจากการได้กลายเป็นพลเมืองระดับคลาส A จำนวน 100,000 แอลไลคอยน์มันก็ทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
“คุณเซี่ยเฟยขอโทษด้วยครับที่ต้องให้รอ” โพดอสกี้กล่าวพร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาภายในห้อง
“นี่คือบัตรประจำตัวพลเมืองระดับคลาส A ของคุณที่แสดงว่าคุณมีพลังพิเศษอยู่ในระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานแล้ว โดยบัตรนี้จะเป็นใบรับรองว่าคุณคือพลเมืองของพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวอย่างเป็นทางการและทำให้คุณสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในจักรวาลของพวกเราได้” โพดอสกี้กล่าวพร้อมกับวางบัตรประจำตัวใบสีเขียวไว้บนโต๊ะ
พลเมืองระดับคลาส A มีความแตกต่างจากพลเมืองระดับคลาส A ระดับสตาร์ไลท์เป็นอย่างมาก เนื่องจากถึงแม้ว่าพลเมืองระดับคลาส A จะมีเงินมากเพียงใดแต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเดินทางไปยังดาวดวงอื่นได้ เพราะท้ายที่สุดข้อกำหนดขั้นต่ำในการเดินทางระหว่างดวงดาวคือมนุษย์ภายในโลกจะต้องเป็นพลเมืองระดับคลาส A ที่มีระดับพลังพิเศษอยู่ในระดับสตาร์ไลท์ขึ้นไปเสียก่อน
ท้ายที่สุดการเดินทางในจักรวาลก็มีความอันตรายเป็นอย่างมากและหากใครยังไม่สามารถที่จะใช้พลังพิเศษของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การอยู่บนโลกมนุษย์มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยกว่า
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบบัตรประจำตัวของเขาขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดและเขาก็ได้เห็นตัวอักษรตัว 'A' สีทองขนาดใหญ่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของสถานะทางสังคมที่เขาเพิ่งได้รับมา
“คุณโพดอสกี้ถ้าผมจำไม่ผิดมันมีของรางวัลพิเศษสำหรับผู้ที่สามารถกลายเป็นพลเมืองระดับคลาส A ด้วยหรือเปล่า” เซี่ยเฟยกล่าวสอบถามออกไป
สำหรับตัวของเขาแล้วเงินรางวัลจำนวน 100,000 แอลไลคอยน์เป็นเงินจำนวนมากมายมหาศาล เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยมีเงินอยู่ในระดับ 6 หลักมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แค่ก ๆ ๆ!
“พวกเราต้องขอโทษคุณด้วยเพราะของรางวัลพิเศษมีให้สำหรับผู้ที่มาลงทะเบียน 10,000 คนแรกเท่านั้น แต่คุณคือผู้ที่มาลงทะเบียนเป็นคนที่ 10,001 ดังนั้น…” โพดอสกี้กล่าวพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างของเขาออกราวกับว่าเขาก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเซี่ยเฟยในเรื่องนี้ได้
“อะไรกันวะเนี่ย!” เซี่ยเฟยแทบที่จะหมดสติไปด้วยความโกรธเพราะเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะโชคร้ายเป็นคนที่มาลงทะเบียนเป็นคนที่ 10,001 และพลาดเงินรางวัลไปจริง ๆ
“เอ่อ.. แต่พวกเรามีของรางวัลสำหรับผู้ที่มีความสามารถระดับสตาร์ไลท์นะ” โพดอสกี้กล่าวเมื่อได้เห็นท่าทางอันผิดหวังของเซี่ยเฟย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็เผยให้เห็นแววตาระยิบระยับพร้อมกับหูที่ตั้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“พลเมืองที่สามารถพัฒนาไปจนถึงระดับสตาร์ไลท์ 10,000 คนแรกจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 200,000 แอลไลคอยน์จากรัฐบาลกลาง ไม่ทราบว่าหมายเลขบัญชีของคุณคืออะไรเดี๋ยวทางเราจะให้คนโอนเงินให้คุณในทันที”
200,000 แอลไลคอยน์!
