ตอนที่ 30: กลับเมือง
ตอนที่ 30: กลับเมือง
ในขากลับเซี่ยเฟย, อู่หลง, อันเดร์และชาร์ลีได้ใช้เรือที่แก๊งอสรพิษดำได้ทิ้งเอาไว้เพื่อแล่นออกไปจากดินแดนลึกลับ โดยในระหว่างทางกลับพวกเขาไม่ได้พบกับอันตรายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
แม้แต่หมึกยักษ์ที่ลากเรือดำน้ำของแก๊งอสรพิษดำลงไปก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมาให้เห็น ซึ่งมันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าสัตว์โบราณเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของโซมะ
การเดินทางมายังแอตแลนติสในครั้งนี้เต็มไปด้วยเหตุการณ์หลากหลายความรู้สึก ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำองค์กรวายร้ายอย่างแก๊งอสรพิษดำยังถูกกำจัดลงไปแล้ว
ถ้าหากว่าแก๊งอสรพิษดำปราศจากเหล่าบรรดาแกนนำพวกเขาก็จะไม่สามารถสร้างปัญหาเหมือนเดิมได้อีกต่อไปและชะตากรรมที่รอคอยสมาชิกของแก๊งอยู่ก็มีเพียงการถูกจับกุมหรือไม่พวกเขาก็ต้องไปเข้าร่วมกับองค์กรวายร้ายอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามลูกเรือบนสตอร์มก็อดเดสทั้งหมดต่างก็เสียชีวิตลงภายใต้น้ำมือของแก๊งอสรพิษดำด้วยเช่นกัน ซึ่งในบรรดากลุ่มลูกเรือเหล่านั้นมันก็รวมถึงนักวิชาการและนักวิจัยเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพยายามจัดการกับเรื่องทั้งหมดก็คงจะยุ่งยากอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ด้วยอิทธิพลของตระกูลรอธส์ไชลด์ก็ไม่ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับพวกเขามากนัก
สิ่งที่ตระกูลรอธส์ไชลด์จำเป็นจะต้องทำมีเพียงแค่การรายงานไปยังรัฐบาลกลางว่าสตอร์มก็อดเดสได้เกิดอุบัติเหตุและจมลงไปสู่ก้นมหาสมุทร ซึ่งนอกเหนือจากผู้รอดชีวิตทั้งสี่คนนี้แล้วลูกเรือที่เหลือทั้งหมดต่างก็ล้วนแล้วแต่เสียชีวิตในท้องทะเล หลังจากนั้นพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตในราคาที่เหมาะสมโดยกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มากมายนัก
ระหว่างทางเซี่ยเฟยได้อธิบายเหตุการณ์ในพีระมิดให้กับอันเดร์และอู่หลงได้ฟัง แต่เขาได้ละเว้นรายละเอียดเกี่ยวกับหัวใจจักรวาล, แหวนมิติและจารึกมนตราอสูรเอาไว้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่มีกำลังมากพอที่จะปกป้องของเหล่านี้เอาไว้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการระมัดระวังตัวต่อทุกสิ่งทุกอย่างจึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็วางแผนที่จะหาทางชดเชยให้กับอู่หลงและอันเดร์ด้วยเช่นกัน เพราะมันเหมือนกับเขาได้เก็บสมบัติทั้งหมดเอาไว้ด้วยตัวคนเดียว
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็อธิบายว่าโซมะเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย ยิ่งไปกว่านั้นพวกอู่หลงยังได้เห็นการจู่โจมของหมึกยักษ์ด้วยตาของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงหลงเชื่อคำหลอกลวงของเซี่ยเฟยโดยสมบูรณ์
ทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่อันตรายมากและมันก็ไม่สมควรที่พวกเขาจะนำข้อมูลของดินแดนลึกลับแห่งนี้ไปเปิดเผยยังโลกภายนอก
—--
ทันทีที่เรือล่องไปจนถึงฝั่งเซี่ยเฟยและอู่หลงก็มุ่งหน้ากลับไปยังเมืองปักกิ่งและถึงแม้ว่าในตอนนี้เซี่ยเฟยจะร่ำรวยมากแต่เขาก็ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เขาจึงจำเป็นที่จะต้องพักอาศัยอยู่ในโรงแรมเป็นการชั่วคราว
อันที่จริงการที่คนโสดอย่างเซี่ยเฟยพักอยู่ในโรงแรมก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องการทำความสะอาดและมันยังมีคนคอยซักผ้าให้กับเขาอีกด้วย
ปัจจุบันบนโต๊ะไม้จันทน์สีแดงในห้องพักของโรงแรมได้มีของวางอยู่ 2 สิ่ง โดยหนึ่งในนั้นคือหัวใจจักรวาลขณะที่ของอีกอย่างคือแหวนมิติ
“อันธฉันจะใช้ของพวกนี้ได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“หัวใจจักรวาลเป็นคริสตัลที่บรรจุพลังงานดึกดำบรรพ์จากจักรวาลเอาไว้ ซึ่งในอารยธรรมชั้นสูงบางแห่งก็ได้ใช้คริสตัลชนิดนี้เป็นสกุลเงิน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถนำไปใช้ให้พลังงานกับยานอวกาศได้อีกด้วยและถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดก้อนเล็กเพียงแค่นี้ แต่มันก็สามารถทำให้ยานรบเดินทางในอวกาศได้เป็นเวลานานกว่า 1 ปี”
“นอกจากนี้มันยังมีคนบางกลุ่มใช้คริสตัลชนิดนี้เพื่อเพิ่มพลังความสามารถ ส่วนวิธีการของพวกเขาก็เป็นความลับซึ่งฉันก็ไม่รู้วิธีการพวกนั้นเหมือนกัน” อันธกล่าวขณะที่เขาได้ชำเลืองมองไปยังคริสตัลที่วางอยู่บนโต๊ะ
“คริสตัลก้อนแค่นี้สามารถให้พลังงานยานอวกาศได้เป็นปีเลยอย่างนั้นหรอ? ข้างในนี้มันจะต้องมีพลังงานบรรจุอยู่อย่างมหาศาลเลยใช่ไหม” เซี่ยเฟยหยิบคริสตัลสีแดงขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองอย่างระมัดระวัง
“ใช่สิ มันคือพลังงานดึกดำบรรพ์ของจักรวาลเชียวนะ พลังงานพวกนั้นก่อกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยที่จักรวาลได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ ๆ และทั่วทั้งจักรวาลก็มีคริสตัลพวกนี้อยู่อย่างจำกัด คริสตัลก้อนนี้ไม่ถือว่าใหญ่มากนักทำให้ราคาของมันในตลาดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200-300 ล้านสตาร์คอยน์” อันธกล่าวออกมาด้วยสีหน้าอันเฉยเมย
“300 ล้าน! คริสตัลก้อนเล็ก ๆ แค่นี้มีมูลค่ามากกว่าแหวนมิติอีกหรอ!”
“แบบนี้มันก็กลายเป็นว่าสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดสำหรับการเดินทางในครั้งนี้คือคริสตัลก้อนนี้สินะ” เซี่ยเฟยบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ส่วนแหวนมิติวงนี้ก็ให้สวมติดตัวเอาไว้ ตอนที่จะใช้งานก็แค่ลองจินตนาการว่านายกำลังเปิดพื้นที่มิติขึ้นมาเท่านั้นเอง” อันธกล่าว
หลังจากเซี่ยเฟยได้สวมแหวนเขาก็ทดลองเปิดพื้นที่มิติขึ้นมา 2-3 ครั้งซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากสำหรับเขาเลย เพราะเขาค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับการใช้ความคิดจินตนาการดีอยู่แล้ว
“พื้นที่มิติภายในแหวนใหญ่ประมาณไหน?” อันธกล่าวถาม
“น่าจะประมาณ 4 ลูกบาศก์เมตร” เซี่ยเฟยกล่าวตอบหลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้ามันมีพื้นที่ประมาณ 4 ลูกบาศก์เมตรมันก็น่าจะมีมูลค่าประมาณ 1,600 ล้านสตาร์คอยน์ ถือว่าแหวนวงนี้ใช้ได้ดีเลยทีเดียว” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“อะไรนะ!?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจจนเกือบจะตกเก้าอี้ เพราะแหวนวงเล็ก ๆ เพียงเท่านี้กลับมีมูลค่ามากถึง 1,600 ล้านสตาร์คอยน์ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมากพอที่จะซื้อเมืองปักกิ่งทั้งเมืองได้เลยทีเดียว
“นายจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น แหวนมิติเป็นสิ่งที่มีเฉพาะผู้เชี่ยวชาญสายมิติในตำนานเท่านั้นที่จะสามารถผลิตมันขึ้นมาได้ โดยปกติผู้ใช้พลังมิติก็หาได้ยากลำบากมากอยู่แล้ว ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่สามารถสร้างแหวนมิติขึ้นมาได้ก็หาได้ยากมากยิ่งกว่า” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
“พื้นที่มิติส่วนใหญ่มักที่จะเป็นพื้นที่ที่ไม่เสถียรและสามารถที่จะพังทลายลงมาได้ทุกเวลา ดังนั้นการพยายามรักษาพื้นที่มิติให้มั่นคงจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างน่าเหลือเชื่อ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงประเมินว่าแหวนวงนี้มีมูลค่ามากกว่า 1,600 ล้านสตาร์คอยน์ แต่ถ้าหากว่านายนำมันไปขายในร้านค้าประมูลฉันก็คิดว่ามูลค่าของมันคงไม่ต่ำไปกว่า 2,500 ล้านสตาร์คอยน์” อันธกล่าว
หลังจากได้ยินคำอธิบายเซี่ยเฟยก็หยิบผ้าฝ้ายขึ้นมาพร้อมกับเช็คแหวนอย่างระมัดระวังก่อนที่เขาจะได้สวมมันกลับไปยังนิ้วกลางของเขา
“2,500 ล้านสตาร์คอยน์! สมบัติที่มีมูลค่ามากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้คือแกสินะ” เซี่ยเฟยมองไปยังแหวนมิติพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอันยินดี
“นายเป็นพวกขาดประสบการณ์จริง ๆ สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของการเดินทางในครั้งนี้มันไม่ใช่แหวนมิติแต่มันคือจารึกมนตราอสูรต่างหาก” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“จารึกมนตราอสูรมีมูลค่ามากกว่า 2,500 ล้านสตาร์คอยน์อีกอย่างงั้นหรอ!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างคาดไม่ถึง
การเดินทางในครั้งนี้เขาได้รับสมบัติกลับมาเพียงแค่สามชิ้นเท่านั้นและเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าสมบัติแต่ละชิ้นที่เขาได้รับมามันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าหากว่าจารึกมนตราอสูรมีมูลค่ามากกว่า 2,500 ล้านสตาร์คอยน์จริง ๆ มันก็จะหมายความว่าสินทรัพย์ภายในมือของเขามีมูลค่ารวมกันมากกว่า 5,000 ล้านสตาร์คอยน์!!
เงินจำนวนนี้เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่ไม่มีใครในโลกกล้าคาดฝันเอาไว้อย่างแน่นอน เพราะมันเป็นเงินจำนวนที่อยู่เหนือเกินกว่าจินตนาการของคนทั่วไปอย่างแท้จริง
“ฉันคิดว่าจารึกมนตราอสูรนี้ควรจะเป็นบันทึกระดับดวงดาวซึ่งมันไม่มีแหวนมิติวงไหนที่จะสามารถนำไปเทียบมูลค่ากับมันได้” อันธกล่าว
บันทึกในจักรวาลถูกแบ่งระดับย่อย ๆ ออกเป็น 6 ระดับนับตั้งแต่ระดับมนุษย์, ระดับดิน, ระดับสวรรค์, ระดับดวงดาว, ระดับจักรวาลและระดับอนันต์
บันทึก 3 ระดับแรกสามารถที่จะหาซื้อได้ด้วยเงิน แต่บันทึกตั้งแต่ระดับดวงดาวเป็นต้นไปไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหาได้เพียงแค่มีเงินเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าหากว่าใครปราศจากความแข็งแกร่งและอิทธิพลอย่างเพียงพอการพยายามจะครอบครองบันทึกระดับดวงดาวก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นบันทึกเหล่านี้ยังเป็นความลับสำหรับสำนักต่าง ๆ มันจึงทำให้บันทึกแต่ละเล่มต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา ซึ่งมันก็จะมีเฉพาะศิษย์คนสำคัญของในแต่ละสำนักเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้รับการถ่ายทอดข้อความจากบันทึกเหล่านี้ ดังนั้นไม่ว่าใครก็คงจะจินตนาการได้ว่าบันทึกระดับดวงดาวขึ้นไปเป็นสิ่งที่มีค่ามากแค่ไหน
“จารึกมนตราอสูรมีมูลค่าเท่าไหร่อย่างนั้นหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
***************
พี่เฟยจะตีมูลค่าทุกอย่างเป็นเงินจริงๆหรอออ..ถ้าพี่เฟยเรียนมนตราอสูรแบบนี้พี่เฟยจะกลายเป็น Pokémon เทรนเนอร์ใช่ไหม 555