ตอนที่แล้วตอนที่ 33: ดาราหยดน้ำมายา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35: อุปกรณ์ระดับลีเจนด์

ตอนที่ 34: เชสซิ่งไลท์


ตอนที่ 34: เชสซิ่งไลท์

“ชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาหลังจากที่เขาได้จับจ้องมองไปยังสินค้ารายการเดียวกันกับอันธ

“ชุดต่อสู้ในซีรี่ย์วินด์ชาโดว์ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้มีพลังสายความเร็วและมันยังเป็นชุดต่อสู้ที่ช่วยลดแรงต้านอากาศให้เหลือน้อยที่สุด มันจึงทำให้ชุดต่อสู้ในซีรี่ย์นี้สามารถช่วยให้นายก้าวข้ามอุปสรรคแรกอย่างการสร้างโซนิคบูมขึ้นมาได้เมื่อความเร็วของนายสูงเกินกว่าความเร็วเสียง” อันธกล่าวอธิบาย

“หากว่าในเวลานั้นนายไม่ได้สวมใส่ชุดต่อสู้ที่เหมาะสมเอาไว้ แรงระเบิดจากโซนิคบูมอาจจะฉีกกระชากร่างกายของนายเป็นชิ้น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเสียงจากการระเบิดยังเป็นการแจ้งเตือนให้ศัตรูได้รู้ว่านายเริ่มทำการเคลื่อนไหวแล้ว ซึ่งมันก็จะทำให้นายไม่สามารถที่จะลอบจู่โจมเข้าใส่ศัตรูได้”

เซี่ยเฟยเคยดูรายการทีวีเกี่ยวกับเรื่องของโซนิคบูมมาก่อนซึ่งปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อวัตถุสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าความเร็วของเสียง โดยภาพที่เขาเคยเห็นในทีวีคือเครื่องบินได้พุ่งผ่านเมฆหมอกที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปวงกลมและสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นไม่นานคือเสียงระเบิดอันดังสนั่นที่ทำให้เครื่องบินไอพ่นมีอาการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์เป็นชุดต่อสู้ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้วและในปัจจุบันมันก็ไม่มีวางจำหน่ายในตลาดอีกต่อไป โดยเส้นไหมที่ใช้ในการผลิตชุดต่อสู้นี้คือเส้นใยจากแมงมุมดาราทมิฬที่หาตัวได้ยากและมันเป็นสัตว์ที่จะอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์อันเยือกเย็นเท่านั้น ขณะเดียวกันมันก็จำเป็นที่จะต้องให้แมงมุมดาราทมิฬผลิตเส้นใยตลอดทั้งปีเป็นจำนวนนับพัน ๆ ตัวจึงจะได้เส้นไหมเพียงพอสำหรับการผลิตชุดต่อสู้ขึ้นมาเพียงแค่หนึ่งชุด”

“ด้วยขั้นตอนการผลิตที่ยุ่งยากแบบนี้นี่เองมันจึงทำให้ไม่มีใครคิดจะใช้เส้นใยของแมงมุมดาราทมิฬในการผลิตชุดต่อสู้ขึ้นมาอีกต่อไป แต่เปลี่ยนไปใช้เส้นใยผ้าสังเคราะห์ในการผลิตชุดต่อสู้ขึ้นมาแทน”

“ถึงแม้ว่าชุดต่อสู้ที่ผลิตขึ้นมาจากเส้นใยสังเคราะห์จะพอใช้งานได้แต่คุณภาพของมันก็ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับวัตถุดิบที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาตามธรรมชาติอยู่ดี ฉันคิดว่าชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์ชุดนี้น่าจะถูกขายออกมาจากนักสะสมบางคน”

“ประสิทธิภาพของชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์ยังเทียบชั้นกับชุดต่อสู้ระดับลีเจนด์ไม่ได้ ดังนั้นตราบใดก็ตามที่ราคาของมันไม่สูงไปเกินกว่า 300 ล้านสตาร์คอยน์พวกเราก็สมควรที่จะลองเสนอราคาออกไปก่อน” อันธกล่าว

เมื่อเซี่ยเฟยได้หันไปดูรายละเอียดของรายการการประมูลอีกครั้งเขาก็พบว่าราคาเริ่มต้นสำหรับการประมูลชุดต่อสู้ชุดนี้อยู่ที่ 50 ล้านสตาร์คอยน์ ด้วยเหตุนี้ถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะได้รับมันจริง ๆ เขาก็คงจะต้องยื่นประมูลออกไปไม่น้อยไปกว่า 100 ล้านสตาร์คอยน์

แม้ว่าราคาของชุดต่อสู้ชุดนี้จะน่าตกใจมากแต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจเรื่องราคาของมันมากนัก เพราะท้ายที่สุดเขาก็กำลังจะเข้าร่วมการประเมินในระดับวิกฤต ดังนั้นคุณภาพของอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เขาได้สวมใส่มันก็จะมีความเกี่ยวพันกับชีวิตของเขาโดยตรง

ถึงแม้เขาจะเป็นคนขี้งกแต่เขาก็คงจะไม่ตระหนี่กับการซื้ออุปกรณ์ที่จะนำมาป้องกันชีวิตของตนเอง

“เฮ้ดูนั่นสิ! มันมีซากุระเงินรัตติกาลอยู่ในรายการการประมูลด้วย” อันธกล่าวหลังจากที่เขาได้สแกนดูรายการประมูลต่อไป

“วัตถุดิบชิ้นนี้มีประโยชน์กับนายมาก มันไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความเร็วให้กับนายได้เท่านั้นแต่คุณสมบัติทางยาของมันยังส่งเสริมซึ่งกันและกันกับดาราหยดน้ำมายาด้วย”

“หากนายนำซากุระเงินรัตติกาลมาผสมเข้ากันกับดาราหยดน้ำมายานายก็จะสามารถผลิตน้ำยาที่จะช่วยเพิ่มทั้งความเร็วและความอึดให้กับนายได้ ฉันหวังว่าร่างกายของนายจะสามารถดูดซับสารตกค้างได้ก่อนงานประเมินจะเริ่มต้นขึ้น ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องที่อันตรายมากถ้าหากว่านายเข้าร่วมการประเมินระดับวิกฤตด้วยความสามารถเพียงแค่นี้” อันธกล่าวอธิบาย

“ไม่ใช่ว่านายบอกฉันว่ามันต้องใช้เวลา 6 เดือนเต็ม ๆ ก่อนที่ฉันจะสามารถดูดซึมน้ำยาเร่งเซลล์เข้าไปได้อย่างสมบูรณ์หรือไง?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้รับการปลดล็อกอย่างสมบูรณ์มันจึงทำให้อัตราการดูดซับน้ำยาของนายเร็วกว่าคนทั่วไปมาก ในตอนนี้มันยังมีเวลาอีกประมาณ 2 เดือนก่อนที่การประเมินจะเริ่มต้นขึ้น ดังนั้นนายจะสามารถดูดซับน้ำยาทั้งหมดได้ก่อนงานประเมินไหมมันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของนายแล้ว” อันธกล่าวขณะที่จับจ้องมองไปยังดวงตาของเซี่ยเฟย

การประเมินในครั้งนี้จำกัดผู้รับสมัครตั้งแต่ผู้มีระดับความสามารถระดับสตาร์เบสขั้นพื้นฐานไปจนถึงระดับสตาร์ฟิลด์ขั้นสูง ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีคุณสมบัติในการสมัครอย่างเพียงพอแต่ระดับความสามารถของเขาก็น่าจะอยู่ในระดับล่างสุดจากบรรดาผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เขาสมควรจะต้องทำการเพิ่มระดับความสามารถก่อนที่การประเมินจะเริ่มต้นขึ้น

ถึงแม้ว่าเขาจะมีเป้าหมายในการเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ แต่เขาก็ยังจำเป็นที่จะต้องรอไปจนถึงวันที่ 15 ตุลาคมเขาจึงจะสามารถทำการเสนอราคาเพื่อซื้อสินค้าเหล่านี้ได้

ไม่ว่าจะเป็นชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์หรือซากุระเงินรัตติกาลต่างก็ล้วนแล้วแต่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50 ล้านสตาร์คอยน์ ดังนั้นถ้าหากว่ามันไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นราคาสุดท้ายของสินค้าทั้งสองชิ้นนี้ก็สมควรที่จะมีราคาไม่เกิน 100 ล้านสตาร์คอยน์

ปัจจุบันเซี่ยเฟยมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 380 ล้านสตาร์คอยน์ ซึ่งถ้าหากว่าเงินจำนวนนี้ยังไม่เพียงพอเขาก็คงจำเป็นจะต้องขายหัวใจจักรวาลที่เขาได้รับมาจากแอตแลนติสออกไป

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำการซื้อชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉินคุณภาพสูงพร้อมกับอุปกรณ์เอาตัวรอดในถิ่นทุรกันดารแล้วมันก็ทำให้ยอดเงินในบัญชีของเขาลดลงไปอีก 4.7 ล้านสตาร์คอยน์

เอาล่ะตอนนี้มันก็เหลือเพียงแค่ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับการแข่งขันนั่นก็คือ

อาวุธ!

