ตอนที่ 28: จารึกมนตราอสูร
ตอนที่ 28: จารึกมนตราอสูร
ความเร็วถือได้ว่าเป็นพลังพิเศษที่มีพลังในการทะลุทะลวงมากที่สุด การระเบิดพลังของเซี่ยเฟยก็สามารถที่จะก้าวข้ามระยะประมาณ 100 เมตรได้ในเวลาเพียงแค่ 0.5 วินาทีซึ่งมันเป็นเวลาที่เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น
ขณะเดียวกันมือขวาของเซี่ยเฟยก็ได้กลายเป็นเส้นแสงสีทองที่จู่โจมเข้าใส่หัวใจของไวเปอร์ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งก็ทำหน้าที่คว้าหัวใจจักรวาลเอาไว้
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยในคราวนี้ดูราบรื่นกว่าในครั้งก่อนมากและเขาก็ไม่ได้ลงมือเพียงแค่ฉกฉวยก้อนคริสตัลจากมือของไวเปอร์เท่านั้น แต่เขายังลงมือสังหารภายใต้การเคลื่อนไหวในครั้งนี้อีกด้วย
ความสามารถพิเศษของไวเปอร์คือเขี้ยวอสรพิษซึ่งมันไม่ใช่พลังพิเศษที่เหมาะสมสำหรับการต่อต้านผู้มีพลังพิเศษสายความเร็วมากเท่าไหร่ แต่เมื่อไวเปอร์ได้เห็นประกายแสงสีทองที่เข้ามาใกล้ร่างกายของเขาก็พ่นแก๊สสีเขียวออกมาตามสัญชาตญาณ
“แย่แล้ว!” เซี่ยเฟยอุทานก่อนที่เขาจะกระตุ้นกล้ามเนื้อที่ต้นขาเพื่อเร่งความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม
ในตอนแรกเซี่ยเฟยเคลื่อนที่ไปเป็นเส้นตรงแต่ในวินาทีถัดมาเขาก็เคลื่อนที่หันไปทางที่แก๊สสีเขียวเบาบางมากที่สุด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถที่จะหลบหลีกการจู่โจมจากแก๊สสีเขียวได้
ทันทีที่เซี่ยเฟยสูดแก๊สสีเขียวเข้าไปมันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในกำลังถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง!
“รีบกินผลเนตรนาคาเข้าไป 3 ลูกแล้วหยุดเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดซะ” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
เมื่อได้ยินคำสั่งเซี่ยเฟยก็รีบทำการเก็บหัวใจจักรวาลเข้าไปในกระเป๋าของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบหยิบผลเนตรนาคา 3 ผลออกมาโยนเข้าไปภายในปาก
กรุบ! กรุบ!
หลังจากที่เซี่ยเฟยเคี้ยวผลเนตรนาคามันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับพลังงานอันสดชื่นได้ไหลเข้าไปสู่ร่างกาย ซึ่งความรู้สึกของมันมีความคล้ายคลึงกับการกินเป๊ปเปอร์มิ้นท์อยู่เล็กน้อยแต่มันให้ความรู้สึกที่เข้มข้นกว่า
ผลเนตรนาคาเป็นผลที่เกิดขึ้นมาจากต้นงูทองคำในหนองน้ำ ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะเพิ่มพลังทางกายภาพหลังจากบริโภคเข้าไปเท่านั้นแต่มันยังมีคุณสมบัติช่วยต้านทานพิษและช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย มันจึงทำให้ผลไม้ชนิดนี้ถูกรู้จักในนามผลไม้สารพัดประโยชน์ที่มีราคาถูกที่สุดในจักรวาล
“ฉันประเมินเขาต่ำเกินไปจริง ๆ ถ้าหากว่าเขาสามารถฝึกฝนจนปล่อยแก๊สพิษออกมาได้แบบนี้ มันก็หมายความว่าระดับความสามารถของเขาสมควรที่จะอยู่ในระดับสตาร์ฟิลด์เป็นอย่างน้อย” อันธกล่าว
“ระดับสตาร์ฟิลด์!!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าไวเปอร์ผู้ซึ่งไม่เคยเปิดเผยความสามารถจะมีพลังที่น่าเกรงขามถึงระดับนี้
จำนวนของผู้มีพลังพิเศษระดับสตาร์เบสภายในโลกมีอยู่ไม่ถึง 100 คนแล้วมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดาว่าผู้มีระดับความสามารถถึงระดับสตาร์ฟิลด์จะมีอยู่น้อยมากแค่ไหน
โชคดีที่สภาพจิตใจของเซี่ยเฟยตื่นตัวอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเขาจึงสามารถเบี่ยงหลบอันตรายออกไปได้ในทันที ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมามันก็อาจจะเป็นหายนะสำหรับเขาอย่างแน่นอน
เมื่อเซี่ยเฟยได้กินผลเนตรนาคาเข้าไปมันก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายจะหยุดลงไปในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที
ขณะเดียวกันไวเปอร์ก็ยังคงยืนนิ่งและไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการจู่โจมเซี่ยเฟย โดยในปัจจุบันทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เพราะท้ายที่สุดการปล่อยแก๊สพิษเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะทำนอกเสียจากว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ และทุกครั้งที่เขาได้ทำการปล่อยแก๊สพิษออกมาร่างกายของเขาจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
“พิษยังคงแพร่กระจายอยู่ นายรีบออกไปจากห้องนี้ดีกว่า” อันธกล่าวซึ่งเซี่ยเฟยก็รีบออกไปทางประตูหลักอย่างไม่ลังเล
ปัง!
แต่ในทันใดนั้นเองแผ่นหินขนาดใหญ่ก็ได้ร่วงหล่นลงมาปิดกั้นทางออกเดียวของห้องนี้เอาไว้ก่อนที่ทั่วทั้งห้องโถงจะสว่างขึ้นมาด้วยสัญญาณเตือนสีเหลือง ขณะเดียวกันมันก็มีของเหลวเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนไหลรินลงมาจากด้านบนทำให้ห้องแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้กลิ่นตลบอบอวลอย่างรวดเร็ว
ของเหลวเหล่านี้มีกลิ่นค่อนข้างจะเหม็นเปรี้ยวซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันไม่ใช่น้ำบริสุทธิ์โดยทั่วไป ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงรีบถอยกลับไปยังมุมห้อง
“ของเหลวพวกนั้นเป็นยาแก้พิษ อาคารแห่งนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ล้างพิษเอาไว้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นทันทีที่ระบบตรวจพบแก๊สพิษพวกมันจึงทำการปล่อยยาแก้พิษออกมา” อันธกล่าวอธิบาย
โชคดีที่แก๊สสีเขียวได้ลดลงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งสถานการณ์นี้ก็ทำให้ไวเปอร์เผยสีหน้าออกมาอย่างไม่พอใจ เพราะถ้าหากว่าแก๊สพิษได้หายไปมันก็เหมือนกับเขาได้สูญเสียแขนขาของตัวเอง
“คุณคือเซี่ยเฟยสินะ? คุณยังไม่ตายอย่างนั้นหรอ?” ไวเปอร์กล่าวถาม
“ในโลกนี้มันยังมีคนอีกมากมายที่สมควรตายแต่ยังมีชีวิตอยู่ โชคร้ายที่วันตายของฉันยังมาไม่ถึง” เซี่ยเฟยตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะได้กล่าวถามออกไปว่า
“ทำไมแกถึงดูผิดหวังมากขนาดนั้นล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถามไวเปอร์ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปสะบัดผมที่เปียกโชกและหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาทำความสะอาดรองเท้าของเขาอีกครั้ง
เขาสามารถตระหนักได้ในทันทีว่าท่ามกลางของเหลวเหล่านี้แก๊สพิษของเขาก็เป็นเพียงแค่ความสามารถที่ไร้ประโยชน์
หลังจากไวเปอร์โยนผ้าเช็ดหน้าลงไปในแอ่งน้ำที่ท่วมขังเขาก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปด้านหน้าก่อนที่มือของเขาจะได้กลายเป็นสีดำอีกครั้ง
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์นี้อยู่อย่างต่อเนื่องและเขาก็พยายามที่จะถ่วงเวลาเอาไว้อย่างเต็มที่เพื่อหวังว่าร่างกายของเขาจะสามารถฟื้นฟูสภาพกลับมาได้ถึง 100%
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้คู่ต่อสู้ของเขายังเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญในระดับสตาร์ฟิลด์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะประมาทได้เลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อมันได้รวมผลของยาแก้พิษที่ถูกเทลงมาและผลเนตรนาคาที่เซี่ยเฟยกินเข้าไป มันจึงทำให้สารพิษภายในร่างของชายหนุ่มได้รับการชำระล้างอย่างรวดเร็วและในทันใดนั้นเซี่ยเฟยกับไวเปอร์ก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวพร้อม ๆ กัน
นิ้วทั้ง 10 ของไวเปอร์ถูกยืดออกไปจนคล้ายกับดาบยาว 10 เล่มที่จู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางด้านของเซี่ยเฟยก็พยายามก้มตัวลงพร้อมกับเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วทั้ง 10 ราวกับว่าเขาเป็นปลาไหลที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไว
วินาทีต่อมาไวเปอร์ก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยการกวาดนิ้วของเขาออกไปเพื่อพยายามขัดขวางการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยทำการตอบสนองการเคลื่อนไหวในครั้งนี้อย่างรวดเร็ว โดยการเคลื่อนที่ไปตามทิศที่นิ้วได้ถูกกวาดออกไป ซึ่งในเวลาเดียวกันเขาก็พยายามเคลื่อนที่เข้าใกล้ไวเปอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ
50 เมตร!
30 เมตร!
10 เมตร!
ระยะ 10 เมตรถือได้ว่าเป็นระยะที่ใกล้ที่สุดที่เซี่ยเฟยจะสามารถเข้าใกล้ไวเปอร์ได้ เพราะถ้าหากว่าเขาเข้าใกล้ไปมากกว่านี้เขาอาจจะถูกข่วนจากนิ้วที่แหลมคมและถ้าหากว่าเขาได้รับบาดเจ็บมันก็อาจจะส่งผลกระทบถึงตายได้เลย
ขวับ!
แต่ในทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็เกร็งกล้ามเนื้อที่แขนขวาของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะทำการขว้างโกลเดนสทิงเกอร์ออกไปจนทำให้มีดเล่มนี้พุ่งออกไปด้วยความเร็วมากกว่าลูกกระสุน
ฉึก!
ไวเปอร์ไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยเฟยจะทำการขว้างมีดของตัวเองออกมาและด้วยความประมาทที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว มีดสีทองจึงได้ปักเข้าใส่หน้าผากของเขาด้วยความรุนแรง
การจู่โจมในครั้งนี้ได้ทำให้ร่างของไวเปอร์ล้มลงไปอย่างไม่เต็มใจและแน่นอนว่าเขาได้เสียชีวิตภายใต้การจู่โจมในครั้งนี้นั่นเอง
เมื่อจัดการกับศัตรูได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเซี่ยเฟยก็เดินเข้าไปหาศพของไวเปอร์พร้อมกับดึงโกลเดนสทิงเกอร์ออกมาเช็ดเสื้อของศพ จากนั้นเขาก็ได้กล่าวออกไปว่า
“แกคงลืมไปแล้วสินะว่ามีดมันก็เอาไว้ขว้างได้เหมือนกัน”
“ดีมาก! ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะกล้าใช้ท่าการจู่โจมที่แปลกประหลาดออกไปอย่างไม่ลังเล สมแล้วที่เขาได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ของนักรบ” อันธกล่าวพึมพำกับตัวเอง
วัตถุประสงค์เดียวในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดคือทำยังไงก็ได้ให้ฝ่ายของตัวเองได้รับชัยชนะและเพื่อให้ได้รับชัยชนะนั้นมาเราก็ต้องกล้าที่จะใช้วิธีการใด ๆ แม้ว่ามันจะเป็นวิธีการที่เสี่ยงมากก็ตาม
ห้องแห่งนี้มีประตูทั้งหมด 2 บานแต่ประตูที่เซี่ยเฟยเดินเข้ามาได้ถูกปิดผนึกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเขาก็ไม่รู้ว่าประตูอีกบานหนึ่งนั้นจะนำเขาไปที่ไหน
เมื่อเซี่ยเฟยเดินไปจนถึงหน้าประตูเขาก็ได้สังเกตเห็นว่าประตูบานนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำแล้วมันก็มีรูกุญแจที่มีรูปร่างอันคุ้นตาอยู่
หลังจากเซี่ยเฟยไตร่ตรองสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่งเขาก็หยิบโกลเดนสทิงเกอร์ขึ้นมาและแทงเข้าไปภายในรู ซึ่งมันก็สามารถใส่เข้าไปภายในรูได้อย่างพอดิบพอดี
แอ๊ดดดด!
วินาทีต่อมาประตูบานสีทองขนาดใหญ่ก็เปิดออกพร้อมกับเผยให้เห็นห้องอีกห้องที่ถูกซ่อนเอาไว้ โดยห้องแห่งนี้เป็นห้องที่สวยงามและห้องทั้งห้องก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยทองคำ
“แม่เจ้าโว้ย!! การจะสร้างห้องนี้ขึ้นมาต้องใช้ทองกี่ตันกันเนี่ย” เซี่ยเฟยอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตรงบริเวณกลางห้องมีแท่นทองคำซึ่งมีม้วนจารึกวางเอาไว้อยู่ โดยม้วนจารึกชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากกระดาษสีทองและถูกขีดเขียนด้วยตัวอักษรของชาวมายันซึ่งเนื้อหาของมันมีความเกี่ยวข้องกับวิธีการโต้ตอบกับสัตว์
“จารึกมนตราอสูร? นี่มันอะไรกันแน่?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาหลังจากที่เขาได้อ่านหน้าปกของหนังสือ
แต่ในทันใดนั้นเองมันก็ได้มีเสียงก้องกังวานดังขึ้นมาจากด้านหลังของเซี่ยเฟย
“เจ้าเป็นใคร ทำไมแท่งสังหารถึงไปอยู่กับเจ้า?”
***************
ใครอีกเนี่ย!! ยังไม่หมดอีกหร๊อออ!!!!