ตอนที่ 27: หัวใจจักรวาล
ตอนที่ 27: หัวใจจักรวาล
ทันใดนั้นมันก็มีเสือเขี้ยวดาบ 8 ตัวปรากฎขึ้นห่างจากเซี่ยเฟยไม่เกิน 100 เมตร โดยพวกมันมีเขี้ยวอันคมกริบคล้ายกับมีดสั้นที่ส่องประกายเจิดจ้าภายใต้แสงจันทร์
โชคดีที่เซี่ยเฟยได้ทำการควบคุมลมหายใจเพื่อทำตัวกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม มันจึงทำให้เสือเขี้ยวดาบเหล่านี้ไม่ทันสังเกตเห็นถึงตัวตนของเขา
‘เสือเขี้ยวดาบเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สมควรจะสูญพันธุ์ไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ แล้วพวกมันมาปรากฏตัวในดินแดนแห่งนี้ได้ยังไง?’
ไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเสือเขี้ยวดาบก็ส่งเสียงร้องคำรามก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าใส่สมาชิกของแก๊งอสรพิษดำด้วยความดุร้าย ซึ่งความแข็งแกร่งของพวกมันก็มีมากกว่าเสือโคร่งและความเร็วของมันก็มากยิ่งกว่าเสือชีต้า
เมื่อเสือเขี้ยวดาบได้ปรากฏตัวขึ้นมาพวกลูกน้องของแก๊งอสรพิษดำก็เริ่มยิงปืนกลภายในมือของพวกเขาทันที แต่น่าเสียดายที่ปืนเหล่านี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ไร้ประโยชน์ต่อหน้าสัตว์ดึกดำบรรพ์
ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีมันก็มีเสียงร้องโหยหวนดังออกไปทั่วทั้งบริเวณ โดยลูกน้องของแก๊งอสรพิษดำได้ถูกเสือเขี้ยวดาบฉีกร่างออกเป็นชิ้น ๆ และสภาพศพของพวกเขาก็ไม่ครบองค์ประกอบเลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อเลือดสด ๆ เปื้อนไปทั้งตัว มันก็ทำให้สัตว์โบราณเหล่านี้ยิ่งดูดุร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกันมันก็คล้ายกับว่าพวกเสือเขี้ยวดาบรู้ว่าแบล็คแคท, นินจาและแมนทิสเป็นผู้มีพลังพิเศษ เพราะพวกมันไม่ได้จู่โจมเข้าใส่สมาชิกแก๊งอสรพิษดำทั้งสามคนนี้อย่างประมาท เพียงแต่พวกมันค่อย ๆ ต้อนเหยื่อไว้ตรงกลางก่อนที่จะล้อมรอบเหยื่อเอาไว้
ฟับ! ฟับ!
ทันใดนั้นผู้มีพลังพิเศษของแก๊งอสรพิษดำก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวอย่างกระทันหัน โดยแบล็คแคทได้เคลื่อนที่ไปทางซ้าย ส่วนนินจารีบวิ่งไปทางขวาแล้วมันก็ทำให้แมนทิสที่มีความเชื่องช้าที่สุดมีสีหน้าอันซีดเผือด
โฮก!
เสือเขี้ยวดาบจำนวน 2 ตัวรีบกระโจนเข้าใส่แมนทิส ในขณะที่เสือเขี้ยวดาบอีกหกตัวได้แบ่งกลุ่มอย่างละครึ่งเพื่อไล่ตามแบล็คแคทและนินจาไป
การเคลื่อนไหวของสัตว์ป่าเหล่านี้เหมือนกับพวกมันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ซึ่งพวกมันไม่เพียงแต่จะเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบเท่านั้นแต่พวกมันยังมีกลยุทธ์ในการเคลื่อนที่อีกด้วย!
‘ใครเป็นคนฝึกสัตว์ป่าพวกนี้ขึ้นมากันแน่?’
แมนทิสยกค้อนพร้อมกับพยายามทุบเสือเขี้ยวดาบทั้งสองตัวที่กำลังกระโจนเข้ามาด้วยความบ้าคลั่งและด้วยความแข็งแกร่งที่เขาได้ครอบครอง มันจึงทำให้ทุก ๆ ครั้งที่เขาได้เหวี่ยงค้อนออกไปจะมีเสียงดังกึกก้องตามมาอยู่เสมอ
ปึก!
วินาทีถัดมาแมนทิสก็สามารถทุบเข้าไปยังสีข้างของเสือเขี้ยวดาบตัวหนึ่งได้อย่างจัง แต่เสือเขี้ยวดาบอีกตัวก็กัดเขาเข้าที่กลางลำตัวเช่นเดียวกัน
ฉัวะ!
การจู่โจมในครั้งนี้ได้ฉีกร่างของแมนทิสออกเป็นชิ้น ๆ ซึ่งมันก็มีเพียงแต่ศีรษะและร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังคงเชื่อมต่อกัน แต่ร่างกายส่วนล่างของเขาได้กระจัดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณแล้ว
แต่ถึงกระนั้นการพยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายของแมนทิสก็ทำให้เสือเขี้ยวดาบทั้งสองฟุบตัวลงไปกับพื้นและไม่สามารถที่จะลุกยืนขึ้นมาได้อีกต่อไป
—--
ในอีกด้านหนึ่งนินจาและแบล็คแคทก็กำลังพยายามใช้ความเร็วเพื่อหลบเลี่ยงการจู่โจมจากสัตว์อสูร ขณะที่ทางฝั่งของเสือเขี้ยวดาบก็พยายามจะใช้ประโยชน์จากด้านของจำนวนเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเป้าหมาย
ฟับ!
นินจาทำการตวัดดาบออกไปราวกับสายฟ้าเพื่อทำการตัดศีรษะของเสือเขี้ยวดาบตัวหนึ่งออกไป แต่เขาก็ถูกเสือเขี้ยวดาบอีกตัวตะปบกรงเล็บเข้าใส่จนส่งผลให้ไหล่ของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
อาการบาดเจ็บในครั้งนี้ทำให้นินจาต้องใช้มือกุมไหล่อย่างเจ็บปวดและเขาก็ต้องพยายามใช้มือที่เหลืออีกข้างในการตวัดกวัดแกว่งดาบเพื่อทำการต่อสู้ต่อไป
ทั้งแบล็คแคทและนินจาต่างก็มีความเร็วอยู่ที่ประมาณ 70 เมตรต่อวินาทีและด้วยความเร็วนี้มันก็ทำให้พวกเขาสามารถที่จะสังหารเสือเขี้ยวดาบไปได้แล้วถึงสามตัว ส่วนเสือเขี้ยวดาบที่ยังเหลืออีกสามตัวก็ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน
แม้ว่านินจาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะกับเสือเขี้ยวดาบ แต่แบล็คแคทก็ได้ใช้การเคลื่อนไหวอันว่องไวของเธอเพื่อทำการหลบหลีกพร้อม ๆ ไปกับการโจมตี มันจึงทำให้ในปัจจุบันเธอยังคงรอดพ้นจากอันตรายอยู่
เมื่อได้เห็นสถานการณ์โดยรวมเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจที่จะทำการสังหารแบล็คแคทก่อน เพราะเขาถือว่าเธอคือคนที่อันตรายมากที่สุด
ฉึก!
ดาบของนินจาสามารถแทงทะลุหัวใจของเสือเขี้ยวดาบตัวสุดท้ายได้สำเร็จและทำให้ชัยชนะในครั้งนี้ได้ตกอยู่กับฝ่ายของมนุษย์
หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้นินจาก็รู้สึกหมดสภาพอย่างเห็นได้ชัด ส่วนทางด้านของแบล็คแคทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากและถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะแต่มันก็ไม่ใช่ชัยชนะที่สวยงามเท่าไหร่เลย
แต่ในทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันพร้อมกับจู่โจมเข้าใส่นินจาและแบล็คแคทที่ไม่ทันได้ระวังตัว!
ทันทีที่คนคนหนึ่งรู้สึกว่าตนเองได้รับชัยชนะมันจะเป็นช่วงเวลาที่ใครคนนั้นรู้สึกผ่อนคลายและระวังตัวน้อยที่สุด ดังนั้นถ้าหากว่าเซี่ยเฟยพลาดช่วงเวลานี้ไป แบล็คแคทกับนินจาก็คงจะกลับมาเฝ้าระวังภัยอีกครั้ง
จู่โจมต่อเนื่อง!
ร่างของเซี่ยเฟยเคลื่อนที่ผ่านสมาชิกแก๊งอสรพิษดำทั้งสองไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับทิ้งรอยเฉือนเอาไว้ที่ลำคอของทั้งสองคน ก่อนที่แบล็คแคทกับนินจาจะทันได้รู้ตัวพวกเขาก็เสียชีวิตภายใต้โกลเดนสทิงเกอร์ของเซี่ยเฟยไปแล้ว
ความเร็วที่น่าตกตะลึงและคมมีดที่อันตรายถึงชีวิต!
ปึก! ปึก!
ร่างของแบล็คแคทและนินจาทรุดตัวลงไปกับพื้นขณะที่เซี่ยเฟยรีบมุ่งหน้าตรงไปยังทางเข้าของพีระมิดโดยไม่สนใจศพของทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย
การเคลื่อนไหวทุกอย่างของเซี่ยเฟยเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ซึ่งถ้าหากว่าเขาไม่ได้สังเกตการณ์อย่างรอบคอบและลงมืออย่างเด็ดขาด การจัดการกับผู้มีพลังพิเศษระดับสตาร์ไลท์ทั้งสองคนภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อเซี่ยเฟยเข้ามาในพีระมิดเขาก็ตั้งใจรับฟังเสียงด้านหน้าและเมื่อเขามั่นใจว่ามันไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ต่อไปอย่างช้า ๆ
ภายในพีระมิดเป็นห้องโถงหินที่กว้างขวางซึ่งผนังของพีระมิดเต็มไปด้วยภาพแกะสลักที่แสดงถึงความเป็นมิตรระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า
จารึกบนหินเหล่านี้ดูมีความสดใสและสมจริงมาก ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าพวกมันจะถูกสร้างขึ้นมาจากยุคโบราณแต่ลวดลายบนหินยังคงแจ่มชัดและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
บริเวณด้านหน้าของห้องโถงเป็นสถานที่ตั้งของแท่นบูชาขนาดใหญ่ซึ่งตรงบริเวณกึ่งกลางแท่นบูชานั้นมีสัตว์ตัวสีทองตัวหนึ่งได้นอนหมอบอยู่
สัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนา, หัวของมันเป็นรูปทรงหกเหลี่ยมและบนแท่นบูชาก็ได้ถูกแกะสลักด้วยภาษาแอตแลนติสสีทองว่า
อสูรวิญญาณโช่วหลิงจี่
บริเวณด้านหลังแท่นบูชามีประตูอีกบานหนึ่งซึ่งในประตูบานนั้นก็มีการทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงจากบุคคลทั้งสองคน
สิ่งที่เซี่ยเฟยเห็นคือไรนอร์กับไวเปอร์กำลังโต้เถียงอะไรกันบางอย่างแล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก
“ไอ้โง่! คุณก็น่าจะรู้ว่ามันจำเป็นจะต้องใช้กุญแจเพื่อเข้าไปในห้องลับ แต่คุณกลับฆ่าพวกอันเดร์ไปแล้ว ตอนนี้พวกเราไม่สามารถที่จะนำสมบัติกลับไปได้เพราะความโง่เขลาของคุณ” ไรนอร์ตวาดออกมาเสียงดัง
“อย่ามาโทษกันแบบนี้สิครับ” ไวเปอร์กล่าวพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดรองเท้าหนังของเขาอย่างพิถีพิถันเนื่องมาจากมันมีน้ำลายของไรนอร์กระเด็นมาใส่
“ผมเคยบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกเราควรจับลูกเรือทั้งหมดเอาไว้เพื่อทำการสอบปากคำ แต่คุณเป็นคนตั้งใจที่จะแก้แค้นและทำลายเรือลำนั้นลงไปอย่างไม่ลังเล ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ไม่รู้ว่าในสถานที่แห่งนี้จะมีห้องลับและมันก็จำเป็นที่จะต้องใช้กุญแจในการเปิดเข้าไป” ไวเปอร์กล่าวอธิบายอย่างไม่รีบร้อนขณะที่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“หยุดทำท่าทางแบบนั้นได้แล้ว! คุณอย่าคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะว่าฉันชอบคุณ ในโลกนี้มีหนุ่มหล่ออีกมากมายฉันสามารถจะไปหาผู้ชายคนไหนก็ได้ที่ฉันต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังเป็นหัวหน้าแก๊งอสรพิษดำ!” ไรนอร์กล่าวออกมาด้วยดวงตาอันแดงก่ำ
“นี่คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าแก๊งอสรพิษดำจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณอยู่?” ไวเปอร์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ จากนั้นเขาก็ได้กล่าวต่อไปว่า
“ผมจะบอกความจริงให้ก็แล้วกันนะว่าผมพยายามอดทนมาโดยตลอดและที่แก๊งอสรพิษดำมีอำนาจอย่างทุกวันนี้คุณคิดว่ามันเป็นเพราะสมองขี้เลื่อยของตัวเองอย่างนั้นหรอ”
“นี่แก!” ไรนอร์ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ ก่อนที่เขาจะได้ยกมือขึ้นตบเข้าไปที่ใบหน้าของไวเปอร์
เพี้ยะ!
ไวเปอร์ไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นมันจึงมีรอยนิ้วมือสีแดงสดจำนวน 5 นิ้วได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันขาวผ่องของเขา
หลังจากไวเปอร์ใช้มือถูแก้มของตัวเองเขาก็ถมน้ำลายลงไปบนพื้นพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า
“ผมจะถือว่าการตบครั้งนี้เป็นการตอบแทนบุญคุณที่คุณได้ช่วยผมเอาไว้ในตอนนั้น หลังจากนี้ไปพวกเราไม่มีหนี้บุญคุณอะไรกันอีกแล้ว”
หลังจากกล่าวจบไวเปอร์ก็ยกมือขวาพร้อมกับเรียงนิ้วทั้งห้าชี้ไปยังใบหน้าของไรนอร์
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าไรนอร์จะดูตัวใหญ่แต่เขาก็สามารถที่จะเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไว ดังนั้นเขาจึงสามารถกระโดดถอยหลังออกไปได้มากกว่า 10 เมตรในพริบตา
“คุณกำลังพยายามจะทำอะไร?” ไรนอร์กล่าวถามด้วยน้ำเสียงอันเคร่งเครียด
“ทวงสิ่งที่สมควรจะเป็นของฉันกลับคืนมายังไงล่ะ” ไวเปอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
ทันใดนั้นนิ้วของไวเปอร์ก็ยืดยาวออกไปด้านหน้าโดยปลายนิ้วของเขามีความคมมากและในตอนนี้ฝ่ามือและนิ้วของเขาก็ได้กลายเป็นสีดำสนิท!
“นั่นมันความสามารถพิเศษอะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอันธ
“ความสามารถพิเศษของเขาคือเขี้ยวอสรพิษที่จะทำให้นิ้วของเขากลายเป็นอาวุธที่ยืดได้หดได้ตามต้องการ นอกจากนี้ปลายนิ้วยังมีความคมมากและมันยังมีพิษร้ายแรงแฝงอยู่ภายใต้การโจมตีอีกด้วย หากพิจารณาจากสีนิ้วของเขาฉันก็คิดว่าระดับความสามารถของเขาน่าจะอยู่ในระดับสตาร์เบสขั้นสูง” อันธกล่าว
“ระดับสตาร์เบสขั้นสูง!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงและเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีระดับความสามารถสูงกว่าเขาถึงสองขั้น
“แกไม่มีทางทำลายการป้องกันของฉันได้!” ไรนอร์พยายามส่งเสียงตะโกนแต่บนหน้าผากของเขากลับเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจำนวนมาก
ขณะเดียวกันทางฝั่งของไวเปอร์ก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรแต่เขากลับบังคับนิ้วมือทั้งห้าให้พุ่งออกไปราวกับลูกศร!
เมื่อได้เห็นการโจมตีไรนอร์ก็พยายามใช้แขนปกป้องใบหน้าของตัวเองเอาไว้ เนื่องมาจากว่าดวงตาและปากต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นจุดอ่อนของเขา ดังนั้นถ้าหากว่าเขาได้รับพิษจากจุดเหล่านี้เข้าไปเขาก็คงจะต้องตายอย่างแน่นอน
เมื่อกรงเล็บทั้งห้าของไวเปอร์ได้กระทบเข้ากับท้องของไรนอร์เขาก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมาเล็กน้อยพร้อมกับสะดุดถอยหลังไปถึง 2 ก้าว
“ฉันบอกแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์!”
ไรนอร์กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มแต่อย่างไรก็ตามจู่ ๆ ร่างของเขากลับล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับกระตุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นมันก็มีฟองสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากของเขา
“เขี้ยวอสรพิษของฉันไม่จำเป็นที่จะต้องเจาะทะลวงการป้องกันของคุณเข้าไปหรอก เพียงแค่พวกมันสร้างแผลสะกิดขึ้นมาแค่เล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว” ไวเปอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
รอยแผลบนผิวหนังเพียงแค่เล็กน้อยกลับสามารถที่จะสร้างความเสียหายได้ถึงชีวิต!
พิษของไวเปอร์จะต้องรุนแรงมากขนาดไหน!!
ด้วยการจู่โจมของไวเปอร์มันก็ทำให้ไรนอร์ผู้น่าเกรงขามเสียชีวิตลงไปอย่างง่ายดาย ซึ่งในความเป็นจริงเขาไม่สามารถที่จะป้องกันการโจมตีของไวเปอร์ได้แม้แต่ครั้งเดียว
หลังจากนั้นมือของไวเปอร์ก็กลับมาเป็นปกติก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบผลึกสีแดงออกมาจากกระเป๋าของไรนอร์ ก่อนจะจ้องมองไปยังคริสตัลในมือด้วยรอยยิ้มอันพึงพอใจ
“คนอย่างคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะครอบครองหัวใจจักรวาลหรอก” ไวเปอร์กล่าวพร้อมกับเตะศพของไรนอร์
แต่ในทันใดนั้นเองสัญชาตญาณอันเฉียบคมของเซี่ยเฟยก็ส่งสัญญาณให้เขาทำการเคลื่อนไหวในตอนนี้!
***************
เคลื่อนไหวเดี๋ยวนี้!! เคลื่อนไหวโจมตี?..ป่าว!! หนี!!! ผ่าม!!!!!