“นี่ครับบัตรธนาคารผม” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ได้หยิบบัตรธนาคารที่เขาได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้ามอบให้กับโพดอสกี้ ก่อนที่ยอดเงินในบัญชีของเขาจะได้เปลี่ยนจาก 0 กลายเป็น 200,000 แอลไลคอยน์อย่างฉับพลัน
เมื่อเซี่ยเฟยได้จัดการธุระเรื่องราวต่าง ๆ ภายในสำนักงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โพดอสกี้ก็เดินออกมาส่งชายหนุ่มเป็นการส่วนตัวก่อนที่เขาจะได้กล่าวออกไปว่า
“ถ้าหากว่าคุณยังคงขยันทำการฝึกฝนและเลื่อนระดับกลายเป็นขั้นกลางได้สำเร็จ มันจะมีของรางวัลอื่น ๆ ให้คุณอีกนะ”
ในขณะเดียวกันตัวแทนจากบริษัทระดับโลกต่าง ๆ ก็ยังคงรอคอยเซี่ยเฟยอย่างใจจดใจจ่อ หวังปินจึงได้จัดห้องให้กับเซี่ยเฟยโดยเฉพาะเพื่อที่เขาจะได้ทำการพูดคุยกับตัวแทนจากบริษัทเหล่านี้โดยไม่มีการรบกวนใด ๆ
หลังจากที่ตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ ได้ยินว่าระดับความสามารถของเซี่ยเฟยได้มาถึงระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานแล้ว ตัวแทนจากบริษัทเหล่านี้ก็รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและพวกเขาก็ทำการเสนอข้อสัญญาที่ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อได้นำเลขศูนย์ในสัญญามารวมกันมันก็มีจำนวนมากจนทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเวียนหัวเลยทีเดียว
“ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพวกคุณทุกคนถึงยินดียื่นข้อเสนอให้กับผมมากขนาดนี้ ความสามารถของผมเป็นเพียงแค่ความเร็วและผมก็ไม่คิดว่าผมจะสามารถช่วยเหลืออะไรพวกคุณได้ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ตอนนี้เป็นโลกยุคใหม่แล้ว เทคโนโลยีจากนอกโลกได้สร้างความหวาดกลัวให้กับทุกองค์กรบนโลกเป็นอย่างมากและมันก็มีเพียงแต่เฉพาะพลเมืองที่มีความสามารถถึงระดับสตาร์ไลท์ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เดินทางไปยังดาวดวงอื่นได้” หวังปินที่เฝ้ามองอยู่จากด้านข้างกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“อ๋อ! ผมเข้าใจแล้ว ที่คนพวกนี้ต้องการให้ผมเข้าร่วมกับบริษัทของพวกเขามันก็ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาได้เห็นคุณค่าของความสามารถของผม แต่พวกเขาหวังที่จะใช้ผมเป็นตัวแทนไปทำการเจรจาธุรกิจกับมนุษย์ต่างดาวซินะ” หลังจากที่เซี่ยเฟยได้คิดตามคำพูดของหวังปินอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ จะไม่ได้ยอมรับออกมาตรง ๆ แต่สายตาของพวกเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อสันนิษฐานของเซี่ยเฟย
“ผมไม่รังเกียจที่จะเป็นตัวแทนให้กับบริษัทของพวกคุณหรอกนะ แต่ผมยังไม่คิดที่จะตัดสินใจในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นผมขอพักผ่อนซัก 2-3 วันแล้วค่อยพิจารณาข้อเสนอของพวกคุณใหม่ นี่คือที่อยู่ของผมพวกคุณสามารถส่งสัญญาไปที่นี่ก่อนได้เลย เมื่อผมจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว ผมจะทำการติดต่อกลับไป”
หลังกล่าวจบเซี่ยเฟยก็ได้เขียนที่อยู่ของเขาลงในกระดาษแผ่นหนึ่ง ซึ่งตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ ก็พยายามที่จะจดที่อยู่ของเซี่ยเฟยลงในสมุดบันทึกของพวกเขาด้วยความรวดเร็ว
“เชิญตามผมมาทางนี้ได้เลย เดี๋ยวผมจะพาคุณออกไปด้านนอกเอง” หวังปินกล่าว
เมื่อประตูลิฟต์ได้ปิดลงหวังปินก็ยกนิ้วโป้งให้กับเซี่ยเฟย จากนั้นเขาก็ได้กล่าวออกมาว่า
“คุณจัดการเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ หากคุณให้พวกเขารอไปอีก 2-3 วัน คุณย่อมได้รับข้อเสนอที่ดีกว่านี้แน่นอนและมันก็จะมีบริษัทที่เข้ามาร่วมการแย่งชิงตัวของคุณมากยิ่งขึ้น”
—--
โรงแรมเพนินซูล่าปักกิ่งเป็นโรงแรมอันมีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่ภายในย่านธุรกิจของเมือง ซึ่งนอกเหนือจากที่มันจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวเพียงแค่ไม่กี่แห่งภายในเมืองแล้วโรงแรมแห่งนี้ยังเคยให้บริการประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันของอเมริกาอีกด้วย
เซี่ยเฟยได้เลือกที่จะย้ายออกมาจากห้องมาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้เป็นเวลาสักพักหนึ่ง ซึ่งในตอนแรกเขาได้ทำการจองห้องสแตนดาร์ดที่มีราคา 450 แอลไลคอยน์ต่อคืนไว้ แต่ในระหว่างที่เขาได้ทำการเช็กอินบัตรประจำตัวของเขาก็ได้ไปเตะตาพนักงานของโรงแรมเข้าพอดี ผู้จัดการของโรงแรมจึงทำการอัพเกรดห้องของเขาให้กลายเป็นห้องบิสสิเนสที่มีราคา 2,800 แอลไลคอยน์ต่อคืนทันที ซึ่งเขาต้องจ่ายเงินเพียงแค่ 450 แอลไลคอยน์ต่อคืนเท่านั้น
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมยอมรับข้อเสนอที่ดีเช่นนี้โดยไม่ลังเลและหลังจากที่เขาได้นอนแช่น้ำอุ่นภายในอ่างอาบน้ำ เขาก็โน้มตัวลงบนเตียงพร้อมกับเตรียมนอนหลับให้สบาย
“อ๊า~ นี่สินะที่เขาเรียกว่าการใช้ชีวิต” เซี่ยเฟยยืดเหยียดร่างกายด้วยท่าทางที่สบายตัวพร้อมกับทำการโน้มตัวไปปิดโคมไฟที่อยู่ข้างเตียง
“เอ๊ะ?”
ทันทีที่ปิดไฟเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าวิสัยทัศน์บริเวณรอบ ๆ ตัวของเขาได้เปลี่ยนไปราวกับว่าเขาได้ไปปรากฏตัวบนถนนอันมืดครึ้ม
“นี่มันที่ไหน? ฉันโดนผีหลอกอย่างนั้นหรอ”
เขาจำได้ว่าเขาอยู่ภายในห้องพักของโรงแรม 5 ดาว แต่จู่ ๆ เขากลับได้มาปรากฏตัวในถิ่นทุรกันดาร
“ใช่แล้ว ฉันคือผี!” จู่ ๆ มันก็ได้มีเสียงอันก้องกังวานดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง
เมื่อได้ยินเสียงอันลึกลับเซี่ยเฟยก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้นเขาก็ได้หันไปทางต้นเสียงในทันทีและเขาก็ได้พบเพียงแต่เงาเรียวยาวที่กำลังใกล้เข้ามา
“คุณไม่รู้หรือยังไงว่าผีมันไม่มีเงา” เซี่ยเฟยกล่าว
“จริงหรอ... แต่ว่าฉันเป็นผีที่มีเงานะ” ทันทีที่เสียงนั้นได้กล่าวจบลง เจ้าของเสียงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของเซี่ยเฟย
‘เขาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง!’
ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะรู้สึกสงสัยแต่เขาก็ยังพยายามไม่แสดงท่าทีอะไรออกไป
ในตอนนี้เซี่ยเฟยกำลังมองคนตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง โดยเขามีส่วนสูงอยู่ที่ประมาณ 170 เซนติเมตรและน่าจะมีน้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม โดยภายใต้เสื้อแจ็กเก็ตสีดำที่เขาได้สวมอยู่ก็มีขาเรียวยาวที่ดูคล้ายกับตะเกียบอยู่คู่หนึ่ง
คน ๆ นี้มีปากขนาดใหญ่และมีดวงตาสีน้ำตาลที่ส่องประกายออกมาแปลก ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้สวมหน้ากากสีดำที่ปิดบังใบหน้าของเขาเอาไว้
“คุณเป็นใคร? แล้วที่นี่ที่ไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันคือเงาอันธการและที่นี่คือมิติในความคิดของฉัน” ชายชุดดำกล่าวตอบกลับไป
“เงาอันธการ? คุณคือสุดยอดนักฆ่าเงาอันธการคนนั้นอย่างนั้นหรอ?!”
“ใช่แล้ว”
“นี่คุณคือเงาอันธการที่ผมโดนกล่าวหาและต้องถูกจับขังอยู่ภายในคุกของดาวบลูซีเป็นเวลาครึ่งเดือนน่ะนะ”
“เอ่อ..ใช่”
“นี่คุณคือนักฆ่าที่โชคร้ายที่สุดในจักรวาล! เงาอันธการคนนั้นจริง ๆ อย่างนั้นหรอ”
“เอ่อ…”
ชายชุดดำพูดตะกุกตะกักเป็นเวลานานแล้วเขาก็ไม่สามารถตอบคำถามของเซี่ยเฟยได้
เซี่ยเฟยคุ้นเคยกับข้อมูลของเงาอันธการเป็นอย่างดีโดยเขาได้รับข้อมูลมาว่าเงาอันธการคนนี้เป็นนักฆ่าที่ได้ทำการสังหารเป้าหมายไปเพียงแค่เป้าหมายเดียวตลอดชีวิตนักฆ่าของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเป้าหมายที่เขาทำการสังหารยังเป็นการสังหารผิดตัว แต่การลงมือของเขาในครั้งนั้นก็ทำให้เขาได้กลายเป็นอาชญากรที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในจักรวาล
“ผมไม่เชื่อ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชุดดำก็โบกมือไปในอากาศทันทีซึ่งมันก็ทำให้ทัศนียภาพโดยรอบได้เปลี่ยนแปลงไปในทันใด
ปัจจุบันเซี่ยเฟยได้พบว่าตัวของเขายืนอยู่บนยอดเขาที่ถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยหุบเขาลึกแล้วเขาก็สามารถที่จะได้ยินแม้กระทั่งเสียงสายลมหนาวที่กำลังพัดผ่านร่างกายของเขาไป
“ตอนนี้ล่ะเชื่อหรือยัง?” ชายชุดดำกล่าวถามอีกครั้ง
เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึง ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างกระทันหันมากจนเกินไปจนทำให้เขาไม่ได้มีเวลาในการไตร่ตรองสถานการณ์ที่เขากำลังพบเจอเลย
“เชี่ย! คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”
“เชี่ย?” ชายชุดดำกล่าวออกมาเหมือนกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เซี่ยเฟยพูด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็ทำการครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะได้กล่าวออกไปว่า
“‘เชี่ย’ มันเป็นคำอุทานที่ค่อนข้างจะมีความหมายที่ดีน่ะ แบบประมาณว่าสุดยอดเลย”
“อ๋อแบบนี้นี่เอง... ที่นี่คือพื้นที่มิติภายในความคิดของฉันและฉันก็สามารถที่จะควบคุมทุกอย่างในนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ฉันสามารถทำให้นายมองเห็นสิ่งที่น่าสมเพชกว่านี้ได้อีกนะ”
เมื่อเงาอันธการได้พูดจบ เซี่ยเฟยก็ได้พบว่าตนเองได้ยืนอยู่บนทะเลทรายที่มีแมลงเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังมุ่งหน้าตรงมาที่เขาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง
“โอเค! ผมเข้าใจแล้วว่าคุณคือเงาอันธการ พวกเรากลับไปอยู่ในที่ปกติกันเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปโดยพยายามเก็บความกลัวของเขาเอาไว้
หลังจากนั้นมันก็ได้มีแสงวูบวาบขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่เซี่ยเฟยจะได้พบว่าตนเองได้ปรากฏตัวอยู่บนชายหาดที่มีทรายละเอียดนุ่มอยู่ใต้ฝ่าเท้าและเขาก็สามารถมองเห็นคลื่นที่กำลังซัดสาดเข้าฝั่งอยู่ในระยะไกล
“พวกแมลงในก่อนหน้านี้คืออะไร” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“พวกนั้นคือศัตรูของพันธมิตรมนุษย์ ชื่อว่าพวกเซิร์ก”
“แล้วคุณพาผมมาที่นี่ทำไม”
“ประการแรกคือที่นี่เป็นเพียงแค่มิติจินตภาพที่มันไม่มีอยู่จริงและประการที่สองคือฉันเป็นคนช่วยชีวิตนายเอาไว้” ชายชุดดำกล่าวอย่างจริงจัง
“คุณช่วยชีวิตผมเอาไว้?”
“ใช่... นายจำได้ไหมว่านายหมดสติไปหลังจากที่ได้ดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเมื่อคืนนี้”
“มันน่าจะเป็นแบบนั้นนะ… แต่มันเกี่ยวอะไรกับคุณ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลูบหัวของเขาด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“น้ำยาปรับสภาพยีนที่นายได้ดื่มเข้าไปเป็นน้ำยาที่มีฤทธิ์รุนแรงมากจนทำให้ร่างกายของนายไม่สามารถที่จะทนรับผลของน้ำยาได้และมันก็ทำให้นายเกือบตายไปแล้ว แต่โชคดีที่นายได้ตกลงไปในน้ำทำให้ประสาทสัมผัสทั้งหมดของนายถูกปิดกั้น ซึ่งในขณะนั้นฉันก็เป็นคนช่วยให้นายไม่ต้องพบกับความตาย” ชายชุดดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้ามันเป็นแบบที่คุณพูดจริง ๆ แล้วทำไมคุณถึงต้องมาช่วยผมด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวถามออกไปอย่างไม่มั่นใจ
“ถ้าฉันบอกว่าฉันทำลงไปโดยสัญชาตญาณ นายจะเชื่อฉันไหมล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็ส่ายหัวก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า
“ผมไม่เชื่อ..คุณบอกเองว่าคุณคือเงาอันธการซึ่งเป็นนักฆ่าที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในจักรวาลและสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับการเป็นนักฆ่าคือการฝึกฝนสภาพจิตใจ แล้วสุดยอดนักฆ่าแบบคุณจะปล่อยตัวทำตามสัญชาตญาณได้ยังไง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชุดดำก็ได้โน้มตัวนอนลงไปบนชายหาดก่อนที่เขาจะได้กล่าวตอบออกมาว่า
“มันก็จริงว่าฉันเป็นนักฆ่า แต่ฉันก็ไม่ใช่นักฆ่าที่สมบูรณ์แบบมากนักหรอก ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะไม่ได้สังหารเป้าหมายผิดตัวและได้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้”
ในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เงาอันธการก็ได้เอื้อมมือไปหยิบทรายขึ้นมา 1 กำมือ
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นพื้นที่มิติจินตภาพในความคิดของเงาอันธการแต่ทรายภายในมือของเขาก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนจริงมากและเขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความชื้นที่อยู่ภายในทรายพวกนี้อีกด้วย
“คุณสังหารใครลงไปกันแน่? ทำไมมันถึงทำให้คุณได้กลายเป็นคนที่ถูกต้องการตัวไปทั่วทั้งจักรวาลแบบนี้”
เซี่ยเฟยค่อย ๆ เชื่อว่าชายคนนี้คือเงาอันธการจริง ๆ เพราะในสถานการณ์ปกติมันก็คงจะไม่มีใครต้องการจะเป็นอาชญากรที่ถูกตามล่า
“มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าหากว่านายไม่รู้เรื่องนี้” เงาอันธการกล่าวพร้อมกับหยิบหินก้อนเล็ก ๆ แล้วโยนลงไปในทะเล
“โอ้ ทะเล ทะเล ทะเล นั่นก็ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ แต่ทำไมมันถึงเงียบสงัดเช่นนี้…”
“หยุด หยุด! หยุด!!”
“คุณพยายามจะทำอะไรกันเนี่ย!?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างมาปิดหูของเขาเอาไว้
“ทำไมถึงต้องทำเหมือนกับมันเลวร้ายขนาดนั้นด้วย นี่มันคือบทกวีที่ฉันแต่งขึ้นมาอย่างพิถีพิถันเชียวนะ” เงาอันธการกล่าวพร้อมกับกระพริบตาปริบ ๆ
“มันไม่ได้แค่เลวร้ายนะแต่มันช่างเป็นบทกวีที่หลอนหูจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเลเพราะการฟังบทกวีเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการทรมานจิตใจของเขาอย่างแท้จริง
“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นนักฆ่าแต่ฉันก็เป็นนักแต่งบทกวีด้วย!” เงาอันธการกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงอันภาคภูมิใจ
“ห๊ะ! ถ้าอย่างนั้นผมขอแนะนำให้คุณเป็นนักฆ่าอย่างเดียวเถอะ” เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออก
“อาจารย์ของฉันมักจะบอกฉันเสมอว่าฉันมีความสามารถในการแต่งบทกวีมากกว่าความสามารถในฐานะของนักฆ่า” เงาอันธการพยายามกล่าวออกมาอย่างไม่ยอมแพ้
“อาจารย์ของคุณคงจะหลอกคุณแล้วล่ะ”
ทันใดนั้นโลกทั้งใบก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังสีสังหารอันรุนแรงที่แทรกซึมเข้าไปจนถึงกระดูกของเซี่ยเฟย
“อาจารย์ของฉันไม่ได้โกหก!” เงาอันธการกล่าวออกมาอย่างเย็นชาซึ่งท่าทางของเขาในตอนนี้มันก็เหมือนกับว่าเขาได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นคนละคน โดยก่อนหน้านี้เขายังดูเป็นคนที่ขี้เล่นแต่ในตอนนี้เขากลับดูคล้ายกับสัตว์ร้ายที่พร้อมจะจู่โจมเข้าใส่เหยื่อได้ทุกเวลา
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในครั้งนี้ได้ทำให้เซี่ยเฟยตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเงาอันธการจะได้เปลี่ยนท่าทีไปอย่างฉับพลันหลังจากที่เขาได้พูดถึงอาจารย์ของเงาอันธการแบบนั้น
“โอเค ๆ ผมขอถอนคำพูด” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะทำการยั่วยุนักฆ่าซึ่งเป็นที่ต้องการตัวไปทั่วทั้งจักรวาลด้วย
ทันใดนั้นรังสีสังหารที่เต็มไปทั่วทั้งอากาศก็ได้สลายหายไปอย่างฉับพลันก่อนที่เงาอันธการจะได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา ซึ่งท่าทางของเขาช่างสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
“เป็นไงตอนนี้นายยอมรับแล้วใช่ไหมว่าบทกวีของฉันในก่อนหน้านี้เป็นบทกวีที่เชี่ยมาก?”
“ใช่ มันเป็นบทกวีที่เชี่ยมากจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปด้วยสีหน้าที่อึดอัดใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้นายได้ฟังบทกวีนี้ก็แล้วกัน” เงาอันธการยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น จากนั้นเขาก็ได้ชี้ไปยังทะเลอันกว้างไกลและร่ายบทกวีออกมาว่า
“โอ้ทะเลอันกว้างใหญ่ ในทะเลมีปลาอยู่อย่างมากมายและปลาพวกนั้นช่างเป็นปลาที่สดและอร่อยมาก…”
เมื่อเซี่ยเฟยได้ฟังบทกวีอันแปลกประหลาดนี้จนจบเขาก็รู้สึกขนลุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยในตอนนี้เขาอยากจะเจาะแก้วหูของตัวเองเพื่อตัดขาดจากเสียงที่เขาเพิ่งจะได้ยินเข้าไป
“เชี่ยมาก!” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับปรบมือ
“มันเชี่ยจริง ๆ หรอ?” เงาอันธการกล่าวถาม
“แน่นอน บทกวีของคุณเป็นบทกวีที่เชี่ยที่สุดในจักรวาลเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกนิ้วให้ด้วยเจตนาที่ซ่อนเร้น
เมื่อได้รับคำชมจากเซี่ยเฟยมันก็ทำให้เงาอันธการรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นจากเดิม จากนั้นเขาก็ได้วางมือเอาไว้บนเอวและหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ตกก่อนที่เขาจะได้กล่าวออกมาว่า
“วันนี้ฉันช่างมีแรงบันดาลใจในการขับกล่อมบทกวีจริง ๆ ฉันตัดสินใจแล้ว!! ฉันจะทำการแต่งบทกวีขึ้นมาอีกหนึ่งบท!!!”
"ไม่!" เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างจริงจัง จากนั้นเขาก็ได้กล่าวออกไปว่า
“แรงบันดาลใจเป็นสิ่งที่จะต้องคอยเก็บสะสมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นสักวันนึงมันก็จะหมดไปโดยไม่รู้ตัว”
“อ้าวหรอ?” เงาอันธการกล่าวถามด้วยความสงสัย
“มันก็แล้วแต่คนน่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวพึมพำขึ้นมาเบา ๆ แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรได้บางอย่างเขาจึงได้กล่าวออกไปว่า
“เอาแบบนี้เป็นไง ผมจะเป็นคนร่ายบทกวีให้คุณฟังเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเงาอันธการก็พยักหน้ารับด้วยความสนใจก่อนที่เขาจะนั่งลงข้าง ๆ เซี่ยเฟยด้วยท่าทางอันนอบน้อมและเตรียมพร้อมที่จะขอคำแนะนำ
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เอนกายลงไปบนชายหาดเล็กน้อยพร้อมกับส่งเสียงกระแอมขึ้นมาในลำคอ
จันทราเด่นสง่ากลางท้องฟ้า
ความหลังยังตรึงตราข้าเสมอ
ลมบูรพาพัดผ่านเมื่อคืนวาน
ตัวข้ายากจะทานความหนาวใจ
หินหยกแท้ภายในยังคงอยู่
แต่เปลือกนอกมิอาจสู้เวลาได้
หากถามข้าว่าทุกข์ใจมากเพียงไหน
คงเป็นดั่งสายน้ำไหลไปไม่หวนคืน
“หากถามข้าว่าทุกข์ใจมากเพียงไหน คงเป็นดั่งสายน้ำไหลไปไม่หวนคืน…” เงาอันธการกล่าวออกมาด้วยดวงตาอันเปล่งประกาย
หลังจากนั้นเงาอันธการก็อ่านบทกวีของเซี่ยเฟยซ้ำ ๆ หลายสิบครั้งเหมือนกับเขาได้หลงมัวเมาไปกับบทกวีเป็นที่เรียบร้อย
“เฮ้อ.. นักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่กลับกลายเป็นพวกคลั่งบทกวีซะงั้น” เซี่ยเฟยคิดในใจ
“บทกวีนี้… มันช่างเชี่ยจริง ๆ” เงาอันธการกล่าวชื่นชมขึ้นมาอย่างจริงใจ
“นี่มันคือผลจากวัฒนธรรมที่สั่งสมมาเป็นเวลานานนับ 5,000 ปีเชียวนะ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างเฉยเมย
“นายช่วยสอนบทกวีอื่นให้ฉันหน่อยได้ไหม” เงาอันธการกล่าวถามอย่างกระตือรือร้นซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่านักฆ่าคนนี้หลงใหลในบทกวีมากแค่ไหน
“สอนคุณอย่างนั้นหรอ… แล้วคุณจะให้อะไรผมเป็นของตอบแทน” เซี่ยเฟยกล่าวโดยเขาได้คิดแผนการเอาไว้ภายในใจมาสักระยะหนึ่งแล้ว
***************
บทกวีของนายช่างเชี่ยจริง ๆ!!