ตอนที่ 20: ระดับสตาร์เบส!
ตอนที่ 20: ระดับสตาร์เบส!
สิ่งที่อันธพูดมาไม่ต่างไปจากความจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากที่เซี่ยเฟยดื่มสารสกัดจากต้นเพลิงมังกรไฟ 1,000 ปีเข้าไปแล้ว เขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแบบธรรมดาเท่านั้นแต่มันยังรู้สึกเจ็บปวดแบบโคตร ๆ อีกด้วย
เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปจนถึงเช้าตรู่เซี่ยเฟยก็คลานออกมาจากเต็นท์ ด้วยความเจ็บปวดที่เขาต้องทนรับอยู่ตลอดทั้งคืนมันจึงทำให้รอยคล้ำใต้ตาได้ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน ส่วนสภาพจิตใจของเขาก็กำลังตกอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอมาก
“ฉันคิดว่าวันนี้นายควรพักผ่อนนะ สภาพจิตใจของนายยังไม่พร้อมสำหรับการฝึกฝนเท่าไหร่” อันธกล่าว
“ไม่เป็นไร ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลากร่างที่ไร้เรี่ยวแรงไปที่ริมแม่น้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา
“เรามาเริ่มการฝึกกันเถอะ!” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนพร้อมกับตบหน้าอกของตัวเองและในที่สุดการฝึกฝนอันทรหดก็ได้เริ่มต้นขึ้น
แต่ละวันเซี่ยเฟยได้ทำการฝึกฝนติดต่อกันเป็นเวลาถึง 16 ชั่วโมง โดยเขาจะใช้เวลา 8 ชั่วโมงแรกเพื่อทำการควบคุมลมหายใจและใช้อีก 8 ชั่วโมงหลังในการฝึกฝนเล่ห์สังหาร
เซี่ยเฟยได้หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนราวกับคนบ้าและมันก็ทำให้เหงื่อของเขาไหลย้อยลงมาราวกับสายฝน
ในแต่ละวันเขาได้ทำการฝึกฝนการพุ่งตัวออกจากตำแหน่งต่าง ๆ มากกว่าวันละ 10,000 ครั้งและเขายังทำการศึกษาวิธีการจู่โจมจากมุมต่าง ๆ ให้สามารถสังหารเป้าหมายได้ภายใต้การโจมตีในครั้งเดียวอีกด้วย
—--
วันเวลา 3 เดือนได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วโดยในปัจจุบันมันก็เป็นช่วงฤดูร้อนอันแผดเผาแล้ว
ปัจจุบันเซี่ยเฟยได้ยืนอยู่บนลำธารขณะที่น้ำได้ไหลผ่านใต้เข่าของเขาไป ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณรอบ ๆ ตัวของเขายังมีปลาตัวเล็ก ๆ แหวกว่ายอยู่เป็นจำนวนมาก
ปลาพวกนี้เข้าใจว่าเซี่ยเฟยเป็นเหมือนกับตอไม้ที่ถูกตอกอยู่บนน้ำและลมหายใจของเขาก็ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสน้ำที่ไหลผ่านขาทั้งสองข้างของเขา
การผสมผสานลมหายใจเข้ากับการไหลของแม่น้ำในลำธารถือได้ว่าเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ยากที่สุดของการควบคุมลมหายใจ เพราะกระแสน้ำในลำธารมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับสายน้ำเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ
ทันใดนั้นมันก็มีรังสีสังหารอันรุนแรงระเบิดออกมาจากร่างของเซี่ยเฟย!
ในเวลาเดียวกันโกลเดนสทิงเกอร์ภายในมือของเซี่ยเฟยก็ถูกผลักออกไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่มันจะได้ก่อให้เกิดคมมีดสายลมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าพุ่งฉีกกระชากอากาศไปด้านหน้าไกลถึง 3 เมตร
คมมีดสายลม!
ในเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ 3 เดือนเซี่ยเฟยก็สามารถที่จะปล่อยคมมีดสายลมออกไปได้ไกลถึง 3 เมตร โดยในตอนนี้เขาได้ทำความเข้าใจเคล็ดวิชาคมมีดสายลมได้อย่างท่องแท้แล้วและความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็เป็นสิ่งที่เหนือเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไป
เมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยอันธที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ริมแม่น้ำก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย
“รังสีสังหารของนายยังเข้มข้นมากเกินไป มันไม่มีนักฆ่าคนไหนปล่อยรังสีสังหารออกมาให้ศัตรูรู้ตัวหรอกนะ”
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบขวดน้ำจากริมแม่น้ำขึ้นมาพร้อมกับดื่มน้ำจนหมดขวด ก่อนที่เขาจะใช้แขนเสื้อเช็ดปากและกล่าวถามออกมาว่า
“หลังจากฝึกฝนคมมีดสายลมแล้วเราจะฝึกอะไรต่อ?”
เมื่อได้ยินคำถามอันธก็ส่ายหัวช้า ๆ และเนื่องมาจากว่าในช่วงนี้เขากำลังทำการศึกษาพระไตรปิฎก ดังนั้นในเวลาว่างเขาก็จะนั่งสมาธิหรือสวดมนต์อยู่เป็นประจำจนทำให้ในตอนนี้วิญญาณในหินมัวร์ดูเหมือนกับเป็นนักบวชมากกว่านักฆ่าเสียอีก
“เล่ห์สังหารไม่ใช่วิชาการต่อสู้แต่มันคือการรวบรวมเทคนิคการสังหารที่หลากหลายเข้ามาไว้ด้วยกัน หลังจากนี้มันขึ้นอยู่กับนายแล้วว่านายจะสามารถประยุกต์ใช้วิชาที่ฉันสอนออกไปได้มากน้อยแค่ไหน”
“เอาล่ะผลของสารสกัดจากต้นเพลิงมังกรไฟ 1,000 ปีลดลงแล้ว มันถึงเวลาที่จะต้องกินน้ำยาเร่งเซลล์ซักที”
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็นำกล่องวัตถุดิบขนาดใหญ่ 3 กล่องออกมาจากรถกระบะ โดยส่วนผสมของน้ำยาเร่งเซลล์เป็นวัตถุดิบจำนวน 27 ชนิดและกระบวนการในการปรุงน้ำยาเร่งเซลล์ก็มีความซับซ้อนกว่าการปรุงน้ำยากระตุ้นเซลล์มาก
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะทำการปรุงน้ำยาเร่งเซลล์เป็นครั้งแรกแต่มันก็ไม่มีข้อผิดพลาดร้ายแรงใด ๆ เกิดขึ้นมา แล้วมันก็ทำให้เขาสามารถผลิตน้ำยาเร่งเซลล์ออกมาได้ทั้งสิ้น 25 ขวด
“พวกเราใช้วัตถุดิบไปตั้งมากมาย ทำไมมันถึงกลายเป็นน้ำยาเพียงแค่ 25 ขวดเองล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
ในครั้งนี้พวกเขาได้ซื้อวัตถุดิบสำหรับการปรุงยาไปทั้งสิ้นถึง 8 ล้านสตาร์คอยน์ซึ่งตามหลักเหตุและผลแล้วเขาก็ไม่สมควรที่จะผลิตน้ำยาออกมาได้จำนวนน้อยขนาดนี้
เมื่อได้ยินคำถามจากเซี่ยเฟยอันธก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็ได้กล่าวออกไปว่า
“ยิ่งวัตถุดิบที่นำมาปรุงน้ำยามีค่ามากเท่าไหร่ปริมาณของพวกมันหลังจากสกัดก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น นายยังจำต้นเพลิงมังกรไฟ 1,000 ปีได้ไหม ตอนแรกมันมีขนาดความสูงขึ้นไปมากกว่า 1 เมตร แต่หลังจากที่นายได้ทำการสกัดมันออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วมันกลับได้ของเหลวที่มีปริมาณเพียงแค่ 10 กว่าหยด ซึ่งมันมีปริมาณคนละเรื่องกับตอนที่มันยังเป็นต้นไม้อยู่เลย”
“การปรุงยาถือว่าเป็นการเผาผลาญเงินจริง ๆ เอาล่ะในคราวนี้ฉันผลิตน้ำยาขึ้นมาได้ 25 ขวดมันน่าจะเอามาใช้ต่อไปได้อีกสักพัก ว่าแต่ฉันจะต้องดื่มพวกมันครั้งละกี่ขวด?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับมุมปากที่กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
“หมดเลย”
“หมดเลย?! นี่นายล้อเล่นหรือเปล่า น้ำยาพวกนี้ต้องใช้ส่วนผสมที่มีมูลค่ามากกว่า 8 ล้านสตาร์คอยน์เชียวนะ” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงเข้ม
“นายจะตกใจอะไร? น้ำยาเร่งเซลล์ 1 ขวดจำเป็นต้องใช้เวลาในการดูดซึมนาน 1 เดือน แต่ถ้าหากว่านายดื่มน้ำยาพวกนี้ทั้งหมดเข้าไปพร้อมกันนายก็จะต้องใช้เวลาในการดูดซึมพวกมันทั้งหมดประมาณ 6 เดือน ถ้าหากว่านายไม่อยากเพิ่มระดับความสามารถอย่างรวดเร็ว นายก็ค่อย ๆ ดื่มพวกมันไปช้า ๆ เดือนละขวดก็ได้” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันไม่แยแส
“แต่ฉันต้องขอเตือนนายเอาไว้ก่อนว่าการดื่มน้ำยาลงไปทีละขวดจะทำให้ประสิทธิภาพของน้ำยาลดลงไปทีละ 37.25% และเมื่อร่างกายเริ่มเกิดการต่อต้านขึ้นมาน้ำยาชนิดนี้ก็จะกลายเป็นน้ำยาที่ไร้ประโยชน์สำหรับนายตลอดไป”
จากคำอธิบายของอันธมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าการดื่มน้ำยาทั้งหมดเข้าไปในคราวเดียวเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากกว่าและถึงแม้ว่าการดื่มน้ำยาทีละขวดอาจจะช่วยให้ประหยัดเงินได้มากขึ้น แต่บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถที่จะนำมาวัดค่าด้วยตัวเงินได้
“เอาล่ะฉันจะดื่มพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว!! ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะสามารถทนต่อผลของน้ำยาทั้ง 25 ขวดพวกนี้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“นั่นก็เพราะว่าฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ยังไงล่ะ แต่ฉันแนะนำว่านายควรจะดื่มพวกมันภายในเต็นท์เพราะน้ำยาทั้งหมดต่างก็ล้วนแล้วแต่มีผลข้างเคียงและผลข้างเคียงของน้ำยาเร่งเซลล์คือมันจะทำให้นายรู้สึกวิงเวียนศีรษะและง่วงนอน” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจ
เมื่อได้รับคำยืนยันจากอันธเซี่ยเฟยก็พยักหน้าก่อนที่จะนำน้ำยาทั้งหมดเข้าไปภายในเต็นท์
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ทำการดื่มน้ำยาเร่งเซลล์ทั้งหมดเข้าไปอย่างรวดเร็วทำให้ในช่วงระยะเวลาเพียงแค่สั้น ๆ มันก็มีขวดเปล่าถูกวางกองอยู่บนพื้นเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ รู้สึกวิงเวียนศีรษะมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อน้ำยาขวดสุดท้ายได้ไหลลงไปภายในท้อง เขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเขาจึงได้นอนราบและหลับไปภายในเต็นท์
“การจะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดที่คนธรรมดาไม่สามารถเอื้อมถึงได้มันก็มีราคาที่คนทั่วไปไม่สามารถจ่ายได้เช่นเดียวกัน อันที่จริงฉันก็แค่คาดเดาว่าร่างกายของนายจะสามารถทนต่อผลของน้ำยาได้มากแค่ไหนและฉันก็คิดว่านายน่าจะดื่มน้ำยาเข้าไปได้เพียงแค่ 20 ขวดเท่านั้น แต่นายกลับผลิตน้ำยาออกมาได้มากกว่าที่ฉันได้คาดการณ์เอาไว้ ดังนั้นเรื่องนี้มันเป็นความผิดของนายเองไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะ”
อันธกล่าวพร้อมกับนั่งอยู่ด้านข้างร่างของเซี่ยเฟย แต่โชคดีที่ชายหนุ่มหลับไปแล้วไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อบีบคอวิญญาณนักฆ่าตนนี้
—--
“รอบนี้ฉันได้นอนเต็มอิ่มดีจริง ๆ” เซี่ยเฟยลุกขึ้นมาจากเต็นท์พร้อมกับบิดขี้เกียจ โดยในตอนนี้เขารู้สึกหิวน้ำมากและเขาก็รีบคว้าขวดน้ำกระดกลงท้องของเขาไปอย่างรวดเร็ว
“หะ นี่นายตื่นแล้วหรอ!” จู่ ๆ อันธก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลันพร้อมกับนำหน้าของเขาไปแนบเข้ากับใบหน้าของเซี่ยเฟย
“ฉันยังไม่ควรตื่นขึ้นมาหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามขึ้นมาด้วยความกังวล
“นายรู้ไหมว่านายหลับไปนานแค่ไหน” อันธกล่าวถามออกมา
เซี่ยเฟยส่ายหัวเป็นคำตอบก่อนที่เขาจะรีบถอยหลังเพื่ออยู่ให้ห่างจากอันธที่ดูเหมือนกำลังบ้ามากกว่าปกติ
“นายหลับไปแค่ 3 วันเท่านั้น!” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“อะไรนะ! ฉันหลับไป 3 วัน!? น้ำยาเร่งเซลล์มีประสิทธิภาพมากขนาดนั้นเลยหรอ”
“ตอนแรกฉันคิดว่าเขาควรจะต้องนอนหลับไปไม่น้อยกว่า 1 เดือน แต่เขากลับตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้นอนหลับไปเพียงแค่ 3 วัน นี่ฉันประเมินพลังของผู้ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อย่างสมบูรณ์ต่ำเกินไปจริง ๆ ดูเหมือนว่าครั้งหน้าฉันจะต้องเพิ่มปริมาณน้ำยาขึ้นจากเดิมอีก 4 เท่า!!” อันธที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเต็นท์กล่าวพึมพำกับตัวเอง
หลังจากเซี่ยเฟยดื่มน้ำเข้าไป 2 ขวดมันก็ช่วยดับความกระหายของเขาได้ แต่ในทันใดนั้นกระเพาะของเขาก็ส่งเสียงร้องครวญครางออกมา
เมื่อพิจารณาจากเสียงประท้วงที่ดังออกมาจากกระเพาะ เซี่ยเฟยก็ไม่มีเวลาสำหรับการปรุงอาหารอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงกินอาหารจากกระป๋องเข้าไปโดยตรง
ไม่ว่าจะเป็นทูน่ากระป๋อง, เนื้อกระป๋อง, ไก่งวงกระป๋อง, ถั่วกระป๋อง, เห็ดกระป๋อง, ลูกพีชกระป๋อง, แอปเปิ้ลกระป๋อง... ต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกเซี่ยเฟยกลืนลงไปด้วยความรวดเร็ว โดยในปัจจุบันมันได้มีกระป๋องเปล่าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนถูกวางกองอยู่บนพื้นพร้อมกับเซี่ยเฟยที่กำลังตบท้องของตัวเองด้วยความพึงพอใจ
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้เติมเต็มพลังงานให้กับร่างกายแล้วเขาก็เริ่มถีบตัวออกจากพื้นพร้อมกับวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด
ภูมิประเทศในบริเวณนี้เต็มไปด้วยหลุมบ่อและต้นไม้อย่างมากมาย หลังจากที่ปฏิกิริยาความเร็วในการตอบสนองของเซี่ยเฟยได้เพิ่มขึ้นสมองของเขาก็เป็นเหมือนกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบได้อย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ดูคล่องแคล่วและว่องไวมากยิ่งกว่าเสือชีตาห์และเมื่อพิจารณาจากแรงลมกรรโชกที่เคลื่อนที่ผ่านใบหน้า มันก็สามารถบอกได้เลยว่าความเร็วของเขาเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากแค่ไหน
ขณะเดียวกันความอึดของเซี่ยเฟยก็เพิ่มขึ้นมามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยในตอนนี้เขาสามารถที่จะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดต่อเนื่องได้เป็นเวลานานถึง 2 นาทีและเมื่อเขาได้วิ่งไปจนถึงจุดสูงสุดของแกรนด์แคนยอน เขาก็เห็นเต็นท์ของเขาเป็นเพียงแค่จุดสีดำเล็ก ๆ ที่อยู่บนพื้นเท่านั้น
“โอ้พระเจ้า! นี่ฉันวิ่งออกมามากกว่า 20 กิโลเมตรแล้วอย่างนั้นหรอ” เซี่ยเฟยไม่เคยคาดหวังเลยว่าความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นจากเดิมมากขนาดนี้และเมื่อเขาได้ประเมินความเร็วของตัวเองเขาก็สามารถบอกได้เลยว่าความเร็วของเขาเร็วกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยไปกว่า 2 เท่า
“น้ำยามูลค่า 8 ล้านสตาร์คอยน์ช่างคุ้มค่าจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นและหลังจากที่เขาได้นั่งพักอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ได้วิ่งกลับไปยังเต็นท์ของตัวเองอีกครั้ง
“อันธเมื่อกี้ฉันวิ่งด้วยอัตราความเร็วเท่าไหร่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความกังวล
“ประมาณ 185 เมตรต่อวินาที ตอนนี้นายมีระดับความสามารถถึงระดับสตาร์เบสขั้นพื้นฐานแล้ว”
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจาก 85 เมตรต่อวินาทีเป็น 185 เมตรต่อวินาที มันเป็นความเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิมไปมากกว่า 2 เท่า!!
“ระดับสตาร์เบสขั้นพื้นฐาน! ในที่สุดระดับความสามารถของฉันก็มาถึงระดับสตาร์เบสได้สักที!!” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นซึ่งมันก็ทำให้เสียงของเขาดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
ผู้ที่มีระดับความสามารถอยู่ในระดับสตาร์เบสกับสตาร์ไลท์เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความแตกต่างระหว่างระดับกับขั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้และการที่เขาได้เลื่อนระดับขึ้นมาจากเดิมมันก็ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นกว่าเดิม!
โดยปกติแล้วผู้มีพลังพิเศษสายความเร็วระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานจะมีความเร็วอยู่ที่ 17 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ผู้มีพลังพิเศษสายความเร็วระดับสตาร์ไลท์ขั้นกลางจะมีความเร็วอยู่ที่ 35 เมตรต่อวินาที ซึ่งความแตกต่างในแต่ละขั้นคือการต้องเพิ่มความแข็งแกร่งจากเดิมขึ้นมาถึง 2 เท่า!
ขณะเดียวกันยิ่งผู้มีพลังพิเศษมีพลังมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่การพยายามเลื่อนระดับขั้นความสามารถของพวกเขาก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
ปัจจุบันทั่วทั้งโลกน่าจะมีผู้มีพลังพิเศษระดับสตาร์เบสอยู่น้อยกว่า 100 คน ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายต่อไปว่าการพยายามจะเลื่อนระดับความสามารถมาจนถึงระดับนี้เป็นสิ่งที่ยากลำบากมากแค่ไหน
185 เมตร/วินาที!
ตอนนี้เซี่ยเฟยเป็นหนึ่งในผู้ที่มีระดับความสามารถสูงที่สุดในสหพันธ์โลกแล้ว!!
หลังจากพักผ่อนชั่วครู่หนึ่งเซี่ยเฟยก็เปิดคอมพิวเตอร์ AI เพื่อทำการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของเขา โดยในครั้งก่อนที่เขาได้ทำการตรวจสอบยอดเงินในบัญชี เขามีเงินอยู่มากกว่า 5 ล้านสตาร์คอยน์
ซึ่งหลังจากที่เขาได้โอนเงินจำนวน 4 ล้านสตาร์คอยน์ให้กับอันเดร์ เงินในบัญชีของเขาก็เหลืออยู่เพียงแค่ประมาณ 1 ล้านสตาร์คอยน์เท่านั้น
ก่อนที่เขาจะได้ทำการฝึกฝนต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 3 เดือนเขาได้ทำการอัปโหลดบทกวีลงไปในเว็บกวีนิพนธ์มากกว่า 1,300 บทและเขาก็ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
ถ้าเซี่ยเฟยไม่มีเงินมันก็หมายความว่าเขาไม่สามารถหาซื้อวัตถุดิบมาปรุงน้ำยาได้ หรือมันก็อาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะเพิ่มระดับความสามารถของเขาได้แล้วนั้นเอง
เมื่อเซี่ยเฟยได้เข้าสู่เว็บไซต์กวีนิพนธ์พร้อมกับทำการเปิดยอดเงินในบัญชี ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมาอย่างฉับพลันและมันก็ทำให้เขาพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
“เฮ้อันธ!! นายมาช่วยนับเลขศูนย์ให้ฉันหน่อยได้ไหม? เงินเท่านี้พอที่จะซื้อยานอวกาศได้หรือยัง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้น
***************
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่เฟยจะได้เงินมาเท่าไหร่เพราะคำถามในใจของเราในตอนนี้คือเงินจะหมดไปกับการซื้อยานอวกาศหรือวัตถุดิบสำหรับการปรุงยามากกว่า?