เซี่ยเฟยเป็นผู้ใช้พลังสายความเร็วซึ่งข้อดีของผู้ใช้พลังสายนี้คือพวกเขาสามารถที่จะเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงไม่สนใจที่จะใช้อาวุธหนักที่ยุ่งยากเลยแม้แต่นิดเดียว

ถึงแม้ว่าอาวุธหนักจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังแต่มันก็ทำให้ความเร็วของเซี่ยเฟยลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้มันก็จะลดความถี่ในการโจมตีของเขาลงไปด้วยมันจึงทำให้อาวุธหนักมีข้อเสียสำหรับเขามากกว่าข้อดี

สิ่งที่เซี่ยเฟยต้องการคืออาวุธพกพาน้ำหนักเบาซึ่งไม่เพียงแต่จะต้องพกพาได้อย่างสะดวกสบายเท่านั้น แต่มันสมควรจะต้องเป็นอาวุธที่มีลักษณะการโจมตีที่พิเศษอีกด้วย

แม้ว่าความต้องการของเขาอาจจะฟังดูเรียบง่ายแต่ในความเป็นจริงแล้วการพยายามหาซื้ออาวุธในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้เขายังไม่สามารถที่จะซื้ออาวุธที่แพงมากจนเกินไปได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะได้เข้าไปเยี่ยมชมร้านอาวุธไปแล้วหลายสิบร้านแต่เขาก็ยังไม่ได้พบกับอาวุธที่ถูกใจเขาเลย

ต่อมาเขาก็เข้าไปในร้านค้าเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งนอกเหนือจากตัวของเขาแล้วเขาก็พบกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งเท่านั้น โดยชายวัยกลางคนคนนี้ดูมีอายุประมาณ 40 ปีและการเดินของเขาทุกครั้งก็เหมือนจะต้องทิ้งน้ำหนักไปยังขาซ้ายตลอดเวลา

คนคนนี้แสร้งทำเป็นเดินวนเวียนอยู่รอบ ๆ ร้านก่อนที่เขาจะดึงเครื่องสื่อสารออกมาเพื่อทำการเรียกเจ้าของร้าน

เมื่อเซี่ยเฟยได้พิจารณาจากลักษณะการพูดคุยของเขาแล้วมันก็เหมือนกับว่าเขาต้องการที่จะขายอะไรบางอย่างให้กับร้านค้าแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่หลังจากเจ้าของร้านได้เห็นรูปภาพและข้อมูลของสินค้านั้นเขาก็ส่ายหัวไปมาและหันหลังกลับไปโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับชายวัยกลางคนคนนี้อีกเลย

“ชายคนเมื่อกี้มาทำไมอย่างนั้นหรอ” เซี่ยเฟยกล่าวถามเจ้าของร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“อ๋อ… เขาพยายามขายดาบกลให้กับฉันแต่สภาพของมันดูเก่าและทรุดโทรมมากแต่เขากลับขอราคามากถึง 6 ล้านสตาร์คอยน์ซึ่งมันเป็นราคาที่สูงมากจนเกินไป” เจ้าของร้านกล่าว

ดาบกลเป็นดาบสั้นประเภทหนึ่งที่สามารถนำมาซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อได้ โดยมันเป็นอาวุธที่มีกลไกสามารถเอามาซุกซ่อนไว้ได้อย่างดีแล้วมันก็เป็นอาวุธที่ศัตรูไม่สามารถคาดเดาได้อย่างสมบูรณ์

การพยายามผลิตดาบกลจำเป็นที่จะต้องใช้ทักษะที่สูงมากเนื่องมาจากกลไกของการขับเคลื่อนดาบเป็นกลไกที่ซับซ้อนแล้วมันก็ไม่มีที่ว่างสำหรับข้อผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายถ้าหากว่าผู้ใช้เผลอไปจับมือกับใครแล้วมีใบดาบถูกเรียกออกมาจากแขนเสื้อของเขาคนนั้น

กลไกที่นำมาติดตั้งกับใบมีดจำเป็นที่จะต้องใช้สปริงที่ถูกผลิตขึ้นมาจากวัตถุดิบที่จะต้องไม่แข็งมากจนเกินไป เพื่อให้ตัวดาบสามารถหดเข้าดันออกได้ตามต้องการและถึงแม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีในจักรวาลจะพัฒนาไปไกล แต่กลไกของเครื่องจักรบางอย่างก็ยังไม่สามารถที่จะนำมาใช้กับวิชาการต่อสู้บางชนิดได้

ยกตัวอย่างเช่น ดาบกลชิ้นนี้เป็นงานฝีมือที่จำเป็นจะต้องทำการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยายามที่จะผลิตอาวุธขึ้นมาเลียนแบบแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะทำการผลิตอาวุธดังกล่าวได้ จนกระทั่งในที่สุดเหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ตระหนักแล้วว่ามันมีอะไรบางอย่างที่เทคโนโลยีไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้จริง ๆ

เมื่อเจ้าของร้านได้สังเกตเห็นว่าเซี่ยเฟยดูจะให้ความสนใจกับดาบกลของชายคนนั้น เขาก็รีบกล่าวเสริมออกมาว่า

“ฉันคิดว่าอาวุธชิ้นนั้นไม่น่าจะใช่อาวุธธรรมดาและถ้าหากว่าพิจารณาจากท่าทางของเขาคนนั้น ฉันก็แน่ใจว่าเขาจะต้องขโมยมันมาจากที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ”

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับได้เผยรอยยิ้มและส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยไม่ได้สนใจคำแนะนำจากเจ้าของร้านเลย จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากร้านและได้พบกับชายวัยกลางคนผู้ซึ่งกำลังสบถคำด่าออกมาไม่หยุดเหมือนกับว่าเขากำลังรู้สึกหงุดหงิดมาก

เซี่ยเฟยเดินตามชายคนนั้นไปไม่ไกลก่อนที่เขาจะจงใจส่งเสียงไอออกมา 2 ครั้งเพื่อดึงดูดความสนใจจากชายวัยกลางคน

“คุณคือคนที่ต้องการจะขายดาบกลหรือเปล่า” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” ชายคนนั้นกล่าวตอบกลับไปพร้อมกับท่าทางที่ดูตื่นตัวจากเดิม

“คุณไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวหรอกฉันแค่สนใจจะซื้อดาบเล่มนั้น นอกจากนี้พวกเรายังอยู่ในพื้นที่เสมือนดังนั้นคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวว่าฉันจะขโมยดาบของคุณไปใช่ไหม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพ่อของฉันป่วยหนักและจำเป็นจะต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน ฉันก็คงจะไม่ต้องขายของจากบรรพบุรุษชิ้นนี้ออกไปหรอก แต่มันกลับไม่มีใครมีสายตาที่เฉียบแหลมมากเพียงพอและทุกคนต่างก็ยืนกรานว่าดาบที่ฉันมีเป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าแล้วมันก็มีบางคนถึงกับกล่าวหาว่าฉันได้ขโมยมันมาจากคนอื่น!!” ชายวัยกลางคนคนนั้นกล่าวออกมาอย่างฉุนเฉียว

อันที่จริงมันก็คงจะไม่สามารถกล่าวตำหนิความคิดของคนอื่นได้ เพราะมันคงจะไม่มีใครสงสัยหากชายคนนี้นำอาวุธออกไปขายอย่างเปิดเผยแต่เขากลับเลือกที่จะทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ จนทำให้คนทั่วไปสงสัยว่าเขาได้แอบขโมยดาบชิ้นนี้มา

“ฉันขอดูข้อมูลดาบเล่มนั้นหน่อยจะได้ไหม” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

พริบตาต่อมาข้อมูลของดาบกลก็ถูกส่งเข้าไปที่อีเมลของเซี่ยเฟย

ภาพที่ปรากฏขึ้นมาจากการส่งข้อมูลในลักษณะนี้เป็นภาพโฮโลแกรม 3 มิติที่สามารถพลิกไปพลิกมาได้ตามต้องการราวกับว่าอาวุธชิ้นนั้นได้มาอยู่ตรงหน้าของเขาจริง ๆ

“ฉันจำอาวุธชิ้นนี้ได้! มันเป็นอาวุธที่มีชื่อว่าเชสซิ่งไลท์!!” อันธร้องอุทานหลังจากที่ได้เห็นภาพของดาบกล

***************

เอาว่ะ!! พี่เฟยเริ่มแต่งตัวเหมือนนักฆ่าเข้าไปทุกที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด