ตอนที่ 25: ประตูที่แตกสลาย
ตอนที่ 25: ประตูที่แตกสลาย
จู่ ๆ มันก็มีแสงสว่างอันเจิดจ้าพุ่งขึ้นมาจากท้องทะเล ซึ่งรัศมีของแสงเป็นเหมือนกับม้วนหนังสือที่แผ่ออกไปทั้งสองข้างก่อนที่อีกไม่กี่นาทีต่อมามันจะได้มีประตูแสงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นต่อหน้าเรือสตอร์มก็อดเดส
ประตูที่เพิ่งปรากฏขึ้นมานี้มีขนาดความยาวออกไปมากกว่า 10 กิโลเมตรและมีความสูงขึ้นไปมากกว่า 5 กิโลเมตร มันจึงทำให้แม้แต่เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ก็ยังสามารถแล่นเข้าไปในประตูได้อย่างง่ายดาย
ภายในประตูแสงยังคงเป็นทะเลที่ไร้ขอบเขตแต่สิ่งที่ปรากฏเพิ่มเติมขึ้นมาคือแผ่นดินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยป่าไม้อันหนาแน่น
“ปาฏิหาริย์! ใครมันจะไปคิดว่ามีดินแดนซ่อนเร้นอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก!”
เหตุการณ์นี้ทำให้ลูกเรือทุกคนรู้สึกตกใจจนตาเบิกกว้างและลมหายใจของพวกเขาก็เริ่มที่จะมีอาการติดขัด
“นี่มันพื้นที่มิติที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้น! การสร้างพื้นที่มิติแบบนี้จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีการบิดเบือนในระดับที่สูงมาก อารยธรรมที่สามารถสร้างพื้นที่มิตินี้ขึ้นมาได้จะต้องเป็นอารยธรรมที่ทรงพลังจริง ๆ” อันธรีบกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นายรู้ได้ยังไง?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ประตูนี้มันถูกเปิดใช้งานจากระบบพลังงานในดินแดนแห่งนั้นและมันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์บนโลกสามารถสร้างขึ้นมาได้ นายยังจำผลเนตรนาคาที่เราซื้อกันมาก่อนหน้านี้ได้ไหม นายต้องพกมันติดตัวเอาไว้ด้วย ในช่วงเวลาสำคัญมันสามารถนำมาใช้ช่วยชีวิตคนได้”
มันไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่ได้เข้าไปในพื้นที่มิติแห่งนี้มันจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงสมควรที่จะต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ
ฟุบ!
เซี่ยเฟยเคลื่อนที่ออกจากดาดฟ้าและกลับไปยังห้องของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็หยิบถุงเบอร์รี่ที่มีขนาดเท่ากับถุงป๊อบคอร์นออกมา โดยผลไม้ชนิดนี้มีผลเป็นรูปวงรีสีโปร่งใสและตรงบริเวณแกนกลางมีจุดสีดำเล็ก ๆ อยู่จนทำให้มันดูคล้ายกับดวงตาของงู ซึ่งผลเนตรนาคาเพียงแค่ 15 ผลนี้ก็มีราคาสูงถึง 300,000 สตาร์คอยน์
หลังจากนั้นสตอร์มก็อดเดสก็เร่งความเร็วเต็มที่โดยมันได้พุ่งเข้าไปยังประตูแสงด้วยความเร็วมากกว่า 30 น็อต
ระหว่างนั้นลูกเรือจำนวนหลายร้อยคนต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องราวกับว่าพวกเขาได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยซึ่งยืนเงียบ ๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของดาดฟ้าเรืออดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ แต่เขาก็ยังคงพยายามรักษาความสงบของเขาเอาไว้
“เซี่ยเฟยในที่สุดพวกเราก็พบมันแล้ว นี่คือประตูที่แตกสลาย! มันคือประตูที่นำไปสู่แอตแลนติส!” อันเดร์ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขาได้เดินเข้าไปหาเซี่ยเฟยพร้อมกับชาร์ลี
“แม้ว่าประตูบานนี้อาจจะเป็นประตูที่แตกสลายแต่มันก็ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าดินแดนภายในประตูแห่งนั้นจะเป็นแอตแลนติส” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันสงบขณะที่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังดินแดนลึกลับ
แผนผังเมืองแอตแลนติสในตำนานเป็นวงกลมที่มีจุดศูนย์กลางเป็นพีระมิดขนาดใหญ่ 3 แห่ง โดยมันจะมีคูน้ำแบ่งแยกพื้นที่ชั้นนอกกับพื้นที่ชั้นในของเมืองซึ่งพลเมืองที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ใจกลางของเมืองจะเป็นพลเมืองที่มีสถานะทางสังคมที่สูงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามดินแดนแห่งนี้มันก็ดูเหมือนกับไม่มีเมืองใด ๆ อยู่เลยและถึงแม้ว่ามันจะมีพีระมิดขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นดิน แต่มันก็ถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยผืนป่าและไม่มีสัญญาณของเมืองใด ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเลย
เมื่อสตอร์มก็อดเดสได้เข้าไปในประตูอากาศบริเวณโดยรอบก็หนาวเย็นลงไปอย่างฉับพลันซึ่งเมื่อทุกคนได้พูดคุยกันมันก็มีไอหมอกสีขาวพวยพุ่งออกมา
“สถานที่แห่งนี้ช่างแตกต่างจากเมืองแอตแลนติสในตำนานจริง ๆ แต่เรื่องนี้มันก็ไม่สามารถที่จะนำมาพิสูจน์อะไรได้ เพราะมันไม่มีใครเคยเห็นแอตแลนติสด้วยตาของตัวเอง” อันเดร์กล่าวหลังจากที่เขาได้สังเกตดินแดนลึกลับอยู่ครู่หนึ่ง
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่พิงราวบันไดและไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น เพราะความจริงจะปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนหลังจากที่พวกเขาได้เดินทางเข้าไปเยี่ยมชมดินแดนลับเป็นการส่วนตัว ดังนั้นไม่ว่าใครจะพูดอะไรในตอนนี้มันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดา
เมื่อสตอร์มก็อดเดสได้เข้าใกล้ดินแดนแห่งนี้มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาก็เริ่มมองเห็นรายละเอียดของดินแดนแห่งนี้เช่นเดียวกัน โดยมันเป็นแผ่นดินที่มีรูปร่างเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยวและตรงบริเวณขอบของแผ่นดินก็ดูราบเรียบมากราวกับว่ามันได้ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างจงใจ
แต่ในทันใดนั้นเองประตูแสงก็หดตัวลงไปอย่างรวดเร็วซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาประตูแห่งนี้ก็ถูกปิดตัวลงไป
ขณะเดียวกันเสียงเชียร์บนเรือสตอร์มก็อดเดสก็หยุดลงไปอย่างฉับพลันและทุกคนต่างก็มีความคิดปรากฏขึ้นมาเหมือน ๆ กันว่า
‘ถ้าประตูปิดไปแล้ว พวกเราจะกลับยังไง?’
แต่ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมามันก็ได้มีความผิดปกติอันแปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยพื้นที่ห่างออกไปจากเรือสตอร์มก็อดเดสทางด้านขวาประมาณ 2 กิโลเมตรได้มีเรือดำน้ำสีดำสนิทปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลันและทุกคนต่างก็รีบหันหน้าไปทางกราบขวาของเรือเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ทุกคนอย่าพึ่งขยับ” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปยังกราบขวาของเรือ แต่เมื่อเขาได้เพ่งมองไปยังเรือดำน้ำที่เพิ่งปรากฏขึ้นมา เหงื่อเย็น ๆ ก็ไหลออกมาจากทั่วทั้งร่างของเขาอย่างฉับพลัน
เรือดำน้ำสีดำลำนี้เป็นเรือดำน้ำสเตลจากรัสเซียที่ถูกเคลือบด้วยวัสดุพิเศษทำให้สามารถดูดซับเสียงและหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากคลื่นโซนาได้ ด้วยวัสดุพิเศษที่เคลือบตัวเรืออยู่นี่เองมันจึงทำให้เครื่องโซนาตรวจจับเรือดำน้ำได้ไม่ต่างจากปลาฉลามทั่ว ๆ ไป
“แก๊งอสรพิษดำ! พวกมันคงจะแอบติดตามพวกเรามาตลอดเลยสินะ” เซี่ยเฟยสามารถคาดเดาได้ในทันทีว่าเรือดำน้ำลำนี้เป็นของใคร แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือเครื่องยิงตอร์ปิโดบริเวณด้านข้างเรือได้ถูกเปิดออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฟึบ!
เซี่ยเฟยรีบวิ่งกลับมาหาทุกคนก่อนที่จะส่งเสียงตะโกนออกไปว่า
“กระโดดลงทะเลเดี๋ยวนี้! พี่หลงพาลุงอันเดร์มาด้วย ส่วนชาร์ลีมากับฉัน!”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” อันเดร์กล่าวถามด้วยความสับสน
ขวับ!
แต่ก่อนที่อันเดร์จะได้กล่าวถามอะไรเพิ่มเติมอู่หลงก็คว้าคอเสื้อของเขาราวกับว่าเขากำลังอุ้มลูกแมว จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปในทะเลโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าอู่หลงจะไม่ได้ฉลาดเฉลียวมากนักแต่หนึ่งในข้อดีที่สุดของเขาคือเขารับฟังคำสั่งในช่วงเวลาสำคัญโดยไม่เคยตั้งข้อสงสัย
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่เซี่ยเฟยออกคำสั่งอู่หลงจึงคว้าคอเสื้ออันเดร์และกระโดดลงไปในทะเลอย่างไม่รีรอ
ถ้าถามว่าทำไมเขาจึงไม่สนใจที่จะถามหาเหตุผลเขาก็คงจะตอบกลับไปได้เพียงว่า สำหรับคนที่เขาไว้ใจแล้วเขาไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจนั้นก็ได้
ขณะเดียวกันอู่หลงก็เป็นผู้มีพลังพิเศษสายความแข็งแกร่งที่มีระดับความสามารถอยู่ในระดับสตาร์ไลท์ขั้นกลาง ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะใช้มือข้างหนึ่งจับอันเดร์เอาไว้แต่เขาก็ยังสามารถที่จะใช้มืออีกข้างหนึ่งในการว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว
“รีบกระโดดลงไปในทะเลเดี๋ยวนี้ แล้วว่ายน้ำไปยังดินแดนนั้น!” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนอีกครั้งเมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงรู้สึกสับสนอยู่
ในทางกลับกันเหล่าบรรดาลูกเรือก็ยังคงมองไปที่เซี่ยเฟยโดยไม่ทำอะไรแล้วมันก็มีลูกเรือบางคนกำลังคิดในใจว่าเซี่ยเฟยเสียสติไปแล้ว
ท้ายที่สุดมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มักจะมีพฤติกรรมตามคนส่วนใหญ่และพวกเขาก็ยังขาดความตระหนักรู้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกแปลก ๆ กับเรือดำน้ำลำนั้นแต่มันก็ยังไม่มีใครเต็มใจที่จะทำตามสัญชาตญาณของพวกเขา
การพยายามเสี่ยงโชคถือได้ว่าเป็นความคิดที่มีความอันตรายและถ้าหากว่าใครชอบเสี่ยงโชคมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่โดยทั่วไปโชคก็มักที่จะหนีห่างจากคนผู้นั้นมากเท่านั้น
ตูม! ตูม!
เมื่อบอดี้การ์ดของอันเดร์ได้เห็นว่านายจ้างของพวกเขากระโดดลงไปในทะเล พวกเขาก็กระโดดลงไปด้วยเช่นกันแต่มันก็ยังมีบอดี้การ์ดอีกหลายคนที่ยังคงรู้สึกลังเลอยู่
“หลับตานะแล้วใช้ปากหายใจ” เซี่ยเฟยกล่าวกับชาร์ลีหลังจากนั้นเขาก็จับเด็กหนุ่มพร้อมกับกระโดดลงไปในทะเลด้วยเช่นเดียวกัน
มือข้างหนึ่งของเขาคว้าคอชาร์ลีเอาไว้ในขณะที่ขาทั้งสองข้างทำหน้าที่เป็นเหมือนกับใบพัดของเรือที่กำลังตีน้ำอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเขาก็สามารถที่จะว่ายน้ำนำหน้าพวกบอดี้การ์ดที่กระโดดลงมาก่อนเขาไปแล้ว
ฟุว! ฟุว!
ในระหว่างนั้นตอร์ปิโดจำนวน 2 ลูกก็ถูกยิงออกมาจากเรือดำน้ำพร้อมกับทิ้งรอยยาวสีขาวเอาไว้ในขณะที่พวกมันได้พุ่งเข้าหาเรือสตอร์มก็อดเดสด้วยความรวดเร็ว
ภายในช่วงเวลาคับขันมันก็มีลูกเรืออีก 2-3 คนรวบรวมความกล้าและกระโดดลงไปในทะเลเช่นเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกที่จะยืนอยู่บนเรืออยู่ดี
บึ้ม! บึ้ม!
เมื่อตอร์ปิโดปะทะเข้ากับเรือสตอร์มก็อดเดสมันก็ได้ก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นมาสองครั้งพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงขึ้นมากลางท้องทะเล
ชาร์ลีได้หันกลับไปมองทางต้นเสียงและบังเอิญได้เห็นการระเบิดของตัวเรือ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากและมันก็ทำให้เขาเผลอกลืนน้ำทะเลลงไป 2-3 อึกโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ตั้งสติหน่อย!” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนขณะที่เขายังคงว่ายน้ำต่อไปโดยไม่คิดที่จะหันกลับหลังไปเลยแม้แต่นิดเดียว
‘พระเจ้าจะทรงช่วยผู้ที่ดิ้นรนด้วยตัวเองก่อนเท่านั้น’ ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นกฎแห่งการอยู่รอดที่ถูกกล่าวขานมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ทันทีที่การระเบิดได้สิ้นสุดลงสมาชิกของแก๊งอสรพิษดำมากกว่า 10 คนก็ออกมาจากเรือดำน้ำพร้อมกับตั้งแถวตอนเรียงหนึ่งโดยที่สมาชิกทุกคนมีอาวุธปืนอยู่ครบมือ
ขณะเดียวกันแรงระเบิดจากตอร์ปิโดก็ก่อให้เกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ทางกราบด้านขวาของเรือสตอร์มก็อดเดส ซึ่งในเวลาเพียงแค่ 1 นาทีเรือทั้งลำก็ได้จมลงไปสู่ก้นท้องทะเล
ระหว่างนี้มันก็มีเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังออกมาจากบนผิวน้ำ โดยผู้รอดชีวิตได้พยายามว่ายน้ำไปทางเรือดำน้ำอย่างบ้าคลั่งโดยมีความหวังว่าคนพวกนี้จะมีความเมตตาไว้ชีวิตพวกเขาบ้าง
แม้แต่ในช่วงเวลาแห่งความตายพวกเขาก็ยังคงขอความเมตตาจากเพชฌฆาตซึ่งการกระทำของพวกเขาถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โง่เขลามากที่สุด!
ไม่กี่นาทีต่อมามันก็มีเสียงปืนดังสนั่นขึ้นมากลางท้องทะเลก่อนที่พื้นทะเลในบริเวณนั้นจะได้ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด
ขณะที่สมาชิกของแก๊งอสรพิษดำกำลังส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ เซี่ยเฟยและอู่หลงก็ลากอันเดร์กับชาร์ลีไปจนถึงฝั่งในที่สุด
สีหน้าในปัจจุบันของอันเดร์กลายเป็นสีซีดเผือด ส่วนทางด้านของชาร์ลีก็กำลังตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้
“โชคดีที่นายเตือนพวกเราเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะพบจุดจบเหมือนกับพวกเขา” อู่หลงกล่าวพร้อมกับเช็ดน้ำทะเลออกจากใบหน้าขณะที่เขายังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในใจ
ในทะเลยังมีบอดี้การ์ดอีก 2-3 คนที่พยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้มีพลังพิเศษเหมือนกับเซี่ยเฟยและอู่หลง ดังนั้นพวกเขาจึงว่ายน้ำได้เชื่องช้ามาก
หลังจากที่พวกแก๊งอสรพิษดำได้จัดการกับลูกเรือที่รอดชีวิตไปจนหมดแล้วเรือดำน้ำสีดำก็เริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังบอดี้การ์ดที่ว่ายน้ำอยู่กลางทะเล
“เข้าไปซ่อนตัวในป่าเดี๋ยวนี้!” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังป่าด้านหลัง
เมื่อได้ยินคำสั่งอู่หลงก็ไม่พูดอะไรเพิ่มเติมก่อนที่เขาจะอุ้มอันเดร์เข้าไปภายในป่า
ทางด้านของเซี่ยเฟยก็อุ้มชาร์ลีเดินตามอู่หลงไปด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในระหว่างนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องคำรามของสัตว์ร้ายในป่าพร้อม ๆ กับเสียงปืนที่ดังสนั่นขึ้นมาจากกลางทะเล
***************
มาเป็นร้อยตอนนี้เหลือรอดอยู่แค่ 4 คน.. ลองคิดดูว่าถ้าเป็นเราอยู่บนเรือเราจะกล้ากระโดดลงไปในทะเลไหม?
ถ้าถามเรา.. เราขอตายอยู่บนเรือแล้วกันจะได้ไม่ทรมาน 555