ตอนที่แล้วตอนที่ 2: น้ำยาปรับสภาพยีน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4: ระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐาน

ตอนที่ 3: พลังพิเศษ


ตอนที่ 3: พลังพิเศษ

อันที่จริงน้ำยาหยกม่วงที่ ดร.แฮร์ริสได้ทำการวิจัยขึ้นมาไม่ใช่ยาพิษแต่อย่างใดและผลลัพธ์ของน้ำยาชนิดนี้มันก็เหนือเกินกว่าสิ่งที่ทุกคนได้คาดคิดเอาไว้มาก

เมื่อเซี่ยเฟยได้ทำการดื่มน้ำยาหยกม่วงเข้าไปเขาก็สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากวิธีการที่น้ำยาชนิดอื่น ๆ ได้ทำการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เทียบกับการเปิดประตู น้ำยาหยกม่วงที่เซี่ยเฟยได้ดื่มเข้าไปมันก็มีประสิทธิภาพคล้ายกับการระเบิดประตูและทำให้แม้แต่กำแพงบริเวณรอบ ๆ ประตูก็ยังถูกพังทลายหายไป

เมื่อปราศจากสิ่งกีดขวาง พลังอันมหาศาลที่ถูกกักเก็บเอาไว้ในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ทั้งหมดก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา โดยพลังอันไร้ขอบเขตเหล่านี้ได้พุ่งเข้าหาสมองของเซี่ยเฟยราวกับสึนามิถล่ม!!

เหตุการณ์นี้ได้ทำให้เซี่ยเฟยสูญเสียความรู้สึกของเขาไปทั้งหมดก่อนที่ร่างทั้งร่างของเขาจะได้จมลงไปในอ่างน้ำเย็น

ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่ได้ทำการต่อต้านพลังของน้ำยาหยกม่วงและปล่อยให้พลังของน้ำยาพุ่งทะยานต่อไปเหมือนกับผู้เข้าร่วมการทดลองใช้น้ำยาหยกม่วงในก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะหลับไปชั่วนิรันดร์และไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

อย่างไรก็ตามเมื่อมนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันน่าสิ้นหวังพวกเขาก็จะระเบิดแรงปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยเฉพาะผู้ที่ดูอ่อนแอในช่วงเวลาปกติ!

สถานการณ์ในปัจจุบันได้ทำให้ร่างของเซี่ยเฟยที่จมอยู่ในอ่างน้ำสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรงจนทำให้น้ำภายในอ่างสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งพื้นที่ โดยปฏิกิริยาของเซี่ยเฟยคล้ายกับว่ามันได้มีใครเอาสายไฟฟ้าแรงสูงจุ่มลงไปในอ่างน้ำ

ช่วงเวลานี้เซี่ยเฟยได้สูญเสียสติของเขาไปเกือบทั้งหมดแต่สัญชาตญาณของเขาก็กำลังกรีดร้องออกมาว่า

อย่ายอมแพ้จนวินาทีสุดท้าย!!

โดยปกติความสำเร็จจะเกิดขึ้นจากการทำงานอย่างหนัก 99% และพึ่งพาอาศัยโชคอีก 1% แต่ในปัจจุบันเซี่ยเฟยได้พยายามดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอดโดยใช้พลังไปเกินกว่า 200% แล้วแต่มันก็ยังไม่มีความโชคดีปรากฏขึ้นมาในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเลย

ระหว่างนั้นน้ำภายในอ่างก็ไหลเข้าไปภายในปาก, จมูกและหูของเซี่ยเฟยอย่างต่อเนื่องจนทำให้เขาหายใจไม่ออกและต้องทนทุกข์ทรมานกับของเหลวภายในร่างกายถึงสองชนิด

ทุก ๆ วินาทีที่ผ่านพ้นไปแรงของเซี่ยเฟยก็ลดลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่ในทันใดนั้นเองสร้อยหินมัวร์ที่มีรูปร่างเหมือนหยดเลือดที่เขาแขวนเอาไว้อยู่ที่คอก็ได้เปล่งแสงสว่างสีแดงออกมาจนทำให้ห้องน้ำอันคับแคบแห่งนี้ดูเหมือนกับถูกย้อมไปด้วยโลหิต

—--

แสงอาทิตย์ยามเช้าได้สาดส่องผ่านเข้ามาภายในห้องอันคับแคบและทำให้ห้องน้ำที่เซี่ยเฟยนอนสลบอยู่ค่อย ๆ สว่างขึ้นมามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

ฮัดชิ้ว!

เซี่ยเฟยจามออกมาก่อนที่เขาจะพยายามลุกขึ้นมาจากพื้น โดยในตอนนี้เขามีสีหน้าอันซีดเผือดและร่างกายของเขาก็ให้ความรู้สึกอ่อนแอเป็นอย่างมาก

ฮัดชิ้ว ๆ ๆ!

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้จามออกมา 3 ครั้งติดต่อกันเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นร่างกายของเขาก็สามารถที่จะฟื้นตัวขึ้นมาด้วยความรวดเร็วในอัตราที่น่าเหลือเชื่อ

“โอ้ยหนาว!!”

เซี่ยเฟยส่งเสียงอุทานพร้อมกับรีบวิ่งออกไปจากอ่างอาบน้ำและไปมุดซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง ซึ่งกระบวนการทุกอย่างที่เขาได้ทำในช่วงเวลานี้เกิดขึ้นในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!!

ครึ่งชั่วโมงต่อมาร่างกายของเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ อุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากที่เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่แห้งสนิทแล้วเขาก็กลับไปยังห้องนั่งเล่นอีกครั้ง

เขาลืมไปหมดแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงได้ไปนอนอยู่ในห้องน้ำและตัวเปียกโชกไปทั่วทั้งร่างกาย เขาจำได้เพียงแต่ว่าเขาได้ดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปก่อนที่ภาพจะตัดมาในตอนที่เขาตื่นนอน อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเริ่มตั้งสติได้แล้วเขาก็รีบทำการตรวจสอบตัวเองเพื่อทำการค้นหาว่าเขาได้รับพลังพิเศษอะไรมา

เซี่ยเฟยลองทำการยืดร่างกายและเขาก็รู้สึกว่ามันไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ จากการที่เขาได้ดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและเขาก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง

ขณะเดียวกันภายในห้องนั่งเล่นแห่งนี้ก็มีกระสอบทรายโทรม ๆ อยู่หนึ่งอันและถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนักแต่มันก็สามารถนำมาใช้ทดสอบกำลังของเขาได้

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หรี่ตาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนที่เขาจะทำการปล่อยหมัดขวาออกไปเต็มแรง!!

ปัง

“เอ๊ะ?”

เซี่ยเฟยแทบที่จะไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองเพราะความเร็วของหมัดที่เขาได้ปล่อยออกไป มันรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัดและมันก็ทำให้เขาได้นึกถึง 'หัตถ์ไร้เงา' ในตำนาน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานี้มันก็มีโอกาสความเป็นไปได้อยู่ 2 ประเภท โดยความเป็นไปได้ประการที่หนึ่งคือตาของเขาคงจะพร่ามัวจนมองเห็นภาพหลอน ส่วนความเป็นไปได้ประการที่สองคือน้ำยาปรับสภาพยีนได้เพิ่มความเร็วของเขา

น่าเสียดายที่ห้องแห่งนี้คับแคบจนเกินไปและเขาก็ไม่สามารถที่จะทดสอบความเร็วของเขาภายในห้องแห่งนี้ได้ ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงเดินลงบันไดของอะพาร์ตเมนต์และมุ่งหน้าตรงไปยังสวนที่อยู่ตรงบริเวณด้านหลังของอาคาร

สวนด้านหลังอะพาร์ตเมนต์เคยเป็นโรงงานเครื่องหนังมาก่อน ซึ่งเมื่อเซี่ยเฟยได้เดินเข้ามาเขาก็ได้พบกับกลิ่นเหม็นและวัชพืชที่เติบโตขึ้นมาอย่างมากมาย

ในปัจจุบันมันยังเป็นเวลาเช้าตรู่ดังนั้นสวนแห่งนี้จึงยังคงว่างเปล่า ซึ่งนอกเหนือจากแมวน้อยตัวสีขาวที่กำลังนอนบิดขี้เกียจอยู่ตัวหนึ่ง เขาก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ กับเขาเลย

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ลองก้าวเท้าของเขาออกไปพร้อมกับพยายามวิ่งไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยวัชพืชอย่างรวดเร็ว ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังวิ่งอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของสายลมที่ได้ดังแว่วเข้ามาภายในหู

“ความเร็วขนาดนี้มันจะต้องเป็นพลังพิเศษแน่ ๆ! หรือว่าฉันจะได้กลายเป็นเหมือนกับเจ้าของวลี ‘บุรุษที่เร็วที่สุด’ ไปแล้ว!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

มนุษย์มากกว่า 70% ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้จะได้รับพลังที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ โดยพลังในการต่อสู้จะแบ่งประเภทหลัก ๆ ได้ทั้งหมด 3 สายคือ พลังสายความแข็งแกร่ง, พลังสายความเร็วและพลังสายพิเศษ

ในบรรดาพลังทั้งสามประเภทพลังสายความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุด รองลงมาคือพลังสายความเร็วและพลังสายพิเศษจะเป็นสิ่งที่หาพบได้ยากมากที่สุด

จากสถิติเท่าที่เขาได้อ่านมาในบรรดาผู้ที่ได้รับพลังการต่อสู้ 100 คนจะเป็นผู้ที่ได้รับพลังสายความแข็งแกร่ง 80 คน, พลังสายความเร็ว 15 คนและมีผู้ที่ได้รับพลังสายพิเศษอยู่เพียงแค่ 5 คน

ขณะเดียวกันตรงหน้าของเซี่ยเฟยก็เป็นกำแพงที่มีขนาดความสูงประมาณ 1.7 เมตร ซึ่งหลังจากที่เขาได้ออกแรงถีบจากขาซ้ายเพียงแค่เล็กน้อยเขาก็สามารถที่จะกระโดดข้ามกำแพงตรงหน้าของเขาได้อย่างง่ายดายและท่าทางการกระโดดของเขามันก็ดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งกว่านักกีฬากระโดดข้ามรั้วเสียอีก

การเคลื่อนไหวราวกับสายลมมันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เองสินะ!

จากการประเมินในตอนนี้เขาก็สมควรที่จะวิ่งก้าวข้ามระยะ 100 เมตรได้ในเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีทั้ง ๆ ที่คนปกติจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาวิ่งเกินกว่า 10 วินาที ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ก็ทำให้เด็กหนุ่มผู้เคยเป็นพนักงานปั่นจักรยานส่งของได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ใช้พลังพิเศษที่หายากในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน

ในขณะที่เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจกับพลังของตัวเองเขาก็รู้สึกทึ่งกับพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อย่างแท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้นการวิ่งก้าวข้ามระยะ 100 เมตรภายในเวลา 5 วินาทีก็ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา ซึ่งในอนาคตอันใกล้เขาย่อมสามารถวิ่งได้เร็วกว่านี้อย่างแน่นอน!

หลังจากได้กลับเข้ามาภายในห้องเซี่ยเฟยก็รีบทำการอาบน้ำพร้อมกับเปลี่ยนชุดด้วยความรวดเร็วเนื่องมาจากว่าเสื้อผ้าที่เขาได้ใส่ออกไปในตอนเช้าได้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อระหว่างที่เขาพยายามทดสอบความสามารถของตัวเอง

ในเวลาต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้ทำการขี่จักรยานของเขามุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ทางทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งมันเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานจัดการพลเมืองของสหพันธ์โลก

สำนักงานจัดการพลเมืองของเมืองปักกิ่งได้ตั้งอยู่ตรงบริเวณย่านอันพลุกพล่านทางทิศตะวันตก ซึ่งแต่เดิมมันเคยเป็นสถานที่ตั้งของสถานทูตประเทศต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันมันได้ถูกเปลี่ยนเป็นอาคารของสหพันธ์โลกและทำให้สถานทูตค่อย ๆ ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา

เนื่องมาจากมนุษย์ได้รู้จักพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ทางสหพันธ์โลกจึงได้ทำการแบ่งระดับคลาสของพลเมืองเอาไว้เป็นหลายๆระดับและพลเมืองที่มีพลังพิเศษก็จะถูกจัดระดับให้เป็นพลเมืองระดับคลาส A

สหพันธ์โลกยังถือได้ว่าได้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของอารยธรรมจักรวาล มันจึงทำให้ผู้มีพลังพิเศษแต่ละคนเป็นตัวตนที่มีค่าเป็นอย่างมาก โดยทางรัฐบาล, กองทัพและบริษัทขนาดใหญ่ต่างก็พยายามที่จะยื่นข้อเสนอเพื่อดึงตัวผู้มีพลังเหล่านี้เข้าไปภายในองค์กรของตนเอง

ในขณะเดียวกันเมื่อพลเมืองคนใดสามารถที่จะเลื่อนระดับกลายเป็นพลเมืองระดับคลาส A ได้สำเร็จ พวกเขาก็ไม่เพียงแต่จะได้รับสิทธิพิเศษอย่างมากมายเท่านั้นแต่พวกเขายังจะได้รับเงินรางวัลจากรัฐบาลกลางจำนวน 100,000 แอลไลคอยน์อีกด้วย

“ถ้าฉันได้รับเงินรางวัล ฉันจะได้ย้ายออกไปจากเขตสลัมและหางานที่ดีกว่านี้ทำซักที” เซี่ยเฟยคิดถึงอนาคตด้วยความสุข

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังขี่จักรยานลัดเลาะไปตามท้องถนนราวกับว่าเขาเป็นปลาไหลที่ว่องไวและเมื่อเขาได้มองไปในระยะไกลเขาก็ได้เห็นอาคารสูง 12 ชั้นที่ถูกประดับเอาไว้ด้วยตัวอักษร ‘A’ ขนาดยักษ์สีทอง ซึ่งตัวอักษรขนาดใหญ่ตัวนี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากและมันก็ทำให้ตัวอาคารได้กลายเป็นสถานที่อันโดดเด่นยิ่งกว่าอาคารโดยทั่วไป

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำการจอดรถจักรยานของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินเข้าไปภายในอาคารอันโดดเด่น ซึ่งเขาก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงบริเวณแผนกต้อนรับโดยเธอคนนี้ดูมีอายุเพียงแค่ 20 นิด ๆ เท่านั้น

“สวัสดีครับผมมาขอลงทะเบียนเป็นพลเมืองระดับคลาส A ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูสุภาพ แต่หลังจากที่เขากล่าวจบผู้คนที่นั่งกระจัดกระจายทั่วทั้งห้องโถงก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็ว โดยคนเหล่านี้ได้พยายามยื่นกล่องของขวัญอันปราณีตไปให้กับเซี่ยเฟย

“สวัสดีครับผมเป็นตัวแทนจากกลุ่มบริษัทไฟเซอร์ฟาร์มาซูติคอล ผมหวังว่าคนที่โดดเด่นแบบคุณจะเลือกมาทำงานกับบริษัทของพวกเรา ส่วนทางด้านของค่าตอบแทนและสวัสดิการผมรับรองได้เลยว่ามันจะต้องทำให้คุณตาลุกวาวอย่างแน่นอน” ตัวแทนจากบริษัทแห่งหนึ่งได้ทำการยื่นนามบัตรและของขวัญให้กับเซี่ยเฟย

ไฟเซอร์ฟาร์มาซูติคอล!

“นั่นมันบริษัท 500 อันดับแรกของโลกผู้คิดค้น 'ไวอากร้า'!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาภายในใจ

“สวัสดีครับผมเป็นตัวแทนจากบริษัทเอ็กซอนโมบิล หากคุณต้องการคุณสามารถที่จะร่วมงานกับพวกเราได้ในทันที”

“สวัสดีครับผมเป็นตัวแทนจากบริษัทไอบีเอ็มไม่ทราบว่าคุณต้องการที่จะร่วมงานกับบริษัทของพวกเราหรือเปล่าครับ”

“สวัสดีครับผมเป็นตัวแทนจากบริษัทไมโครซอฟท์ถ้าหากว่าคุณมีความสามารถด้านปัญญาเชิญคุณเดินทางมาเยี่ยมชมบริษัทของพวกเราได้เลย แล้วถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้มีความสามารถทางด้านปัญญาแต่พวกเราก็พร้อมที่จะยินดีต้อนรับคุณอยู่เสมอ”

“นี่ครับนายท่านกระผมเป็นตัวแทนจากบริษัทดีลอยท์ ถ้าหากว่าคุณต้องการได้รับคำแนะนำทางด้านการเงินบริษัทของพวกเรายินดีที่จะให้บริการคุณด้วยความเต็มใจและพวกเราจะไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ กับคุณทั้งสิ้น”

ไอบีเอ็ม! ไมโครซอฟท์! เอ็กซอนโมบิล!

เซี่ยเฟยเกือบจะเป็นลมหลังจากที่เขาได้ยินชื่อของบริษัทที่ตัวแทนเหล่านี้ได้กล่าวขึ้นมา

ตัวแทนจากบริษัทเหล่านี้ทั้งหมดต่างก็ล้วนแล้วแต่มาจากบริษัทอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งการพยายามจะสมัครเข้าไปเป็นพนักงานของบริษัทเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในตอนนี้บริษัทระดับโลกจำนวนมากกลับได้มาร้องขอให้เขาไปทำงานกับบริษัทของตน

นี่มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหม!?

ในคืนเดียวพนักงานปั่นจักรยานส่งของอย่างเซี่ยเฟยกลับได้กลายเป็นบุคคลที่บริษัทระดับโลกเป็นจำนวนมากต่างก็ต้องการแย่งชิงตัว ซึ่งมันไม่ต่างไปจากการที่นกกระจอกได้รับการวิวัฒนาการจนกลายเป็นนกฟินิกซ์

นี่สินะคือผลประโยชน์ของผู้ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้สำเร็จ!

“เอาล่ะทุกคน! เรื่องของพวกคุณเอาไว้ค่อยไปคุยกันทีหลัง ตอนนี้ฉันต้องพาเขาไปทำการทดสอบก่อน” พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับพยายามแยกตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ ออกไปและถึงแม้ว่าตัวแทนจากบริษัทเหล่านี้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่พวกเขาก็ยินยอมที่จะถอยกลับไปยังที่นั่งของตนเองแต่โดยดี

“สวัสดีผมชื่อหวังปิน เชิญคุณตามผมมาทางนี้หน่อย”

หลังจากนั้นหวังปินก็ได้พาเซี่ยเฟยเข้าไปภายในห้องสว่างไสวที่มีพนักงานในชุดเครื่องแบบ 2 คนยืนรออยู่ โดยใบหน้าของพนักงานทั้ง 2 คนต่างก็ถูกประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม

ต่อมาพนักงานชายผมสีทองที่ดูมีอายุก็เดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยด้วยความกระฉับกระเฉง ซึ่งด้านข้างของเขาก็มีสาวแว่นอายุประมาณ 30 ปีเดินตามมาด้วย

“ขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อันลึกลับได้สำเร็จ ไม่ทราบว่าคุณได้รับความสามารถแบบไหนมาอย่างนั้นหรอ” พนักงานผมสีทองกล่าวถามเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม

“ความเร็ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา

“เอ๊ะ! นี่คุณเข้าใจภาษายูเครนที่ผมพูดอย่างนั้นหรอ!!” พนักงานผมทองอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะแต่เดิมเขาตั้งใจที่จะให้สาวแว่นด้านข้างทำการแปลภาษาให้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเซี่ยเฟยพูดภาษายูเครนได้คล่องกว่าล่ามของเขาเสียอีก

“ผมพูดได้แค่นิด ๆ หน่อย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับเกาหัวด้วยความเขินอาย

ความจริงเซี่ยเฟยก็ไม่เคยเรียนภาษายูเครนมาก่อน สาเหตุที่เขาสามารถพูดคุยกับพนักงานผมทองคนนี้ได้นั่นก็เพราะไมโครชิพแปลภาษาที่ถูกฝังเอาไว้ภายในร่างกายของเขา

ไมโครชิพแปลภาษาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่น่าทึ่งเป็นอย่างมากเพราะมันสามารถที่จะทำการแปลภาษาส่วนใหญ่ภายในจักรวาลแห่งนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะที่ไม่จำเป็นจะต้องมีการเก็บข้อมูลเอาไว้ล่วงหน้าอีกด้วย

ด้วยผลของไมโครชิพแปลภาษานี่เองมันจึงทำให้ทันทีที่เซี่ยเฟยได้ยินพนักงานคนนั้นพูดด้วยภาษายูเครนออกมา ปากของเขาก็ได้ตอบกลับไปเป็นภาษายูเครนอย่างเป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน

“คุณช่างเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสามารถจริง ๆ ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการผมมีชื่อว่าโพดอสกี้เป็นผู้จัดการสำนักงานจัดการพลเมืองประจำสาขาเมืองปักกิ่ง” โพดอสกี้กล่าวออกมาด้วยความยินดี

โดยปกติสหพันธ์โลกก็ให้ความสำคัญกับผู้ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อย่างมากอยู่แล้วและเมื่อเซี่ยเฟยสามารถพูดภาษายูเครนได้อย่างคล่องแคล่วโพดอสกี้จึงรู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มคนนี้มากเป็นพิเศษ

“ผมชื่อเซี่ยเฟยเป็นชาวจีน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป

“มันคงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่าถ้าหากว่าคุณจะเรียกตัวเองว่าเป็นพลเมืองของสหพันธ์โลก” โพดอสกี้กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“ขอโทษทีครับ ผมค่อนข้างจะเคยชินกับการแนะนำตัวแบบเดิมไปซักหน่อย มันคงจะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่ผมจะเคยชินกับการแนะนำตัวแบบใหม่” เซี่ยเฟยเกาหัวด้วยความเขินอายเล็กน้อย

ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังแลกเปลี่ยนคำพูดกันอย่างรวดเร็วสาวแว่นก็อดที่จะเงี่ยหูฟังอย่างระมัดระวังขึ้นมาไม่ได้ ซึ่งในบางครั้งเธอก็ไม่สามารถตามบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนนี้ได้ทันและมันก็ทำให้เธอรู้สึกชื่นชมเซี่ยเฟยเป็นอย่างมาก

‘เขาพูดภาษายูเครนได้อย่างคล่องแคล่วจริง ๆ ภาษายูเครนถือได้ว่าเป็นภาษาที่เรียนรู้ได้อย่างยากลำบากและโดยปกติมันก็ไม่ค่อยมีใครสนใจจะมาเรียนรู้ภาษานี้มากนัก แม้ว่าฉันจะได้เรียนรู้ภาษายูเครนมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้วแต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจบทสนทนาระหว่างพวกเขาได้หรือว่าเซี่ยเฟยคนนี้จะเป็นอัจฉริยะทางด้านภาษา?’ สาวแว่นคิดกับตัวเองด้วยความสงสัย

“พระเจ้า! นี่มันความเร็วเฉลี่ย 23 เมตรต่อวินาที!! ตอนนี้คุณได้กลายเป็นผู้มีพลังระดับสตาร์ไลท์แล้ว!!!”

ทั้งหวังปินและสาวแว่นต่างก็เผยสีหน้าออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ผู้มีพลังพิเศษได้ถูกแบ่งระดับย่อย ๆ ออกเป็นหลายระดับโดยผู้มีระดับต่ำที่สุดคือระดับสตาร์ไลท์ จากนั้นจะเป็นระดับสตาร์เบส, ระดับสตาร์ฟิลด์และระดับสตาร์ริเวอร์

แน่นอนว่าถ้าหากใครเป็นผู้มีพลังพิเศษในระดับที่สูงขึ้นย่อมได้รับสิทธิพิเศษที่มากยิ่งขึ้นและพวกเขาก็จะมีอำนาจภายในจักรวาลที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกันในทุก ๆ ระดับมันก็จะมีการแบ่งระดับย่อยลงไปอีกโดยระดับย่อย ๆ จะแบ่งออกเป็นขั้นพื้นฐาน, ขั้นกลางและขั้นสูง

ในตอนนี้ระดับพลังพิเศษของเซี่ยเฟยได้อยู่เหนือระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานไปไกลและเขาก็คงจะเลื่อนระดับไปเป็นระดับสตาร์ไลท์ขั้นกลางในไม่ช้า

“เซี่ยเฟย ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณสามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เมื่อไหร่ แล้วคุณใช้วิธีไหนในการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7?” โพดอสกี้กล่าวถาม

“ผมใช้วิธีการฝึกฝนตามปกติและผมก็เพิ่งปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เมื่อวานนี้เอง ถ้าจะพูดให้ลงลึกไปกว่านั้นนั่นก็คือผมสามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เมื่อคืน”

เซี่ยเฟยตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงการบอกว่าเขาได้ทำการดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไป เพราะมันคงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากถ้าหากว่าเขาต้องมานั่งอธิบายเรื่องที่เขาได้ถูกจับไปขังเอาไว้ภายในคุกของดาวบลูซี

ช็อก!

โคตรช็อก!

ผู้ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ผ่านการฝึกฝนด้วยตัวเองมีอยู่น้อยกว่า 1 ใน 10,000 คน นอกจากนี้หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เขาก็สามารถพัฒนาความสามารถจนอยู่ในระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานได้ในทันที ซึ่งเรื่องนี้ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง

การปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 กับการพัฒนาความสามารถให้อยู่ในระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีคนที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของพวกเขาได้ แต่คนที่สามารถพัฒนาความสามารถมาจนถึงระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานได้ก็มีอยู่น้อยมาก

ขณะที่โพดอสกี้, หวังปินและสาวแว่นกำลังชื่นชมเซี่ยเฟยอยู่นั้น จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดกับเขาว่า

“ไอ้โง่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็ขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตัวด้วยความรวดเร็ว แต่นอกเหนือจากโพดอสกี้, หวังปินและสาวแว่นแล้วมันก็ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้อีกเลย

“ใครวะ!?”

***************

เออ..ใครวะ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด