ตอนที่แล้วตอนที่ 30: กลับเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32: ทีม 13

ตอนที่ 31: ผู้สมัครจากดาวโลก


ตอนที่ 31: ผู้สมัครจากดาวโลก

“จารึกมนตราอสูรมีมูลค่าเท่าไหร่อย่างนั้นหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“ถ้ามันเป็นบันทึกระดับดวงดาวโดยทั่วไปมันจะขายได้ในราคาอย่างน้อย 5,000 ล้านสตาร์คอยน์ แต่นี่มันเป็นบันทึกพิเศษเกี่ยวกับอสูรร้ายที่หาได้ยากและฉันก็คิดว่ามันควรจะมีมูลค่าไม่น้อยไปกว่า 10,000 ล้านสตาร์คอยน์” อันธกล่าวตอบกลับไป

10,000 ล้านสตาร์คอยน์!

“พระเจ้า! แบบนี้มันก็หมายความว่าฉันมีสินทรัพย์มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านสตาร์คอยน์แล้วอย่างนั้นหรอ!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ปัจจุบันเงินในบัญชีธนาคารของเขามีอยู่ประมาณ 420 ล้านสตาร์คอยน์ ซึ่งถ้าหากว่าเขาได้รวมมูลค่าของสิ่งที่เขาเพิ่งได้เก็บเกี่ยวมามันก็หมายความว่าในปัจจุบันเขามีสินทรัพย์ที่มีมูลค่ารวมมากกว่า 13,000 ล้านสตาร์คอยน์

ด้วยสินทรัพย์มูลค่ามากมายมหาศาลเช่นนี้มันก็น่าจะทำให้เซี่ยเฟยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก!

มันเคยมีคำกล่าวเอาไว้ว่าความร่ำรวยสามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยของคนคนหนึ่งได้ แต่สำหรับเซี่ยเฟยเขาก็มีนิสัยที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนักและถึงแม้ว่าในปัจจุบันเขาจะมีสินทรัพย์มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านสตาร์คอยน์ แต่เขาก็ยังคงสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ๆ, สูบบุหรี่ยี่ห้อหงตะชานและชอบกินบะหมี่กับปลากระป๋องอยู่ดี

“บันทึกลับเล่มนี้มีมูลค่าที่สูงมากแต่นายก็ไม่สามารถที่จะนำมันไปขายได้ เพราะท้ายที่สุดบันทึกลับระดับดวงดาวจะต้องได้รับการประเมินและอนุมัติโดยพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวเสียก่อนจึงจะสามารถนำไปขายอย่างถูกกฎหมายได้”

ท้ายที่สุดราคาของบันทึกลับเหล่านี้ก็สูงมากจนเกินไปและเพื่อป้องกันให้ไม่มีการทำบันทึกลับของปลอมขึ้นมามันจึงมีกฎหมายข้อนี้เข้ามาทำการควบคุม

“ขณะเดียวกันถ้าหากว่าคนอื่นได้รู้ว่านายครอบครองบันทึกลับที่ล้ำค่า สถานการณ์ของนายก็จะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นถ้าหากว่านายยังมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ นายห้ามเปิดเผยเรื่องบันทึกลับเล่มนี้กับใครอย่างเด็ดขาด” อันธกล่าว

เมื่อได้ยินคำเตือนเซี่ยเฟยก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นไปอย่างที่อันธได้กล่าวเอาไว้ ว่าจักรวาลแห่งนี้ได้เต็มไปด้วยอันตรายที่เขาคาดไม่ถึงอีกอย่างมากมาย ดังนั้นถ้าหากว่าเขายังมีความแข็งแกร่งไม่มากพอเขาก็สามารถที่จะถูกบดขยี้ลงไปได้ทุกเวลา

“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถเอามันไปขายได้แต่การได้ครอบครองบันทึกที่มีมูลค่าสูงมากขนาดนี้มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าดีใจอยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าว

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็จุดบุหรี่และเปิดโน๊ตบุ๊กของเขาขึ้นมาเพื่อทำการตรวจสอบอีเมลที่เข้ามาใหม่ โดยในปัจจุบันอีเมลของสมาพันธ์จัสทิสได้ถูกนำเอามาไว้ตรงช่องบนสุดและมันยังมีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษ ซึ่งมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ให้บริการให้ความเคารพต่อสมาพันธ์จัสทิสมากแค่ไหน

สวัสดี

การประเมินของสมาพันธ์จัสทิสในครั้งนี้จะถูกจัดขึ้นในออสเตรเลีย โดยการประเมินจะมีขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม แต่ระดับของการประเมินได้เพิ่มขึ้นจากระดับปลอดภัยไปสู่ระดับวิกฤต ซึ่งคุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของสมาพันธ์

หากคุณต้องการยืนยันที่จะเข้าร่วมการประเมินนี้ก็โปรดเข้าไปยืนยันการเข้าร่วมภายในเว็บไซต์เพื่อเป็นการยืนยันครั้งที่ 2

“อันธการประเมินในระดับวิกฤตมันหมายถึงอะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ระดับวิกฤต! สมาพันธ์จัสทิสต้องการจัดการประเมินในระดับวิกฤตเลยอย่างนั้นหรอ!!” อันธอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ทำการอ่านเนื้อหาภายในอีเมลอีกครั้งขณะที่อันธได้เผยรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา

“การประเมินของสมาพันธ์จัสทิสแบ่งออกเป็น 3 ระดับได้แก่ ระดับปลอดภัย, ระดับวิกฤตและระดับโหดร้าย ซึ่งการประเมินในระดับปลอดภัยจะห้ามไม่ให้ผู้เข้าร่วมการประเมินทำการสังหารกัน หรือมันก็หมายความว่าผู้เข้าร่วมการประเมินสามารถที่จะทำร้ายผู้เข้าแข่งขันคนอื่นได้แต่ผู้เข้าร่วมการประเมินก็ไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายที่มีอันตรายถึงชีวิตได้”

“สำหรับการประเมินในระดับวิกฤตก็จะต้องมีการเซ็นสัญญาทำข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องความตายเอาไว้ก่อน ดังนั้นถ้าหากว่ามันได้มีผู้เข้าร่วมการประเมินเสียชีวิตทางสมาพันธ์จัสทิสจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น หรือมันก็หมายความว่าผู้เข้าร่วมการประเมินสามารถทำการสังหารผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ได้อย่างอิสระและจากข้อมูลสถิติในช่วงที่ผ่านมา การประเมินในระดับวิกฤตก็มีอัตราการเสียชีวิตของผู้เข้าร่วมการประเมินอยู่ที่ 25%-50%” อันธกล่าวอธิบาย

“อนุญาตให้มีการสังหารกันอย่างอิสระ!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและถ้าหากว่ามันมีอัตราการเสียชีวิตถึงครึ่งหนึ่งของผู้ประเมินแบบนี้ มันก็ไม่สมควรเรียกการประเมินของสมาพันธ์ว่าการแข่งขันแล้ว แต่มันสมควรที่จะเรียกการประเมินในระดับวิกฤตว่าการแข่งขันเอาชีวิตรอดมากกว่า

“แล้วการประเมินในระดับโหดร้ายล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“การประเมินในระดับโหดร้ายเป็นการแข่งขันที่มีความพิเศษมากยิ่งกว่า โดยมันจะเป็นการแข่งขันสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสนามรบกิตติมศักดิ์เท่านั้น ซึ่งครั้งล่าสุดที่มีการประเมินในระดับนี้มันก็ผ่านพ้นมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่ถ้าหากว่าฉันจำไม่ผิดการประเมินระดับโหดร้ายในครั้งก่อนน่าจะมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 95%” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างเฉยเมย

“แบบนั้นมันไม่เรียกว่าการประเมินแล้ว! การลงสนามแบบนั้นมันไม่ต่างไปจากการพยายามฆ่าตัวตายชัด ๆ” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างพูดไม่ออก

“สมาพันธ์จัสทิสรับคนเข้าไปในองค์กรเพียงแค่ไม่กี่คนต่อปีมันจึงทำให้การรับสมัครทุกครั้งสามารถดึงดูดผู้คนได้เป็นจำนวนมาก แล้วนายลองคิดดูว่าถ้าหากผู้เชี่ยวชาญได้มารวมตัวกันต่อสู้เป็นจำนวนหลายหมื่นคนมันจะไม่มีการต่อสู้เสี่ยงชีวิตเกิดขึ้นมาเลยหรือยังไง?” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอย่างลึกลับ

“ถึงยังไงมันก็มีส่วนที่ดีสำหรับการประเมินในระดับวิกฤตอยู่เหมือนกัน นายรู้ไหมว่ามันคืออะไร” อันธกล่าวถาม

เซี่ยเฟยส่ายหัวเป็นคำตอบ

“ผู้ที่ได้รับชัยชนะในการประเมินระดับวิกฤตจะสามารถเข้าสู่ค่ายฝึกจัสทิสลีกได้” อันธกล่าว

“ค่ายฝึกจัสทิสลีก? มันคืออะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างประหลาดใจ

“สมาพันธ์จัสทิสได้ทำการจัดตั้งค่ายฝึกจัสทิสลีกขึ้นมา ซึ่งค่ายฝึกนี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นค่ายฝึกอบรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุด, มีที่ปรึกษาที่ดีที่สุดและมีวัตถุดิบสำหรับการปรุงน้ำยาที่ดีที่สุด”

เมื่ออันธพูดคำว่า 'ดีที่สุด' ออกมา 3 ครั้งติดต่อกันน้ำเสียงของเขาก็ดูตื่นเต้นมาก ซึ่งมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าค่ายฝึกจัสทิสลีกแห่งนี้เป็นสถานที่ที่น่าทึ่งมากเพียงใด

“เหล่าบรรดาผู้ที่สามารถเข้าไปในค่ายฝึกจัสทิสลีกได้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะและถ้าหากว่าใครสามารถผ่านการฝึกจากค่ายได้สำเร็จพวกเขาก็จะได้รับตำแหน่งจัสทิสระดับระดับเงินโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนภายในค่ายยังมีโอกาสจะได้รับวิชาความสามารถระดับลีเจนด์และมีโอกาสได้เข้าถึงวัตถุดิบสำหรับการปรุงยาที่หาได้ยากมากอีกด้วย”

จัสทิสถูกแบ่งระดับออกเป็นระดับทองแดง, ระดับเงิน, ระดับทองและระดับเพชร ยิ่งจัสทิสมีระดับสูงมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่พวกเขาก็จะได้รับสิทธิพิเศษและได้รับความเคารพที่มากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น

ขณะเดียวกันการที่จัสทิสได้มอบตำแหน่งข้ามระดับทองแดงไปเป็นระดับเงินให้กับผู้ที่ผ่านการฝึกฝนจากค่ายฝึกจัสทิสลีก มันก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าสมาพันธ์ได้ให้ความสำคัญกับค่ายฝึกจัสทิสลีกมากเพียงใด

“มันอย่าว่าแต่คนทั่วไปเลยเพราะแม้แต่ทายาทของตระกูลขนาดใหญ่ก็ยังอยากที่จะเข้าไปทำการฝึกภายในค่ายฝึกจัสทิสลีก เพราะท้ายที่สุดการได้ก้าวเท้าเข้าไปสู่ค่ายแห่งนั้นมันก็เป็นเหมือนกับการได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของผู้ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างไม่สามารถจะประเมินค่าได้” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น แต่อย่างไรก็ตามเขาก็หยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะได้กล่าวออกมาว่า

“อันที่จริงสิ่งที่ฉันได้พูดไว้ในก่อนหน้านี้มันยังไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนรู้สึกอิจฉามากที่สุด แต่มันมีข่าวลือออกมาว่าค่ายฝึกจัสทิสลีกได้กุมความลับของสมาพันธ์จัสทิสเอาไว้อยู่!!”

“ความลับอะไร?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย

“มันคือพลังจากจักรวาลต้นกำเนิด!” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

“พลังจากจักรวาลต้นกำเนิดเป็นพลังลึกลับซึ่งนอกเหนือจากหัวหน้าแกนหลักในสมาพันธ์จัสทิสแล้วมันก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับพลังจากจักรวาลต้นกำเนิดอย่างแน่นอน”

“ขณะเดียวกันผู้ที่ได้รับการฝึกฝนภายใต้พลังจากจักรวาลต้นกำเนิดก็จะช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาและมันก็ไม่มีน้ำยาใด ๆ ในจักรวาลแห่งนี้ที่จะสามารถเทียบกับพลังจากจักรวาลต้นกำเนิดได้”

“ถ้าหากว่านายสามารถเข้าสู่ค่ายฝึกจัสทิสลีกได้สำเร็จ นายก็จะมีโอกาสได้เข้าถึงพลังจากจักรวาลต้นกำเนิด ซึ่งมันก็จะช่วยให้นายได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง!” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันจริงจังขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายอย่างเจิดจ้า

“ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาโดยเขาได้ถูกล่อลวงจากคำพูดของอันธไปแล้ว

“เอาล่ะฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะต้องเข้าร่วมการประเมินในครั้งนี้ให้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันเคร่งขรึม

หลังจากที่ชายหนุ่มได้เปิดเว็บไซต์สมาพันธ์จัสทิสสาขาโลกเขาก็ได้อ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับระดับขั้นของพลังพิเศษ

จากการวิจัยและทดลองมาเป็นเวลานับหมื่นปี มันก็มีวิธีการแบ่งแยกระดับของผู้มีพลังสายพิเศษอย่างชัดเจนแล้ว โดยการแบ่งแยกระดับพลังนี้จะใช้การวัดจำนวนระลอกคลื่นที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ทำการปลดปล่อยออกมา

ยกตัวอย่างเช่น หากจำนวนระลอกคลื่นที่ปลดปล่อยออกมามีไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาทีมันก็แสดงว่าผู้ทำการทดสอบมีระดับความสามารถอยู่ที่ระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานและถ้าหากจำนวนระลอกคลื่นที่ปลดปล่อยออกมามีจำนวนไม่เกิน 20 ครั้งต่อนาทีมันก็แสดงว่าผู้ทดสอบมีระดับความสามารถอยู่ที่ระดับสตาร์ไลท์ขั้นกลางเป็นต้น

ระลอกคลื่นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เป็นปรากฏการณ์อันลึกลับซึ่งผู้ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองในส่วนนี้ได้สำเร็จต่างก็จะสามารถปลดปล่อยคลื่นออกมาได้เหมือน ๆ กันและยิ่งผู้มีพลังพิเศษได้ทำการฝึกฝนมากเท่าไหร่จำนวนระลอกคลื่นที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็จะยิ่งมีจำนวนมากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น

ผู้มีพลังสายพิเศษต่างก็มีความสามารถที่หลากหลายและความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาก็มีระดับที่แตกต่างกัน ดังนั้นในบางครั้งผู้มีพลังสายพิเศษในระดับสตาร์ไลท์ก็สามารถที่จะเอาชนะผู้มีพลังในระดับสตาร์เบสได้และมันก็มีผู้มีพลังสายพิเศษระดับสตาร์เบสบางคนที่ไม่สามารถเอาชนะผู้มีพลังในระดับสตาร์ไลท์ได้ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันการพยายามจัดระดับขั้นพลังของผู้มีพลังสายพิเศษเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะพลังของพวกเขาไม่ได้มีลักษณะเฉพาะตัวอย่างผู้มีพลังสายความแข็งแกร่งหรือผู้มีพลังสายความเร็ว ดังนั้นถึงแม้ว่าการจัดระดับขั้นพลังด้วยการวัดจำนวนระลอกคลื่นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อาจจะดูเหมือนเป็นวิธีการที่ไม่ยุติธรรมแต่มันก็เป็นวิธีการที่เป็นมาตรฐานมากที่สุดที่มีอยู่ในจักรวาล

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการประเมินในครั้งนี้จึงไม่ได้มีการระบุข้อกำหนดระดับพลังของผู้มีพลังสายพิเศษเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นถ้าหากว่ามันได้มีผู้มีพลังสายพิเศษระดับลีเจนด์มาเข้าร่วมการแข่งขันมันก็คงจะไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นอยู่ดี

เซี่ยเฟยเพียงแค่กวาดสายตาอ่านข้อมูลเหล่านี้แบบผ่าน ๆ เท่านั้นโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกมันมากเป็นพิเศษ เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นผู้มีพลังสายความเร็วดังนั้นข้อมูลเหล่านี้จึงไม่ได้มีประโยชน์กับเขาเลย

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำการคลิกยืนยันการสมัครของเขาแล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าในคอลัมน์ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากโลกยังคงว่างเปล่า อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้กวาดสายตามองไปยังคอลัมน์ด้านล่างเขาก็ได้พบว่าผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันที่มาจากนอกโลกมีจำนวนรายชื่อเป็นจำนวนหลายร้อยหน้า

“84,911 คน!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจซึ่งจำนวนของผู้สมัครจากนอกโลกยังคงเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างต่อเนื่อง แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าจำนวนของผู้สมัครเหล่านี้น่าจะมีจำนวนเกินกว่า 100,000 คนไปได้แบบสบาย ๆ

ผู้มีพลังพิเศษจำนวนนับ 100,000 คนจะต้องทำการแข่งขันเพื่อแย่งชิงโควต้าของจัสติสฝึกหัดเพียงแค่ 3 คน ซึ่งไม่ว่าใครก็คงจะบอกได้ว่าการแข่งขันในครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่มีความเข้มข้นมากเพียงใด

“ในคราวนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมากจริง ๆ หวังว่ารัฐบาลของสหพันธ์โลกคงจะสามารถจัดการกับการแข่งขันในครั้งนี้ได้นะ” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำการกรอกข้อมูลเพื่อทำการลงทะเบียนมันก็ทำให้คอลัมน์ผู้สมัครจากดาวโลกไม่ได้เป็นคอลัมน์ที่ว่างเปล่าอีกต่อไป แต่มันได้มีชื่อ ๆ หนึ่งที่ได้แสดงขึ้นมาอย่างชัดเจนและแน่นอนว่าชื่อ ๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจาก

เซี่ยเฟย!

***************

แม่เจ้า! คนสมัครเป็นแสนเอาแค่ 3 คน!!

สู้ ๆ นะพี่เฟย!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด